Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาพบรักกับเมน / บทที่ 1 เชฟสาวมือหนึ่งของร้าน

Share

ทะลุมิติมาพบรักกับเมน
ทะลุมิติมาพบรักกับเมน
Author: หนึ่งบุปผา

บทที่ 1 เชฟสาวมือหนึ่งของร้าน

last update Last Updated: 2025-09-03 20:00:53

         เสียงเคาะกระทะ เสียงฟู่จากเตาแก๊สและเสียงจัดเรียงจานชามต่าง ๆ ดังอึงอลไปทั้งครัว ร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองปักกิ่งยามนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำอาหารให้ทันกับจำนวนออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งเข้ามา เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้คนออกมารับประทานอาหารเย็นกันพอดีร้านแห่งนี้จึงต้องเร่งมือทำอาหารออกมาเยอะเป็นพิเศษ

ร้านนี้ขายดีแบบนี้เสมอแต่เจ้าของร้านกลับขี้เหนียวจ้างเชฟมาเพียงแค่สองคนเท่านั้นแล้วก็มีลูกมืออีกสองสามคน ซูเฟยเป็นหัวหน้าเชฟที่นี่และเธอมักจะทำงานอยู่ที่ร้านจนเลยเวลาเพราะไม่อยากให้เพื่อนที่รับงานต่อจากเธอทำงานหนักเกินไป วันนี้ก็เช่นกัน แต่เมื่อออร์เดอร์เริ่มเบาบางแล้วเพื่อนของเธอก็บอกให้เธอกลับบ้าน

"พี่ซูเฟย เหลือออร์เดอร์ไม่เยอะแล้ว เดี๋ยวฉันทำเอง พี่กลับไปพักผ่อนเถอะ" เสียงของเสี่ยวปิงเชฟอีกคนตะโกนบอกซูเฟยในขณะที่เธอกำลังจะเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร

ซูเฟยรีบหยิบวัตถุดิบเตรียบใส่ใว้ในชามเพื่อที่จะให้เสี่ยวปิงที่มารับช่วงต่อทำงานได้อย่างสะดวกก่อนจะตะโกนกลับไป "ได้ ถ้างั้นฝากเธอด้วยนะ พี่จะกลับก่อนจะรีบไปกดบัตรละครเวทีของหยางจื้อเจ๋อ"

        "อะไรๆ ก็หยางจื้อเจ๋อ เป็นเพราะคลั่งหยางจื้อเจ๋อมากเกินไปหรือเปล่าพี่สาวของฉันเลยไม่ยอมมีแฟนกับเขาสักที" เสี่ยวปิงพูดแซว

        "ไม่รู้สิ ฉันก็อยากมีแฟนแบบหยางจื้อเจ๋อนะแต่ก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยขอให้มีบางอย่างใกล้เคียงกันสักหน่อยก็ดี" ซูเฟยตอบ

        "ไปเถอะ เดี๋ยวกดบัตรไม่ทันนะ" เสี่ยวปิงพูดแล้วก้มมองกระทะผัดอาหารต่อ

        "ฉันไปก่อนนะ เธอเองก็อย่ากลับดึกมากล่ะ" ซูเฟยบอกจากนั้นจึงมองดูความเรียบร้อยภายในครัวอีกครั้งแล้วค่อยเดินออกมา

        ซูเฟยเป็นหญิงสาววัยทำงานอายุสามสิบหกปี เป็นหัวหน้าเชฟของร้านอาหารแห่งนี้ เธอชื่นชอบการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ เข้าแข่งขันการทำอาหารคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย หากจะพูดกันในวงการอาหารไม่มีใครไม่รู้จักเธอ เธอเป็นต้นตำรับของเมนูกุ้งมังกรดองบ๊วยและน้ำจิ้มสุดแซ่บที่รายการทำอาหารรายการหนึ่งถึงกับเอาเมนูนี้ไปเป็นโจทย์ให้ผู้เข้าแข่งขันทำตามเลยทีเดียว แต่ที่เธอเลือกที่จะมาทำงานในร้านอาหารที่ไม่ใหญ่นักก็เพราะว่าเธอไม่ชอบระบบเส้นสายที่วุ่นวายของภัตาคารใหญ่หรือว่าโรงแรมหรู การอยู่ร้านเล็ก ๆ ถึงแม้จะเงินเดือนน้อยแต่ก็สบายใจกว่า และที่สำคัญตอนนี้เธอทำให้ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นที่นิยมในเมืองปักกิ่งไปแล้ว

