“บอสคะ วันนี้เวลา 09.30 น. มีประชุมกับฝ่ายบัญชีและการเงินนะคะส่วนช่วงบ่ายมีประชุมกับฝ่ายขายค่ะ”
“ขอบคุณครับคุณนี”
เจฟฟ์วางสายคุณเลขาภาวินี แล้วนั่งทำงานไปจนถึงเวลาใกล้ 09.30น. เขาจึงลุกออกจากห้องไปยังห้องประชุม ขณะที่เขากำลังเดินผ่านฝ่ายประสานงานขายต่างประเทศ สายตาเขาเหลือบไปเห็นวิษณุหนุ่มไอทีกำลังนั่ง ตรวจเช็คคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่โต๊ะของปวริศา ซึ่งถ้าเป็นสายตาของคนอื่นก็มองเป็นเรื่องปกติ เพราะภาพที่เห็นคือ วิษณุนั่งที่โต๊ะทำงานของปวริศากำลังตรวจเช็คโน้ตบุ๊กให้ โดยมีปวริศายืนดูอยู่ข้างๆ แต่ในสายตาของเจฟฟ์กลับมองว่าทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากเกินไปแล้ว ภาพที่เห็นสร้างความหงุดหงิดใจให้เขาไม่ใช่น้อย เขาจึงเอ่ยทักทายไปว่า
“โน้ตบุ๊กมีปัญหาอะไรหรือครับ”
ทั้งวิษณุและปวริศาเงยหน้าพร้อมกันแล้วหนุ่มไอทีก็ยิ้มตาตี่พร้อมกับตอบไปว่า
“โน้ตบุ๊กคุณแป้งมีปัญหานิดหน่อยครับผมกำลังแก้ไขให้อยู่ เครื่องนี้ก็ใช้มาหลายปีแล้ว”
เจฟฟ์พยักหน้ารับฟังข้อมูล
“ทางไอทีมีการเซ็ตแผนเรื่องอายุงานของโน้ตบุ๊กไว้หรือเปล่าครับ”
“มีครับ”
“แล้วเครื่องนี้ยังอยู่ในระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่”
“ถ้านับตามที่วางไว้ ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนใหม่แล้วครับ”
“อ้าวแล้วทำไมไม่เปลี่ยนล่ะ”“ก็เพราะยังเห็นว่าเครื่องยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ทางผมก็เลยอยากจะช่วยประหยัดงบประมาณครับ”
“แล้วเป็นไง ดูสิต้องมาเสียเวลาแบบนี้ ที่สำคัญผมไม่อยากให้หน่วยงานที่ทำงานติดต่อกับลูกค้าต้องมาเสียเวลาแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นความที่จะได้มันจะไม่คุ้มกับที่เสียไปนะครับ เอาเป็นว่าเปลี่ยนใหม่เลยแล้วกัน และฝากดูเครื่องอื่นด้วย ถ้าถึงเวลาเปลี่ยนก็ควรเปลี่ยน แล้วถ้าติดอะไรให้มาคุยกับผม”
“ครับบอส บอสนี่สุดยอดไปเลย มองกาลไกล เดี๋ยวผมรีบดำเนินการให้ครับ”
วิษณุยิ้มจนตาหยี
“คุณปวริศาลองคุยกับคุณศศิวิมลดูนะครับ ถ้ามีปัญหาเรื่องงบประมาณให้มาคุยกับผมหรือติดขัดอะไรเรามาคุยกันในที่ประชุมบ่ายนี้ก็ได้นะครับ”
“ได้ค่ะบอส”พูดจบเขาก็เดินจากไปทิ้งความงุนงงไว้
ทางด้านวิษณุหันมามองปวริศาแล้วยิ้ม
“บอสของเรานี่ก็สปอร์ต ใจดีแบบนี้แผนกไอทีทำงานสบายเลย ถึงเวลาเปลี่ยนก็จับเปลี่ยนได้เลย เดี๋ยวผมทำเครื่องให้คุณแป้งเสร็จแล้วผมจะไปดูสเปคเครื่องใหม่ให้นะ แล้วคุณแป้งค่อยส่งเอกสารขอซื้อมาที่ผมนะครับ”
ปวริศาพยักหน้ารับ
เวลาเที่ยง
