แชร์

ตอนที่ 2

ผู้เขียน: Scince
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-18 18:53:41

เมื่อคุณหนูใหญ่ลงมาจากรถม้าโดยมีสาวใช้ประคองอยู่ไม่ห่าง     ทว่าพวกเขาแทบจะแยกไม่ออก ว่าผู้ใดคือนาย ผู้ใดคือบ่าว เพราะแทบจะมองไม่เห็นถึงความแตกต่าง มีเพียงหน้าตาและผิวพรรณที่พอจะแยกออกได้บ้าง

‘นี่หรือคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนท่านราชครู เหตุใดถึงไม่ต่างจากขอทานข้างถนนเลยสักนิด เสื้อผ้าขาดวิ่น เทียบไม่ได้แม้กระทั่งเสื้อผ้าของบ่าวไพร่ในเรือนเลยแม้แต่น้อย หรือข่าวที่ได้บอกกล่าวก่อนหน้านั้นจะไม่ใช่เรื่องจริง ที่บอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งจวนราชครูตัดขาดทางโลก เดินทางแสวงบุญพร้อมกับลูกสาวคนโตที่มีจิตใจกตัญญู ขอติดตามมารดาเพื่อลิ้มรสพระธรรม’

ทางด้านฮูหยินรอง จางซื่อ ถึงกับกัดฟันกรอด เมื่อเห็นสภาพของลูกเลี้ยงไม่ต่างอะไรกับขอทาน เป็นแบบนี้นางจะปล่อยให้ไปพบกับฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร

“หลี่เจียว คารวะฮูหยินรอง ท่านอาสะใภ้ ลูกอกตัญญูที่ปล่อยให้ผู้ใหญ่มายืนตากไอเย็นรอ” หลี่เจียวเดินไปถึง เห็นแม่เลี้ยงยืนรออยู่ ภายในใจนึกขัน คนพวกนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด แม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บเพียงใด ทว่าหน้าตาก็ยังคงสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดอยู่ดี

“คุณหนูใหญ่ เหตุใดถึงได้พิลึกพิลั่นใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ ข้างนอกอากาศหนาว รีบเข้าไปคุยข้างในเถอะ” จางซื่อ หรือฮูหยินรอง รีบเข้ามาประคองลูกเลี้ยง แม้ว่าภายในใจจะนึกรังเกียจ ที่เด็กสาวเนื้อตัวสกปรกมอมแมมไม่เหลือเค้าโครงคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์

หลี่เจียวกวาดสายตาครู่หนึ่ง กลับไม่พบน้องสาว ผู้ซึ่งอายุห่างกันเพียงช่วงเดือนเท่านั้น หากจำไม่ผิดในครั้งก่อน นางคงจะอยู่ที่ห้องฝ่ายในกับฮูหยินผู้เฒ่า จากนั้นก็แสดงบทบาทน้องสาวพี่สาว ที่พลัดพรากจากกันมานานหลายปี จนทำให้ทุกคนต่างพากันสงสาร เข้าไปปลอบโยนนางกันเสียยกใหญ่ ราวกับว่าเป็นหยกล้ำค่า ที่กำลังจะบุบสลายหากต้องลม

เมื่อเข้ามาภายในจวน นับว่าโอ่อ่าสมฐานะท่านราชครูของรัชทายาท ก็นึกสมเพชในวาสนาของตน และแค้นใจแทนมารดา ที่ด่วนจากไปเพราะทนพิษป่วยเรื้อรังไม่ไหว

เดิมทีมารดาของนางเป็นลูกหลานชนชั้นสูง ท่านตาของนางเป็นถึงหมอหลวงประจำพระวรกายของฮ่องเต้ แต่เป็นเพราะชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ภายในวังหลวง จึงยากที่จะส่งข่าวให้ท่านตาทราบได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมารดาบ้าง คิดมาถึงจุดนี้ก็รู้สึกราวกับมีก้อนบางอย่างมาจุกในลำคอ พานให้น้ำตาจะไหลโดยไม่รู้ตัว

