ログイン“พวกเราอยากได้รถสักคันพาไปเพิร์ลสวีตไดว์ฟวิ่ง”
ศศิก้าวออกมาพร้อมกับคำพูดนั้น หญิงสาวไม่ได้สังเกตหรือใส่ใจสิ่งใดมาก เพียงแต่ขยับเข้าไปช่วยเพื่อนเช็กรถตู้รับจ้างของทางรีสอร์ตที่เตรียมไว้ว่ามีว่างหรือไม่ เมื่อเห็นว่ายังว่างอยู่ก็บอกปภาภร อีกฝ่ายจัดการโทรต่อสายไปยังผู้ดูแล โดยเธอช่วยกรอกข้อมูลใบงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นไปสอบถามข้อมูล
“ต้องการให้รถรอรับกลับหรือเปล่าคะ”
หลังจากสบตากันจึงรู้ว่าอีกฝ่ายมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าอึ้งๆ แววตาบอกชัดว่าจำเธอได้ ศศิพยายามตีหน้าเฉย ขณะเดียวกันก็เห็นกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเขาหันมาจ้องเธอตามๆ กัน
“คุณ...”
“ศศิค่ะ”
“ครับ เอ่อ...ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่”
พิษณุนึกหาคำพูด เพราะเขาเห็นตั้งแต่เธอออกมาจากห้องด้านในแล้วแต่หญิงสาวไม่ได้มองมาทางพวกเขา ตอนแรกคิดว่าตัวเองมองผิดเสียอีก แต่พอจ้องดีๆ แล้วถึงรู้ว่าใช่คนที่เขาคิดไว้จริงๆ
“ค่ะ ยินดีที่ได้พบค่ะ”
การเป็นพนักงานมาหนึ่งเดือนทำให้เธอรู้ว่า ผู้เป็นแขกถูกเสมอและพนักงานไม่มีสิทธิ์ตีหน้าบึ้งหรือพูดจาห้วน หรือปฏิเสธ เธอจึงตอบรับด้วยใบหน้าเจือยิ้มอ่อนๆ ทั้งที่รู้สึกเหนื่อยใจจะแย่ ผู้ชายคนนี้มองเธอตาวาว เพื่อนคนไทยของเขาอีกคนที่กำลังก้าวมาใกล้หน้าเคาน์เตอร์ก็เหมือนกัน
“ทำไมไอ้เพชรไม่เห็นพูดถึง เมื่อวานก็ไม่เห็น”
ชายหนุ่มที่ยืนคุยกับเธอพูดขึ้น
ศศิจำได้ว่าเขาไม่ได้เช็กอินในช่วงกะของเธอเหมือนกัน พวกเขาคงมาถึงที่นี่หลังจากเธอเลิกงานแล้ว เพราะอาทิตย์นี้เธอกับปภาภรสลับมาอยู่กะเช้า
“มันอาจจะจำไม่ได้ หรือไม่เคยเจอมั้ง เป็นถึงท่านรองจะมารู้จักพนักงานต้อนรับได้ไง”
ผู้ชายหน้าตาออกไปทางขาวตี๋ที่เพิ่งเข้ามาพูดพร้อมกอดคอเพื่อน ขณะสายตามองเธอด้วยความสนใจ เขายิ้มกว้างให้เธอ ก่อนจะยื่นมือมาพร้อมพูด
“ผมวิศาลครับ แล้วนี่ก็พิษณุ”
เขาแนะนำตัวเองและเพื่อนที่คุยกับเธอคนแรก
“สวัสดีค่ะ”
เธอยกมือไหว้ทั้งสองคนโดยไม่เสียเวลาคิด อย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับพนักงานต้อนรับควรทำ
พิษณุมองเพื่อนแล้วยิ้มขำ ขณะที่คนที่ยื่นมือมาเก้อเกาหัวตัวเองแล้วยักไหล่
“เพื่อนผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะครับ แค่...เอ่อ...จะบอกยังไงดี เอาเป็นว่าพวกเรารู้จักคุณ ก็เลยแนะนำตัวเองน่ะครับ”
ชายหนุ่มพูดให้ดูดีเข้าไว้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักเธอในมุมมองไม่ค่อยดีนัก ทั้งยังพูดถึงหญิงสาวค่อนข้างหยาบโลนแต่ใครจะบอกตรงๆ กันล่ะ
“เพชรมาแล้ว”
เมื่อร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองปรากฏกายสาวญี่ปุ่นคนเดียวในกลุ่มก็พูดขึ้นแล้ววิ่งไปเกาะแขนเขา แม้เพชรจะใส่กางเกงขายาวสีขาว เสื้อพื้นสีฟ้าอ่อนไม่ติดกระดุม โดยข้างในมีเสื้อยืดสีขาวซ้อนอยู่ดูสบายๆ แต่กลับดูเด่นสง่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แม้จะมีอีกหนึ่งหนุ่มที่ดูดีไม่แพ้กันเดินมาพร้อมกับเขาก็ตาม