วันนี้ปวริศาและเพื่อนๆ นัดกันกินข้าวกลางวันด้วยกัน โดยที่ให้ทุกคนเอากับข้าวมาคนละอย่างแล้วกินด้วยกัน พอได้เวลาทุกคนก็รีบจัดอาหารใส่จานแล้วนำไปอุ่นในไมโครเวฟ
“วันนี้เชฟวีณาทำแกงส้มชะอมกุ้งมาให้ทุกคนชิมนะคะ”
ปวีณานำเสนอเมนูของตนเอง แล้วก็โดนวิษณุแซวกลับว่า
“แน่ใจหรือครับเชฟ ได้ข่าวว่าวันนี้ร้านป้าติ๋มก็มีเมนูแกงส้มชะอมกุ้งเหมือนกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“แหมตานุ ทำเป็นรู้ดี ซื้อมาจากร้านป้าติ๋มเหมือนกันละสิ เนี่ยผัดถั่วลันเตากุ้งไหนดูสิได้กุ้งมากี่ตัว”
“ได้มาสี่ตัวเพราะบอกป้าแกไปว่า ป้าครับผมไปกินกับเพื่อนสี่คน ขอกุ้งสี่ตัวนะครับป้าจะคิดตังเท่าไร ก็คิดมาเลย ผมไม่อยากไปทะเลาะแย่งกุ้งกับเพื่อน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“แล้วใบหม่อนกับแป้งล่ะ ไหนดูสิ”
“ของเรา เป็นแกงจืดผักกาดขาวเต้าหู้หมูสับ เราทำเองนะ”
“ยายหม่อนเธอนี่ นอกจากหน้าตาจะจืดชืดแล้วยังกินอาหารจืดๆ อีก”
“ก็มันคิดอะไรไม่ออกนี่ แล้วของแป้งล่ะ”
แล้วปวริศาก็ยกจานที่มีห่อหมกกระทงเล็กๆ สี่ชิ้นออกมา
“นี่จ้า เมื่อวานบอกแม่ไว้ว่า จะห่อข้าวมากินกับเพื่อนๆ แม่เลยทำห่อหมกไว้ให้ บอกว่าจำได้ว่าเป็นของโปรดวีณา แล้วตอนเย็นผ่านตลาดเจอปลาสลิดอวบๆ เลยซื้อมาทอดเมื่อเช้านี้จ้ะ”
“กรี๊ดคุณแม่ปิ่นน่ารักที่สุด ที่ยังจำได้ว่าลูกสาวคนนี้ชอบห่อหมกฝีมือแม่ปิ่นเป็นที่สุด”
“นี่แป้ง แม่เธอมีลูกเพิ่มอีกคนตั้งแต่เมื่อไรกันนะ”
ปวีณาพอถูกใบหม่อนพูดขัดขึ้นมาก็ทำหน้างอใส่ ส่วนวิษณุก็โอดครวญขึ้นบ้าง
“แล้วคุณแม่ของแป้งไม่พูดถึงลูกชายคนนี้บ้างหรือจ๊ะ”
“ไม่พูดถึงนะ เพราะแม่ไม่มีลูกชาย อิอิ”
“งั้นสมัครเป็นลูกเขยแทนได้เปล่า”
“ฮิ้ววว เดี๋ยวฉันไปหาน้ำปลาแป๊บนะ รู้สึกว่าอาหารมื้อเที่ยงนี้จะหวานเป็นพิเศษ”
ปวีณากินข้าวไปแล้วใช้ไหล่ชนไปที่ไหล่ของปวริศาเป็นการแซวเพื่อนเบาๆทำเอาวิษณุเขินจนหน้าแดง มีแต่ปรียาพรที่กินข้าวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย และในจังหวะนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจฟฟ์เดินออกจากห้องประชุมผ่านมาพอดี ซึ่งก็แน่นอนสิ่งที่พวกเขาพูดกัน เจฟฟ์จะได้ยินทั้งหมด วิษณุหันไปเห็นเจฟฟ์ก็เอ่ยปากชวน
“บอสพึ่งเลิกประชุมหรือครับ มาทานข้าวกับพวกผมก่อนไหมครับ” พอทุกคนในโต๊ะอาหารได้ยินสิ่งที่วิษณุพูดก็หันไปทิศทางเดียวกัน มีแต่ปวริศาที่หันไปพอเห็นว่าเป็นใครก็หลบสายตา ส่วนปวีณาก็รีบจับเสื้อผ้า จับผมให้เข้าที่แล้วส่งยิ้มหวานไปให้บอสสุดหล่อ
