แชร์

บทที่ 21 ยืมดาบฆ่าคน!?

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 17:21:47

บทที่ 21

ยืมดาบฆ่าคน!?

            เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสงสัย ที่จู่ๆ ก็กลายเป็นคนร่ำรวยอย่างไม่มีสาเหตุ ลู่ซินฟางนำรองเท้าฟางมาฝากขายที่ร้านเถ้าแก่หลี่จำนวน 5 คู่ กับผิงกั่วเคลือบน้ำตาลอีก 1 ตะกร้า ประมาณเกือบ 30 ไม้

            คำแรกที่เถ้าแก่หลี่ทักทายลู่ซินฟางคือคำพูดแฝงความน้อยใจหน่อยๆ

            “ไม่เห็นซะนาน คิดว่าจะลืมกันแล้วเสียอีก”

            หญิงสาวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ช่วงนี้ข้ายุ่งกับเรื่องย้ายบ้าน แล้วก็ตกแต่งหน้าร้านน่ะเจ้าค่ะ”

            เถ้าแก่หลี่พอได้ฟังอย่างนั้นก็หัวเราะ ฮะๆ

            “ข้าก็แค่หยอกเล่น แล้วนี่ย้ายของเสร็จแล้วรึ”

            “เหลืออีกแค่นิดหน่อยเจ้าค่ะ”

            เถ้าแก่หลี่พยักหน้าส่งเสียง อืม สักพักก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก “จริงสิ ช่วงนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าด้วย”

            “ข่าวลือ?”

            แม้จะพอเดาได้อยู่แล้ว แต่ลู่ซินฟางแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ

            “ก็เรื่องที่เจ้าได้เงินก้อนหนึ่งมาจากเจ้าของโรงเตี๊ยมตระกูลกงนั่นไง”

            พอเถ้าแก่หลี่เอ่ยขึ้นอย่างนั้น ภาพตอนที่พวกเจียงลิ่วมาหาเรื่องถึงหน้าบ้าน ทั้งยังใส่ความว่านางไปหลับนอนกับกงเยียนซูจนได้เงินจำนวนมากมาก็วาบเข้ามาในหัว

            จะว่าไปแล้ว นับจากวันที่คนพวกนั้นมาหาเรื่อง ผ่านมาเพียงแค่วันสองสามวันเท่านั้น ทำไมข่าวลือแพร่สะพัดทั่วเมืองรวดเร็วเช่นนี้

            ไม่ต้องคิดให้ยาก หาก ‘เหยื่อที่ถูกใส่ความ’ ไม่เป็นคนปล่อยข่าวลือนั้นเอง แล้วจะเป็นใครได้อีก

            แน่นอนว่า ‘เหยื่อที่ถูกใส่ความ’ ไม่ใช่ใครอื่น ลู่ซินฟางหมายถึงกงเยียนซูนั่นเอง!

            คิดแล้วเชียว ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขาต้องมีเส้นสายมากมาย ถึงได้รู้ข่าวเร็วถึงเพียงนี้ เผลอๆ อาจแอบสืบเรื่องของนางด้วย

            “เถ้าแก่หลี่ก็เชื่อข่าวลือพวกนั้นด้วยหรือ” นางแกล้งถาม

            ผู้อาวุโสหลี่โบกมือ ทำหน้าเอือมระอา

            “วันๆ มีเป็นร้อยแปดเรื่องราว ข่าวลือจริงบ้างเท็จบ้างใครจะรู้ อีกอย่าง เจ้าเองก็ออกจะขยัน มีความคิดไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง ทำรองเท้าฟางธรรมดาให้น่าสนใจบ้างละ ไหนจะผิงกั่วเคลือบน้ำตาลอะไรนั่นอีก ถ้าคิดจะหาเงินจริงๆ ด้วยความรู้อย่างเจ้าก็คงไม่ใช่เรื่องยากใช่หรือไม่” 

            พอถูกชม ลู่ซินฟางรู้สึกเขินขึ้นมาหน่อยๆ

            “จริงสิ” เถ้าแก่หลี่ทำหน้าลึกลับแล้วเอ่ยขึ้นอย่างปุบปับอีกครั้ง

            ลู่ซินฟางขยับเข้าไปใกล้ พยักหน้ารอฟัง

            เถ้าแก่หลี่ว่า “เห็นว่าเถ้าแก่กงจะเอาเรื่องคนที่ปล่อยข่าวลือถึงที่สุดด้วย”

