เข้าสู่ระบบตอนที่34ความจริงที่เจ็บปวดสายลมยามบ่ายพัดกรรโชกจนป้ายผ้าร้านเรือนครัวสองหนานโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง เสียงเกือกม้าที่ดังเร่งร้อนมาแต่ไกลหยุดกึกลงหน้าร้าน พร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดข้าราชการระดับล่างและผู้ติดตามของตระกูลเว่ยที่กรูเข้าล้อมร้านไว้เว่ยจื่อเหยียนกระโดดลงจากหลังม้าในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำจากการไม่ได้นอนและแรงแค้นที่สุมอก เขาชูกระบี่ขึ้นชี้ไปทางร้านพลางตะโกนเสียงแหบพร่า “ล้อมไว้ให้หมด ใครขวางฆ่ามันให้หมด”ภายในร้านหลินหว่านเอ๋อร์ที่กำลังยกจานอาหารถึงกับชะงัก นางรีบคว้าตัวอาเป่าและอาเหมยมาหลบข้างหลังทันทีต้ากู่คว้าปังตอเล่มยักษ์ออกมาประจันหน้า แม้ขาจะสั่นแต่เขาก็ยืนขวางประตูไว้ไม่ยอมถอย แต่ก่อนที่พวกทหารจะบุกเข้ามาถึงตัวหลินหว่านเอ๋อร์จงซิ่นที่เคยทำตัวซื่อเซ่อช่วยงานในครัว กลับปราดตัวออกมาขวางเบื้องหน้าทหารเหล่านั้น แววตาที่เคยดูเป็นมิตรหายไปสิ้น เปลี่ยนเป็นแววตาของยอดฝีมือที่แผ่รังสีสังหารออกมาจนทหารของเว่ยจื่อเหยียนชะงักกึกหลินหว่านเอ๋อร์ก้าวออกมาด้านหน้าพยายามคุมเสียงให้มั่นคง“คุณชายเว่ย ท่านพาคนมาทำตัวเยี่ยงโจรป่าคุกคามร้านอาหารเล็กๆ ของข้าทำไมกัน”เว่ยจื่อ
ตอนที่33ความพินาศของเว่ยจื่อเหยียนภายในห้องโถงจวนเจ้าเมืองที่เคยโอ่อ่า บัดนี้กลับอบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าที่หกเลอะเทอะเว่ยจื่อเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลัก มือที่สั่นเทาถือจดหมายลับที่มีตราประทับสีชาดของตระกูลเว่ยที่ส่งตรงมาจากเมืองหลวง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะอ่านข้อความที่ระบุว่า เสนาบดีเว่ยบิดาของเขา ถูกเจ้าหน้าที่จากศาลฎีกาบุกเข้าควบคุมตัวในข้อหา ฉ้อราษฎร์บังหลวงและซ่องสุมกำลังกบฏสาเหตุหลักมาจากสมุดบัญชีที่เว่ยจื่อเหยียนส่งไปให้พ่อของเขาเพื่อหวังจะใช้เล่นงานศัตรู แต่ข้อมูลในนั้นกลับกลายเป็นกับดักชั้นยอดที่มู่ฉางเฟิงวางไว้ รายชื่อพ่อค้าที่ดูเหมือนเป็นพันธมิตรกลับกลายเป็นเส้นทางการเงินที่โยงเข้าหาตัวเสนาบดีเว่ยอย่างดิ้นไม่หลุดเว่ยจื่อเหยียนขยำจดหมายจนยับยู่ยี่ หัวใจของเขาหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม ความรุ่งโรจน์ของตระกูลที่เขาสั่งสมมาพังทลายลงในพริบตาเพียงเพราะสมุดเล่มเดียวที่เขาคิดว่าเป็นขุมทรัพย์ แต่แท้จริงแล้วมันคือระเบิดเวลาที่เขาส่งไปทำลายพ่อของตนเองเขาลุกขึ้นยืนอย่างเสียหลัก ชนจอกสุราตกลงแตกกระจาย“เป็นไปไม่ได้ ข้าตรวจเช็กดีแล้ว รายชื่อเหล่านั้น ข้าจำได้ว่ามันเป็นความลับของศัต
