บทที่ 108
พลอยประดับ
หลายวันมานี้ ภูตหลินกำลังสนุกกับการออกแบบเครื่องประดับ ปกติก็ชอบการวาดภาพระบายสีเล่นอยู่แล้ว พอได้ทำสิ่งที่ชอบและยังเป็นประโยชน์ จึงเพลิดเพลินจนเผลอวาดออกมาตั้งเยอะแยะ
ลู่ซินฟางเป็นฝ่ายคัดแยก ว่าเครื่องประดับชิ้นไหนวางขายได้ ชิ้นไหนวางขายไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว หลินออกแบบได้ดีทุกชิ้น
“สวยๆ ทั้งนั้นเลย มีทั้งแบบเรียบง่าย และแบบอลังการงานสร้าง!”
“ในมิติตอนนี้เริ่มก่อสร้างโรงเจียระไนพลอยแล้วขอรับ ส่วนนี่เป็นพลอยตัวอย่างที่ท่านหลินใช้เวทเจียระไนขึ้นมาเอง”
หลางไป๋พูดพร้อมวางกล่องกำมะยี ด้านในมีพลอยเจียระไนหลายสี
ลู่ซินฟางร้องอย่างประหลาดใจ “เร็วถึงเพียงนี้!”
ไม่ใช่แค่นั้น หลังจากเปิดกล่องดู สีหน้าของนางยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก พลอยทุกชิ้นเปล่งประกายสดใส ทั้งยังเจียระไนออกมาได้ดีไม่มีที่ติ
หลางไป๋ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าเตือนท่านหลิน งานเจียระไนจะเป็นหน้าที่ของช่างฝีมือ แต่ดูเหมือนท่านหลินจะตื่นเต้น เลยทำพลอยพวกนี้ออกมาเยอะขอรับ”
“ถึงจะสวยมาก แต่น่าเสียดาย พวกเราวางขายพลอยของหลินไม่ได้หรอก”
“ข้าก็คิดแบบเดียวกับท่าน” หลางไป๋ตอบ พร้อมทำหน้าเสียดายไม่ต่างจากลู่ซินฟาง
ของที่หลินสร้างออกมามีคุณภาพสูงเกินไป พลอยแต่ละเม็ดก็เต็มไปด้วยพลังเวทแฝง ไม่เหมาะให้มนุษย์ธรรมดาเอาไปใช้
อีกอย่าง การที่หลินใช้พลังเวทของตัวเองเจียระไนพลอยออกมา เป็นการสิ้นเปลืองพลังเวทแบบใช่เหตุ
“เอาอย่างนี้ เม็ดพลอยที่หลินเจียระไนพวกนี้ ใส่กรอบให้แน่นหนา ข้าจะแบ่งบางส่วนมาแขวนประดับในร้าน บางส่วนให้กับช่างฝีมือของเราดูไว้เป็นตัวอย่าง”
“ขอรับ”
เมื่อสั่งงานเสร็จ ลู่ซินฟางฉีกยิ้มอ่อนโยน ลองนึกถึงภาพภูตตัวน้อยทั้งวาดและออกแบบเครื่องประดับแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้
“นอกจากเป็นนักเจรจา นักตรวจสอบวัตถุดิบ ตอนนี้ก็ยังทำหน้าที่เป็นนักออกแบบและผู้ผลิตยอดฝีมืออีก เห็นทีข้าต้องจ่ายค่าจ้างพิเศษให้กับพนักงานตัวน้อยงามๆ เสียแล้ว” ลู่ซินฟางพูดปนขำ
หลางไป๋ยิ้มตามคำพูดของหญิงสาว “ค่าจ้างพิเศษสำหรับท่านหลิน คงต้องจ่ายเป็นขนมเท่านั้นขอรับ”
“นั่นสินะ”
ภูตน้อยของนางชอบกินขนมมากกว่าสิ่งอื่น ถ้าให้เลือกระหว่างเงินกับของกิน หลินเลือกของกินอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เมื่อคิดถึงความน่าเอ็นดูของภูตน้อย ทั้งสองพากันยิ้มรื่น
เวลานั้น หู่จืออวิ๋นถือสมุดบัญชีเข้ามาในห้อง เห็นทั้งสองยิ้มอย่างอารมณ์ดี กระต่ายหนุ่มพลันกะพริบตาด้วยความสงสัย
หลางไป๋เห็นหู่จืออวิ๋นยืนลังเลหน้าประตูจึงเอ่ยถาม
“ส่งรายงานบัญชีหรือ”
“ใช่ขอรับ ข้าสรุปรายงานของเมื่อวานมาให้ท่านตรวจสอบอีกรอบ”
พอพูดจบ สายตาของหู่จืออวิ๋นเหลือบเห็นพลอยสีสันสดใสในกล่องกำมะยี กระต่ายหนุ่มเบิกตากว้างร้องว่า “โห สวยจัง!”