“หลี่เจียว คารวะฮูหยินผู้เฒ่า หลานอกตัญญูไม่สามารถอยู่ปรนนิบัติดูแลผู้อาวุโสได้ ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดลงโทษด้วย” หลี่เจียวคุกเข่าคำนับอยู่ที่พื้น เห็นว่าบนตั่งนั่งนั้นมีใครนั่งอยู่

นางไม่สามารถเรียก ท่านย่า ได้อย่างสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากว่าคนในจวนราชครูนี้ ไม่มีใครหวังดีกับตนอย่างจริงใจสักคน กระทั่งผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นท่านย่าของนางเองก็ตาม

“อืม ลุกขึ้นเถอะ เจียวเจียวเข้ามาใกล้ๆ มาให้ย่าได้มองหน้าหลานให้ชัดๆ เถิด”

ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ถึงกับตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อได้เห็นสภาพของหลานสาวคนโต อดไม่ได้ที่จะหันไปมองลูกสะใภ้ด้วยสายตาตำหนิ จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ลูกชายคนโตตัดสินใจไม่ผิด ให้หลานสาวที่ท่านเลี้ยงอยู่ข้างกายมานานหลายปี สลับตัวไปแทนหลานสาวคนโต

เดิมทีท่านเองก็รู้สึกผิดต่อหลานสาวคนโตเป็นอย่างมาก เพราะถึงอย่างไรในใจท่านก็รู้สึกผูกพันกับหลี่เจียว เนื่องจากว่าเป็นหลานคนแรก ย่อมมีน้ำหนักในใจมากกว่า แต่เพราะวันเวลาทำให้ทั้งสองต้องห่างกัน กอปรกับถูกความอ่อนโยน ออดอ้อนของหลานสาวคนรองเข้ามาแทนที่ จึงเกิดความลำเอียงโดยไม่รู้ตัว

“บ่าวไร้ความสามารถ ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมคุณหนูใหญ่ให้เปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ที่จัดเตรียมไปได้ ขอฮูหยินได้โปรดลงโทษบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” ทันใดนั้นแม่บ้านใหญ่ก็คุกเข่าลง หลี่เจียวหันไปมองนางด้วยหางตา

หึ ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมนางได้อย่างนั้นหรือ แบบนี้ก็เท่ากับว่า การที่นางใส่เสื้อผ้าไม่ต่างจากขอทานเข้ามาในจวนราชครู ก็เป็นเพราะนางดื้อรั้น ไม่รับน้ำใจของคนตระกูลหลี่อย่างนั้นหรือ

“หลี่เจียว” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉย ตามแบบฉบับฮูหยินตราตั้งได้อย่างสง่าผ่าเผย จนเมื่อครั้งก่อนนางถึงกับหลงเชื่อเสียสนิทใจ ว่าท่านย่าผู้นี้หวังดีกับตนเองมากที่สุด แท้จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้นเลย

“เรียนฮูหยินผู้เฒ่า หลานขออนุญาตชี้แจง” หลี่เจียวพูดขออนุญาตอย่างรู้ความ ด้วยเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าท่านย่าของนางนั้นเคร่งครัดในกฎระเบียบมากเพียงใด

“เจ้าพูดมาเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

“ตั้งแต่ที่แม่บ้านไปถึงหมู่บ้าน ก็เร่งให้ออกเดินทางโดยไม่หยุดพัก ตลอดการเดินทางยี่สิบวันที่ผ่านมา เปลี่ยนม้าไปสิบตัวเห็นจะได้ หลานและสาวใช้ติดตามไม่รู้ความ ไม่ทันได้เก็บข้าวของ ก็ต้องรีบเร่งขึ้นรถม้าจากมา ระยะทางยากลำบาก หิมะตกหนักตลอดทาง ดีที่ภายในรถม้ามีเตาพกพอให้ช่วยคลายหนาว ส่วนเสื้อผ้าที่จัดเตรียมไป แม่บ้านคงพูดผิดกระมัง เพราะตั้งแต่ที่หลานอยู่บนรถม้า จนกระทั่งในตอนนี้ มีเพียงเสื้อคลุมกันหนาวตัวเดียวที่อยู่บนตัวของนางเท่านั้น หลานเห็นว่านางอาจจะหนาวมาก ด้วยร่างกายที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา ทั้งยังทำท่าเสียดายเมื่อต้องถอดเสื้อคลุมให้กับหลานตอนที่อยู่หน้าจวน จึงไม่อาจที่จะรังแกคนสนิทของฮูหยินรองได้เจ้าค่ะ” หลี่เจียวพูดโดยไม่เว้นช่องว่างให้อีกฝ่ายแก้ตัวใด ๆ

