Share

บทที่ 10 โรงเตี๊ยมตระกูลกง

last update Huling Na-update: 2025-07-21 17:04:09

บทที่ 10

โรงเตี๊ยมตระกูลกง

            เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก…

            ไก่ตัวผู้ขันตั้งแต่เช้ามืด ลู่ซินฟางลืมตาตื่น มองลูกน้อยทั้งสองที่ยังหลับปุ๋ย ก่อนจะลุกลงจากเตียงเตรียมอาหารเช้าและของสำหรับเข้าเมือง

            ลู่ซินฟางวางขนมสองจานที่พึ่งอุ่นเสร็จร้อนๆ ลงในกล่องไม้อย่างระมัดระวัง ปิดกล่องแล้ววางแยกไว้อีกทางหนึ่ง ก่อนจะเรียงผิงกั่วเคลือบน้ำตาลใส่ตะกร้า 

            ตอนที่ลูกๆ ตื่นขึ้นมาล้างหน้า ลู่ซินฟางก็เตรียมอาหารเช้าเสร็จพอดี

            ระหว่างกินมื้อเช้า นางกำชับกับเฉิงเอ๋อร์ว่า “วันนี้เฉิงเอ๋อร์ต้องดูแลน้องให้ดีนะ ของว่างกับมื้อเที่ยงแม่เตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ในตู้กับข้าว อย่าลืมล่ะ”

            “ขอรับ ท่านแม่”

            ลู่ซินฟางพยักหน้ายิ้มให้กับความเฉลียวฉลาดของลูกชาย

            หลังจากคุยกับชิงเหลียนเมื่อวานก่อน ลู่ซินฟางจึงคิดจะเข้าเมืองคุยธุระกับเจ้าของโรงเตี๊ยมตระกูลกง ผิงกั่วเคลือบน้ำตาลพวกนี้ก็แค่ผลพลอยได้จากการค้าขายเล็กๆ คิดว่าน่าจะกลับบ้านไม่เกินเที่ยง 

            เมื่อกินข้าวเช้าอิ่มกันแล้ว ก่อนออกบ้าน ลู่ซินฟางย้ำกับลูกๆ อีกครั้ง ให้พวกเขาลงกลอนบ้านให้ดี แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบไปหาน้าชิงเหลียนทันที 

            ลู่ซินฟางขึ้นรถเทียมวัวเข้ามาในตัวเมือง ตรงมาที่ร้านของเถ้าแก่หลี่

            ทันทีที่ชายชราเห็นนาง ก็ร้องทักว่า “วันนี้เอารองเท้ามาฝากขายหรือ ข้าเพิ่งถามกับภรรยาของฮ่าวซือไปพอดี มาๆ วันนี้เอามากี่คู่”

            “วันนี้ไม่ใช่รองเท้าหรอกเจ้าค่ะ” นางตอบ

            เถ้าแก่หลี่ทำหน้างง “แล้วจะเอาอะไรมาฝากขายล่ะ”

            “ผิงกั่วเคลือบน้ำตาลเจ้าค่ะ”

            “หา!?”

            เถ้าแก่หลี่ไม่เพียงทำหน้างุนงงหนักกว่าเดิม แถมร้องด้วยความแปลกใจเสียงดัง

            “มันจะขายได้หรือ ของเปรี้ยวแบบนั้น”

            นางหัวเราะเบาๆ หยิบผิงกั่วเคลือบน้ำตาลขึ้นมาไม้หนึ่ง “เถ้าแก่หลี่ชิมดูก่อน”

            เถ้าแก่หลี่ทำหน้าแปลกใจคำรบสอง ตอนที่รับผิงกั่วเคลือบน้ำตาลไป สีหน้าของชายชราแสดงออกอย่างลังเล

            “น้ำตาลที่เคลือบภายนอกแวววาวน่ากิน แต่รสชาตินี่สิ จะไหวแน่รึ”

            “ต้องลองชิมก่อนเจ้าค่ะ” ลู่ซินฟางย้ำ รอยยิ้มลึกลับยิ่งทำให้คนอยากรู้อยากลอง

            ชายชราอายุ 60 กว่าๆ ฟันไม่ค่อยดี ตอนแรกลังเลว่าจะกัดน้ำตาลที่เคลือบบนผิวผิงกั่วไม่ไหว ทว่าพอดูดีๆ แล้ว น้ำตาลไม่ได้เคลือบหนา หรือแข็งเกินไป น่าจะกินได้ไม่ลำบาก

