นีรชาจำได้ว่าเธอเป็นคนให้พราวดาวมีตำหนิอยู่บริเวณลับซึ่งมันก็มีอยู่จริงๆ
“พราว” เสียงเคาะประตูบวกกับเสียงเรียกของพายุทำเอาหัวใจคนคิดพิเรนทร์หล่นไปอยู่ตาตุ่ม มาตอนไหนไม่มาดันมาเวลาสำคัญ
“มีอะไร” นีรชาส่งเสียงออกไปพร้อมกับรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่อย่างลวกๆ
“ฉันไม่มีอะไรแล้วเธอล่ะมีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าให้ฉันเข้าไปไหม”
“ทะลึ่งจะเข้ามาทำไม” ดวงหน้าสวยเห่อแดงขึ้นมาทันทีทันใด
“ทะลึ่งอะไรกำลังคิดอะไรอยู่ที่ฉันถามเพราะกลัวเธอจะล้มหัวฟาดคาชักโครกต่างหากแล้วคนที่ต้องเดือดร้อนก็ต้องเป็นฉันเพราะฉันต้องลำบากมาดูแลเธออีก” พายุตอบอย่างเอือมระอา คราวก่อนตอนที่พราวดาวถ่ายละครแล้วเกิดอุบัติเหตุจนข้อเท้าแพลงก็ไม่ใช่เขาหรอกเหรอที่ถูกโทรตามตัวให้ไปดูแลถึงห้อง ทั้งที่หน้าที่ก็ไม่ใช่
“สัญญาเลยว่าคราวนี้ฉันจะไม่ให้นายมาดูแลฉัน” แน่นอนว่านีรชาจำเรื่องราวในนิยายได้จึงตอบกลับมาทันควันราวกับว่าเธอเป็นพราวดาวซะเอง พอพูดจบก็เปิดประตูออกมาตั้งใจจะต่อว่าเรื่องความหลงตัวเองจนน่าหมั่นไส้ของพายุแต่เพราะขาข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บจังหวะที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำนีรชาเลยเกือบจะล้มโชคดีที่พายุรับไว้ทัน
สองสายตาสบประสานกัน ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงคืบ ด้วยนิสัยใจคอที่ติดมาจากอีกมิติแม่นักเขียนค่อยๆ ไล่เรียงใบหน้าพระรองของเธอทีละส่วน เริ่มจากคิ้วที่หนาจรดเข้าหากันรับกับดวงตาสีรัตติกาลคมเข้มตามที่นีรชาเคยจินตนาการเอาไว้
ไล่ต่ำลงมาอีกหน่อยดวงตาคู่สวยปะทะเข้ากับจมูกโด่งเป็นสันอย่างไร้ที่ติแต่ที่ไม่อาจจะปล่อยผ่านคือริมฝีปากของพ่อพระรองแม้จะไม่ใช่มีสีชมพูอิ่มน่าจูบเหมือนที่ชอบพรรณนาไว้ในนิยายแต่ก็เป็นริมฝีปากที่ชวนให้อยากสัมผัสดูสักครั้ง ตอนนี้คงไม่ใช่แค่พราวดาวหรือเหนือเมฆที่นีรชาตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นตัวเป็นๆ แต่รูปร่างหน้าตาพระรองในนิยายของเธอก็น่าหลงใหลไม่แพ้กัน
ไม่ๆๆนีรชา สเปคของเธอคือผู้ชายอย่างเหนือเมฆโน่นต่างหาก
“จ้องขนาดนี้ถ้าฉันท้องขึ้นมาจะทำยังไง” พายุเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องตัวเองจนเจ้าตัวรู้สึกขนลุก
“เป็นปลากัดหรือไงแค่จ้องจะได้ท้อง”นีรชาต่อกรพระรองของเธอด้วยการว่ากลับไปทันควัน ไม่นึกเลยว่าภายใต้คาแร็กเตอร์สุขุมเยือกเย็นคำพูดคำจานั้นใช่ย่อยหน้าตาก็หล่อเหลาดีอยู่หรอกแต่พ่อคุณจะปากร้ายไปไหน
“แล้วทำไมมาเข้าห้องน้ำคนเดียวผู้จัดการเธอไปไหน” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่ช่วยพยุงคนป่วยกลับมาที่เตียง