        เดิมทีเธอเป็นเด็กกำพร้า ตั้งแต่เด็กเธอก็มีชีวิตอยู่ในสถานสงเคราะห์แล้ว ตอนนั้นจำได้คร่าว ๆ ว่าตัวเองน่าจะอายุประมาณหกขวบอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านบนชั้นห้าของตึกแห่งหนึ่ง แต่แล้วอยู่ ๆ ก็เกิดไฟไหม้ตึกนั้น พ่อกับแม่ของเธออยู่ข้างในไม่สามารถหนีออกมาได้ ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วซูเฟยได้แต่ยืนดูเหตุการณ์และร้องไห้อย่างโศกเศร้า โชคดีที่วันนั้นเธอลงมาเล่นกับเพื่อนที่ข้างล่างตึกก็เลยรอดตายมาได้

        หลังจากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่สถานสงเคราะห์ สถานสงเคราะห์ติดต่อญาติของเธอหลายครั้งแต่ว่าไม่มีใครสนใจที่จะมารับเธอไปดูแลเลย ทุกคนให้เหตุผลว่ายากจนไม่กำลังทรัพย์พอที่จะเลี้ยงหลานอีกคนได้ ดังนั้นซูเฟยจึงได้มีชีวิตอยู่ในสถานสงเคราะห์จนเรียนจบชั้นมัธยมปลาย

เมื่อจบชั้นมัธยมปลายแล้วก็สอบเกาเข่าได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในปักกิ่งสาขาที่เกี่ยวข้องกับด้านอาหาร ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เริ่มทำงานหาเงินและดูแลตัวเองมาตลอด ถึงแม้ว่าจะออกจากสถานสงเคราะห์มาแล้วแต่เธอก็ยังกลับไปเยี่ยมที่นั่นอยู่เป็นประจำ เอาเงินบางส่วนไปบริจาคให้เพราะคิดอยู่เสมอว่าหากไม่มีสถานสงเคราะห์ชีวิตของเธอก็คงไม่มีวันนี้

        ซูเฟยมีศิลปินที่ชื่นชอบอยู่คนหนึ่ง เขาชื่อหยางจื้อเจ๋อ อายุสามสิบสองปี เข้าวงการด้วยการเดบิ๊วต์เป็นนักร้องของวง wishing star แต่ตอนนี้ได้ผันตัวมาเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว เธอชื่นชอบเขามากถึงขั้นเอาเขาเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะมีผลงานอะไรซูเฟยก็จะติดตามตลอด

        วันนี้เป็นวันเงินเดือนออก ซูเฟยตั้งใจจะเก็บส่วนหนึ่งไว้เพื่อซื้อบัตรละครเวทีเรื่องที่หยางจื้อเจ๋อแสดง ถึงแม้ว่าบัตรจะไม่ได้ราคาสูงมากแต่ว่าระดับความแข่งขันที่จะได้บัตรมานั้นยากเหลือเกิน เพราะยังมีแฟนคลับของหยางจื้อเจ๋ออีกมากมายที่ต้องการบัตรละครเวทีเรื่องนี้ สิ่งสำคัญก็คือต้องกดบัตรให้ได้