“ท่านหลินเป็นคนทำขึ้นมาน่ะ” หลางไป๋บอกด้วยความภูมิใจ
“สวยมากขอรับ ว่าแต่ ท่านตั้งราคาไว้เท่าไรหรือ ต้องแพงมากแน่ๆ ใช่หรือไม่”
“.…”
คำถามของกระต่ายหนุ่มทำเอาลู่ซินฟางกับหลางไป๋เม้มปากเงียบกริบ นั่นเพราะสิ่งที่ยากที่สุดของการค้าขายคือการตั้งราคานั่นเอง!
“ยังไม่ได้คิดเรื่องราคาหรอกหรือ” หู่จืออวิ๋นสรุปเมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคน
หลางไป๋วางสมุดบัญชีลงบนโต๊ะ เดินเข้ามากอดคอกระต่ายหนุ่มพลางทำท่ากระซิบกระซาบ “อาอวิ๋น ข้ามีงานสำคัญให้เจ้าไปทำ”
“อะไรหรือขอรับ”
“สำรวจราคาเครื่องประดับตามท้องตลาด ไม่ว่าจะร้านเล็กหรือร้านใหญ่ เจ้าสำรวจมาให้หมดเลย”
“เอ๋!!?? ไหงหน้าที่นี้ถึงเป็นของข้าเล่า”
“เจ้าฉลาด เรียนรู้เร็ว ทำงานก็เร็ว เพราะงั้นเจ้าเหมาะสมกับงานนี้ที่สุด”
“โถ…”
หู่จืออวิ๋นทำไหล่ห่อเหี่ยว ถึงอย่างนั้นก็ยอมรับปากว่า ได้ขอรับ
ก่อนที่หู่จืออวิ๋นจะออกจากห้อง หลางไป๋ย้ำอีกว่า “นอกจากราคาสินค้า เช็คคุณภาพและจดชื่อร้านมาด้วยล่ะ ข้าจะตรวจสอบอีกรอบ”
หู่จืออวิ๋นพยักหน้าตอบรับ “ขอรับ พี่หลางไป๋”
หลังจากกระต่ายหนุ่มออกห้องแล้ว ลู่ซินฟางดูภาพวาดเครื่องประดับที่หลินออกแบบต่ออีกหน่อย ทันใดนั้นก็พูดออกมาอย่างอดไม่ได้
“ปิ่นดอกเหมย ตรงกลางประดับพลอยสีชมพูเม็ดเล็กๆ นี้ก็สวยดีนะ เรียบง่าย แต่มีเสน่ห์ดึงดูด”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นขอรับ ปิ่นนี้ประดับพลอยแค่เม็ดเล็กๆ แค่เม็ดเดียว ก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับเครื่องประดับแล้ว ถ้าพูดถึงยุคที่มีแค่หยก ทองคำ และหินประดับคุณภาพธรรมดา พลอยจากเหมืองของเราต้องได้รับความสนใจไม่น้อย อาจจะตีตลาดเร็วกว่าที่คิดก็ได้ขอรับ”
“จริงสิ…เจ้าหาคนที่จะมาเดินทางเข้าเมืองหลวงได้หรือยัง” ลู่ซินฟางถาม
“มีหลายคนที่เข้าตาขอรับ แต่ข้าอยากได้คนที่เหมาะสมจริงๆ ขอเวลาอีกสักหน่อยนะขอรับ”
“อืม ข้าไม่รีบร้อน เจ้าค่อยๆ คัดเลือกคนก็แล้วกัน”
หมาป่าหนุ่มยิ้มพลางผงกศีรษะตอบ “ขอรับ” จากนั้นก็รายงานว่า “นายหญิง ตอนนี้ข้าได้ส่งคนไปปล่อยข่าว แหล่งที่มาของพลอยแล้ว พร้อมกับสร้างตัวตนของพ่อค้าเร่ต่างแดนคนนั้นเรียบร้อย หลักฐานการซื้อขายพลอย ประเดี๋ยวจะลองร่างหนังสือสัญญามาให้ท่านตรวจสอบอีกทีนะขอรับ”
“ทำงานรอบคอบมาก”