“ไม่รู้เหมือนกันเมื่อกี้ก็ยังอยู่หน้าห้องน้ำอยู่เลย”
“ฉันมาได้เกือบห้านาทีแล้วยังไม่เห็นผู้จัดการของเธอเลยนะ” เขาว่าพลางมองนาฬิกาที่สวมอยู่ข้อมือ
“สงสัยไปซื้อของกินมั้ง” นีรชาเดาส่งๆ
“ไปซื้อของกินตอนที่เธอเข้าห้องน้ำเนี่ยนะ” พายุแค่นหัวเราะออกมาอย่างนึกขัน ปล่อยให้อยู่คนเดียวถ้าเกิดลื่นล้มหัวฟาดขึ้นมาจะทำยังไง
“ไม่รู้เหมือนกันแต่เดี๋ยวก็คงมาแหละว่าแต่นายเหอะว่างเหรอถึงแวะมาหาฉันได้” ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าคือพระเอกในนิยายแม่นักเขียนคงจะไม่ถามอะไรให้คนฟังเสียน้ำใจแบบนี้
“เธอคงอยากเห็นหน้าไอ้เหนือมากกว่าหน้าฉันสินะ” ทำไมพายุจะไม่รู้ว่าพราวดาวกำลังคิดอะไรอยู่หายใจเข้าหายใจออกก็มีแต่เหนือเมฆทุกครั้ง ผู้ชายที่พายุไม่อยากให้เพื่อนเข้าไปยุ่ง
นีรชาได้ฟังก็นิ่งเงียบไป แน่นอนว่าที่พายุพูดเธอย่อมรู้ดีว่าเป็นเพราะความหวังดีที่มีต่อพราวดาวแต่มีบางอย่างที่สะกิดให้แม่นักเขียนสงสัย แววตาของพายุเหมือนมันมีบางอย่างที่นอกเหนือจากที่เธอเขียนไว้ในนิยาย
“ช่างเถอะยังไงมันก็ชีวิตของเธอฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งอยู่แล้ว” ว่าจบพายุก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง
“แล้วนายล่ะนายเลิกชอบผู้หญิงคนนั้นได้เหรอ” นีรชาค่อนข้างมั่นใจว่าพายุไม่มีทางจะเลิกชอบนางเอกในนิยายของเธอได้เพราะเธอวางบทให้พระรองเป็นคนรักฝังใจ ประโยคคำถามที่ไล่หลังไปอย่างรู้ทันทำให้ร่างสูงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้
“ถึงฉันจะเลิกชอบน้ำค้างไม่ได้แต่ฉันก็รู้ว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน” พายุเดินออกไปจากห้องทันทีนีรชาได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างกระทั่งประตูปิดสนิท หากตอนนี้นีรชากำลังมองพระรองของเธอผ่านการร้อยเรียงถ้อยคำเธออาจจะไม่รู้สึกผิดเท่าตอนนี้ก็ได้
ผู้ชายที่มีความรักมั่นคง รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รักที่ขอแค่ได้รัก มันอาจมีอยู่จริงบนโลกใบนี้แต่กับตัวละครในนิยายมันน่าเหลือเชื่อเกินไป
พายุทำให้นีรชารู้สึกผิดขึ้นมา ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากกลับไปแก้ไขให้พระรองของเธอไม่ต้องเป็นคนรักฝังใจเหมือนอย่างในตอนนี้