         เวลาที่เปิดให้กดบัตรคือเที่ยงคืนของวันนี้ดังนั้นจึงมีเวลาเหลืออยู่เพราะตอนนี้ก็เพิ่งจะสามทุ่มกว่า ซูเฟยจึงแวะร้านสะดวกซื้อนิดหน่อยเพื่อซื้อของเข้าบ้าน ปกติแล้วก็จะซื้อเดือนละครั้ง ด้วยความที่เป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวเลยไม่มีของมากเท่าไร ส่วนมากก็จะซื้อพวกอาหารแห้งกับของใช้ส่วนตัวไปเก็บไว้เท่านั้น ซื้อของเสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านตามปกติ

เมื่อถึงห้องสิ่งแรกที่ทำก็คือเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้ตขึ้นมาจากนั้นก็เข้าเว็บไซต์สำหรับซื้อตั๋วละครเวทีไว้ แล้วค่อยไปจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะมานั่งรอกดบัตร

แต่ยังไม่ทันไปอาบน้ำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เป็นสายเข้าจากเสี่ยวปิงนั่นเอง

("ฮัลโหลเสี่ยวปิง มีอะไรเหรอ")

("พี่ซูเฟย วันนี้ฉันไปนอนห้องพี่ได้ไหมคะ ที่ห้องน้ำไม่ไหลเลยฉันสอบถามนิติบุคคลแล้วเขาบอกว่าระบบส่งน้ำมีปัญหา")

        ("ได้สิ ถ้ามาถึงแล้วโทรบอกนะพี่กำลังจะอาบน้ำเหมือนกัน")

        ("โอเคค่ะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้)

        วางสายแล้วซูเฟยก็เดินเข้าห้องน้ำไป เป็นเรื่องปกติที่เสี่ยวปิงมานอนห้องของเธอบ่อย ๆ เพราะว่าทั้งสองคนสนิทกันมาก เรียกได้ว่าสนิทเป็นพี่สาวกับน้องสาวกันเลย พวกเธอทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้ด้วยกันมาห้าปีแล้วโดยที่ซูเฟยเป็นคนคัดเลือกเสี่ยวปิงเข้ามาเอง เสี่ยงปิงเป็นเด็กดี ขยัน ตั้งใจทำงานแล้วก็เป็นคนที่ใจดีห่วงใยผู้อื่นด้วย จึงทำให้ซูเฟยเอ็นดูเธอเป็นพิเศษ

        เวลาเกือบเที่ยงคืนเสี่ยวปิงก็มา เธอไม่ได้มามือเปล่าแต่ว่ายังมีเครื่องดื่มกับขนมติดไม้ติดมือมาด้วย

        "พี่ซูเฟย กินเบียร์กัน" เสี่ยวปิงบอกพลางยกถุงของที่ถืออยู่ขึ้นมาให้ซูเฟยดู

        "กินเบียร์เหรอ พี่ลืมไปเลยว่าวันนี้เงินเดือนออก ปกติแล้วพวกเราต้องฉลองกันนี่น่า" ซูเฟยพูด เธอลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริง ๆ เพราะใจของเธอมัวแต่จดจ่ออยู่กับการจะต้องกดบัตรละครเวทีให้ได้

        "ว่าแต่ถึงเวลากดบัตรแล้วไม่ใช่เหรอ รอพี่กดบัตรก่อนแล้วค่อยเปิดเบียร์ก็แล้วกัน" เสี่ยวปิงบอก เธอมานั่งกินขนมรอที่โซฟาแล้วปล่อยให้ซูเฟยนั่งใจจดใจจ่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คต่อไป

"เย้! ได้แล้ว ได้โซนวีไอพีที่ด้านหน้าด้วย คราวนี้เขาจะต้องมองเห็นพี่แน่ ๆ" ซูเฟยพูดออกมาอย่างดีใจพลางทำหน้าตาตื่นเต้นไปทางเสี่ยวปิง

"ฉันดีใจกับพี่ด้วยนะ คราวนี้คงได้เห็นเขาใกล้ ๆ สักที พี่ก็อย่าลืมส่งยิ้มให้เขาด้วยล่ะ" เสี่ยวปิงบอก น้ำเสียงหยอกแซวเล็กน้อย