“เชิญค่ะบอสวันนี้มีกับข้าวหลายอย่างเลย เด็ดสุดก็จะเป็นห่อหมกฝีมือแม่ปิ่นคุณแม่ของแป้งค่ะ อร่อยมาก อยากให้บอสได้ลองชิมค่ะ”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยววันหลังผมขอมานั่งด้วยนะครับ วันนี้ผมไม่มีกับข้าวมาแชร์ด้วย”
“ไม่เป็นไรคะบอส กับข้าวเยอะมาก เชิญค่ะ นี่นุนายขยับไปหน่อยลุกไปเอาจานช้อนมาให้บอสหน่อย”
ปวีณารีบจัดแจงขยับที่นั่งให้บอสสุดหล่อนั่งระหว่างเธอกับปวริศา
“ขอบคุณครับ กับข้าวน่ากินมากเลย”
“บอสลองชิมห่อหมกของแม่ปิ่นก่อนเลยค่ะ รับรองจะติดใจ เนี่ยเมนูโปรดของวีณาเลยค่ะ”
เจฟฟ์ตักห่อหมกพร้อมกับข้าวใส่ปากอร่อยจริงๆ
“อร่อยจริงด้วย ผมขอผูกปิ่นโตกับบ้านคุณปวริศาได้ไหมครับ”
“เอาเลยยายแป้ง บอสจะได้มากินข้าวกับพวกเราไง”
“ว่าไงครับคุณปวริศา”“แหมบอสเรียกเต็มยศเลย เรียกสั้นๆ ว่าแป้งก็ได้ค่ะ ส่วนนี่ใบหม่อน และก็วีณาสามสาวแห่งทีมประสานงานขายต่างประเทศค่ะ หรือจะเรียกว่าแก๊งค์สามป. ก็ได้นะคะ ปวริศา ปรียาพรและปวีณาค่ะ”
“ครับคุณแป้ง คุณใบหม่อนและคุณวีณา”
“ส่วนผมวิษณุหนุ่มไอทีที่มีหัวใจอยู่ฝ่ายขายครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับบอส”
เจฟฟ์หันไปสบตาวิษณุ ปรียาพรก็เลยเสริมเพิ่มความกระจ่าง
“วิษณุเขาตามขายขนมจีบยายแป้งอยู่ค่ะ ขายมาหลายปี ปีนี้ใจอ่อนได้แล้วมั้ง เพื่อนเอฟชุดมาหลายชุดแล้ว”
ทุกคนบนโต๊ะหัวเราะกันอย่างสนุกสนานแต่มีอยู่สองคนที่ได้แต่นั่งนิ่งกระอักกระอ่วนใจ
พอกินข้าวเสร็จทุกคนก็เตรียมตัวแยกย้ายจะไปทำงานในครึ่งวันบ่ายต่อ
“ขอบคุณทุกคนมากเลยที่ชวนผมกินข้าว มื้อนี้อร่อยและสนุกมากครับเอาไว้วันไหนที่พวกคุณนัดเอาข้าวมากินด้วยกันบอกผมด้วยนะครับ แล้วฝากคุณแป้งจัดข้าวมาเผื่อผมสักชุดจะเป็นการรบกวนคุณแป้งมาไปไหมครับ”
“ไม่หรอกค่ะบอส คุณแม่ของแป้งใจดีจะตายไป แล้วยายแป้งก็ไม่ได้เป็นคนขี้เหนียวด้วยจริงไหมแป้ง”
เจฟฟ์ยิ้มแล้วหันไปสบตาปวริศาที่ได้แต่ทำตัวไม่ถูก อยากจะปฏิเสธแต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร
“พ่อทูนหัวทูนกระหม่อมของวีณา ทั้งหล่อ ทั้งแสนดี ไม่ถือตัวแบบนี้ช่วยมาเป็นพ่อของลูกวีณาด้วยเถอะนะ”
“เธอคิดว่าบอสหล่อ รวยและอยู่เมืองนอกมานานหลายปีแบบนี้จะไม่มีแฟนมีเมียแหม่มเป็นสิบแล้วหรือ ของดีดีแบบนี้ไม่น่าจะหลุดรอดมาถึงมือเธอนะ”
“นี่ยายหม่อน ไม่ให้กำลังใจทำไมต้องมาคอยดับฝันฉันด้วยหล่ะ”
“ก็ฉันไม่อยากมานั่งซับน้ำตาเธออีกนี่ เพื่อนอกหักที ต้องเสียค่าเปิดเหล้าไปไม่รู้กี่ขวด”
“ไม่เป็นไร ถ้าอกหักจากบอส เธอต้องพาฉันไปดามใจที่ร้านสุดโปรด บรรยากาศดี เจ้าของหล่อด้วยนะ”
“อ้อ.. วันก่อนที่ฉันเอาสูทไปให้บอสที่งาน ฉันเจอคุณศรุตด้วยเขาเป็นเพื่อนกับบอสนะวีณา”