"พ่ะ...พายุ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นในลำคอเบาๆ กว่าหลายวินาที่นีรชามองไปที่อีกฝ่าย ตั้งแต่วันแถลงข่าวและวันที่ถูกพายุมัดมือชกให้ทำสัญญาเป็นแฟนวันนี้เป็นวันแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันแต่ก็ใช่ว่าแม่นักเขียนสาวในร่างพราวดาวสวยสง่าจะดีอกดีใจเนื้อเต้นเพราะคนที่เธออยากเห็นหน้าจวนใจจะขาดรอนๆ คือบอสหนุ่มสุดหล่ออย่างเหนือเมฆต่างหาก"นี่มันอะไรกันคะคุณเอกอย่าบอกนะว่าคุณหมอที่คุณบอกเมื่อกี้คือคุณหมอพายุ" เนตรนภาได้พูดแทนความสงสัยของนีรชาไปหมดแล้วแม้จะเทียบไม่ได้กับอาการตกใจของเธอ"ใช่ครับ คุณหมอพายุเป็นหมอคนนึงที่ร่วมในการวิจัยผลิตภัณฑ์ยาดังนั้นคุณพราวไม่ต้องกังวลเลยนะครับว่าจะกระทบชื่อเสียงเพราะผมได้ข่าวมาว่าคุณหมอพายุเก่งไม่แพ้คุณหมอไพโรจน์เสียที่อายุน้อยกว่า ทำงานกับแฟนอาจจะเกร็งๆ หน่อยนะครับ" ประโยคหลังเหมือนครีเอทีฟหนุ่มจงใจจะพูดให้พราวดาวได้ยินคนเดียว"ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลานะครับ" ทันทีที่ก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของทุกคนด้วยความมีมารยาทเป็นทุนเดิมพายุจึงโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อกล่าวขอโทษทีมงานเป็นอันดับแรกคุณหมอผู้สง่าผ่าเผยเดินผ่านครีเอทีฟหนุ่มไปยืนข้างกายดาราสาวคนสนิทซึ่งดูเหมือนว่าแม่ดา
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเนตรนภาสั่งให้พราวดาวเก็บตัวอยู่แต่ในคอนโดเพราะกลัวว่าถ้าออกไปข้างนอกอาจจะเจอนักข่าวแล้วจะถูกถามถึงเรื่องที่พึ่งให้สัมภาษณ์ไปการเปิดตัวแฟนแบบสายฟ้าแล๊บทำเอาทั้งคนในและนอกวงการต่างก็พากันพูดถึงส่งผลให้ภาพลักษณ์ของพราวดาวดีขึ้นแต่ก็ยังมีกระแสด้านลบอยู่บ้างโดยเฉพาะกลุ่มแอนตี้ที่ก่อนหน้านี้เคยบุกไปทำร้ายดาราสาวถึงโรงพยาบาลพวกเขาพากันขุดคุ้ยหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าระหว่างพราวดาวกับคุณหมอที่ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวแท้ที่จริงแล้วก็แค่การเล่นละครฉากหนึ่ง“พรุ่งนี้พี่จะมารับตอนสิบโมงนะ” เนตรนภาเห็นสมควรว่าพราวดาวคงต้องกลับมารับงานได้แล้วหลังจากที่พักรักษาตัวมาเป็นเดือน แม้ว่าดาราดังอย่างเธอจะทำประกันอุบัติเหตุเอาไว้แต่ก็ยังมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มเนตรนภาเลยให้พราวดาวหยุดงานนานกว่านี้ไม่ได้เพราะพราวดาวยังต้องผ่อนคอนโดผ่อนรถไหนจะต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว“ไปไหน”“ก็ไปทำงานไง” เนตรนภาตวัดสายตาด้วยสีหน้าประหลาดใจ หรือพราวดาวจะยังไม่พร้อมทำงาน ผู้จัดการสาวจึงได้นั่งลงถาม“ไหนว่าขาดีขึ้นเยอะแล้วไงพี่ก็เห็นพราวเดินเองได้แล้วนี่” งานที่ต้องไปถ่ายพรุ่งนี้เป็นโฆษณาตัวหนึ่งซึ่งเ