ตอนที่32ญาติชั่วและบัญชีปลอมแสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาในร้านเรือนครัวสองหนานบรรยากาศดูเหมือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากค่ำคืนอันวุ่นวาย ต้ากู่และเสี่ยวชุ่ยกำลังช่วยกันจัดเตรียมโต๊ะสำหรับรับลูกค้าช่วงเที่ยง ส่วนหลินหว่านเอ๋อร์ก็กำลังง่วนอยู่กับการดูแลอาเป่าและอาเหมยที่นั่งห่อเกี๊ยวอยู่มุมหนึ่ง ทว่าท่ามกลางความสงบสุขนั้น กลับมีสายตาคู่หนึ่งคอยลอบสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาจากในมุมมืดของโรงล้างจานหลินจางซื่อและหลินเสี่ยวหรู ยืนกระซิบกระซาบกันด้วยท่าทางลับลมคมใน ตั้งแต่เหตุการณ์ไฟไหม้โรงเตี๊ยมนอกเมืองข่าวคราวเรื่องการตามล่าสมุดบัญชีลับของเว่ยจื่อเหยียนก็หนาหูขึ้นเรื่อยๆ หลินจางซื่อผู้มีนิสัยละโมบและเห็นแก่ตัวเป็นทุนเดิมเริ่มตระหนักว่าสถานการณ์ในร้านตอนนี้ดูไม่สู้ดีนัก นางมองเห็นมู่ฉางเฟิงเป็นตัวอันตรายที่อาจนำภัยมาสู่ตน แต่ในขณะเดียวกันก็นึกถึงโอกาสทองที่จะทำให้ตนเองและลูกสาวหลุดพ้นจากงานล้างชามที่แสนเหนื่อยหน่าย“เจ้าเห็นไหม เสี่ยวหรู เจ้าคนชื่อมู่นั่นน่ะ มันต้องกุมความลับอะไรบางอย่างไว้แน่ๆ” หลินจางซื่อกระซิบพลางบุ้ยปากไปทางห้องพักหลังร้านของมู่ฉางเฟิง“ถ้าเราได้ของที่ใต้เท้าเว่ยต้อ
ตอนที่31อำนาจที่น่าเกรงขามภายในเรือนพักหลังร้านเรือนครัวสองหนาน แสงตะเกียงน้ำมันสลัววูบไหวตามแรงลมที่ลอดผ่านร่องไม้หลินหว่านเอ๋อร์ขยับตัวนั่งลงที่ขอบเตียงไม้เก่าๆ มองร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำหน้าหอบหายใจโรยริน กลิ่นไหม้จางๆ ยังคงติดอยู่ที่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของเขา นางค่อยๆ ใช้กรรไกรตัดผ้าไหม้เกรียมรอบบาดแผลออกอย่างเบามือที่สุด เพราะเกรงว่าแรงสั่นสะเทือนเพียงนิดจะทำให้เขาเจ็บปวดไปมากกว่านี้“ท่านมู่ไยท่านถึงใจกล้าบ้าบิ่นเพียงนี้” นางพึมพำเสียงสั่นเครือ น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนหลังมือนางเองเมื่อผ้าพ้นจากแผ่นหลัง ภาพที่ปรากฏทำให้หว่านเอ๋อร์ถึงกับกลั้นใจ รอยไหม้พาดผ่านไหล่หนาไปจนถึงกลางหลัง ผิวหนังแดงก่ำและมีรอยถลอกลึก นางใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นค่อยๆ ซับคราบเขม่าออกอย่างทะนุถนอม ทุกครั้งที่ปลายนิ้วนางสัมผัสโดนผิวเนื้อมู่ฉางเฟิงจะขยับตัวเล็กน้อยและครางประท้วงในลำคอเบาๆ แววตาของนางเต็มไปด้วยความเวทนาและห่วงใยอย่างปิดไม่มิดนางหยิบกระปุกยาสมานแผลที่ทำจากสมุนไพรพื้นบ้านขึ้นมา ค่อยๆ ทาลงบนรอยไหม้อย่างใจเย็น“อดทนหน่อยนะเจ้าคะ อีกเดี๋ยวท่านก็จะเย็นขึ้นแล้ว” นางเป่าลมเบาๆ ลงบนบาดแผลเพื่อบรรเทาความแสบร