“จริงเจ้าค่ะ บ่าวก็ไม่เห็นว่าจะมีเสื้อผ้าตามที่แม่บ้านบอกเลยสักนิด” ฉินซินสาวใช้คนสนิทพูดตบท้าย เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ให้เจ้านาย

“เจ้านายกำลังพูด ขี้ข้าอย่างเจ้าพูดแทรกได้หรือ” แม่บ้านหันมาถลึงตาใส่สาวใช้ของหลี่เจียว

“นั่นสิ ฉินซิน เจ้านายยังไม่อนุญาต เจ้าก็ไม่ควรที่จะเสียมารยาทพูดแทรก ไม่มีสาวใช้ผู้ดีที่ไหนทำกัน” หลี่เจียว แม้ว่าจะหันหน้าไปบอกกล่าวตักเตือนสาวใช้ของตน แต่แท้จริงแล้วจงใจว่ากระทบแม่บ้าน ทั้งที่นางก็เป็นเพียงบ่าวรับใช้คนหนึ่ง เพียงถือตนว่าเป็นคนสนิทของฮูหยินรอง จึงทึกทักเอาเองว่าอยู่สูงกว่าบ่าวไพร่ทั่วไป

ฮูหยินรองกระแอมเพื่อเตือนสติแม่บ้านคนสนิท ซึ่งพ่วงตำแหน่งเป็นแม่นม ที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่ยังเด็กอีกด้วย นางจึงรักและให้เกียรติแม่นมไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ก็ถูกเด็กคนนี้ถอนหงอกไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ   น่าเจ็บใจยิ่งนัก ฮูหยินรองได้แต่รำพึงคนเดียวในใจพร้อมทั้งกำมือแน่น

“คารวะพี่ใหญ่ ถิงถิงเสียมารยาท ไม่ได้ทำความเคารพพี่ใหญ่ ตั้งแต่แรก ขอพี่ใหญ่ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย” หลี่ถิง ช่วยมารดาแก้ไขสถานการณ์ อาศัยว่าตนเป็นหลานรักของท่านย่ามานาน จึงไม่เคยเห็นหัวพี่น้องคนอื่นมานานแล้ว

“น้องรองกล่าวเกินไปแล้ว บุตรสาวบัณฑิต ผู้ที่อยู่แต่ในจวนราชครู ผ่านการอบรมจากอาจารย์ชื่อดัง จะทำเรื่องไร้มารยาทเทือกนั้นได้อย่างไรกัน เป็นข้าเองต่างหากที่เสียมารยาท ทำให้ทุกคนที่จวนต้องวุ่นวายตั้งแต่มาถึง” หลี่เจียวพูดเนิบนาบ กล่าวโทษตนเองว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ทว่าสิ่งที่นางพูดนั้นทำเอาหลี่ถิงแทบกระอักเลือดออกมา เพราะเมื่อครู่เป็นนางเองที่เสียมารยาทไม่ออกไปต้อนรับ และทำความเคารพพี่สาวคนโต