“อะไรนะ” นีรชาไม่คิดว่าคุณหมอพายุผู้ไร้เล่ห์เหลี่ยมจะใช้วิธีการเจ้าเล่ห์แบบนี้มัดมือชก พ่อพระรองผู้แสนดีไม่มีพิษมีภัยเห็นทีจะเป็นแค่ตัวละครไร้ตัวตนที่อยู่ในนิยายซะล่ะมั้งแต่ในขณะที่นีรชากำลังจะโวยวายต่อประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของบริษัทโฆษณาอย่างเหนือเมฆ เขาตั้งใจจะมาพูดเรื่องการแถลงข่าววันนี้ นีรชาเห็นเหนือเมฆมาเลยรีบซ่อนสัญญาเข้าไปไว้ใต้หมอนเพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะพ่อพระเอกในฝันของเธอแม้ว่าการเป็นแฟนกันหลอกๆระหว่างเธอกับพายุอาจจะปกปิดคนใกล้ชิดได้ยากแต่เธอก็ไม่อยากให้เหนือเมฆหรือแม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวรู้เรื่องสัญญาอยู่ดี“ฉันพึ่งได้ดูข่าวเธอแล้วก็รีบมาเลย” ประธานหนุ่มหรือพ่อพระเอกของแม่นักเขียนเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจแต่ก่อนจะพูดธุระสำคัญสายตาก็ไปปะทะเข้ากับสายตาของพายุแม้การอยู่ของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่แต่คุณหมอผู้ที่ปกติแล้วจะงานรัดตัวทั้งวันไม่น่าจะมีเวลามานั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ห้องคนอื่น แต่เรื่องที่ทำให้เขาทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งราวกับกำลังส่งกระแสจิตคงจะเป็นสาเหตุมาจากประเด็นร้อนที่พึ่งเกิดขึ้นวันนี้“แกอยู่ด้วยก็ดีแล้ว” เหนือเมฆเป็นฝ่ายเ
“สัญญาการเป็นแฟนหลอกๆ ระหว่างฉันกับเธอไง” ใช่ว่าจะไม่เข้าใจแต่ที่เธอต้องหันไปถามเป็นเพราะข้อความที่พายุอ้างว่าเป็นสัญญามันดูจะริบรอนอิสรภาพเกินไป“สัญญาเนี่ยนะ”“ใช่ สัญญาลองอ่านดูสิ” นีรชาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะก้มลงอ่านข้อความเหล่านั้นให้ถี่ถ้วน“ข้อหนึ่ง ฝ่ายเอสามารถมานอนค้างห้องของฝ่ายบีได้อย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้งข้อสอง ฝ่ายเอสามารถไปหาเวลาที่ฝ่ายบีไปทำงานได้ทุกที่อย่างไม่มีข้อยกเว้นข้อสาม เวลาอยู่ในที่สาธารณะฝ่ายบีต้องวางตัวหรือปฏิบัติเสมือนฝ่ายเอเป็นคนรัก ข้อนี้หมายรวมถึงความใกล้ชิดอย่างเช่นการจับมือ หอมแก้ม โอบกอด หากมากกว่านี้ต้องขึ้นอยู่ที่ความเหมาะสมและความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายหรือขึ้นอยู่กับสถานการณ์บังคับข้อสี่ หากฝ่ายบีจะไปหาฝ่าเอในที่ทำงานสามารถไปได้ทุกเมื่อแต่ฝ่ายบีจะต้องมีสิ่งของติดมือไปด้วย ของสิ่งนั้นจะเป็นอะไรแล้วแต่ฝ่ายบีจะเห็นสมควรข้อห้า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกหลุมรักอีกฝ่ายจะถือว่าสัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงข้อหก สัญญาฉบับนี้มีอายุหกเดือนนับจากวันที่ทำสัญญาหลังจากครบหกเดือนทั้งสองฝ่ายจะเป็นอิสระโดยลดสถานะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
