“งั้น...ข้าขอตัวไปเตรียมยาให้ท่านก่อนนะเจ้าคะ เผื่อคุณหนูหลินปรุงยาไม่สำเร็จ ท่านก็จะยังมียาของข้าช่วยบรรเทาความเจ็บจากบาดแผล” หยางเฟยฮุ่ยพูดพลางส่งยิ้มหวานให้อวิ๋นเฟยหลง ก่อนจะหันหลังเดินไปอย่างมั่นใจและสง่างาม
หลินเข่อซิงเห็นท่าทางเช่นนั้นของหยางเฟยฮุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากเบาๆ โอย… ท่าทางยกไม้ยกมืออย่างสง่างามราวกับนางฟ้านางสวรรรค์นั่นคืออะไรกัน “เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณหนูหยาง!” หลินเข่อซิงเอ่ยเรียกเสียงดัง ทำให้หยางเฟยฮุ่ยหันมามองด้วยสายตาฉงน อวิ๋นเฟยหลงเองก็มองเธอด้วยความสงสัย “ไม่แปลกที่ท่านจะไม่รู้...” หลินเข่อซิงพูดพลางยิ้มแบบที่พยายามจะดูมั่นใจสุดๆ แม้ในใจจะเต้นรัวเหมือนกลอง “ว่าท่านปู่ของข้าเป็นหมอยานิรนามท่องไปทั่วหล้ารักษาผู้คน และข้า... ก็รู้เรื่องสมุนไพรอยู่พอสมควรนะเจ้าคะ และข้าเพิ่งคิดสูตรใหม่ขึ้นมาได้ อาจจะช่วยให้หายเร็วกว่าเดิมยิ่งกว่าสูตรยาของท่านเสียอีก” หยางเฟยฮุ่ยเลิกคิ้ว “หืม? เจ้ารู้เรื่องสมุนไพรด้วยหรือ?” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกังขาอย่างไม่ปิดบัง อวิ๋นเฟยหลงเองก็ดูสนใจขึ้นมา เขาเหลือบมองมาทางหลินเข่อซิงอย่างสงสัยพลางขมวดคิ้วมุ่น เดี๋ยว! ฉันไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนเนี่ย? เธอคิดในใจ แต่ไม่ทันจะเปลี่ยนแผน เธอก็พูดต่อออกมาเสียแล้ว “ใช่เจ้าค่ะ! สูตรนี้ข้าเคยใช้มาแล้วกับ…เอ่อ…” หญิงสาวพยายามคิดหาข้ออ้าง โอ๊ย อย่าหาเรื่องยุ่งใส่ตัวนะหลินเข่อซิง! แต่ก็เอาวะ... ลุยแล้วลุยเลย! “กับท่านพ่อข้าเอง! ท่านหายดีภายในสามวันเท่านั้น!” หยางเฟยฮุ่ยหันมามองด้วยสายตาที่บอกชัดว่ากำลังจะจับผิด “แล้วข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?” หลินเข่อซิงยิ้มกว้าง “ท่านไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ข้าขอลองทำให้ท่านอวิ๋นเฟยหลงลองดูก่อนได้ไหมเล่า?” แล้วเธอก็หันไปมองอวิ๋นเฟยหลง พร้อมกับส่งสายตาที่คิดว่าต้องทำให้เขาคล้อยตามได้บ้าง อวิ๋นเฟยหลงหรี่ตาเล็กน้อย เหมือนกำลังชั่งใจ “เจ้าบอกว่าเจ้ามีสูตรของเจ้าเองงั้นรึ?” “ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” หลินเข่อซิงยืนยันเสียงดัง จนเธอรู้สึกว่าน้ำเสียงของตัวเองดังเกินไปนิด แต่ก็ต้องเล่นตามเกมนี้ต่อ “ถ้าไม่หาย ท่านก็แค่ลองวิธีของคุณหนูหยางได้ ไม่มีอะไรเสียหายนี่เจ้าคะ!” หยางเฟยฮุ่ยหันมามองหลินเข่อซิงอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร อวิ๋นเฟยหลงมองเธออีกครั้งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ได้ ข้าจะลองดู” เดี๋ยวนะ! หลิรเข่อซิงตื่นเต้นในใจที่อวิ๋นเฟยหลงยอมเล่นตามแผนของเธอได้ เธอรีบฉวยโอกาสนี้และหันไปหาหยางเฟยฮุ่ย “งั้นคงไม่ต้องรบกวนคุณหนูหยางแล้ว ไปพักก่อนเถอะนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลท่านอวิ๋นเอง!” ใบหน้าของหยางเฟยฮุ่ยกระตุกเล็กน้อย แต่นางกลับไม่แสดงความไม่พอใจออกมาตรงๆ เพียงยิ้มเบาๆ พลางพูดเสียงเย็น “ได้ เช่นนั้นข้าไม่ขัดเจ้าก็แล้วกัน” เมื่อหยางเฟยฮุ่ยเดินจากไป หลินเข่อซิงก็หันมามองอวิ๋นเฟยหลงอีกครั้ง หัวใจเต้นแรง โอ้ยยย! แล้วจะทำยังไงต่อล่ะเนี่ย! ข้าก็ไม่ได้รู้เรื่องสมุนไพรอะไรเลย! อวิ๋นเฟยหลงมองไปที่หลินเข่อซิงด้วยสายตาเฉยชา แต่ในใจลึกๆ เขากลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าผู้หญิงที่ดูจืดชืดและธรรมดา ๆ เช่นนางจะกล้าเผชิญหน้าและต่อป่กต่อคำกับหยางเฟยฮุ่ยเช่นนี้ และแม้ว่าเขาจะไม่พูดออกมา แต่ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในตัวหลินเข่อซิงทำให้เขาเริ่มสนใจเธอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หลังจากการปะทะเล็กๆ กับหยางเฟยฮุ่ย หลินเข่อซิงรีบก้าวออกจากลานของตำหนักใหญ่ทันที แต่ขณะเดียวกัน เธอก็ไม่รู้จะหาทางออกยังไงกับคำพูดที่เธอเพิ่งพลั้งปากไป อวิ๋นเฟยหลงเชื่อเธอซะแล้ว! แต่ตัวเธอเองแทบไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรเลยสักนิด โอ๊ย! ทำไงดี! ฉันจะหา “สมุนไพรสูตรพิเศษ” จากที่ไหนกันล่ะเนี่ย! เธอคร่ำครวญในใจ “คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนู!” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง หลินเข่อซิงหันไปตามเสียง แล้วก็พบกับสาวใช้ตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น นางก็คือหลิงเฉิน สาวใช้คนสนิทที่ติดตามเธอตั้งแต่เข้ามาในโลกนิยายนี้ หลิงเฉินหอบหายใจเล็กน้อยแต่ก็ส่งยิ้มกว้างให้ “ท่านดูมีสีหน้าไม่สู้ดีเลยนะเจ้าคะ คุณหนูหลิน เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?” หลินเข่อซิงถอนหายใจยาว “หลิงเฉิน...ข้ากำลังเจอเรื่องยุ่งใหญ่เลยล่ะ อวิ๋นเฟยหลงเขาดันเชื่อว่าข้ารู้เรื่องสมุนไพร! แล้วข้าก็ดันบอกไปว่าข้าจะรักษาเขาได้ ข้าไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรสักนิด! ทำไงดีล่ะ?” หลิงเฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “คุณหนูหลิน นี่ท่านพูดไปอย่างนั้นจริงๆ เหรอเจ้าคะ? ปกติท่านไม่เป็นเช่นนั้นนี่” “ใช่สิ! ข้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะหลุดปากไป” เจ้านายสาวตอบพลางทุบหน้าผากตัวเองเบาๆ ด้วยความรู้สึกหมดหวัง “แล้วข้าจะหาสมุนไพรจากไหนกัน?” หลิงเฉินยังคงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันมามองนางเอกสาวด้วยแววตาเป็นห่วง “คุณหนูอย่าเพิ่งกังวลไป ข้าว่าถ้าท่านต้องการสมุนไพร ข้าพอจะช่วยท่านได้นะเจ้าคะ ข้าพอจะรู้จักสมุนไพรพื้นฐานอยู่บ้างสองสามอย่าง” หลินเข่อซิงหันมามองหลิงเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง “จริงเหรอ!? หลิงเฉิน เจ้าช่วยข้าได้จริงๆ เหรอ?” “แน่นอนเจ้าค่ะ” หลิงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้มซุกซน “แต่ข้ามีข้อเสนออยู่นะเจ้าคะ ถ้าท่านอวิ๋นเชื่อว่าท่านเป็นหมอยา ข้าก็ว่าเราควรทำให้มันดูสมจริงเสียหน่อย!” หลินเข่อซิงเลิกคิ้ว “สมจริงยังไงล่ะ?” “ก็... ท่านลองให้ข้าจัดหาสมุนไพรมา แล้วท่านก็ทำท่าทางเหมือนรู้จริง ขณะที่ข้าอยู่เบื้องหลังคอยช่วยอย่างลับๆ ดีหรือไม่เจ้าคะ?” หลิงเฉินกระพริบตาเป็นเชิงเล่น “ท่านก็แค่พูดว่า ‘สูตรลับของข้า’ หรืออะไรทำนองนั้น ท่านก็ไม่ต้องลงรายละเอียดมาก” หลินเข่อซิงฟังแล้วถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “โอ๊ย! หลิงเฉิน เจ้านี่หัวดีไม่เบาเลยนะ” “ข้าก็แค่ไม่อยากให้ท่านต้องลำบากเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” หลิงเฉินยักไหล่ด้วยท่าทีขี้เล่น “แล้วก็...