            ลู่ซินฟางทำหน้าไขสืออีกครั้ง “อย่างนั้นหรือ”

            “อิโธ่ ของมันแน่อยู่แล้ว ทางนั้นยังไม่ได้ตบแต่งภรรยา มีข่าวลือซี้ซั้วออกมาก็ทำให้เจ้าตัวเสียหายไม่ใช่หรือ”

            “อย่างนี้เอง”

            กงเยียนซู ชายลึกลับคนนั้นยังไม่ได้ตบแต่งภรรยา ทั้งยังใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง เอาเรื่องคนปล่อยข่าวลือ ผู้ชายคนนี้ฉลาดเจ้าเล่ห์กว่าที่นางคิดเสียอีก เห็นทีนางต้องระมัดระวัง สนิทสนมกับเขาแค่เฉพาะตอนทำการค้าเท่านั้น

            ย้อนกลับมาเรื่องอื่น 

            ครั้งก่อนลู่ซินฟางให้ผิงกั่วเคลือบน้ำตาลกับเถ้าแก่หลี่ไปสองไม้ฟรีๆ เพื่อให้เขานำไปฝากหลานชายกับหลานสาว หลังจากคุยเรื่องข่าวลือจบ เถ้าแก่หลี่จึงเปลี่ยนมาพูดเรื่องผิงกั่วต่อ ชายชราบอกว่าหลานๆ ของตนชอบผิงกั่วของลู่ซินฟางมาก ดังนั้นจึงอุดหนุนผิงกั่วของลู่ซินฟางมา 2 ไม้ 

            ระหว่างที่ลู่ซินฟางหยิบผิงกั่วเคลือบน้ำตาลใส่ห่อกระดาษ เถ้าแก่หลี่ยังเล่าว่า คนขายขนมร้านแผงข้างทาง ลองเก็บผิงกั่วจากในป่ามาทำเลียนแบบผิงกั่วเคลือบน้ำตาลของลู่ซินฟาง แต่รสชาติออกมาไม่อร่อยเท่า

            ลู่ซินฟางยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร

            ของมันแน่อยู่แล้ว ผิงกั่วของลู่ซินฟางมาจากมิติ ย่อมอร่อยกว่าผิงกั่วเปรี้ยวของโลกทางนี้

            คุยกันสักพักหนึ่ง ลู่ซินฟางก็ขอตัวเพราะต้องไปส่งของที่โรงเตี๊ยมตระกูลกงอีก

            หลังจากโรงเตี๊ยมตระกูลกงปล่อยขนมเค้กผิงกั่วออกมาขาย ยังไม่ถึงครึ่งวัน ขนมก็ขายหมดเกลี้ยง สองวันให้หลัง ขนมเค้กผิงกั่วกลายเป็นขนมขายดีอันดับหนึ่งของโรงเตี๊ยม... ไม่สิ อันดับหนึ่งในเมืองเล่ออันก็ว่าได้ พอเสิร์ฟคู่กับชาเขียวที่เก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ทั้งเมืองเล่ออันไม่มีใครไม่พูดถึงของว่างเลิศรสจากโรงเตี๊ยมของกงเยียนซู

            สรุปแล้ว กงเยียนซูได้กำไรจากการขายขนมสูตรใหม่และใบชานำเข้าเป็นกอบเป็นกำ นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

            ทันทีที่มาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลกง หลงจู๊แซ่ตู้เห็นลู่ซินฟางปุบก็รีบมาต้อนรับปับ

            “เถ้าแก่เนี้ยลู่ ท่านมาพอดีเลย เถ้าแก่ของเรากำลังรอท่าน เชิญทางนี้ขอรับ”

