แชร์

บทที่ 11 เจรจาการค้า

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 17:14:02

บทที่ 11

เจรจาการค้า (ครึ่งแรก)

            ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดสีฟ้าอ่อนเดินออกมาจากห้องที่อยู่หลังโต๊ะคิดเงิน

            ด้วยความที่มีใบหน้าหล่อเหลา มุมปากประดับยิ้มตลอดเวลา มองผิวเผินเหมือนชายคนนี้เข้าหาได้ง่าย ทว่ารอยยิ้มนั้นหาได้ส่งไปถึงดวงตา

            สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาอุดหนุน ล้วนจ้องเถ้าแก่หนุ่มตาไม่กะพริบ เหมือนว่าที่กำลัง ‘กิน’ ไม่ใช่อาหาร  

            ลู่ซินฟางอดคิดไม่ได้ว่า โรงเตี๊ยมตระกูลกงใช้อาหารรสเลิศตกลูกค้า หรือใช้หน้าตาหล่อๆ ของเถ้าแก่ตกกันแน่ 

            “ข้าคือเถ้าแก่กง เจ้าของโรงเตี๊ยมลิ่วซุ่นแห่นี้ แม่นาง...ไม่สิ ฮูหยินมีธุระอะไรจะคุยกับข้าหรือ”

            “ข้ามาเพื่อคุยธุรกิจ”

            “ธุรกิจ?”

            ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ดวงตาคมเข้มแอบประเมินลู่ซินฟาง

            หญิงสาวคนนี้แต่งตัวด้วยผ้าราคาถูกและเก่าซอมซ่อ มวนผมถูกพันด้วยผ้าธรรมดา มองแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นหญิงบ้านนอก แต่ทว่า นางกลับเข้าใจคำว่าธุรกิจ ซึ่งน้อยคนนักจะเขาใจคำนี้

            ไม่เพียงเท่านั้น ท่าทางกับน้ำเสียงตอนที่พูดกับหลงจู๊เฉวียน กลับไม่ได้แสดงออกถึงการอ้อนวอนจนทำให้ตัวเองดูต่ำต้อย และไม่ได้หยิ่งผยอง แต่เหมือนกับมาเพื่อคุยธุรกิจจริงๆ และที่มากไปกว่านั้น สีหน้าของนางยังมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก

            ลางสังหรณ์บอกว่าหากไม่ฟังข้อเสนอของนาง ต้องพลาดสิ่งสำคัญไปแน่ๆ

            ครุ่นคิดแล้ว เขาก็ตอบสั้นๆ ว่า “ได้”

            หลงจู๊เฉวียนอ้าปากเตรียมแย้ง 

            เถ้าแก่หนุ่มยกมือขึ้นเป็นห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูดขัด สีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร แต่แรงกดดันของเถ้าแก่นั้นกลับทำให้หลงจู๊เฉวียนหุบปากลงทันที

            ลู่ซินฟางที่ทำใจมาแล้วว่าเถ้าแก่กงคนนี้อาจจะเป็นคนใหญ่คนโต แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีออร่าน่าเกรงขามขนาดนี้

            “ฮูหยิน เชิญด้านใน”

            กงเยียนซูวาดมือไปทางหลังร้าน ก่อนจะเดินนำลู่ซินฟางออกมา  

            หลังโรงเตี๊ยมระกูลกงคือสวนและน้ำตกจำลอง พอเดินผ่านสวนนั้นออกมาจะพบเรือนรับรองขนาดกะทัดรัด ภายในเรือนรับรองตกแต่งเรียบง่าย สะอาดสะอ้านและเงียบสงบ แตกต่างจากอาคารของโรงเตี๊ยมอย่างสิ้นเชิง ทว่า ข้าวของทุกชิ้นกลับมีราคาแพง 

            จริงๆ แล้ว กงเยียนซูคนนี้เป็นใครกันแน่ 

            พอเดินนำลู่ซินฟางมาถึงระเบียงของเรือน กงเยียนซูนั่งลงบนเบาะรองนั่ง บนโต๊ะคือชุดชงชาที่ทำจากกระเบื้องสีขาวมันวาวเหมือนงาช้าง กาต้มน้ำร้อนที่ตั้งบนเตาเล็กเดือดกำลังได้ที่

            “ข้ามีงานอดิเรกชงชาน่ะ เชิญฮูหยิน”

            ชายหนุ่มพูดพร้อมผายมือไปทางที่นั่งฝั่งตรงข้าม 

            ลู่ซินฟางกล่าวขอบคุณ จากนั้นนั่งลงด้วยท่าทางเรียบร้อย 

            “เข้าเรื่องดีกว่า ธุรกิจที่ฮูหยินพูดถึงคืออะไรหรือ?”