บางที การแสดงว่า ‘รู้’ มากๆ อาจทำให้ท่านอวิ๋นเริ่มสนใจในตัวคุณหนูมากขึ้นก็ได้นะเจ้าคะ ท่านก็จะได้มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นด้วยเจ้าค่ะ” หลินเข่อซิงฟังแล้วพยักหน้า ใช่! หลิงเฉินพูดถูก ถ้าฉันไม่เหมือนเดิม บางทีอวิ๋นเฟยหลงอาจจะเริ่มสนใจหลินเข่อซิงคนนี้ขึ้นมาบ้าง “เอาล่ะ ตกลงตามแผนของเจ้า! เรามาทำให้เรื่องนี้ผ่านไปด้วยดีกันเถอะ!” หลินเข่อซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจขึ้น เธอยกมือจับแขนหลิงเฉินพร้อมรอยยิ้ม หลิงเฉินหัวเราะแล้วจัดทรงกระโปรงให้คุณหนูหลินเบาๆ “ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะไปหาสมุนไพรมาให้ท่านเดี๋ยวนี้ ท่านเตรียมตัวไว้ให้ดีละกันนะเจ้าคะ” เมื่อหลิงเฉินวิ่งออกไปจัดการตามแผน หลินเข่อซิงก็ยืนพิงต้นไม้พลางถอนหายใจโล่งอก โชคดีจริงๆ ที่มีหลิงเฉินอยู่ด้วย ไม่งั้นฉันคงพังไม่เป็นท่าแน่!“เฮือก…” เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกดังขึ้น ทำเอาทรวงอกของหญิงสาวยกขึ้นสูง ขนตางอนยาวเรียงตัวสวยเริ่มขยับไหว ในที่สุดเปลือกตาก็คอยๆเลิกขึ้น ปรากฎดวงตากลมโตสดใสที่มองไปมารอบๆ แสงไฟสีขาวนวลสว่างขึ้นในห้องเล็กๆ ของเธอมาจากหลอดฟลูออเรสเซนต์บนเพดานห้องสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย เมื่อมองไปตรงมุมห้องขวามือ ก็มีโต๊ะเขียนหนังสือรกๆ ที่มีหนังสือและแก้วน้ำวางอยู่ โทรศัพท์มือถือวางแน่นิ่งบนหัวเตียง สายชาร์จรวมถึงสายสมอลทอร์คพันกันยุ่งเหยิงเป็นก้อนกลม หลินเข่อซิงค่อยๆลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง“เรากลับมาแล้วเหรอ…” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ราวกับไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือเพียงอีกหนึ่งความฝันอันยาวนานนางลูบอกตัวเองเบาๆ เพื่อปลอบใจว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งเผชิญมา เป็นเพียงฝันร้ายยาวนานเท่านั้น แต่มันช่างสมจริงเหลือเกิน ความรู้สึกของสายลมในป่าลึก กลิ่นดินหลังฝนตก เสียงหัวเราะของหลิงเฉิน หรือแม้แต่สัมผัสอันอบอุ่นของอวิ๋นเฟยหลง...“เฟยหลง…”เพียงเอ่ยชื่อเขา น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้า ราวกับหัวใจถูกบีบรัด เธอรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พยายา