            อย่างที่คิด พอกินเข้าไปเถ้าแก่หลี่ก็เบิกตาโตร้องว่า “โอ้ เปรี้ยวๆ หวานๆ กำลังดี น้ำตาลไม่หนามาก คนแก่อย่างข้ายังเคี้ยวไหว อร่อยผิดคาดเลย”

            เด็กๆ ที่เดินไปผ่านมาได้ยินก็หูผึ่ง

            “เถ้าแก่หลี่ ในมือท่านคืออะไรหรือ”

            เด็กชายคนหนึ่งอายุราวๆ 10 กว่าขวบ รู้จักเถ้าแก่หลี่เนื่องจากบ้านอยู่ละแวกนั้น ได้ยินเถ้าแก่หลี่พูดก็เดินเข้ามาถาม

            ลู่ซินฟางยิ้ม หยิบผิงกั่วขึ้นมาหนึ่งไม้ยื่นให้เด็กชาย

            “ผิงกั่วเคลือบน้ำตาลไม้ละ 3 เหรียญ”

            “เอ๋ จะไม่เปรี้ยวหรือ” เด็กชายร้องด้วยความสงสัย ไม่ได้ติดใจเรื่องราคา แต่ติดใจเรื่องรสชาติ น่าจะเป็นเด็กที่มีฐานะพอสมควร  

            “เรื่องนั้นเจ้าต้องลองกินเอง” เถ้าแก่หลี่พูดพร้อมกินผิงกั่วต่อด้วยท่าทีเอร็ดอร่อย

            ท่าทางของเถ้าแก่หลี่ทำเอาเด็กชายกลืนน้ำลายดังอึก บวกกับอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น ในสายตาของผู้สูงวัย เด็กคนนี้จึงกลายเป็นเหยื่อที่ถูกตกได้ง่าย  

            เด็กชายพูดเสียงดังว่า “เอา 1 ไม้!”

            ลู่ซินฟางรับเงินมา 3 เหรียญ

            พอเด็กชายได้ผิงกั่วไป พลันทำท่าสูดหายใจลึกเหมือนรวบรวมความกล้า ก่อนกัดกินคำใหญ่

            กร๊วบ...

            เสียงกรอบน่าอร่อยทำให้เด็กคนที่ยืนดูตั้งแต่เมื่อครู่เบิกตาด้วยความสนใจ

            “อร่อยหรือไม่”

เด็กละแวกนั้นเข้ามารุมถาม

            เด็กชายไม่ได้ตอบ แต่หัวเราะ “ฮิๆ” ขณะกัดผิงกั่วในมือไม่หยุด

            ดูท่าแล้วต้องอร่อยแน่ๆ

            เด็กคนอื่นๆ คิดเหมือนกัน

            ท่าทางเอร็ดอร่อยของเด็กชายเหมือนป้ายไฟโฆษณาป้ายใหญ่ๆ ไม่เพียงได้รับความสนใจจากเด็กที่เข้ามามุง ผู้ใหญ่ที่ออกมาเดินจับจ่ายซื้อของบนถนนสายนั้นยังเข้ามาถามด้วยความสนใจ

            ซื้อกันไปคนละไม้สองไม้ ไม่ถึงครึ่งวัน ผิงกั่วในตะกร้าก็ขายจนหมด

            ลู่ซินฟางจ่ายเงินให้กับเถ้าแก่หลี่ 10 เหรียญเป็นค่าเช่าแผง และยังห่อผิงกั่วสองไม้ใส่กระดาษแถมให้ด้วย 

            “นี่เจ้าแอบเก็บไว้หรอกหรือ ถ้าขายไปก็น่าจะได้เพิ่มอีก 6 เหรียญแท้ๆ” เถ้าแก่หลี่พูดอย่างเสียดาย

            “สองไม้นี้ข้าให้เถ้าแก่หลี่ ท่านน่าจะอยากเอาไปฝากหลานๆ ที่บ้านไม่ใช่หรือ”

            ได้ยินเช่นนั้นเถ้าแก่หลี่ทำหน้าซาบซึ้ง

            “เจ้าช่างรู้ใจคนแก่ยิ่งนัก!”