            กงเยียนซูถามขณะตักใบชาออกจากโถ สายตาไม่ได้มองนางสักแวบ แต่ไม่รู้ทำไม นางกลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกลอบสังเกต

            ลู่ซินฟางเปิดกล่องอาหาร หยิบจานขนมทั้งสองใบออกมา ในขณะเดียวกันก็มองชายหนุ่มชงชาไปด้วย

            ท่าทางที่เถ้าแก่หนุ่มชงชานั้นให้รู้สึกถึงความสุนทรีย์ แม้ดูลึกลับ หากกลับทำให้ตระหนักว่า ชายคนนี้ต้องเข้าใจอรรถรสของอาหารเป็นแน่

            มิน่าเล่า ถ้าขายแค่หน้าตา โรงเตี๊ยมตระกูลกงคงอยู่ได้ไม่นาน แต่คนผู้นี้ใส่ใจอาหารของจริง 

            ชงชาเสร็จแล้ว ชายหนุ่มเลื่อนถ้วยชามาตรงหน้าลู่ซินฟาง 

            ขนมจานแรกที่ลู่ซินฟางแนะนำคือเค้กแอปเปิล แป้งนุ่มฟู แต่...ถึงจะเรียกว่าเค้ก หากขั้นตอนตอนทำนางใช้วิธีนึ่งแทนการอบ และเปลี่ยนการผสมแป้ง บนหน้าเค้กตกแต่งด้วยแอปเปิลที่ฝาดบางๆ ประกบกันเป็นรูปดอกไม้ ทั้งยังเอาไปเชื่อมจนได้รสหวานกลมกล่อม หากก็อมเปรี้ยวนิดๆ ขนมจานที่สองเป็นขนมปังโรลสอดไส้แอปเปิลฉ่ำๆ

            ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ขนม...หน้าตาแปลกยิ่งนัก”

            ในยุคโบราณนี้ ถึงจะใช้ดอกไม้และผลไม้มาทำขนม แต่ส่วนใหญ่จะนำวัตถุดิบที่เป็นดอกไม้ไปผสมกับแป้งแล้วอัดเป็นรูปต่างๆ แป้งขนมที่สมน้ำตาลแม้มีรสหวาน แต่ก็ฝืดคอไม่ต่างจากขนมโก๋  

            “เถ้าแก่กง ท่านมองออกหรือไม่ว่าขนมสองจานนี้ส่วนผสมหลักๆ ใช้อะไรทำ” ลู่ซินฟางเริ่มต้นด้วยคำถาม

            ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมคาง สีหน้าครุ่นคิด

            “ถึงจะเปลี่ยนรูปแบบ แต่กลิ่นหวานๆ เปรี้ยวๆ นี้เป็นผลผิงกั่วไม่ผิดแน่”

            “เถ้าแก่ช่างตาถึง”

            “ไม่ขอปิดบัง พ่อครัวโรงเตี๊ยมข้าพยายามใช้ผลผิงกั่วทดลองทำขนมและอาหารอยู่หลายครั้ง ถึงจะไม่เคยสำเร็จเลย แต่ก็ทำให้ข้าคุ้นเคยกับผลผิงกั่ว เห็นแวบแรกเลยรู้ทันที ถึงอย่างนั้นกลับรู้สึกผิดคาด ฮูหยินใช้ผลผิงกั่วมาประดับบนหน้าขนมได้ขนาดนี้ ช่างพิถีพิถันยิ่งนัก”

            ลู่ซินฟางเพียงยิ้มบางๆ ให้กับคำชมนั้น

            กงเยียนซูกล่าวต่อ “ข้าขอพูดตรงๆ ขนมของฮูหยินหน้าตาน่าสนใจ แต่วัตถุดิบที่ใช้ค่อนข้างน่าผิดหวัง ต่อให้ยืมชื่อเสียงโรงเตี๊ยมตระกูลกงฝากขาย เกรงว่ายังไงก็ขายไม่ออก”

            ชายหนุ่มส่ายหน้าในตอนท้าย

            ลู่ซินฟางไม่โกรธ เพราะหากนางเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยม ก็คงลังเลเช่นเดียวกับเขา

            “เถ้าแก่กงอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ ลองชิมขนมทั้งสองจานนี้ พร้อมกับค่อยๆ จิบชาเขียวที่ท่านชงดูก่อน”

            ชายหนุ่มชั่งใจสักครู่ ก่อนจะตักขนมจานแรกส่งเข้าปาก

            เขาค่อยๆ ลิ้มลองแป้งนุ่มซึ่งมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว หากก็กลมกล่อมอย่างพอดี ซ้ำยังเหมือนละลายในปากทันทีที่กิน

หลังจากกลืนขนมลงท้อง ทันใดนั้น ดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มพลันหรี่ลงเล็กน้อย

            คราวนี้ กงเยียนซูหยิบจอกชาขึ้นมาจิบ

            “รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ผิวสัมผัสนุ่มลิ้น และยังมีกลิ่นหอมที่แปลก แต่กลับอร่อยลงตัว พอดื่มชาเข้าไป ทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยน ซ้ำยัช่วยลดความหวานที่ติดปลายลิ้นได้ด้วย รสชาติอร่อยยิ่งนัก” 

            “ชาเขียวช่วยลดความหวานของขนมนี้พอดี เป็นจังหวะเหมาะจริงๆ เจ้าค่ะ” นางกล่าวปนขำ ให้อารมณ์เหมือนพูดเล่น

            แต่ทว่า...

            ชายหนุ่มกลับถามด้วยสีหน้าแลดูจริงจัง

            “ฮูหยินก็รู้จักชาเขียวหรือ”              

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 94 ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู

    บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 93 เที่ยวชมฟาร์ม

    บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 92 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง)

    บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 91 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก)

    บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 90 พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ

    บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 89 ถูกสารภาพรักครั้งแรก

    บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status