“นายเป็นบ้าเหรอพายุทำไมถึงบอกว่าคบกับพราวดาวอยู่” พอพ้นสายตาของนักข่าวนีรชาก็ต่อว่าให้พระรองของเธอไปทันทีและเป็นคำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกตัวเองไม่ใช่ต่อว่าแทนเจ้าของร่าง“ฉันก็ช่วยเธอไง” พายุเข้าใจที่ถูกอีกฝ่ายต่อว่าจึงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ช่วย ช่วยให้เรื่องมันวุ่นวายกว่าเดิมน่ะสิ” นีรชายังคงใช้อารมณ์ ที่แม่นักเขียนเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องโกหกนักข่าวแต่เธอเป็นห่วงเนื้อเรื่องในนิยายมากกว่าเพราะพล็อตเรื่องที่วางเอาไว้พระรองผู้อ่อนโยนและแสนดีอย่างพายุจะต้องอยู่อย่างไร้คู่ไปตลอดชีวิตหรือต่อให้เขาคิดอยากมีคู่ขึ้นมาก็ต้องเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่นางร้ายของเธอแต่หากจะพูดให้ถูกประเด็นเรื่องที่ทำให้แม่นักเขียนร้อนใจจนต้องแสดงอาการโวยวายเป็นเพราะตัวเองดันมาอยู่ในร่างของพราวดาวต่างหากโอกาสทองที่จะได้ใกล้ชิดสนิทสนมชายหนุ่มในฝันอย่างเหนือเมฆ ไม่จบเห่หรอกเหรอ“ฉันเนี่ยนะทำให้เรื่องมันยุ่งกว่าเดิม” พายุชี้หน้าตัวเองเมื่อยัยดาราเอาแต่โทษเขาไม่หยุด“ก็ใช่น่ะสินายไปบอกนักข่าวแบบนั้นทำไม รู้ไหมว่าหลังจากนี้ไปนายจะถูกดึงเข้ามาในชีวิตของพราว….เอ่อ...ของฉัน” นีรชาร้อนใจเกือบจะเผลอพูดชื่อนางร้ายของเธอออ
"ผมกับคุณพราวตอนนี้เราสองคนกำลังคบกันอยู่ครับและคนที่คุณพราวขับรถไปหาคืนนั้นก็คือผม” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกระลอก ในขณะที่สายตาคมภายใต้กรอบแว่นตามองไปยังเบื้องหน้าด้วยความสุขุมแม้ว่าพายุไม่ใช่ดาราหรือคนเด่นคนดังแต่เขาเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งผู้ปรากฏตัวคล้ายไม่ได้รับเชิญทำให้บรรดานักข่าวพากันงงเป็นไก่ตาแตกเพราะก่อนหน้านี้พราวดาวมีข่าวกับนักธุรกิจหนุ่มดังนั้นแล้วการที่จู่ๆ พายุออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์จึงเป็นประเด็นร้อนที่ทั้งนักข่าวและคนที่รับชมไลฟ์สดอยู่ในขณะนี้ต่างก็พากันให้ความสนใจ“แล้วทำไมคุณหมอพึ่งออกมาพูดครับ” ความจริงนักข่าวชายผู้นี้อยากถามว่า หากที่พูดมาเป็นความจริงควรจะออกมาพูดตั้งแต่ทีแรกนอกเสียจากว่าเรื่องที่พูดมันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง“ที่ผ่านมาคุณพราวเป็นข่าวกับคุณเหนือเมฆมาตลอดในขณะที่ทุกคนรับรู้ว่าคุณหมออคือเพื่อนสนิทของคุณพราวการที่วันนี้คุณหมอออกมาบอกกำลังคบอยู่กับคุณพราวแบบนี้สังคมจะยิ่งตั้งข้อสงสัยไหมคะ” นักข่าวหญิงผู้นี้เป็นนักข่าวสายบันเทิงช่องดังช่องหนึ่งที่เล่นข่าวพราวดาวกับเหนือเมฆตั้งแต่แรกเริ่มเธอจึงไม่เชื่อว่าพราวดาวจะคบอยู่กับพายุจริงๆทว่าคำถาม