ร่างสูงใหญ่ตรงมาสมทบหน้าเคาน์เตอร์ทันที ทำให้คนทั้งกลุ่มขยับใกล้เข้ามาอีก
“จองรถหรือยัง”
เพชรถามกับพิษณุ
“เออ จองแล้ว”
อีกฝ่ายตอบห้วนๆ อดเคืองเพื่อนนิดๆ ไม่ได้ที่ไม่บอกว่าศศินางงามสาวสวยมาอยู่ที่นี่ เขาไม่คิดว่าเพชรจะไม่รู้หรอก ที่นี่ไม่ใหญ่ถึงขนาดที่คนเป็นเจ้านายจะไม่ทั่วถึง อย่างน้อยเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ก็ต้องเห็น
ศศิกับปภาภรยกมือไหว้เพชร หญิงสาวพยายามไม่มองสบตากับเจ้านาย แถมรู้สึกขัดใจตัวเองที่อยากจะเหลือบมองสาวตัวเล็กที่เกาะแขนชายหนุ่มอยู่ให้ชัดๆ แต่รู้ว่าไม่เหมาะ
“เรียกรถแล้วใช่ไหม”
เมื่อคนเป็นเจ้านายถามเธอก็เงียบ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปภาภรไปเพราะอีกฝ่ายเป็นคนโทรเรียกรถ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ อีกประมาณห้านาทีรถก็จะมาจอดรอด้านหน้าค่ะ”
“ขอบใจ”
เพชรเอ่ยสั้นๆ แล้วก็หันไปบอกเพื่อนๆ
“เดี๋ยวฉันกับทักษ์จะเข้าไปที่ไซต์งานกันก่อน เสร็จแล้วจะตามพวกนายไปอีกที”
“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้รถรอรับ หรือให้ไปรับหลังจากเสร็จธุระคะ ดิฉันต้องระบุเวลาน่ะค่ะ”
ศศิเอ่ยขึ้นมาเมื่อก้มลงมองหน้าจอแล้วเห็นว่าตนเองยังกรอกข้อมูลไม่ครบ เธอต้องจัดการก่อนที่รถตู้จะมาถึง แล้วก็ต้องปริ้นต์ออกไปส่งให้กับคนขับ ส่วนข้อมูลจะถูกบุ๊กลงไปเป็นหลักฐานการทำงาน
เสียงของเธอเรียกความสนใจจากเพื่อนของเพชรได้เป็นอย่างดี ทว่าเจ้านายหนุ่มเป็นคนตอบขึ้นมาก่อน
“ให้ไปรับตอนหกโมงเย็น แล้วถ้าเร็วกว่านั้นผมจะโทรบอกก่อน”
ดวงตาคู่คมของเพชรสบกับเธอตรงๆ เป็นครั้งแรก นับจากวันที่เขาไปส่งเธอที่หน้าบ้านพัก แววตาดำเข้มล้ำลึกที่เธอเดาไม่ออกทำให้ศศิใจเต้นแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นทว่าก็รู้สึกหวาดหวั่นระคนกัน
“ค่ะ”
หญิงสาวสบดวงตาคมเพียงแวบเดียวแล้วรีบก้มลงพิมพ์ข้อมูลก่อนจะสั่งปริ้นต์ เป็นเวลาเดียวกับที่รถตู้มาจอดเทียบด้านหน้า ปภาภรเชิญและเดินนำทุกคนไปขึ้นรถ รวมทั้งเพชรกับทักษ์ดนัยด้วยเพราะเขาอยากให้เพื่อนๆ ขึ้นรถก่อนจึงค่อยไปยังรถของตน
วันนี้เพื่อนๆ เขาอยากไปดำน้ำ ตอนแรกเพชรจะไม่ไปด้วยแต่เพราะทักษ์ดนัยเองก็อยากไป ชายหนุ่มจึงตกลงพาตามไปทีหลัง เพราะสามารถให้เรือเร็วตามไปยังจุดดำน้ำอีกทีได้
ศศิรอเอกสารออกมา เมื่อได้แล้วก็รีบเอาออกไปเพื่อให้คนขับ แต่เพราะความใจร้อนเกินเหตุ ผ้าถุงแคบๆ ที่เป็นชุดฟอร์มต้อนรับทำให้ก้าวไม่ถนัดนัก เมื่อเร่งลงบันไดจึงเกิดพลาดจังหวะเหยียบหมิ่นเหม่ที่ขอบบันได ร่างระหงจึงถลาไปด้านหน้า
“อุ๊ย”
เสียงร้องเบาๆ ของเธอทำให้คนที่เดินอยู่หลังสุดหันกลับมาแล้วคว้าเอวบางเอาไว้ได้ก่อนเธอจะหน้าคะมำ อีกฝ่ายไม่ได้ยืนบนขั้นบันไดแล้วเขาจึงไม่เสียหลัก