            ตอนที่หญิงสาวเข้ามาโรงเตี๊ยมตระกูลกงครั้งแรก หลงจู๊เฉวียนทำตัวเสียมารยาทใส่ลู่ซินฟาง เลยถูกกงเยียนซูสั่งย้ายไปทำงานที่อื่น ผู้มาทำงานแทนจึงเป็นหลงจู๊แซ่ตู้ (ตู้เข่อ) ชายคนนี้ค่อนข้างรู้งาน แถมยังต้อนรับคนเก่ง ก่อนหน้านั้นทำงานเป็นผู้ช่วยหลงจู๊เฉวียน ถูกหลงจู๊เฉวียนใช้อำนาจกดขี่ ให้ไปทำงานเล็กๆ น้อยๆ จึงไม่อาจแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่

            ต่อให้เป็นคนมีความสามารถ หากแสงส่องลงมาไม่ถึงย่อมไม่อาจเติบโตในหน้าที่การงาน

            หญิงสาวยิ้มอย่างมีมารยาทให้หลงจู๊คนใหม่ ก่อนจะถือตะกร้าที่คลุมด้วยผ้าเดินตามไปยังห้องรับรอง

            เมื่อมาถึง ลู่ซินฟางเห็นกงเยียนซูจิบชารออยู่ก่อนแล้ว

            พอมาส่งคนเรียบร้อย ตู้เข่อปลีกตัวออกมาอย่างรู้งาน

            ลู่ซินฟางกล่าวทักทายชายหนุ่มตามมารยาท

            กงเยียนซูผายมือไปทางที่นั่งฝั่งตรงข้าม บอกให้นางนั่งลง ตรงหน้าของเขามีสมุดบัญชีและตั๋วเงินกับเงินตำลึงหลายก้อน

            หญิงสาวเปิดตะกร้าที่ใส่เนยพร้อมกับบอก “ช่วงนี้วัตถุดิบค่อนข้างมีจำกัด ข้านำมาส่งได้เพียงเท่านี้ แต่เห็นอย่างนี้ก็ใช้ได้นานเกินหนึ่งอาทิตย์”

            นัยน์ตาสีดำเหลือบมองสินค้าแวบหนึ่ง “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ทางข้าก็ให้พ่อครัวทำออกมาแบบจำนวนจำกัดเช่นกัน ยิ่งทำออกมาน้อย คนจะยิ่งสนใจและแห่มาซื้อ”

            ในขณะที่พูด ใบหน้าหล่อเหลาของกงเยียนซูไม่ได้เงยขึ้นจากสมุดบัญชี แถมนิ้วยังดีดลูกคิดอย่างคล่องแคล่ว

            หลังจากคิดบัญชีเสร็จ เขาดันตั๋วเงินกับเงินตำลึงมาตรงหน้านาง

            “นี่คือเงินค่าวัตถุดิบรอบนี้ เนย 12 จิน ราคา 2,160 เหรียญ แต่ข้าแยกเป็นตั๋วเงินกับตำลึงเงินให้เรียบร้อยแล้ว จะได้สะดวกเวลาเก็บเงิน”

            ในโลกเดิม ราคาเนยสดก้อนหนึ่งไม่กี่หยวน แต่ในโลกนี้ เนยของลู่ซินฟางนับเป็นแรร์สินค้า นางจึงขาย 1 จิน(500กรัม) ในราคา 180 เหรียญ สำหรับเศรษฐีอย่างกงเยียนซูไม่ทำให้ขนหน้าแข้งล่วง อีกอย่าง ถ้ารู้ว่าเนยสดปรุงแต่งอาหารอะไรบ้าง ราคาเท่านี้อาจจะถูกไปด้วยซ้ำ!

            ลู่ซินฟางรับตั๋วเงินมานับพลางแนะนำ “ความคิดท่านล้ำลึกจริงๆ ขายในจำนวนจำกัดต่อวันหรือ...ข้าเห็นด้วยกับวิธีนี้นะ อ้อ ถ้าอยากสร้างกำไรเพิ่มอีก พอขายเค้กผิงกั่วไปสัก 1 เดือน ท่านค่อยปล่อยขนมสูตรที่สองออกไป แบบนี้โรงเตี๊ยมท่านจะยิ่งมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ หนำซ้ำวัตถุดิบก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลยสักนิด มีก็แค่รสชาติกับหน้าตาเปลี่ยนไปเท่านั้น นับว่าคุ้มกับคุ้ม!”