            ลู่ซินฟางยิ้มอ่อนโยน นางรู้มาจากชิงเหลียนว่าบ้านของลูกชายเถ้าแก่หลี่อยู่อีกตรอกหนึ่ง ทางนั้นค้าขายข้าวและธัญพืช เถ้าแก่หลี่มีหลานชายหลานสาว ดังนั้นนางจึงเก็บผิงกั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้พวกเขา

            ก่อนจะเดินทางไปที่อื่นต่อ เถ้าแก่หลี่ถามถึงรองเท้าฟาง 

            นางบอกกับเถ้าแก่หลี่เหมือนอย่างที่บอกกับชิงเหลียนว่า ยังไม่ค่อยมีเวลาถัก แต่ถ้ามีโอกาสจะทำมาฝากขายอีก

            กระนั้น เถ้าแก่หลี่กลับพูดเหมือนรู้ทัน

            “เหตุใดข้ากลับคิดว่าเจ้ามีเป้าหมายใหญ่กว่านั้น”

            “จริงหรือเจ้าคะ”

            “ข้าอายุปูนนี้ อาบน้ำร้อนมาก่อนเจ้า อย่าลืมสิ”

            หญิงสาวหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่ได้ตอบอะไร 

            เถ้าแก่หลี่พูดไม่ผิด นางคิดการใหญ่กว่านั้น

            ทว่า คนอย่างลู่ซินฟาง ถ้าปุบปับมีเงินใหญ่ก็น่าสงสัย นางต้องเริ่มเดินไปทีละขั้น

           

            โรงเตี๊ยมตระกูลกงอยู่ห่างออกไปไม่กี่ถนน

            ทันทีที่เข้าสู่ถนนสายนี้ ลู่ซินฟางรู้สึกราวกับอยู่คนละโลก

            ผู้คนบนถนนสายนี้สัญจรไปมาเยอะกว่าถนนสายอื่น โรงเตี๊ยมตระกูลกงตั้งอยู่ตรงกลางของถนนสายหลัก เหนือป้ายหน้าร้านมีตัวอักษรมงคลสองพยางค์เขียนว่า ‘ลิ่วซุ่น’ (ราบรื่นโชคดี) แผ่นป้ายนั้นทั้งใหญ่ทั้งสลักด้วยไม้ชั้นดี ดูหรูหราไม่เบา ผู้คนเข้าออกโรงเตี๊ยมส่วนใหญ่เป็นขุนนางประจำท้องถิ่น คหบดี คุณหนูคุณชายจากตระกูลร่ำรวย

            สะ สุดยอด...!!

            ลู่ซินฟางร้องในใจด้วยความตื่นเต้น

            หลังจากยืนสูดหายใจลึกๆ หลายเฮือก นางก็ถือกล่องไม้ใส่อาหารสาวเท้าเข้าไปในโรงเตี๊ยม

            ดวงตาของลู่ซินฟางเหลือบมองซ้ายขวา สังเกตในโรงเตี๊ยมอย่างแนบเนียน

โรงเตี๊ยมตระกูลกงตกแต่งอย่างหรูหรา หากก็เป็นระเบียบ โต๊ะเก้าทำจากไม้ประดู่หนา ลวดลายประตูและหน้าต่างถูกแกะสลักอย่างประณีต ข้าวของทุกชิ้นสะอาดสะอ้าน สื่อให้เห็นถึงความมั่งคั่งของผู้เป็นเจ้าของ

            “เถ้าแก่กงอยู่หรือไม่”

            หญิงสาวถามหลงจู๊อายุราวๆ 40 กว่าปีที่ยืนอยู่หลังโต๊ะไม้

            หลงจู๊มองนางตั้งแต่จรดเท้าด้วยสายตาเหยียดๆ สักครู่ก็โบกมือไล่

            “ไปที่อื่นเถอะ ที่นี่ไม่รับซื้อของชาวบ้าน”

            ตั้งแต่โรงเตี๊ยมตระกูลกงมาเปิดทำการที่เมืองเล่ออัน ก็มีชาวบ้านไม่น้อยเอาของมาฝากขาย ด้วยหวังอาศัยชื่อเสียงของโรงเตี๊ยมขายของ  

            “ทำไมพี่ชายถึงด่วนสรุปนักเล่า ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อฝากขายของเสียหน่อย”

            หลงจู๊ทำหน้าไม่พอใจขณะตอบกลับมา “คนแต่งตัวมอซออย่างเจ้า ข้าเห็นมานักต่อนัก ไม่ว่าจะพูดอะไร สุดท้ายไม่พ้นอาศัยชื่อเสียงโรงเตี๊ยมตระกูลกงทำมาหากินอยู่ดีนั่นแหละ”

            ได้ฟังเช่นนั้น ลู่ซินฟางถอนหายใจพลางส่ายหน้า

            “เถ้าแก่กงสั่งพี่ชายให้ขับไล่ทุกคนที่แต่งตัวมอซอเข้าร้านหรือ”

            “ถึงไม่สั่ง แต่เจ้ามีเงินกินดื่มในโรงเตี๊ยมของเราหรือ”

            “ถ้าข้าบอกว่ามีเล่า”

            “เชื่อไม่ลง”

            ไม่พูดเปล่า หลงจู๊ยังถลึงตาใส่อย่างดูแคลน

            ลู่ซินฟางส่ายหน้านิ่งๆ

            “การตัดสินใจคนจากภายนอกของพี่ชาย สักวันจะทำให้ท่านเสียใจ รวมไปถึงนายท่านของพี่ชายด้วย”

            สีหน้าของหลงจู๊แสดงออกถึงความโกรธ เขาอ้าปากเตรียมต่อว่าลู่ซินฟาง แต่แล้ว เสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้นข้างหลัง ทำให้เขาต้องหุบปากลงทันที

            “ฮะๆๆ พูดได้ดี”

            ลู่ซินฟางมองไปทางเจ้าของเสียงนั้น เห็นว่าเป็นชายหนุ่ม อายุน่าจะยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี แต่งตัวภูมิฐาน สะอาดสะอ้าน หน้าตาดี แตกต่างจากเถ้าแก่ร้านอาหารพุงพุ้ยในจินตนาการของนางโดยสิ้นเชิง

            “ท่านคือเถ้าแก่กง?”

            เขาเลิกคิ้ว ก่อนเสียงทุ้มจะดังขึ้น

            “ช่างตาถึง”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 86 ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งหลัง)

    บทที่ 86ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งหลัง) “ถะ แถวนี้มีหมาป่าด้วยหรือ!” นางเหอถามลูกชายพร้อมขยับร่างอวบอ้วนเบียดเข้าไปนั่งข้างในสุดของห้องโดยสาร “ของพรรค์นั้นจะมีได้อย่างไร นี่ ท่านแม่ สิ่งที่พวกเราต้องกลัวตอนนี้คือตระกูลจี๋ไม่ใช่หรือ!” เหอถิงขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด พร้อมตวาดใส่มารดา “แม่ฟังผิดไปเอง นั่นไม่ใช่เสียงของหมาป่า เจ้าอย่าอารมณ์เสียงนักเลยนะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้” แม้จะมั่นใจว่านั่นเป็นเสียงของหมาป่า กระนั้น นางเหอกลับยอมเอ่อออตามเพื่อเอาใจลูกชาย “แต่ถ้าไม่รีบกลับไปอธิบายให้คนตระกูลจี๋เข้าใจ ตำแหน่งของข้าก็จบสิ้นเหมือนกัน” คนขับรถม้ารับจ้างที่อยู่ด้านนอก ได้ยินทุกคำพูดของคนว่าจ้าง อดจะส่ายหน้าอย่างเอือมระอาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ทั้งเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว สักวันกรรมจะต้องตามสนอง! บรู๋วววว เสียงหอนของหมาป่าดังขึ้นมาอีกครั้ง มิหนำซ้ำ หนนี้ยังยังดังใกล้เข้ามาทุกที คนขับรถม้ารับจ้างร้องสะดุ้งตัวโหยงด้วยความกลัว แต่ด้วยความรับผิดชอบของผู้ถูกจ้าง เขาพยายามควบคุมสติ บังคั

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 85 ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งแรก)