“เขาชื่อศรุตหรือแป้ง ทำไมผู้ชายกลุ่มนี้ถึงได้หล่อเผ็ดกร้าวใจแบบนี้นะ ถ้าอกหักจากบอสแล้วได้เพื่อนบอสสุดเท่ห์ก็เอานะ”
“กลัวจะไม่ได้ทั้งสองละสิ วีณา”
“เอ๊ะ.. ตานุพูดจาไม่เข้าหู เดี๋ยวฉันไม่ยกเพื่อนฉันให้นะ”
“โอ๋.. วีณาเพื่อนรัก วีณาอยากกินอะไรจ๊ะ เดี๋ยวนุคนนี้จะไปหามาให้”
“แยกย้ายไปทำงานกันได้แล้ว”
ปวริศาพูดตัดบท ทุกคนก็เริ่มกลับไปที่ทำงานของตนเอง ส่วนวิษณุได้แต่มองผู้หญิงที่ตนยังไม่สามารถก้าวข้ามคำว่า “เพื่อน” ไปได้เสียที
ตอนพิเศษ 2 บทเรียนรัก เจย์เดนเอามือไล้ไปตามเรียวขาขาว แล้วพรมจูบตั้งแต่ปลายเท้า ปลีน่อง ต้นขา แล้วเน้นสัมผัสไปที่โคนขาด้านใน ส่วนเนินสามเหลี่ยมที่อวบอูมมีไรขนบางๆ ถูกตัดแต่งไว้ดูสะอาดตา เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองเนินนุ่มแล้วค่อยๆ รั้งให้แยกทำให้กลีบกุหลาบด้านในค่อยผลิบานออกมายั่วยวนสายตา เจย์เดนบรรจงจูบที่กลีบกุหลาบสวยอย่างแผ่วเบาละเลียดชิมความหวานทุกซอกทุกมุม มีหลายครั้งที่เรียวลิ้นอุ่นชื้นเร่งดูดดึง แหย่ล้วงลึก ส่งผลให้คุณแม่มือใหม่เสียวสะท้านไปทั้งครางเสียงหวานไม่ได้หยุดพัก มือน้อยทั้งหยุมไปที่หัวคนพ่อ เอวบางก็เด้งรับความเสียวซ่านโดยไม่รู้ตัว “อ๊ะ.. ผัวขา เมียเสียวจังเลยค่ะ อ่าห์” ไม่บ่อยนักที่ปวริศาจะหลุดคำแบบนี้ออกมา ยิ่งฟัง ก็ยิ่งกระตุ้นให้คนทำได้ใจเร่งรัวปลายลิ้นเบิร์นไม่ได้หยุด สักพักร่างขาวก็กระตุกเล็กน้อยพร้อมปลดปล่อยน้ำรักออกมา คนตัวโตก็เลียเช็ดกลืนกินจนหมดโดยไม่รังเกียจ ปรวิศามองภาพที่ชายคนรักก้มเลียน้ำรักของตนอยู่ตรงหว่างขาก็เกิดความเขินอาย เลือดสาวในกายสูบฉีดพุ่งขึ้นมาเต็มใบหน้า ทำให้ทั้งใบหน้าลำคอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเร
ตอนพิเศษ 1 ลูกชายพ่อมันดื้อ มันฟังแม่คนเดียวที่คอนโด เจย์เดนเปิดประตูเข้ามาเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปที่โซนที่ถูกจัดเป็นห้องครัวที่ตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาไม่ปล่อยว่างเหมือนแต่ก่อน เขายืนมองดูหญิงสาวคนรักที่ตอนนี้กำลังตั้งใจทำอาหารตรงหน้าเลยไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมาลอบมอง ปวริศามาอยู่คอนโดกับเขาตามที่เขาร้องขอและก็จะมีบางวันที่ปวริศากลับไปอยู่กับแม่ที่บ้าน วันนี้ปวริศาอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้าใส่สบาย เนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังท้องอยู่ ผมยาวสวยวันนี้ถูกรวบไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นคอขาว