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
อีกฝ่ายถามขณะค่อยๆ ปล่อยตัวเธอ สีเสื้อทำให้ศศิรู้ว่าเขาคือหนุ่มญี่ปุ่นหนึ่งเดียวในกลุ่ม แต่สำเนียงภาษาไทยค่อนข้างชัดทำเอาเธอแปลกใจจนอดมองหน้าเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่ลืมตอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ฉันเองก็ต้องขอโทษแทนคนของฉันด้วย ที่ซุ่มซ่ามไปหน่อย”
น้ำเสียงทรงพลังของเพชรดังต่อจากคำพูดของเธอ ศศิรู้สึกได้ถึงความเข้มที่ต่างจากระดับปกติจนต้องก้มหน้าอย่างกังวลใจ
=====
“นั่นคุณจะไปไหน”“ไปจากที่นี่”ร่างสูงใหญ่กระโดดพรวดก้าวสามก้าวก็ไปถึงหญิงสาวก่อนที่มือบางจะทันได้จับลูกบิดประตู แขนกำยำรวบเอวบางขึ้นอุ้มจนร่างระหงลอยขึ้นทั้งตัว ศศิพยายามดิ้นถีบเท้าไปมาแต่ไม่สามารถหลุดออกจากคนตัวโตกว่าได้“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ฉันจะไปจากที่นี่ ไปจากเกาะนี้”“เราต้องคุยกันก่อน”“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีกแล้ว”“แต่ผมมี”เพชรบอกพร้อมพาร่างสวยกลับมายังเตียงนอนอีกครั้ง แล้วทิ้งตัวลงไปนอนด้วยกัน พอเธอพลิกตัวจะหนีไปอีกด้านเขาก็เท้าแขนขวางเอาไว้ศศิจำต้องหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มเมื่อเขาปิดทางหนีของเธอทั้งสองด้าน“คุณได้ในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว ยังมีอะไรต้องคุยอีก”“ใช่ ผมได้แล้ว แล้วก็ได้เป็นคนแรกของคุณด้วย”เขาบอกพร้อมจ้องดวงตาคู่สวยนิ่งไม่ไหวติง และเห็นแววตาสั่นไหวจากนัยน์ตาคู่นั้น ก่อนที่เธอจะมองเมินไปทางอื่น“เรามาคุยกันแบบดีๆ ดีกว่าศศิ”เพชรพยายามใช้คำพูดให้ดูซอฟต์ที่สุด เขาเป็นคนผิด ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ พูดอะไรออกไปก็คงทำให้หญิงสาวเจ็บทั้งนั้น“ผู้หญิงหน้าเงินอย่างฉันคุยดีๆ ไม่เป็นหรอก”“ไม่เอาน่า”ชายหนุ่มอดถอนหายใจไม่ได้ ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด เขาด่าว่า
ก่อนที่คนใต้ร่างเขาจะดึงความรู้สึกนึกคิดกลับมาได้เพชรก็ดันเรียวขาสวยสองข้างให้เปิดสำหรับตนเองพร้อมเบียดลงไปหาอีกฝ่าย นำพาร่างแกร่งโลมไล้สัดส่วนอ่อนไหวที่มีซับในบางขวางกั้นอย่างร้อนแรงเรียกร้องเพื่อให้ตนเองพรักพร้อมสำหรับเพลงใคร่บทนี้สิ่งที่สัมผัสร่างกายเธอทำให้ศศิเผยอปากด้วยความไม่คาดคิด เหงื่อซึมจนท่วมตัว กลัวที่สุดในชีวิต นึกอยากกรีดร้องออกมาแต่กลับกลายเป็นเสียงครวญพร่าแผ่ว อยากพูดอยากห้ามแต่กลับพูดไม่ออก นวลเนื้อตื่นตัวตอบรับการแตะต้องอย่างไม่อาจบังคับได้“คุณเพชร...อย่า...ได้โปรด”ใบหน้าสวยส่ายไปมาบอกถึงความไม่เต็มใจ เสียงพร่าบางเบาถูกเค้นออกมาจากจิตสำนึกส่วนลึก เมื่อรับรู้ถึงการแตะต้องที่มากเกินกว่าผ่านเนื้อผ้า“ไม่...ไม่...”เพชรไม่สนใจฟัง เขาเกี่ยวแพนตี้ชิ้นน้อยให้พ้นทางเพื่อสัมผัสร่างสาวโดยตรง เพียงแตะไล้แผ่วผิวทั้งร่างระหงก็สั่นเทิ้ม แม้แต่เขาเองยังซ่านสยิวจนต้องสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหนักหน่วง กลั้นใจเดินหน้าเต็มขั้นในทันทีเพราะไม่อยากรั้งรออีกต่อไปแล้วเสียงหวีดพร่าตามมาทันควันพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างในร่างนุ่มอุ่นที่ทำเอาร่างสูงใหญ่ถึงกับชะงักตัวแข็งทื่อ ตาคมมองร่างสวยท