    บทที่ 85ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งแรก) แม้ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในร้านจะกลับมาสงบดั่งเดิม แต่หัวใจของลู่ซินฟางยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด ใบหน้าและในลำคอร้อนผ่าวเหมือนคนมีไข้ ลู่ซินฟางรินชาดื่มเข้าไปหลายจอก หากกลับไม่สามารถดับความร้อนได้ ท้ายที่สุด ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมรับ ว่าอาการว้าวุ่นใจเป็นเพราะคำพูดของกงเยียนซู ในตอนนั้น กงเยียนซูแค่พูดออกไปตามสถานการณ์ นางจะคิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้เด็ดขาด เมื่อสรุปเช่นนั้น ลู่ซินฟางก็สูดหายใจเข้าเต็มปลอดเพื่อพยายามสงบใจ จากนั้นตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า สักครู่หนึ่ง ประตูห้องก็มีเสียงเคาะเบาๆ ก่อนหลางไป๋จะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง “ข้ามาบอกนายหญิงว่าจะออกเดินทางเลยขอรับ ตอนนี้ซินหลินพาหมิงฮวาออกมาจากมิติแล้ว” ลู่ซินฟางพยักหน้าแล้วตอบ “อืม ระวังตัวด้วยนะ แล้วก็ ห้ามฝืนตัวเองเกินไปนัก” “ขอรับ นายหญิง” “ถึงเจ้ากับซินหลินจะศึกษาเส้นทางมาก่อนแล้ว หรือต่อให้กงเยียนซูเตรียมการล่วงหน้าไว้ให้ แต่ห้ามประมาทเด็ดขาดเลยนะ” ลู่ซินฟางย้ำด้วยความกังวลอีกค

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 84 เหอถิงถึงคราวซวย

    บทที่ 84เหอถิงถึงคราวซวย เหอถิงถึงคราวจบสิ้นแล้ว! แม้จะใช้เวลาเตรียมการถึงสี่วัน แต่ผลลัพท์ที่ได้ถือว่าไม่เลว…กงเยียนซูคิดพร้อมกับยิ้มอย่างเยือกเย็น ในขณะที่มองความลนลานบนใบหน้าสองแม่ลูกตระกูลเหอ ทางด้านของเหอถิง ได้แต่มองกงเยียนซูกับลู่ซินฟางสลับไปมาด้วยความสงสัย ตามหลักความจริง ตระกูลจี๋ที่อยู่เมืองชิ่งไม่ควรรู้การเคลื่อนไหวของเหอถิงในเมืองเล่ออันรวดเร็วถึงเพียงนี้ นอกเสียจากจะมีใครบางคนส่งม้าเร็วแจ้งข่าวไปบอก และคนคนนั้นต้องมีฐานะที่น่าเชื่อถือ ทันใดนั้น เหอถิงก็เบิกตาโพลง มองไปที่กงเยียนซูด้วยสังหรณ์ร้ายแปลกๆ “คุณชายเป็นใครกันแน่!” กงเยียนซูคลี่ยิ้มมุมปาก แต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มตาม “ก่อนมาที่เมืองเล่ออัน จี๋หลิน ภรรยาของเจ้าไม่ได้บอกเอาไว้หรอกหรือ ว่าคนที่ไม่ควรยุ่งด้วยมากที่สุดคือเจ้าของโรงเตี๊ยมตระกูลกง” คำพูดเหล่านั้นทำเอาเหอถิงได้แต่ยืนแข็งทื่อ ไม่เพียงรู้จักตระกูลจี๋ ชายคนนี้ยังรู้ว่าจี๋หลินที่เป็นภรรยาของเขา อย่างไรก็ตาม คล้ายว่าจี๋หลินจะเคยเตือนให้ระวังคนส

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 83 กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งหลัง)

    บทที่ 83กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งหลัง) “ของปลอม?” กงเยียนซูถามซ้ำ “ใช่แล้ว มันคือของปลอม” เหอถิงยังคงแถอย่างหน้าด้านๆ “ที่แท้ก็เช่นนี้” กงเยียนซูตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ทางด้านลู่ซินฟาง ไม่คิดจะโต้แย้งใดๆ เช่นกัน หากทว่า ยิ่งทั้งสองนิ่งเงียบเท่าไร บรรยากาศรอบตัวยิ่งกดดันอย่างน่าประหลาดมากขึ้นเป็นเท่าตัว เหอถิงสังหรณ์ใจกับท่าทีแปลกๆ ของทั้งสองคน แต่แล้ว ในฉับพลันนั้นเอง กงเยียนซูก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ “ฮะๆ” เหอถิงขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “คุณชาย มีอะไรให้ขำหรือ?” กงเยียนซูกลั้นขำ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มกริ่ม “ชายแก่แซ่กงหรือ เป็นเรื่องตลกที่ข้าเพิ่งเคยได้ยินเลย” “ถึงข้าไม่เคยเห็นหน้า แต่ชายคนนั้นมีตัวตนจริงแท้แน่นอน” “คนในเมืองเล่ออันพูดเช่นนั้นหรือ พวกเขาบอกว่าคนแซ่กงเป็นชายแก่ๆ หรือ” กงเยียนซูทำทีเป็นถามเหอถิง “เรื่องนี้…” เหอถิงลังเล เพรา