นี่สินะคือภาพความสุขที่เจย์เดนวาดฝันมาตลอดคือการกลับจากทำงานแล้วมีคนรักรออยู่ที่บ้าน ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก เขาไม่รู้เลยว่าเขาตกหลุมรักคนรักของตัวเองไปรอบที่เท่าไหร่แล้ว ภาพของปวริศาที่หยิบจับโน่นนี่นั่น ผัดอาหารในกะทะดูคล่องแคล่วชวนมองไปหมด เขายืนกอดอกหลังพิงกำลังแพงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ปวริศาวันนี้เธอวางแผนทำอาหารง่ายๆ มีต้มข่าไก่ของโปรดของเด็กดื้อตัวโต ผัดผักรวมมิตรกุ้ง และยำไข่ต้ม อาหารธรรมดารสไ
“เอ... ทุกคนมีเรื่องสงสัยอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะแจ้งคนะรับ พร้อมรับฟังเรื่องสำคัญของผมแล้วหรือยัง”ทุกคนหันหน้าไปมองหน้าเจฟฟ์ด้วยความสงสัย และปนกับความหวาดระแวงเล็กน้อย เจฟฟ์เดินมายืนหลังเก้าอี้ที่ปวริศานั่ง แล้วเอื้อมไปจับมือปวริศาพร้อมประคองให้ลุกยืนขึ้นข้างๆ เขา“บอสจะทำอะไรคะ”ปวริศาร้องทัก เจฟฟ์ยิ้มหวานแล้วโอบกระชับที่ไหล่ของปวริศาดึงเข้ามาให้แนบชิดกับไหล่ของเขา ทุกคนในห้องประชุมต่างมองมาที่คนทั้งคู่ด้วยสายตาที่สงสัยและแปลกประหลาดใจ“ผมก็จะประกาศข่าวดีของเราให้ทุกคนได้ทราบอย่างไรล่ะครับพี่แป้ง”ปวีณาทำตาโตอ้าปากค้าง ส่วนศศิวิมลเห็นแล้วยิ้มกว้างออกมาเพราะเป็นไปอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ ส่วนปรียาพรก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มตามไปทั้งที่คราบน้ำตาบนใบหน้าเธอยังไม่แห้งดี“อีกไม่นานเราสองคนจะมีข่าวดีนะครับ ผมเลยอยากมาบอกทุกคนไว้ก่อน จะได้เตรียมตัวกันอย่างเนิ่นๆ เผื่อใครอยากจะปั้นหุ่นไว้ใส่ชุดสวยๆ เรื่องธีมของงานต้องรอเจ้าสาวของผมบอกอีกทีนะครับ” “ฮะ.. อะไรนะคะ เจ้าสาวเหรอ บอสกับยายแป้ง ..... อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดดดดดดดดดด” ปวีณากรี๊ดดีใจดังลั่น
“ลูกจ๋า.. บอกพ่อสิครับว่าอยากเที่ยงหนูอยากกินอะไรครับ”เจฟฟ์เอื้อมมือไปวางแปะบนพุงน้อยๆ ของปวริศา“อย่ามาเวอร์นักเลยน่ะ เอามือออกไปไม่ต้องมาจับ”ปวริศาพยายามจะดึงมือเจฟฟ์ออกจากหน้าท้องของตนแต่กลับถูกเจฟฟ์กอบกุมไว้แน่นกว่าเดิม“ลูกจ๋าดูแม่ของหนูสิ หงุดหงิดใส่พ่ออีกแล้ว”เจฟฟ์เอามือของปวริศามาแนบที่แก้มของตนเอง และเอียงคอมองปวริศาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก“พี่แป้งรู้ไหมครับว่าคุณย่าผมท่านตื่นเต้นมากเลยนะที่รู้ว่าผมจะมีหลานสะใภ้ให้ท่าน วันก่อนคุณย่าบอกว่าจะบินมาไทยเพราะอยากมาเจอหน้าหลานสะใภ้ เนี่ยเดี๋ยวผมต้องกลับไปอัปเดตมูลใหม่ว่า กลับมาครั้งนี้จะเจอทั้งหลานสะใภ้พร้อมกับเจ้าตัวเล็ก