ตอนที่30แผนล่อซื้อกระชากหน้ากากค่ำคืนนี้พระจันทร์ถูกเมฆหนาบดบังจนมืดมิด หลินหว่านเอ๋อร์เพิ่งจะจัดการเก็บล้างอุปกรณ์ทำครัวชิ้นสุดท้ายเสร็จนางตั้งใจจะเดินไปปิดประตูลงกลอนที่รั้วไม้หลังร้านก่อนจะกลับเข้าเรือนพักของนาง ทว่าในจังหวะที่นางกำลังจะเอื้อมมือไปจับดาลประตู สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งวูบผ่านกำแพงไปทางตรอกมืดด้วยความระแวงว่าจะเป็นหัวขโมย หลินหว่านเอ๋อร์จึงหยิบไม้พายอันใหญ่ติดมือมาด้วยแล้วแอบมองลอดช่องประตูออกไป นางเห็นชายชุดดำรัดกุมกำลังยืนคุยกับชายอีกคนที่มีรูปร่างคุ้นตาอย่างยิ่งนั่นคือจงซิ่น ในสภาพปลอมตัวเป็นพ่อค้าซอมซ่อ แสงตะเกียงสลัวจากหน้าบ้านคนอื่นสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมคายของชายชุดดำที่ยืนหันข้างอยู่ แม้จะเป็นเพียงครู่เดียว แต่นางจำสันจมูกและท่าทางการยืนนั้นได้ติดตา“ท่านมู่” นางพึมพำกับตัวเองด้วยความตกใจนั่นคือมู่ฉางเฟิงไม่ผิดแน่ แต่เขาไม่ได้อยู่ในชุดพ่อค้าที่นางคุ้นเคย เขาดูสง่างามและน่าเกรงขามจนน่าขนลุก ในมือของเขาดูเหมือนจะถือห่อผ้าที่ยาวและแหลมคมคล้ายอาวุธ นางเห็นจงซิ่นก้มหัวให้เขาด้วยความเคารพอย่างที่ไม่เคยทำในร้านมาก่อน ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้า
ตอนที่29ความสงสัยที่เริ่มปริแตกบรรยากาศยามเช้าที่ร้านเรือนครัวสองหนานเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงตะหลิวประทะกระทะของต้ากู่ และกลิ่นหอมของแป้งทอดสดใหม่ที่ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณทว่าท่ามกลางความวุ่นวายตามปกติ กลับมีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างของเจ้าของร้านสาว หลินหว่านเอ๋อร์ นางยืนกอดอกพิงเสาไม้ สายตาจับจ้องไปที่ มู่ฉางเฟิงราวกับแมวป่าที่กำลังดักซุ่มมองเหยื่อมู่ฉางเฟิงพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับบทบาทพ่อค้าผู้ขยันขันแข็งเขาแบกถังน้ำหนักอึ้งเดินผ่านหน้าหว่านเอ๋อร์เพื่อนำไปเติมในครัวทว่าในจังหวะที่เขาออกแรงยกถังขึ้นสูงเพื่อเทน้ำลงโอ่ง แขนเสื้อผ้าป่านที่ขาดรุ่ยเล็กน้อยกลับเลิกขึ้นจนเผยให้เห็น รอยถลอกเป็นทางยาวที่ต้นแขนแกร่ง รอยนั้นแดงก่ำและมีลักษณะเป็นทางยาวเหมือนถูกของแข็งที่มีเสี้ยนขูดอย่างแรงหลินหว่านเอ๋อร์ที่รอจังหวะอยู่แล้ว เดินเข้าไปใกล้จนไหล่แทบชิด แสร้งทำเป็นช่วยประคองถังน้ำพลางเอ่ยขึ้นเสียงเบาแต่กังวาน“ท่านมู่ รอยแผลที่แขนท่าน ดูไปคล้ายรอยขูดของไม้เก่าในโกดังเก็บของไม่มีผิดเลยนะเจ้าคะ ไม่เห็นเหมือนแผลจากการสะดุดล้มหน้าจวนอย่างที่ท่านว่าไว้เลยสักนิด” นางทิ้งระเบิดลูกแรกพลางจ้องตาเขาเขม็