นับจากโศกนาฏกรรมนองเลือดวันนั้น ก็ผ่านมาได้หนึ่งปีแล้ว อวิ๋นเฟยหลงไม่ยอมรับตำแหน่ง เขาทำเพียงรักษาการณ์แทน และให้เหล่าเสนาบดีเป็นที่ปรึกษาคอยชี้แนะแก่เขาย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังได้รับชัยชนะ เข้ากอบกู้วังหลวงจากคนชั่ว และทวงแค้นจากหานเจี๋ย เขากลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย อวิ๋นเฟยหลงประกาศต่อหน้าที่ประชุมขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งหลาย“ข้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้”คำพูดนั้นสร้างความตกตะลึงไปทั่วห้องประชุม เฟยหลงก้าวออกมายืนกลางห้อง สายตาแน่วแน่“ตลอดชีวิตของข้า ข้าเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดินและต่อสู้ในสนามรบ ข้าไม่เคยมีความปรารถนาจะครอบครองบัลลังก์มังกร ข้าเชื่อว่าแคว้นนี้สมควรมีผู้นำที่ดีกว่า”นับจากวันนั้นอวิ๋นเฟยหลงก็ทำหน้าที่ได้ดีมาตลอดไม่ขาดตกบกพร่องอันใด จนราษฎรต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ ในใจทุกคนอวิ๋นเฟยหลงคือฮ่องเต้ พ่อของแผ่นดินของพวกเขา คอยปกปักคุ้มครองให้แคว้นฉางจีอยู่รอดปลอดภัย บุ๋นก็ชำนาญ บู๊ก็คือเทพเซียนมาจุติและแล้วข่าวดีที่เขารอคอยก็มาถึง เจิ้งจู่ได้รายงานข่าวสำคัญที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขาค้น
ก่อนที่อวิ๋นเฟยหลงจะได้ปัดป้องตอบโต้ ก็มีเสียงกังวานใสของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น“หยุดนะ!” หยางเฟยฮุ่ยยืนอยู่เบื้องหลังของฮ่องเต้ โดยมีทหารองครักษ์ผู้หนี่งใช้ดาบพาดคอของหานเจี๋ย“หากท่านละเว้นอวิ๋นเฟยหลง ข้าก็จะไว้ชีวิตท่าน!” สตรีผู้ได้ชื่อว่าฮองเฮา แม่ของแผ่นดิน ก้าวขึ้นหน้ามาอีกก้าว หยุดยืนมองหานเจี๋ยนิ่ง“เจ้า!... นี่เจ้ากล้าก่อกบฏหรือ ดีนี่ฮองเฮา ดี … ดียิ่งนัก ทหาร! กุดหัวนางหญิงชั่วนี่ให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เงียบ มีเพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ ไม่มีทหารคนใดขยับ ต่างมองไปทางอวิ๋นเฟยหลงอย่างรอฟังคำสั่ง“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?!” หานเจี๋ยตื่นตระหนกแล้ว เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้“ราชโองการในฮ่องเต้พระองค์ก่อน มาถึงแล้ว! อวิ๋นเฟยหลง รับราชโองการ!”ถึงตอนนี้ทหารที่จ่อปลายดาบคุมตัวหานเจี๋ยได้เตะดาบในมือเขาจนกระเด็น ก่อนลากตัวหานเจี๋ยให้ออกห่างจากอวิ๋นเฟยหลง“กระหม่อมอวิ๋นเฟยหลงพ่ะย่ะค่ะ” อดีตแม่ทัพหนุ่มหันกายคุกเข่ามาทางกงกงที่ยืนถือพระราชโองการสีทองอร่ามในมือ“ด้วยโองการสวรรค์ ข้าโอรสสวรรค์ผู้คร
เสียงอาวุธกระทบกันดังไม่หยุด อวิ๋นเฟยหลงหอบหายใจเสียงดัง หลินเข่อซิงมองเสี้ยวหน้าของชายอันเป็นที่รักด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ท่านพี่ ทิ้งข้าไว้เถอะ หากไม่มีข้าท่านก็จะทำศึกได้อย่างเต็มที่ และปกป้องพวกเราทั้งหมดได้”“เหลวไหล! ข้าไม่มีทางทิ้งเจ้ากับลูกแน่ อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน และข้าจะไม่มีวันแพ้! เจ้าอดทนไว้ก่อนนะ” อวิ๋นเฟยหลงปวดใจนักเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆนั่นพูด ประกอบกับบาดแผลที่ไหล่ของนาง เขายิ่งอยากจบศึกนี้ให้เร็วที่สุด กระบวนท่าของอดีตแม่ทัพใหญ่แกว่งไกวดาบเข้าห้ำหั่นศัตรู ร่างกายพลิ้วไหว มือเท้าผสานกัน แม้มือซ้ายจะโอบกอดหลินเข่อซิง แต่นั่นกลับไม่อาจสร้างปัญหาให้ชายหนุ่มได้“เหล่าพี่น้องของข้า จงฟัง! พวกเจ้าทุกคน วันนี้เราจะเด็ดหัวฮ่องเต้ทรราชนั่นซะ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อพ่อแม่ญาติพี่น้องของพวกเจ้า ราษฎรแคว้นฉางเยว่ และเพื่อฮ่องเต้องค์ก่อนที่ต้องสวรรคตอย่างมีเงื่อนงำ จงตามข้ามา!”“เฮๆ ๆ ๆ” เหล่าทหารฝ่ายอวิ๋นเฟยหลงต่างส่งเสียงร้องกู่ก้องไปทั่วลานด้วยการนำของอวิ๋นเฟยหลง ตอนนี้พวกเขาบุ