จู่ๆ ก็มีพลอยเม็ดงามปรากฏขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้คนแตกตื่น อาจทำให้คนอื่นสงสัยในตัวลู่ซินฟางด้วย หากไม่สร้างเรื่องว่าเป็นของจากต่างแดน ขุนนางละโมบอาจใช้สิทธิ์อำนาจบังคับให้บอกแหล่งค้นพบเหมืองพลอย และครอบครองเหมืองพลอยนั้นแต่เพียงผู้เดียวก็ได้
การสร้างแหล่งที่มา สร้างตัวตนของพ่อค้าต่างแดน จึงง่ายต่อการจัดการและควบคุมสถานการณ์
บทที่ 108พลอยประดับ หลายวันมานี้ ภูตหลินกำลังสนุกกับการออกแบบเครื่องประดับ ปกติก็ชอบการวาดภาพระบายสีเล่นอยู่แล้ว พอได้ทำสิ่งที่ชอบและยังเป็นประโยชน์ จึงเพลิดเพลินจนเผลอวาดออกมาตั้งเยอะแยะ ลู่ซินฟางเป็นฝ่ายคัดแยก ว่าเครื่องประดับชิ้นไหนวางขายได้ ชิ้นไหนวางขายไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว หลินออกแบบได้ดีทุกชิ้น “สวยๆ ทั้งนั้นเลย มีทั้งแบบเรียบง่าย และแบบอลังการงานสร้าง!” “ในมิติตอนนี้เริ่มก่อสร้างโรงเจียระไนพลอยแล้วขอรับ ส่วนนี่เป็นพลอยตัวอย่างที่ท่านหลินใช้เวทเจียระไนขึ้นมาเอง” หลางไป๋พูดพร้อมวางกล่องกำมะยี ด้านในมีพลอยเจียระไนหลายสี ลู่ซินฟางร้องอย่างประหลาดใจ “เร็วถึงเพียงนี้!” ไม่ใช่แค่นั้น หลังจากเปิดกล่องดู สีหน้าของนางยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก พลอยทุกชิ้นเปล่งประกายสดใส ทั้งยังเจียระไนออกมาได้ดีไม่มีที่ติ หลางไป๋ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าเตือนท่านหลิน งานเจียระไนจะเป็นหน้าที่ของช่างฝีมือ แต่ดูเหมือนท่านหลินจะตื่นเต้น เลยทำพลอยพวกนี้ออกมาเยอะขอรับ” “ถึงจะสวยมาก แต่น่าเสียดาย พวกเราวางขา
บทที่ 107เพราะข้าเป็นห่วงเจ้า ยามบ่ายของวันนั้นเอง กงเยียนซูกับโจวหวังเยว่แวะมาดูสินค้าที่ร้านซินหลิน ทันทีที่มาถึง โจวหวังเยว่แยกกับกงเยียนซูไปเลือกดูสินค้าด้วยท่าทีตื่นตาตื่นใจ เวลานี้กงเยียนซูกับลูซินฟางจึงมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง “พี่ห้าสนใจสินค้าของร้านซินหลิน ช่วงที่เขาอยู่เมืองเล่ออันต้องรบกวนเจ้าแล้ว” กงเยียนซูเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าเก้อเขิน หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ให้กับชายหนุ่ม พลางตอบว่า “มีคนกระเป๋าหนักมาอุดหนุน ข้าย่อมดีใจอยู่แล้ว กลับกัน ร้านของเราต้องขอบคุณพวกท่านที่มาอุดหนุนบ่อยๆ เจ้าค่ะ” “ไม่ถึงขนาดหรอก สินค้าร้านซินหลินคุณภาพดีทุกอย่าง บริการก็ดีมาก ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วก็อยากกลับมาซื้อใหม่ อ้อ ชาสมุนไพรที่ซื้อไปคราวก่อนใกล้จะหมดแล้ว เจ้าพอจะแนะนำใบชาอย่างอื่นให้ข้าได้หรือไม่” “ได้แน่นอนเจ้าค่ะ” พูดจบ ลู่ซินฟางเดินนำชายหนุ่มไปทางจุดที่วางขายใบชา หญิงสาวแนะนำใบชาแต่ละชนิดให้กับกงเยียนซู ชาดอกไม้ ชาสมุนไพร และชาหายากใหม่ๆ ระหว่างแนะนำสินค้าให้กับกงเยียนซู จู่ๆ ในหัวของลู่