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทวงคืน   ตอนที่ 6

    ไม่ว่านางจะเลือกทางใด ล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าถึงอย่างไร ผู้ที่เหมาะสมที่สุดก็คือน้องสาวต่างมารดา หลี่ถิงผู้นั้น แล้วเช่นนี้จะให้นางตอบอย่างไรได้อีกเล่า“ท่านย่า สิ่งที่ท่านย่าพูดมานั้นหลานเข้าใจดีว่าท่านกังวลสิ่งใดเจ้าค่ะ แต่ขอให้ท่านย่าวางใจ แม้ว่าหลานจะไม่เคยเข้าร่วมงานของสตรีสูงศักดิ์ หรือไม่ได้ร่ำเรียนจากอาจารย์ผู้มากด้วยความรู้เหมือนน้องรอง แต่นั่นเพราะถูกเนรเทศตั้งแต่ยังเยาว์ ทว่าท่านแม่ได้สอนกิริยามารยาทต่าง ๆ ของสตรีที่พึงมีจนหมดสิ้น พวกท่านคงไม่ลืมกระมัง ว่ามารดาของข้านั้นเป็นผู้ใด” ประโยคท้ายเหมือนฮูหยินผู้เฒ่าถูกตีที่กลางหน้าผาก นางจะลืมได้อย่างไรว่าสะใภ้ใหญ่นั้นเป็นสตรีสูงศักดิ์ ที่ลดตัวลงมาแต่งกับบัณฑิตเช่นลูกชายของนางจริง ๆ“คุณหนูใหญ่คงไม่ทราบ หลายปีมานี้ขนบธรรมเนียมล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แม้ว่าฮูหยินใหญ่จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ ทว่าก็ไม่ได้เข้าสังคมมานาน คงสอนได้ไม่ทั้งหมดกระมัง” ฮูหยินรองพูดขึ้นบ้าง เรื่องภายในไฉนเลยสามีที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตำราจะเข้าใจได้เล่าว่าจะต้องพูดอย่างไร“เรื่องที่ฮูหยินรองพูดมานั้นมีเหตุผลยิ่ง แต่เรื่องลบหลู่เบื้องสูง โดยการสลับตัวคง

  • ทวงคืน   ตอนที่ 5

    หลังจากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็กระแอม เพื่อเรียกสติลูกชายคนโตกลับมา ภายในห้องมีเพียงสาวใช้คนสนิทถือว่าเป็นคนเก่าคนแก่ที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง“เจียวเจียว บิดารู้ว่าทำผิดต่อเจ้าเอาไว้มากมาย แต่ถึงแม้ว่าจะย้ายไปอยู่บ้านเดิมยังพื้นที่ห่างไกล เจ้าและมารดาก็คงจะไม่ได้รับความลำบากเท่าใดกระมัง” ท่านราชครูกว่าที่จะมีวันนี้ได้ ต้องยอมรับว่า ได้รับความช่วยเหลือจากทางฝั่งฮูหยินใหญ่ผู้ล่วงลับ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาไม่น้อย หากว่าเขาไม่เห็นกับตา ก็คงไม่เชื่อว่าภรรยาจะทำตัวเป็นดอกซิ่งโผล่นอกกำแพงเช่นนี้ได้แม้ว่าจะเนรเทศฮูหยินใหญ่และบุตรสาวคนโตไปยังบ้านเกิด ทว่าที่นั่นไม่ได้ลำบากมากมายเท่าใดนัก บ้านเดิมมีบ่าวไพร่ที่ทำงานดูแลรักษาบ้าน นอกจากนั้นยังมีที่นาไว้สำหรับให้เช่าและค้าขาย เงินค่าเช่ารายเดือนรายปีนั้นจำนวนไม่น้อยความโชคดีของท่านราชครูในตอนนั้น คือฮูหยินรองซึ่งได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ แต่งเข้าจวนมาเพียงหนึ่งเดือนนางถึงกับตั้งครรภ์ในทันทีในตอนนั้นหลี่เจียวยังอยู่ในครรภ์ของมารดาได้ราว ๆ 4-5 เดือนเห็นจะได้ หากโยนตำแหน่งหน้าที่ทิ้งไป เขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่ง ที่ยังมีความต้องการอยู่ ภรรยาตั้งครรภ์ไม่สา