“ไม่ใช่สิ ฉันผ่านใครต่อใครมาแล้วตั้งหลายมือ รู้สึกดีจังที่คุณก็จะเป็นคนหนึ่งในนั้น”ท่าทางที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของหญิงสาวทำให้เพชรชะงักไป นึกรังเกียจคนใต้ร่างขึ้นมาวูบหนึ่งจนอยากสะบัดตัวลุกหนีไป แต่เขาต้องการให้บทเรียนกับเธอ อยากให้รู้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้ทำให้เขาหลงหรือคลั่งอยากได้เหมือนผู้ชายพวกนั้น หลังจากเขาก้าวลงจากเตียงไปเธอจะกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่ง ไม่ได้แม้แต่เงินสักบาทจากเขา และเขาก็จะไม่หันมามองเธอซ้ำอีก“ดี แต่อย่าติดใจจนลืมผมไม่ลงก็แล้วกัน”เพชรขยับลงมาใกล้ใบหน้าสวยแล้วพูดต่อเบาๆ“เพราะบอกไว้เลยว่า ผมจะไม่นอนกับคุณเป็นครั้งที่สอง”พูดจบเขาก็เคลื่อนใบหน้าคมมายังลำคอขาวผ่อง“อย่านะคุณเพชร”ศศิพยายามหันหน้าหนีและพลิกตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะแขนถูกชายหนุ่มกดเอาไว้ ทว่าเพชรก็ยังแนบริมฝีปากลงมาบนผิวบางข้างลำคอเธอได้ ร่างทั้งร่างของศศินิ่งงันไป รู้สึกร้อนวูบวาบจากจุดที่ปากชายหนุ่มแตะจรดปลายเท้า“อะไรกัน แค่เริ่มต้นเอง อย่าเพิ่งเสร็จไปก่อนซะล่ะ”จบคำหยาบคายนั้นร่างระหงก็เริ่มดิ้นรนพยายามสะบัดตัวให้แรงขึ้น“ปล่อยฉัน คุณรังเกียจฉันจะแตะต้องฉันทำไม”“เพราะคุ
“คุณเพชรปล่อยฉัน”ศศิโวยวายทุบหลังชายหนุ่มแต่เขาไม่สนใจ พาเธอมาจนถึงรถของตนแล้วจัดการให้หญิงสาวขึ้นรถทางด้านคนขับส่วนเขาตามขึ้นมาเบียดทำให้ศศิต้องขยับไปเบาะด้านข้าง เมื่อเธอจะเปิดประตูเขาก็กดล็อกเสียก่อน“คุณจะไปไหนคะ”เธอถามอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มออกรถ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความกังวล ทว่าเพชรไม่ตอบ สีหน้าหน้าเขาดูโกรธจัดและเงียบจนน่ากลัวเพียงไม่กี่นาทีรถคันโตของเพชรก็มาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ ศศิใจหายวาบทันควัน“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”แม้จะไม่เคยมาแต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นบ้านของเขาเองเพราะอยู่ในบริเวณด้านหลังของรีสอร์ตเพชรไม่ตอบเช่นเคยและไม่ได้หันมามองเธอแต่เขาลงรถ ศศิจึงรีบลงตามตั้งใจจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าตกลงจะให้เธอออกใช่หรือไม่ จะได้กลับไปเก็บของและบอกลาปภาภร แต่ร่างสูงใหญ่วนมาหาเธออย่างรวดเร็วแถมยังรวบร่างเธอขึ้นพาดบ่าหนาในทันที หญิงสาวได้แต่อุทานโดยไม่สามารถทำอะไรได้“คุณเพชรปล่อยฉันนะ”เขาทำให้หญิงสาวเริ่มกลัวมากขึ้นเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วไม่ได้หยุดที่ห้องรับแขก เพชรพาเธอตรงเข้าไปด้านในกว่านั้น บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว และชายหนุ่มก็เข้ามาในห้องหนึ่งที่ทำเอาศศิถึงกับตระหนก“คุ