‘ท่านพี่ เมื่อท่านได้รับสารฉบับนี้ หวังเพียงว่าท่านจะยังไม่กระทำการรุนแรงกับท่านหมอประจำตัวข้าหรอกนะ’ อวิ๋นเฟยหลงเลิกคิ้วสูง ก่อนเหลือบมองไปยังใบหน้าช้ำดำเขียว และเปรอะด้วยโลหิตของหมอหนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าอ่านต่อ‘ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ยกทัพมาประชิดประตูเมืองแล้ว คืนนี้ยามโหย่ว (17.00น. - 19.00น. โดยประมาณ) ข้าจะแอบมารอท่าน ขอท่านพี่ช่วยมารับข้าด้วย ข้าจะไปรอที่ประตูเมืองด้านทักษิณ หลิงเฉินบอกว่าประตูด้านนั้นค่อนข้างหละหลวม เพราะทหารไปรวมกันที่ประตูหน้าเสียส่วนใหญ่ ข้าจะรอท่านนะ’อวิ๋นเฟยหลงหรี่ตามองไปยังหมอหนุ่มที่ยังนั่งแหงนหน้ามองฟ้า ดูท่ากำเดาคงจะใกล้หยุดไหลแล้วกระมัง อวิ๋นเฟยหลงทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วต่ำ“ข้าต้องขออภัยท่านหมอแทนทหารของข้าด้วย ฝากบอกซิงเอ๋อร์ว่า ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปตามนัดหมาย”เวินสือชูมองบุรุษร่างใหญ่บึกบึนตรงหน้าด้วยความยำเกรง ก่อนจะยิ้มออกมาหน่อยๆ“มิเป็นไร ข้าเข้าใจว่านั่นคือหน้าที่ของพวกเขา หากมิมีอันใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน หากมานานเกินไป อาจถูกสงสัยได้”อวิ๋นเฟยหลงพยัก
แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับดาบของเหล่าทหารหาญที่ตั้งทัพอย่างเป็นระเบียบอยู่เบื้องหน้าประตูเมือง เมื่ออวิ๋นเฟยหลงประสานสายตากับเหล่าทหารกล้าที่เขารวบรวมมา พวกเขาคือผู้ที่ยังภักดีต่อแผ่นดินและเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของแม่ทัพผู้เคยกอบกู้แผ่นดิน“วันนี้มิใช่เพียงการทวงคืนวังหลวง” อวิ๋นเฟยหลงประกาศเสียงกร้าว “แต่คือการทวงคืนความยุติธรรม ทวงคืนอนาคตของบ้านเมือง และนำแสงสว่างกลับสู่แคว้นฉางจีอีกครั้ง”เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มจากทหารนับหมื่นที่เข้าร่วม ขบวนธงสีดำลายมังกรทองสะบัดปลิวไสว เสียงอาวุธกระทบกันดังก้อง ขับเคลื่อนจิตใจอันห้าวหาญของนักรบทุกคนเหล่าทหารที่คอยรักษาการณ์ประจำตำแหน่งประตูหน้าต่างตื่นตัวและคอยจับตามองทัพของอดีตแม่ทัพอวิ๋นเฟยหลง อดีตรองแม่ทัพหยางซึ่งในขณะนี้ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ทองลงไปยังอดีตผู้ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่กว่าตน ในสายตามีทั้งความกริ่งเกรง และหวาดกลัวอยู่หน่อยๆ“ท่านแม่ทัพขอรับ” นายทหารหนุ่มผู้หนึ่งขึ้นมารายงานกับแม่ทัพหยาง“ว่ามา”“ข้าได้รายงานให้กับฝ่าบาททราบแล้วขอรับ ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งใหม่ เห็นว่าฝ่าบา