  • ทวงคืน   ตอนที่ 4

    ตั้งแต่กลับมา นางยังไม่เคยได้เข้าไปทำความเคารพบิดาผู้ให้กำเนิดเลยสักครั้ง เพราะเขาถูกเรียกตัวเข้าวัง เป็นเวลาเกือบเจ็ดวันแล้วที่ยังไม่กลับเข้าจวน แต่เดิมทีบุตรสาวจะได้พบหน้าบิดาก็เป็นเรื่องยากพอสมควร เนื่องจากหญิงชายมีการเว้นช่องว่างให้กันอย่างชัดเจน แม้กระทั่งคนในครอบครัวก็ไม่ละเว้น ทุกอย่างเข้มงวดกวดขันมาก“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกลับมาแล้ว พ่อบ้านหลี่มาเชิญคุณหนูให้เข้าไปพบเจ้าค่ะ”หลี่เจียวฝึกคัดอักษรในห้องนอนส่วนตัว เมื่อก่อนตอนที่อยู่ชนบทกระดาษและหมึกเป็นของราคาแพง มารดากลับไม่นึกตระหนี่ถี่เหนียวกับสิ่งของพวกนี้เลยสักนิด ทว่านางผู้เป็นลูกเห็นมารดาแอบปักผ้าตอนกลางคืนเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายส่วนนี้ก็รู้สึกปวดใจทุกครั้งที่ต้องคัดอักษรเพื่อให้มารดาได้ชื่นชมทุกครั้งที่วาดพู่กันไปบนกระดาษ นางจึงตั้งใจมากเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้คัดผิดแม้แต่ตัวเดียว มาบัดนี้จวนราชครูมั่งคั่ง ทั้งยังเป็นที่ โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ ไหนเลยจะมานั่งเสียดายสิ่งของเหล่านี้เล่า“อืม”ผู้เป็นนายคัดตัวอักษรสุดท้ายเสร็จ ฉินซินเหลือบเห็นว่าอักษร ตัวสุดท้ายปลายพู่กันที่ตวัดนั้นดูสั่นเล็กน้อยไม่พลิ้วไหวเหมือนตัวอื่น ๆ

  • ทวงคืน   ตอนที่ 3

    หลังจากการทักทายอย่างดุเดือดจบลง และการสนทนาในครั้งนี้ หลี่เจียวก็ตั้งใจเปิดศึกให้คนเหล่านั้นได้รู้ว่า ตนจะไม่มีวันยอมเหมือนที่ผ่านมาเป็นอันขาดในเมื่อนางกลับถึงเรือนหลังใหญ่ที่เคยเป็นที่พำนักของตนและมารดา บัดนี้ถูกคนบ้านรองยึดครองไปเสียแล้ว ยังดีที่มารดาเลี้ยงยังคงรักษาหน้าตาอันดีงามของตนเองเอาไว้ สั่งให้คนงานจัดเตรียมเรือนทางฝั่งตะวันออกที่มีสวนดอกไม้งดงามเอาไว้ให้ และนางเองก็ชอบเรือนหลังนี้อยู่ไม่น้อยเพราะทั้งเงียบสงบและหลีกหนีความวุ่นวายหลี่เจียวในชาติก่อน ถูกเนรเทศออกนอกจวนไปยังบ้านเกิดของบิดาตั้งแต่ยังเล็ก โชคดีที่มารดาเป็นสตรีที่ผ่านการเลี้ยงดูเฉกเช่นคุณหนูชนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางด้านใดที่สตรีพึงมี นางต่างได้ร่ำเรียนจากมารดามาจนหมดสิ้น ทว่าในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องแสดงความสามารถเหล่านั้นออกมา ปล่อยให้พวกเขาเข้าใจว่านางเป็นเพียงสตรีบ้านนอกที่เพิ่งเข้ามาในเมืองหลวงดีกว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งจากนั้นไม่นาน สาวใช้ในเรือนใหญ่ก็ส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูปเนื้อผ้าชั้นดีมาให้นาง ช่วงนี้อากาศหนาวมากจึงไม่คิดปฏิเสธ สิ่งที่ควรจะเป็นของตนมาตั้งแต่ต้นก็ควรที่จะรั

