เสี้ยววินาทีที่ธูปดอกเดียวถูกปักลงบนกระถางก็ถูกปัดออกจากมือปริศนา ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยขึ้นก็ต้องตกใจกับสายตาอาฆาตที่พร้อมจะฆ่าเธอแล้วเผาไปพร้อมกันกับคู่หมั้นเขาทันที
“คุณธาม...”
“เธอมาที่นี่ทำไม กลับไป!” ตวาดลั่นศาลาจนทุกคนหันกลับมามองเป็นตาเดียวกัน
ปีกุนหน้าหดเหลือแค่สองนิ้วยังไม่ทันจะอ้าปากได้พูดอะไรร่างสูงก็พุ่งเข้ามาเขย่าหัวไหล่จนตัวโยก บดินทร์พยายามดึงคนเป็นเจ้านายออกมาแต่ก็ไม่สามารถดึงออกมาได้ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
“คุณธามอย่าค่ะ” ตวิศาเข้าไปช่วยแยกทั้งสองอีกแรง สุดท้ายก็แยกทั้งคู่ออกจากกันได้สำเร็จ
“ฉันเกลียดเธอ แค่เงายังไม่อยากเห็น จะไปตายที่ไหนก็ไป!”
เป็นคำพูดที่บาดลึกลงก้นบึ้งหัวใจทุกอย่างมันเข้ามาพร้อมกันจนเจ็บเจียนตาย
“คุณธามพอเถอะครับ คนอื่นมองอยู่” บดินทร์เห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงเอ่ยปราม ทว่าธามวัฒน์กลับกันขวับกลับมามอง
“มองแล้วทำไม ทุกคนจะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้อรกมลกับลูกต้องตาย” ชี้นิ้วกลับไปหาปีกุนพร้อมกับเสียงฮือฮา
ธมนต์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปกระชากแขนลูกชายให้ออกมาตั้งสติ
ด้านนอก ปีกุนถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวนั่งลงร้องไห้โดยไม่อายใคร นภัสเห็นอย่างนั้นแล้วรู้สึกสงสารเวทนาอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นผู้หญิงคนนี้จากที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออกว่าที่ไหน
“แม่ปล่อยผม ผมบอกให้ปล่อย ผมจะไปลากผู้หญิงคนนั้นออกมาจากงานศพอรกมล” ธามวัฒน์พยายามแกะมือคนเป็นแม่ออก
“ธาม ธาม!” ขึ้นเสียงจนร่างโยน
ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าแม่หน้าแดงก่ำไม่รู้ว่าเหนื่อยจากการลากเขาออกมาจากงานหรือว่าโกรธอยู่กันแน่
“แม่ไม่รู้หรอกนะ ว่าแกจะโกรธผู้หญิงคนนั้นแค่ไหนแต่ตอนนี้แกอยู่ในงานศพของคู่หมั้นตัวเองและพ่อแม่อรกมลก็อยู่ในงานนั้นด้วยแกต้องให้เกียรติพวกเขา ตั้งสติหน่อยลูก” ธมนต์บอกกับลูกชาย
ธามวัฒน์สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเดินไปย่อตัวนั่งลงม้านั่งตรงใต้ต้นลีลาวดี ธมนต์เดินตามไปนั่งข้างกันความเงียบเข้าปกคลุมครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“ก่อนหน้าที่แกจะมาผู้หญิงคนนั้นเขาไปก้มกราบเท้าพ่อแม่หนูอรกมลจากที่แม่เห็น พวกเขาก็ไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรผู้หญิงคนนั้นเลย
เพราะอะไรรู้ไหม...” ธมนต์หยุดพูด
ธามวัฒน์มองหน้าคนเป็นแล้วส่ายหน้า “เพราะพวกเขารู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“อุบัติเหตุที่มัน...”