"เอาเถอะมากินเบียร์กัน ภารกิจสำเร็จแล้ว" ซูเฟยเดินไปในนั่งที่โซฟากับเสี่ยวปิงก่อนจะหยิบเบียร์ขวดหนึ่งมาเปิดฝาแล้วดื่มอึก ๆ กันอย่างสบายใจ

"ว่าแต่พี่ไม่คิดที่จะมีแฟนจริง ๆ เหรอ นี่ก็สามสิบหกแล้วนะ แก่แล้ว เดี๋ยวมดลูกใช้การไม่ได้ก่อน" เสี่ยงปิงพูด ถ้อยคำเหมือนจะหยอกล้อก็จริงแต่ว่าเธอกลับจริงจังมาก เพราะว่าในสังคนจีนแล้วผู้หญิงมักจะแต่งงานเร็วแค่ยี่สิบกว่าก็แต่งงานมีลูกมีครอบครัวกันแล้ว แต่พี่สาวคนนี้กลับเลยวัยมาตั้งนานถือว่าแก่แล้วเสียด้วยซ้ำ

"พูดอะไรของเธอ ผู้หญิงเราสมัยนี้ดูแลตัวเองได้กันหมดแล้ว ถ้าพี่ไม่เจอคนที่ชอบจริง ๆ พี่ก็ไม่มีแผนจะแต่งง่าย ๆ หรอก" ซูเฟยตอบ นี่คือทัศนคติของเธออย่างแท้จริง อาจจะเป็นเพราะเธอเองยืนหยัดด้วยตนเองมาตั้งแต่เด็ก สามารถต่อสู้กับความเหงาและความทุกข์มาได้โดยที่ไม่เคยพึ่งพาใคร ดังนั้นการจะมีแฟนหรือว่าไม่มีจึงไม่ใช่ปัญหา

"พี่ยึดติดกับสเป็คของตัวเองมากไปหรือเปล่า " เสี่ยงปิงพูดพร้อมถอนหายใจออกมาหนึ่งที

ซูเฟยส่งสายตาให้เสี่ยวปิงอย่างจริงจังก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่า "สำหรับพี่นะ พี่ไม่ได้คาดหวังอะไรจากการคนที่เป็นคนรักของพี่มากนักหรอก ขอเพียงแค่เข้ากันได้แล้วอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจก็พอ แต่ว่าพี่ยังไม่เจอคนคนนั้นน่ะสิ"

"ฉันว่าพี่ไม่หามากกว่าน่ะสิ อย่างเถ้าแก่เจียงเจ้าของร้านก็มองพี่มาตั้งนานแล้ว ฉันดูออกนะ" เสี่ยวปิงพูด

ซูเฟยนิ่วหน้าพลางเปลี่ยนเรื่องคุย“พี่ว่าพวกเราเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้วน่า กินเบียร์กันเถอะ"

สองสาวนั่งดื่มเบียร์ไปคุยกันไปเรื่อยจนเวลาล่วงเลยมาก็ดึกแล้ว จากนั้นจึงได้แยกย้ายกันนอน บ้านของซูเฟยมีสองห้องนอนพอดีก็เลยไม่ค่อยเบียดเสียดกันเท่าไร เธอเคยบอกให้เสี่ยวปิงย้ายมาอยู่กับเธอหลายครั้งแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเงินเช่าห้องแต่ว่าเสี่ยงปิงเองก็เกรงใจ ถึงแม้ว่าจะสนิทกันมากก็จริงแต่ก็คิดว่าสักวันหนึ่งไม่ใครคนดีคนหนึ่งก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง จะอยู่ตัวติดกันแบบนี้ตลอดไปคงไม่ได้หรอก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก

    บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก ออกจากเหลาสุราก็เดินตรงไปยังร้านขายหมูของต้าเป่าทันที ที่ร้านขายหมูตอนนี้วุ่นวายมากเพราะใกล้จะถึงงานเทศกาลตวนอู่แล้ว ผู้คนจึงออกจากบ้านมาจับจ่ายซื้อของไปทำบ๊ะจ่างกันมากมายเต็มตลาดไปหมด กว่าที่ฟางหนิงฮวาจะเบียดฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้านขายหมูได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเช่นกัน เทศกาลตวนอู่หรือเทศกาลบ๊ะจ่างเป็นเทศกาลสำคัญ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 เดือน 5 บรรยากาศของเทศกาลอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของวัฒนธรรมและประเพณี ผู้คนจะเริ่มเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวช่วยกันห่อบ๊ะจ่างด้วยใบไผ่หรือใบหญ้าเรียวยาว ภายในห่อข้าวเหนียวสอดไส้ด้วยหมูแดง ถั่ว หรือไข่แดงเค็ม กลิ่นหอมของบ๊ะจ่างลอยคลุ้งไปทั่วลานบ้านชายฉกรรจ์จะนำเรือมังกรออกมาเพื่อเตรียมแข่งในแม่น้ำ เสียงกลองกระหึ่มกึกก้อง ผสมกับเสียงร

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 13สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร

    บทที่ 13 สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร หนึ่งเดือนผ่านไปฟางหนิงฮวาก็เริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในเมืองถู่หยางแล้ว ถึงแม้ว่าจะคิดถึงที่ที่จากมาอยู่บ้างแต่ว่าที่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หนักใจอะไร คนที่คิดถึงก็เห็นจะมีแค่เสี่ยวปิงกับคนที่ร้านอาหารเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องมีชีวิตของตนเองต่อไป ถึงนางไม่จากตายก็ต้องมีวันใดวันหนึ่งจากเป็นอยู่ดี การที่ได้มาเกิดใหม่ที่นี่ก็ดีไม่น้อย นางมีทั้งพ่อแม่ทั้งอารองที่รักและคอยดูแลนาง เมื่อเทียบกับชาติที่แล้วที่ไม่มีญาติเลยแม้แต่คนเดียวนั้นก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่ามาก การได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวเป็นอะไรที่มีความสุขยิ่งซึ่งนางไม่เคยสัมผัสมาก่อนชีวิตที่นี่ก็เรียบง่ายไม่ต้องทำงานแข่งกับเวลาหรือว่าแข่งขันกันเพื่อความก้าวหน้า อาจจะมีบ้างในคนระดับสูงแต่ไม่ใช่บุตรสาวร้านขายซาลาเปาเช่นนาง งานที่ต้องทำก

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค

    บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค ข่าวของท่านเจ้าเมืองถูกติดประกาศตามพื้นที่ต่าง ๆ รอบเมืองถู่หยาง ชาวเมืองต่างก็มาดูประกาศกันอย่างตื่นเต้น ในเมื่อประกาศจากจวนเจ้าเมืองยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเขาฟื้นแล้วทุกคนต่างก็ดีใจมาก ถึงขั้นจัดฉลองกันใหญ่ โดยเฉพาะบรรดาหญิงสาวที่ชื่นชอบท่านเจ้าเมือง พวกนางดีใจจนถึงกับน้ำตาไหล ต่างจับมือกันอย่างปลาบปลื้ม บ้างกราบไหว้ฟ้าดินไม่หยุดพร่ำพูดว่าขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา พวกนางยังคงไปยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูจวนเจ้าเมืองเช่นเคย คราวนี้เหมือนว่าพวกนางจะรวมตัวกันเยอะกว่าเดิมเสียอีก ของเยี่ยมต่าง ๆ ถูกนำมาให้เหล่าองครักษ์ขนกลับเข้าจวนไปนับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างไรพวกนางก็ยังคงไม่ได้เข้าไปเยี่ยมท่านเจ้าเมืองอยู่ดีเพ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 11 ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว

    บทที่ 11ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาหยางจื้อเจ๋อก็พบกับแสงสว่างอีกครั้งแต่เป็นแสงสว่างที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องที่นอนอยู่ เขากวาดตามองไปรอบห้องช้า ๆ ไม่สามารถหันหน้าได้ถนัดเนื่องจากรู้สึกเจ็บปวดที่ต้นคออยู่ไม่น้อย ห้องที่นอนอยู่นั้นมองแล้วรู้สึกไม่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างภายในห้องดูเหมือนจะไม่ใช่โลกปัจจุบันที่เขาเคยอยู่ ทั้งรูปแบบการตกแต่งห้องที่แปลกตา ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ดูแล้วนะจะเหมือนจวนของชนชั้นสูงในยุคโบราณมากกว่า แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเหตุใดอยู่ ๆ เขามีมีอาการเหมือนคนได้รับบาดเจ็บ หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์รถชน พอคิดดูอีกครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเขาเองก็ตายไปแล้วและร่างก็ถูกฝังไปเมื่อสักครู่นี้ซึ่งเขาเห็นมันด้วยตาของตัวเองหยางจื้อเจ๋อพยายามยามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ทว่าความ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 10 คำสั่งเสียจากวีรบุรุษ

    ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หยางจื้อเจ๋อที่ประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง เขาเสียชีวิตบนรถฉุกเฉินระหว่างที่นำตัวส่งโรงพยาบาล วิญญาณของเขาออกจากร่างแล้วนั่งมองตนเองนอนอยู่ในรถอย่างสิ้นหวัง เขาเพิ่งอายุเพียงแค่สามสิบต้น ๆ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและใกล้ถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต อีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะถอนตัวจากเบื้องหน้าแล้วมาทำเบื้องหลังเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัว ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดสวรรค์ถึงไม่ให้เขามีโอกาสนั้น พยาบาลที่อยู่ในรถฉุกเฉินต่างก็พยายามช่วยชีวิตเขาอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเสียงของเครื่องวัดสัญญาณชีพในรถพยาบาลดังยาวเป็นสัญญาณบอกว่าผู้ป่วยได้หมดลมหายใจ เมื่อร่างของเขาถึงที่โรงพยาบาลได้ไม่นาน พ่อกับแม่ของเขาก็บินตรงมาจากต่างเมืองเพื่อมาดูอาการของลูกชาย พวกเขามีลูกชายเพียงคนเดียวและคาดหวังว่าเขาผู้นี้จะเป็นผู้สืบท

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 9 ว่าที่คู่หมั้น อะไรกันเนี่ย

    เมื่อทำหน้าที่ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วฟางหนิงฮวาก็กลับมาที่ร้านอย่างสบายใจ หลังจากนั้นจึงทำหน้าที่ปั้นแป้งซาลาเปาต่อ ร้านนี้ไม่ได้ขายดีเพียงแค่ช่วงเช้าหรือว่าช่วงที่ผู้คนพักกินข้าวกันเท่านั้นแต่ทว่าขายดีทั้งวัน เพราะเมืองถู่หยางนั้นมีผู้คนมากมาย แต่ละคนทำงานไม่เหมือนกันเวลาพักกินข้าวบางครั้งก็ไม่ตรงกัน ดังนั้นซาลาของร้านสกุลฟางจึงขายได้ทั้งวัน ที่ร้านไม่ได้มีเพียงแค่ซาลาเปาอย่างเดียวยังมีหมั่นโถวขายด้วย ฟางหนิงฮวาไม่คิดว่าสวรรค์จะเข้าข้างตนเองถึงเพียงนี้ ชาติที่แล้วได้ทำงานที่ตัวเองรักนั่นก็คือการเป็นเชฟ พอตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ยังได้เกิดเป็นบุตรสาวร้านขายซาลาเปาอีก ช่างมีความสุขจริง ๆ นางคิดเล่น ๆ ว่าในภายภาคหน้าหากคุ้นเคยกับเมืองนี้และรู้เรื่องลู่ทางการทำมาหากินแล้วก็อยากจะขยายร้านซาลาเปาให้เป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในเมืองถู่หยางพูดถึงร้านอาหารแล้วที่เมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status