  • ทวงคืน   ตอนที่ 2

    เมื่อคุณหนูใหญ่ลงมาจากรถม้าโดยมีสาวใช้ประคองอยู่ไม่ห่าง ทว่าพวกเขาแทบจะแยกไม่ออก ว่าผู้ใดคือนาย ผู้ใดคือบ่าว เพราะแทบจะมองไม่เห็นถึงความแตกต่าง มีเพียงหน้าตาและผิวพรรณที่พอจะแยกออกได้บ้าง‘นี่หรือคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนท่านราชครู เหตุใดถึงไม่ต่างจากขอทานข้างถนนเลยสักนิด เสื้อผ้าขาดวิ่น เทียบไม่ได้แม้กระทั่งเสื้อผ้าของบ่าวไพร่ในเรือนเลยแม้แต่น้อย หรือข่าวที่ได้บอกกล่าวก่อนหน้านั้นจะไม่ใช่เรื่องจริง ที่บอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งจวนราชครูตัดขาดทางโลก เดินทางแสวงบุญพร้อมกับลูกสาวคนโตที่มีจิตใจกตัญญู ขอติดตามมารดาเพื่อลิ้มรสพระธรรม’ทางด้านฮูหยินรอง จางซื่อ ถึงกับกัดฟันกรอด เมื่อเห็นสภาพของลูกเลี้ยงไม่ต่างอะไรกับขอทาน เป็นแบบนี้นางจะปล่อยให้ไปพบกับฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร“หลี่เจียว คารวะฮูหยินรอง ท่านอาสะใภ้ ลูกอกตัญญูที่ปล่อยให้ผู้ใหญ่มายืนตากไอเย็นรอ” หลี่เจียวเดินไปถึง เห็นแม่เลี้ยงยืนรออยู่ ภายในใจนึกขัน คนพวกนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด แม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บเพียงใด ทว่าหน้าตาก็ยังคงสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดอยู่ดี“คุณหนูใหญ่ เหตุใดถึงได้พิลึกพิลั่นใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ ข้างนอกอากาศหนาว รีบเข้าไปคุยข้

  • ทวงคืน   ตอนที่ 1

    ปีที่ยี่สิบสองแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้หมิงคัง ลมหนาวของเดือนหนึ่ง ช่างหนาวเหน็บลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ หญิงสาวร่างกายผ่ายผอม เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ริมฝีปากแห้งผากราวกับพื้นดินที่แตกระแหง ขาดน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ ดวงตาบวมช้ำปิดสนิท จนไม่สามารถลืมตาขึ้นมามองโลกภายนอกได้“ไปกันเถอะ” ร่างดำทมิฬ ทว่ากลับดูสง่างาม ยากนักที่จะละสายตาให้มองไปทางอื่นได้“ไม่ ข้ายังไม่อยากตาย” หลี่เจียวกำลังยืนมองร่างอันไร้วิญญาณ หากเมื่อพินิจมองแล้วเป็นต้องตกใจ เพราะนั่นคือนาง“เจ้าจักฝืนไปไย ในเมื่อทุกอย่างเป็นเจ้าที่โง่งม เลือกทางเดินผิดด้วยตนเอง” คำพูดที่ถากถางไปถึงขั้วหัวใจ แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน“เพราะข้าโง่งม ปล่อยให้ความรักบังตา จนมองไม่เห็นความจริง ว่าแท้จริงแล้วผู้ใดที่รักและหวังดีกับข้า ได้โปรด...เช่นนี้หาได้ยุติธรรมสำหรับข้าไม่” ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงทำเพียงแค่หันไปมองบุคคลลึกลับผู้นั้น ทั้งที่ไม่ได้เปล่งเสียงใด ๆ ออกมา ทว่ากลับรับรู้ได้ว่ากำลังสนทนา เพื่อต่อดวงชะตาให้กับตนเองอยู่“ยามมีอยู่ไม่เห็นค่า ยามจากมาเหตุใดถึงอาวรณ์เพียงนี้เล่า” น้ำเสียงเย้ยหยันแกมประชดประชัน น่าแปลกทั้งที่ไม่ได้พูดหรือแสดงสีหน้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status