“หยุด! อย่าเพิ่งเถียงแม่ฟังให้จบก่อน” ธมนต์ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ปาก
“ผู้หญิงคนนั้นเขาคงไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้อยากให้เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นเลย แค่มองก็รู้แล้วว่าเธอเองก็เสียใจไม่ต่างจากลูก สภาพลูกกับผู้หญิงคนนั้นเหมือนกันตรงไหนรู้ไหม ต่างแค่สถานะความใกล้ชิด ส่องกระจกดูสิ”
ธมนต์ยื่นกระจกขนาดเล็กให้ธามวัฒน์ส่องดูตัวเองซึ่งมีใบหน้าหมองคล้ำ ใต้ขอบตาดำ หนวดเคราและผมยาวรุงรัง
“แล้วลูกดูโน่น”
คนเป็นแม่ชี้ไปยังร่างอวบของปีกุนซึ่งถูกตวิศาพยุงลงมา ผมเธอยุ่งเหยิงแม้จะมัดขึ้นลวกๆ ก็ตาม ใบหน้าตอนนี้สภาพกับตัวเองไม่มีผิด
“เหมือนกันไหม” ธามวัฒน์เบือนหน้าหนีไม่ยอมตอบ
“สภาพเหมือนแกเลย นั่นแหละต่างก็เสียใจเหมือนกัน” เอื้อมไปกุมมือลูกชายแล้วตบเบาๆ
“นั่งสงบสติอารมณ์ ใจเย็นแล้วค่อยเข้าไป” ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วพ่นลมหายใจออกมา
ธามวัฒน์สงบอารมณ์ตัวเองลงได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหายโกรธหรือหายเกลียดผู้หญิงคนนั้น แต่การนิ่งครั้งนี้คือการคิดวิธีที่จะทำให้เธอเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึงอรกมล
งานศพของอรกมลผ่านไปเรียบร้อยแล้วแต่ธามวัฒน์ก็ยังคงใช้เวลาปรับสภาพจิตใจตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อที่จะได้ไปทำงาน ยามนี้บริษัทต้องการเขาเพราะปล่อยให้บดินทร์คอยดูแลงานทุกอย่างให้มานานหลายวันแล้ว
“ผมจะไม่มีวันลืมคุณนะ อร”
ชายหนุ่มลูบไปยังรูปถ่ายคู่กันตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะขยับเสื้อสูทแล้วถือเอากกระเป๋าออกไปทำงาน...
พีธีแต่งงานจัดขึ้นใหญ่โตสมเกียรติครอบครัวใหญ่ตระกูลดัง มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันหลายร้อยคนรวมถึงเพื่อนร่วมงานของปีกุนและกองทัพนักข่าวนับสิบสำนักปีกุนอยู่ในชุดเจ้าสาวสีมุกสั้นเปิดไหล่ยืนเคียงคู่ต้อนรับแขกอยู่หน้างาน บรรยากาศภายในงานชื่นมื่นอบอวลไปด้วยความอบอุ่นโดยมีสักขีพยานรักอย่างเด็กหญิงก่อเกิดวิ่งเล่นไปทั่วงาน“ได้เจอตัวสักทีนะครับ ภรรยาของคุณเพื่อน” ศิลาเอ่ยทักทายเมื่อเดินมาถึงทางเข้างาน ปีกุนมองสลับไปสลับมาระหว่างชายหนุ่มกับสามี“คุณคือ?”“ผมหมอศิลาครับ”“ออ คุณนี่เองที่ตรวจยืนยันความเป็นพ่อลูก” หญิงสาวหรี่ตาลงเพื่อคาดโทษแต่พอเห็นเจ้าตัวสีหน้าซีดก็หัวเราะออกมา “ล้อเล่นค่ะ”“ผมตกใจแทบแย่ ขนาดล้อเล่นยังหน้าดุเลยนะครับ มึงระวังตัวเถอะเตรียมถูกเชือดได้เลย”ศิลาแกล้งยกนิ้วปาดบริเวณลำคอเพื่อข่มขู่เพื่อนแล้วขอตัวเดินเข้างานไปทักทายเพื่อนคนอื่นที่มาร่วมงานนี้เหมือนกันปีกุนเห็นตวิศและแม่ครูรำไพเดินมาแต่ไกล ๆ ก็รีบยกมือขึ้นโบกทักทายด้วยความดีใจ“แม่นึกว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว คนก็เยอะ รถก็ติดแถมไอ้ตาลยังเกือบไปมีเรื่องกับเขาบนท้องถนนอีก”มาถึงแม่ครูก็เริ่มบ่นตามประสาคนแก่พลางหันไปค้อนตวิศาที่