บทที่ 106เรื่องน่ายินดี (ครึ่งหลัง) สามวันถัดมา ผู้นำเผ่ากระต่ายเดินทางมาพบกับภูตจิ๋ว ขอเจรจาและทำข้อตกลง เงื่อนไขของพวกเขาคือ ขอสร้างหมู่บ้านกระต่ายในอาณาเขตของภูต แลกกับอาหารและความปลอดภัย อย่างไรก็ดี ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ หากเผ่ากระต่ายจะมาช่วยงานในฟาร์ม ทางนี้ก็จะจ่ายค่าตอบแทน รวมไปถึงให้การศึกษา อำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน อาหาร ที่อยู่อาศัยและความปลอดภัยอันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่พวกเขาจะได้รับอยู่แล้ว นอกจากนั้น จากการสำรวจป่ารกร้างทางเหนือ หลางไป๋ยังได้เผ่ากวางป่ามาเป็นพันธมิตร หนำซ้ำ ทางทิศตะวันออกของฟาร์มยังพบเหมืองพลอย นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น เผ่าจิ้งจอกและเผ่าหมูป่ายังไม่ให้คำตอบที่แน่ชัด พวกเขาเลือกอาศัยอยู่ที่เดิม แต่ให้สัญญาว่าจะไม่ลุกล้ำเข้ามาในฟาร์ม ทั้งยังรับปากว่าจะไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับสัตว์จำแลงและฟาร์มอย่างเด็ดขาด ในด้านของลู่ซินฟาง หลังจากเคลียร์งานต่างๆ เรียบร้อย นางก็ข้ามมาที่มิติเพื่อพบกับเผ่ากระต่ายและเผ่ากวางป่า
บทที่ 105เรื่องน่ายินดี (ครึ่งแรก) สรุปให้เข้าใจง่ายๆ เมื่อมิติขยายตัวออกไป เวทมนตร์ของภูตที่ดูแลมิติก็เพิ่มขึ้นด้วย พลังเวทนั้นจะสร้างทรัพยากรมากมายให้กับมิติ และเพิ่มวิวัฒนาการเหล่าสัตว์อสูรให้มีสติปัญญาจนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา ก่อนที่ลู่ซินฟางจะครอบครองมิติ พื้นที่แถบนี้ยังเป็นแค่ดินแดนที่แทบไม่มีอะไรเลย แต่หลังจากที่ลู่ซินฟางขยายฟาร์มทีละเล็กทีละน้อย สัตว์ในมิติก็ค่อยๆ กลายร่างเป็นมนุษย์ มีสติปัญญาและสื่อสารกันรู้เรื่อง ท้ายที่สุดก็มาอาศัยร่วมกันเหมือนอย่างทุกวันนี้ หลังจากหนุ่มสาวเผ่ากระต่ายได้ฟังคำบอกเล่าก็เข้าใจทันที วิวัฒนาการของพวกตนเกิดจากภูตจิ๋วตรงหน้านี้เอง “แล้วพวกเจ้ามีจำนวนเท่าไรหรือ” หลินถาม “ถ้าเฉพาะเผ่ากระต่าย รวมเด็กๆ ในเผ่าด้วยก็ประมาณ 14-15 ตน” “อืม” “แสดงว่ายังมีเผ่าอื่นๆ อีก ป่าแถบนั้นมีเผ่าอะไรบ้างหรือ” “ละแวกที่เผ่ากระต่ายอาศัย ก็มีเผ่าหมูป่า เผ่ากวางป่า ไกลออกไปอีกได้ยินว่ายังมีเผ่าเสือและเผ่าจิ้งจอก แต่มีจำนวนเท่าไร พวกเราไม่รู้หรอก” “เข้าใ