รับรองว่าท่านต้องดีใจมากแน่เลย” เจฟฟ์จบก็หันไปทางปิ่นมณี“คุณแม่ครับคุณแม่หาฤกษ์แต่งงานให้เราหน่อยสิครับ”“จะมาหาฤกษ์แต่งงานอะไร ใครเขาจะแต่งด้วย”“เลิกงอนได้แล้วนะครับคุณแม่คนสวย ตอนนี้เรามีเจ้าก้อนน้อยที่ผมตั้งใจปั้นขึ้นมาอยู่ในนี้แล้วนะ”เจฟฟ์เอามือจิ้มจิ้มไปที่หน้าท้องของปวริศา“งอนนานไป เดี๋ยวเจ้าก้อนน้อยตัวโตขึ้น คุณแม่จะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวยนะครับ เอ.. หรือว่าจะรอให้เจ้าก้อน
เช้าวันอาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจฟฟ์ก็ยังคงมาที่บ้านปวริศาแต่เช้า มาใส่บาตรด้วย ทั้งที่เมื่อวานกว่าเขาจะกลับบ้านก็เล่นเอาเสียมืด พอใส่บาตรเสร็จหลวงพ่อให้พร ทุกคนก็กรวดน้ำแล้วรับพร“อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สาธุ”“ไปก่อนนะโยม พรุ่งนี้อาตมามีกิจนิมนต์ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะไม่ได้มารับบาตรนะ” “เจ้าค่ะหลวงพ่อ”แล้วหลวงพ่อก็เดินออกไป ทั้งสามค่อยลุกขึ้น แล้วปวริศาก็เซไปนิดเจฟฟ์ที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคอง“พี่แป้งเป็นอะไรไปครับ”“ไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยได้แล้ว”ปวริศาพยายามจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดนั้น แต่เจฟฟ์ก็ยังแข็งขืนดื้อดึงประคองไว้อยู่“เห็นไหมละครับ พี่ยังเซอยู่เลย ให้ผมประคองแหละดีแล้ว”เจฟฟ์ประคองปวริศามานั่งที่โต๊ะ“เดี๋ยวพี่นั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”เจฟฟ์เดินไปกดน้ำเย็นจากเครื่องกรองน้ำในห้องครัว ส่วนปิ่นมณีมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง“พักผ่อนน้อยหรือเปล่าลูก”“เมื่อคืนแป้งก็ไม่ได้นอนดึกนะคะแม่ แค่สี่ทุ่มครึ่งเอง” “นี่น้ำเย็นครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมจัด
ภายในห้องเช่าขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ปรียาพรกำลังนั่งร้องไห้ฟูมฟาย และพร่ำกล่าวคำว่าขอโทษเจฟฟ์ ขอโทษปวริศา สาเหตุทั้งหมดเกิดความโง่ของตนเอง ปวริศาเข้าไปโอบกอดใช้ฝ่ามือลูบหลังปลอบโยนเพื่อน“ฉันขอโทษเธอนะแป้ง เป็นเพราะฉันโง่เอง ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จแล้วเขาจะรักฉัน ฉันมันโง่เอง แป้ง ฉันขอโทษ ฮือ ฮือ”“โอเค ฉันเข้าใจเธอนะ แต่เธอก็ใจร้ายไปหน่อยนะ เธอก็น่าจะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้คนที่จะมารับเคราะห์ก็จะเป็นฉัน เธอไม่คิดห่วงฉันบ้างเลยหรือไง”“ตอนนั้นฉันยอมรับนะ ว่าฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จเขาจะรักฉันจะขอฉันเป็นแฟน แต่ความจริงแล้วมันกลับเฉดหัวฉันทิ้ง ฮือ ฮือ”ปวริศาหันไปสบตากับเจฟฟ์ ปรียาพรก็เงยหน้ามองเจฟฟ์เช่นกัน“บอสคะ หม่อนขอโทษ หม่อนผิดไปแล้ว บอสอย่าไล่หม่อนออกเลยนะคะ”ปรียาพรพนมมือไหว้ขอให้เจฟฟ์ยกโทษให้ทั้งน้ำตา“ครั้งก่อนตอนที่คุณปวริศาตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาไม่เคยมาขอให้ผมไม่ไล่ออก แต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกเอง ซึ่งผมก็ยังไม่อนุมัติเอกสารนั้น เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าปวริศาไม่มีทางทำหักหลังผมแน่นอน คุณมาขอแบบนี้มันจะไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ ความจริงเ
บรรยากาศในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้มีคนให้ความสนใจกับคู่ของแพทริกและปวริศาเป็นอย่างมาก แพทริกนั้นดูจะมีความสุขและยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อน เขาเดินควงปวริศาพาทักทายพูดคุยกับคนไปทั่วงาน จนมีหลายคนถามเขาว่าคนข้างกายของเขาคนสวยคนนี้คือใคร เขาก็ตอบไปเพียงว่า“เธอคือเป็นคนพิเศษสำหรับผมคืนนี้” “หิวมั้ยครับคุณแป้ง ผมเห็นคุณแป้งทานไปนิดหน่อยเองหรือว่าอาหารที่นี่ไม่ถูกปากให้ผมพาไปกินข้างนอกไหมครับ”เขาถามด้วยความใส่ใจหญิงสาวข้างกาย“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งกินไปหลายอย่างแล้ว ถ้ากินเยอะไปกว่านี้เดี๋ยวจะพุงป่อง น่าเกลียดแย่เลย” “อย่างคุณแป้งเอาตรงไหนมาน่าเกลียดครับ ผมเห็นแต่ความน่ารัก และความสวยเต็มไปหมด” แพทริกพูดไปส่งสายตาหวานให้หญิงสาว แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าของหญิงสาวก็สั่นไม่หยุด จนปวริศาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นว่ามีใครบางคนกดส่งข้อความมาให้เธอไม่ได้หยุด เธอเงยหน้าขึ้นก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ถูกส่งพุ่งตรงมาที่เธอ ใช่แล้วเป็นเจฟฟ์ที่กำลังมองมาที่เธออย่างตาไม่กะพริบซึ่งเขาก็เป็นคนส่งข้อความหาเธอแล้วส่งสายตาจ้องเขม็งเชิงบังคับและขอร้องให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน
เจฟฟ์นั่งมองโทรศัพท์ที่ตอนนี้เขาพยายามจะโทรไปหาใครบางคน โทรยังไงเขาก็ไม่รับ ไลน์ไปเขาก็ไม่เปิดอ่าน “ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะพี่แป้ง”เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจะดื่มแต่ก็พบกับความว่างเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกดโทรศัพท์แล้วให้ใครบางคนขอให้ชงกาแฟเข้ามาให้ แล้วก็แอบหาเศษหาเลยนิดหน่อยให้พอชื่นใจ แค่นี้ก็มีแรงทำงานต่อแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เฮ้อ... เจฟฟ์เอามือกุมหัวจากการที่เขาตามแกะรอยเรื่องงานประกวดราคาที่เขาแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างแพทริกแบบที่มีเงื่อนงำให้ชวนคิด ทำให้เขาต้องมาไล่เจาะข้อมูลซึ่งมันก็ไม่ยากเกินกว่าที่เขาจะหาตัวต้นเหตุเจอ ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของปวริศาเขาจึงอยากบอกให้ปวริศารู้และเป็นผู้ร่วมในการตัดสินใจที่จะลงโทษคนผิด แต่ปัญหาคือตอนนี้เขาติดต่อปวริศาไม่ได้เลย ความจริงเขาก็อยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่ติดว่าช่วงนี้คิวงานเขาก็แน่นมาก เขาตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยววันเสาร์นี้เขาจะรีบไปเฝ้าหาปวริศาแต่เช้าตรู่เลย มันเลยทำให้เขาหงุดหงิดที่เห็นคนผิดยังคนลอยหน้าลอยตาทำงานอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก ศศิวิมลเดินเข้ามาแล้วนำเอกสารมาวางที่ชั้นเอกสารนำเข้ารอเซ็นบนโต๊ะ เจฟฟ์พยักหน้
หลังจากที่เจฟฟ์คลาดกับปวริศาไปเพียงเสี้ยวนาที เขาก็พยายามครุ่นคิดอยู่ว่าคนที่พาปวริศาออกไปคือใคร“น้าขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม พอมีเวลาคุยกับน้าไหมจ๊ะ”เจฟฟ์รีบพยักหน้ารับ“ได้ครับคุณน้าวันนี้ผมตั้งใจจะมาหาพี่แป้ง จะมาขอโทษและอธิบายความจริงให้ฟังครับ”“น้าเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเราสองคนนะ แต่น้ามีลูกคนเดียว ไม่ว่าเขาเป็นอย่างไรน้าก็รักของน้า น้าจะไม่มากล่าวหาว่าใครผิดใครถูกหรืออย่างไร แต่น้าแค่อยากบอกว่า ตั้งแต่น้าเลี้ยงลูกน้ามา น้าเห็นเขาเสียใจหนักๆ สองครั้ง ครั้งแรกก็ตอนที่เจย์เดนย้ายไปอเมริกา ครั้งที่สองก็เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และน้าก็ไม่อยากเห็นลูกสาวน้าต้องเสียใจอีก น้าพูดแค่นี้หวังว่าเจย์เดนจะเข้าใจนะ”เจฟฟ์ก้มหน้า“ครับผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับคุณน้า”“น้าไม่รู้ว่าอนาคตของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่รักกันมากน้อยแค่ไหน”“ผมรักพี่แป้งจริงๆ นะครับ คุณน้า”“เจย์เดนก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า แค่คำว่ารักมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่มันจะต้องมีความไว้ใจและเชื่อใจกันด้วย” เจฟฟ์สบตากับปิ่นมณีแล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปเกือบสองชั่วโมงทำให้เจฟฟ์คิดอะไรได้หลายอย่าง“น้าว่าเจย์