“คราวนี้ทีกูบ้างล่ะ” มันเยาะเย้ยแล้วชี้ปืนไปหา “อีเด็กนี่เหรอที่กูเอามันไปทิ้ง ตายยากนักนะมึง”“มึงอย่าทำอะไรลูกกูนะ” นภัสเป็นห่วงปีกุนธีธัชเริ่มเห็นตำรวจทยอยเข้ามาจึงรู้ตัวแล้วว่าคงไม่รอด ไม่ว่าจะเรื่องลักพาตัว ฆ่าคนอื่นหรือแม้จะเป็นเรื่องยักยอกเงินบริษัท“ในเมื่อกูไม่รอด ก็ขอเอาลูกมึงไปด้วยเพื่อให้มึงอยู่กับความตรอมใจเหมือนที่ผ่านมาก็แล้วกัน”ธีธัชหันปลายกระบอกปืนไปยังปีกุนแล้วกดไกปืน นภัสร้องเสียงหลง“อย่า!”ธามวัฒน์ดึงร่างอวบมากอดเอาไว้แล้วหันตัวเองไปรับกระสุนนั้นแทน ร่างสูงสะดุ้งเฮือก หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดตำรวจวิสามัญธีธัชจนเสียชีวิตทันที“กรี๊ดดดด คุณธาม”ธามวัฒน์รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหัวไหล่ เลือดสีแดงสดซึมผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาว ร่างสูงทรุดฮวบลงกับพื้นโชคดีที่ปีกุนเอาแขนรองศีรษะเอาไว้ทัน“กุน คุณเป็นอะไรไหม...” ชายหนุ่มเอ่ยถาม“ฉัน...ไม่เป็นอะไรค่ะ” เธอส่ายหน้ารัว สติเริ่มไม่มีเมื่อเห็นว่าเขารับกระสุนแทนตนเอง นภัสเองก็ทำตัวไม่ถูกได้แต่ตะโกนให้คนเรียกรถพยาบาล“กุนครับ ใจเย็น ๆ ผมไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวรถโรงพยาบาลก็มา”ยกมือเปื้อนเลือดอีกข้างลูบแก้มเธอเพื่อเร
นภัสแทบไม่อยากกลับจากบ้านหลังนั้นเลยเพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวให้นาน แต่เพราะธีธัชตามกลับไปเซ็นเอกสารด่วนที่บ้านเธอจึงจำใจต้องไปและคิดว่าจะเอาเรื่องนี้มาบอกด้วยตัวเองด้วยเมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดตัวบ้านขณะก้าวเท้าลงจากรถเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิแคชันดังขึ้น มือล้วงกระเป๋าหยิบออกมาดูใบหน้าเหี่ยวย่นเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวทันทีแต่ไม่ได้โวยวายอะไร“สมชาย”“ครับ คุณหญิง”“แกอย่าเพิ่งบอกใครเรื่องที่ฉันเจอลูกสาวแล้วนะ”“แม้แต่คุณธีธัชก็ไม่ให้ผมบอกเหรอครับ”“ใช่ คนนี้ยิ่งให้รู้ไม่ได้” ดวงตาทอประกายกล้าโหดเหี้ยม มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ นภัสไม่รู้เลยว่าธีธัชเดินมาได้ยินทุกอย่างความกลัวเรื่องเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนคืบคลานเข้ามาในจิตใจ“กลับมาแล้วค่ะ”ปรับน้ำเสียงให้หวานขึ้นแล้วเดินไปย่อตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ธีธัชรู้ดีถึงความเสแสร้งนั้นแต่ก็เล่นตามน้ำไปก่อน“คุณมีเอกสารอะไรให้ฉันเซ็นเหรอคะ”ชายสูงวัยเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเอาเอกสารที่ดัดแปลงการเงินออกมาให้นภัสดูบอกว่าเป็นเรื่องด่วนเขาจะได้เอาไปให้ฝ่ายการเงินและเร่งดำเนินการโครงการขยายสาขาร้านอาหารต่อนภัสรับแฟ้มนั้นมาไล่สายตาดูอย่างถี่ถ้วนก็รู้
วันนี้พยากรณ์อากาศแจ้งว่าอากาศจะร้อนพุ่งขึ้นถึง 45 องศาเซลเซียสปีกุนก็ไม่คิดว่ามันจะร้อนได้มากมายขนาดนี้ เสื้อแขนสั้นถลกขึ้นไปอยู่บนหัวไหล่“คุณป้าร้อนไหมคะ”“นิดหน่อยจ้ะ”“ถ้าอย่างนั้นรอแป๊บนะคะ เดี๋ยวกุนไปเอาพัดลมตั้งโต๊ะมาเปิดให้” กำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่เป็นไรหันมาอีกทีร่างอวบเดินไว ๆ ออกไปจากห้องครัวเสียแล้ว ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมกับพัดลมตัวใหญ่ปีกุนจัดแจงเสียบปลั๊กเรียบร้อยก้มลงกดเปิดสวิตซ์ให้เรียบร้อย จังหวะเงยตัวขึ้นนภัสหันไปมอง ฉับพลันดวงตาก็เปลี่ยนเป็นประกายวาวเมื่อเห็นสร้อยบนคอของปีกุนมีดสับมะละกอวางลงถาดแล้วก้าวเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวทันที“สร้อย” มือสั่นเทาชี้ไปยังจี้สร้อยซึ่งเป็นรูปหงส์คู่“สร้อยของกุนทำไมเหรอคะ” ปีกุนจับไปยังสร้อยคอตัวเองแล้วมีสีหน้าประหลาดใจ“ป้าขอดูใกล้ ๆ ได้ไหม” ปีกุนถอดสร้อยคอยื่นให้ไม่ผิดเลยสร้อยคอหงส์คู่มีเส้นเดียวในโลกเธอสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อสวมให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ เงยหน้ามองดวงตาคลอหน่วยไปด้วยหยดน้ำ“คุณป้าร้องไห้ทำไมเหรอคะ” นภัสไม่ได้ตอบคำถามแต่เลือกถามกลับเสียงสั่น“หนูกุนไปเอาสร้อยเส้นนี้มาจากไหนเหรอ”“แม่ครูบอกว่ามันเป็นสร้อยติดตั
รุ่งสางของวันใหม่ปีกุนย่องเบาออกมาจากห้องของธามวัฒน์เพราะกลัวว่าคนในบ้านจะมาเห็น เธอปิดประตูแผ่วเบาพอหันหลังกลับต้องตกใจสุดขีด“คุณป้า”ธมนต์ยืนกอดอกมองรอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่เกินงามที่จับได้ว่าเธอเข้าไปนอนในห้องลูกชายท่าน ปกติท่านตื่นเช้าทุกวันอยู่แล้วแต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาแจ็คพ๊อตเจอกันหน้าห้อง“คือว่าเมื่อคืนคุณธามมีไข้ หนูก็เลยอยู่เฝ้า...”ปีกุนแก้ตัวเป็นพัลวันธมนต์ส่ายหน้าไปมากำลังจะก้าวเท้าเดินแต่หยุดลงแล้วหันไปหาปีกุนอีกครั้ง“เลิกเรียกฉันว่าคุณป้าสักที ฉันอนุญาตให้เธอเรียกแม่ได้”“ทะ...ทำไมเหรอคะ” ช้อนตาขึ้นมองหญิงสูงวัย“ไหน ๆ เมื่อคืนก็นอนด้วยกันแล้วก็เปลี่ยนสถานะไปเลยก็แล้วกัน” ว่าจบธมนต์ก็เดินจากไปปล่อยให้หญิงสาวอ้าปากค้างได้แต่ร้องตะโกนตามหลัง“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”คุณธาม นะ คุณธาม ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดจนได้หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมา เดินตรงไปยังห้องลูกสาว หลังจากนั้นหลายชั่วโมงคนป่วยหนักเมื่อคืนก็ตามยังห้องลูกสาวแถมยังแสดงความรักต่อหน้าอีกต่างหาก“หยุดค่ะ อย่ามารุ่มร่ามต่อหน้าลูกสิคะ” แกะมือออกจากอ้อมแขนเด็กน้อยยืนมองพ่อกับแม่ตาปริบ ๆ สลับไปมา“มามี้ขา อะไ
ใบหน้าอวบก้มลงไปใกล้เขามากขึ้นไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสมานั่งจ้องหน้าเขาอย่างนี้ นิ้วมือป้อมเขี่ยปลายเส้นผม “ฝันดีนะคะ”คนถูกบอกฝันดีลืมตาโพลงขึ้นมาทำเอาร่างอวบผงะแต่มือหนาคว้าเอาไว้และออกแรงดึงเธอให้มานอนอยู่ในอ้อมกอดเขาได้อย่างง่ายดาย“คุณธาม! คุณไม่ได้หลับเหรอคะ” ขืนตัวออกจากวงแขนแต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น “ปล่อยค่ะฉันหายใจไม่ออก”“ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยคุณก็หนีกลับห้องสิ”“คุณป่วยจริงหรือเปล่าคะ ทำไมแรงเยอะขนาดนี้เนี่ย” ดิ้นคลุกคลักไปมา ธามวัฒน์กระชับวงแขนมากขึ้น“ถ้าไม่ป่วยจริงตัวจะร้อนเหรอ จนคุณต้องมาแก้ผ้าผมเช็ดตัวให้หรือไง”“พูดจาน่าเกลียด ฉันแค่ถอดเสื้อให้คุณเท่านั้นค่ะ”“แต่ผมอยากให้คุณถอดทั้งบน ทั้งล่าง” ใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามาใกล้พลางก้มลงดมหัวไหล่ ปีกุนหยุดดิ้นเอียงหน้ามองเขาดวงตาดุดันและแข็งกร้าวเมื่อก่อนไม่มีอีกแล้วมันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้“ขอโทษ” เสียงยานคางเอื่อย ๆ ข้างหู เขาขอโทษเธออีกแล้ว“คุณขอโทษกุนอีกแล้วนะคะ”“ที่ผมขอโทษเพราะผมรู้สึกผิดกับคุณจริง ๆ ผมทำเรื่องทุกอย่างเลวร้ายกับคุณเพราะความแค้นจนคุณเกือบ...”เขาเว้นวรรคไม่พูดต่อแต่เลือกใช้นิ้ว