คนที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องผู้บริหารของสำนักงานเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างที่ความมืดค่อยๆ โรยตัวปกคลุม เธอได้แต่อยู่ในนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ยังดีที่อารยาไม่ได้ปล่อยเธอไว้โดยไม่ใส่ใจ อีกฝ่ายสั่งข้าวมาให้ทั้งกลางวันและตอนเย็น แม้จะไม่รู้สึกหิวสักนิดทว่าอารยาก็คะยั้นคะยอจนศศิต้องฝืนใจทานลงไป แถมยังเอื้อเฟื้อหายามาทาตรงมุมปากที่แตกเพราะแรงตบของจารุพงษ์ให้อีกด้วยหญิงสาวกำลังเครียดและวิตกกังวล เรื่องของตัวเองนั้นพอทำใจได้ว่าสุดท้ายแล้วเธอคงต้องไปจากที่นี่ แต่หญิงสาวอดเป็นห่วงอาการของคุณสุพรรณีไม่ได้ ทว่าก็ทำได้เพียงภาวนาให้ท่านไม่เป็นอะไรมากอยู่ๆ ประตูห้องก็เปิดขึ้น ในตอนแรกศศิเข้าใจว่าเป็นอารยาทว่าร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏทำให้เธอนิ่งงันไป ไม่ได้แปลกใจที่เห็นชายหนุ่มเข้ามาเพราะรู้ดีว่านี่เป็นห้องของอีกฝ่าย เธอเห็นป้ายหน้าห้องตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้วว่าเป็นห้องรองประธานกรรมการเพชรใบหน้าเคร่งเครียด มองร่างระหงที่กำลังลุกขึ้นยืนช้าๆ ด้วยความรู้สึกทั้งรังเกียจและเคืองขุ่นระคนกัน เขาโมโหมากจนจัดการไอ้คนหน้าไม่อายที่ตามไปโรงพยาบาลจนเลือดกบปาก ตั้งใจจะเอาให้ฟันร่วงหมดปากด้วยซ้ำถ้านภาไม่ขอร้องเอาไว้“คุณ
“ว้าย! ท่านประธานคะ”อารยาเองก็เดินตามมาเช่นกัน หญิงสาวรีบขยับเข้าไปรับร่างของคนเป็นเจ้านายที่ทรุดลงได้ทัน อรอุมาก็รีบเข้าไปช่วยประคองด้วย จารุพงษ์กำลังอึ้งอยู่ก็ตกใจจนนิ่งไปเช่นกันในเวลานั้นร่างสูงใหญ่ก็ขยับกายมาอยู่ด้านหลังของอรอุมาแล้วช่วยพยุงคุณสุพรรณี“คุณป้า!”ชายหนุ่มเรียกป้าตนเองด้วยความตกใจแล้วเหลือบสายตาเข้ามาในห้อง ภาพที่เห็นก็ทำเอาสติของเขาขาดผึง ราวได้ยินเสียงบางอย่างขาดในหูตัวเองดังเปรี้ยะเลยทีเดียว สันกรามถูกขบแน่นขณะมองร่างสวยระหงที่รีบถอยให้ไกลจากร่างหนาของจารุพงษ์ ตาคมเต็มไปด้วยแววมาดร้ายกวาดตามมือบอบบางที่พยายามรั้งชายผ้าถุงลงปกปิดเรียวขาขาวสวย“ผมจะพาคุณป้าไปโรงพยาบาลก่อน ระหว่างนี้ผมไม่ต้องการให้ใครหายไปไหนเด็ดขาด จะต้องมีคนรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับป้าของผม”เขาออกคำสั่งรัวเร็วจากนั้นร่างสูงใหญ่ก็อุ้มร่างของป้าตนเองขึ้นแล้วก้าวพรวดพุ่งไปยังประตูทางออกของสำนักงาน ราวกับไม่รับรู้ถึงน้ำหนักใดๆ เลยแม้แต่น้อยนภาที่มาพร้อมกับเพชรรีบก้าวตามไปด้วยเผื่อว่าต้องเป็นคนจัดการทุกอย่างจารุพงษ์เองก็เร่งรีบตามออกไปด้านนอกหลังจากเรียกสติตนเองกลับมาได้“คุณจารุพงษ์คะ”อารยารีบเ