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 82 กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งแรก)

    บทที่ 82กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งแรก) เข้าสู่วันที่สาม ที่เหอถิงกับมารดาแสดงบทรันทดอยู่หน้าคฤหาสน์ของลู่ซินฟาง แต่การแสดงที่ซ้ำซาก บวกกับคำพูดเดิมๆ ทำให้ชาวบ้านหมดความสนใจพวกเขาในที่สุด เมื่อแผนเรียกร้องความสนใจไม่ได้ผล แม่ลูกตระกูลเหอจึงเปลี่ยนมาแอบดู ‘ชู้รัก’ ของลู่ซินฟางที่หน้าโรงเตี๊ยมตระกูลกงแทน อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงตัวกงเยียนซูกลับยากยิ่งกว่า จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาแก่แซ่กงคนนั้นสักครั้ง นอกจากจะทำได้แค่ขุดคุ้ยข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ แม่ลูกตระกูลเหอกลับเข้าไม่ถึงตัวเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นลู่ซินฟาง เฉิงเอ๋อร์ หรือเถ้าแก่กง ในที่สุด พวกเขาก็คิดว่าแผนเรียกร้องความสนใจเริ่มไม่มีประโยชน์แล้ว ทางด้านลู่ซินฟางนั้น ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติทุกวัน ทั้งที่คิดว่าเหอถิงจะลงมือหนัก อย่างการจ้างคนมาชิงตัวเฉิงเอ๋อร์หรือบุกร้าน กลับกันแล้ว พวกเขาเลือกวิธีโง่ๆ ด้วยการสร้างข่าวลือปลอม อาศัยคำติฉินนินทาของฝูงชน กดดันให้ลู่ซินฟางอับอายจนต้องยอมพาเฉิงเอ๋อร์ออกมา หารู้ไม่ วิธีพวกนั้นไม่ได้

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 81 บุรุษอันตรายทั้งสอง

    บทที่ 81บุรุษอันตรายทั้งสอง บ่ายคล้อย แสงแดดยังสาดส่อง ณ โรงเตี๊ยมตระกูลกง ชายหนุ่มสองคนกำลังหาลือธุระสำคัญอยู่ในเรือนรับรอง ในเวลานั้น เสียงเคาะประตูดังจากด้านนอกสองสามครั้ง จากนั้นจิ่นเซี่ยก็เปิดประตูเข้ามา “นายท่าน…” จิ่นเซี่ยพูดเพียงเท่านั้นแล้วปิดปากลง สายตาเหลือบมองหลางไป๋ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกงเยียนซูอย่างลังเล “ต่างฝ่ายต่างลงเรือลำเดียวกัน ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เจ้าพูดมาเถอะ จิ่นเซี่ย” กงเยียนซูบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตายังกวาดมองรายการสินค้าบนกระดาษที่อยู่ในมือ ทางด้านองครักษ์หนุ่ม หลังจากได้รับอนุญาต เขาก็รายงานเรื่องข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดทั่วเมืองเล่ออัน คร่าวๆ แล้วเป็นเรื่องของลู่ซินฟางที่ร่วมมือกับกงเยียนซูปลอมแปลงใบหย่า แล้วพาลูกหนีออกจากบ้านเหอ บัดนี้ เหอถิงผู้เป็นสามีได้เดินทางมาจากเมืองชิ่งเพื่อพาภรรยากับลูกกลับ แต่ถูกลู่ซินฟางกีดกันไม่ให้เจอลูก พอฟังจบ กงเยียนซูกับหลางไป๋ก็แหงนหน้าหัวเราะออกมาพร้อมกัน “ฮะๆๆ ฮะๆ” จิ่นเซี่ยมองคนทั้งสองด้วยความงุน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status