บทที่ 104เผ่ากระต่าย (ครึ่งหลัง) เวลาเดียวกันนั้น ในมิติต่างโลก ภูตตัวน้อยบินวนไปวนมาพร้อมกับพิจารณากลุ่มมนุษย์ที่มีหูกระต่ายสีเทาอันนุ่มนิ่มและนุ่มฟู “พวกเจ้าเป็นเผ่ากระต่ายจริงๆ สินะ” หลินถามเหล่ามนุษย์หูกระต่าย “แค่ดูหูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ” คำพูดขัดแย้งนี้เป็นของซินหลิน “เจ้าเด็กคนนี้นี่ เรื่องนั้นข้าดูแวบเดียวก็รู้อยู่แล้วน่า ก็แค่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้นเอง” หลินหันมาทำท่าโวยวายใส่ซินหลิน ซินหลินไม่ได้มีสีหน้าสำนึกผิดแม้แต่น้อย เด็กชายทำหน้านิ่ง กรอกตามองบนทีหนึ่ง ก่อนจะถามหลินว่า “ว่าแต่ จะเอายังไงกับพวกเขาดีล่ะ” “อืม นั่นสิน๊า” หลินทำท่าครุ่นคิด หากกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ซินหลินกับสยงอู๋มาที่โกดังต่างมิติ เพื่อตรวจนับผักผลไม้ ก่อนจะเอาออกไปเติมที่ร้านข้างนอกเหมือนอย่างทุกๆ วัน แต่เช้าวันนี้ พอเปิดโกดังปุบก็พบผู้บุกรุกปับ ผู้บุกรุกมีทั้งหมดเจ็ดตน ทุกตนเป็นเผ่ากระต่าย และกำลังแอบกินผักผลไม้ที่อย
บทที่ 103เผ่ากระต่าย (ครึ่งแรก) ตอนขากลับ โจวหวังเยว่หอบหิ้วสินค้าขึ้นรถม้าเต็มสองมือ ส่วนกงเยียนซูซื้อใบชากลับไปเหมือนอย่างเคย ตลอดเวลาที่อยู่กับลู่ซินฟาง สายตาของกงเยียนซูแสดงออกถึงความรักใคร่อย่างไม่คิดจะปิดบัง ทำเอาคนที่เห็นถึงกับเอียนความหวานกันเป็นแถว รถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว แต่ลู่ซินฟางยังยืนอยู่ที่เดิม ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วสินะ… หญิงสาวคิดอย่างสับสน ไม่ใช่ว่าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ จริงอยู่ที่ลู่ซินฟางในอดีตสูญเสียครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ในขณะเดียวกัน ตั้งแต่ได้รับมิติมา ลู่ซินฟางมักจะจัดเลี้ยง งานเทศกาล และงานสังสรรค์อื่นๆ กับภูตหลินและเหล่าสัตว์อสูร ปีนี้กงเยียนซูชวนเที่ยวงานเทศกาลด้วยกัน นางที่ไม่เคยปฏิสัมพันธ์หรือเที่ยวเล่นกับคนอื่นมาก่อน อดรู้สึกสับสนไม่ได้จริงๆ “เสียดายที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันให้นานอีกหน่อยหรือขอรับ” หลางไป๋เห็นลู่ซินฟางเอาแต่ยืนเหม่อตั้งแต่รถม้าของกงเยียนซูเคลื่อนออกจากหน้าร้าน เห็นแล้วก็อดจะพูดกระเซ้าเย้าแ