            นี่คือเหตุผลที่ลู่ซินฟางขายสูตรขนมทั้งสองอย่างที่ทำจากผิงกั่ว แทนที่จะเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นอย่างอื่น 

            กงเยียนซูยิ้มกล่าวขอบคุณ 

            “ทำการค้ากับเจ้า ข้าเองก็ได้กำไรไม่น้อย ดังนั้นแล้ว แผนยืมดาบฆ่าคนของเจ้า ข้าถึงได้ยอมร่วมมือด้วย”

            ได้ยินแบบนี้ มือที่กำลังนับเงินของลู่ซินฟางชะงักกึก สักครู่ นางเหลือบมองชายหนุ่มพลางยิ้มแห้งๆ

            “ท่านพูดอะไรหรือ ยืมดาบฆ่าคนอะไร ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย”

            ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ทำหน้าเหมือนรู้ทัน “ไม่เข้าใจจริงหรือ”

            ลู่ซินฟางยังคงทำหน้าลำบากใจ “ต้องขอประทานโทษ ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจ”

            กงเยียนซูแสร้งทำหน้าครุ่นคิด ชั่วครู่ถึงค่อยยักไหล่อย่างไม่ถือสา “งั้นช่างเถอะ ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร งานสกปรกพวกนี้ ให้ข้าจัดการเองย่อมเร็วกว่า”

            โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ ลู่ซินฟางลอบกลืนน้ำลายลงคอ

            จริงอยู่ว่า ลู่ซินฟางตั้งใจจะยืมดาบฆ่าคน จึงปล่อยให้พวกเจียงลิ่วโพทนาข่าวลือสกปรกไปทั่ว คาดไม่ถึงว่ากงเยียนซูจะรู้เจตนาของนาง

            อา...ไม่มีอะไรปิดบังชายคนนี้ได้เลยสินะ 

            ผ่านมาประมาณสามวัน

            ข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับกงเยียนซูและลู่ซินฟางที่แพร่สะพัดทั่วเมืองเล่ออันอย่างหนาหู ในที่สุดก็เงียบลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการประจำเมืองจับตัวคนปล่อยข่าวลือได้แล้ว หนำซ้ำยังมีพยานเป็นบุคคลอีกด้วย

            เมื่อทุกอย่างเข้าเป้าแบบพอเหมาะพอเจาะ เจียงลิ่วและฮูหยินขาเม้าท์ก็ไม่มีหนทางดิ้นหลุดจากความผิด 

            พวกนางถูกทางการตัดสินให้เสียค่าปรับ ‘ข้อหาหมิ่นประมาท’

            อันที่จริง ด้วยฐานะของกงเยียนซู ค่าเสียหายที่พวกเจียงลิ่วควรเสียไม่ใช่เงิน แต่เป็นศีรษะที่ต้องหลุดจากบ่า

            ทว่า…ด้วยความใจกว้าง? กงเยียนซูให้พวกนางจ่ายค่าเสียหายแทน จำนวนค่าปรับนั้นสูงลิ่ว ชั่วชีวิตพวกนางก็หามาชดใช้ให้ไม่หมด

            บ้านเจียงพอมีที่ดินอยู่บ้าง ใช้โฉลดที่ดินกับไร่นาเป็นค่าปรับ

            แต่ฮูหยินรองของหัวหน้าหมู่บ้านมีฐานะต่ำต้อย ที่กล้าเชิดหน้าชูคอทุกวันนี้เพราะว่าเป็นภรรยารองของหัวหน้าหมู่บ้าน 

            หลังจากคุกเข่าร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนหัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นสามี ท้ายที่สุด หัวหน้าหมู่บ้านก็ยอมชดใช้ค่าปรับให้บางส่วน ในส่วนที่ใช้ให้ไม่ได้ ก็ให้นางออกไปทำงานหาเงินมาชดใช้เอง

            ส่วนแม่ลูกบ้านฉาง อ้างว่าถูกยุยงจากเจียงลิ่วจึงเชื่อข่าวลือ ถึงกระนั้น เจตนาฮูหยินฉางจะพาบุตรสาวขึ้นเตียงกงเยียนซูเพื่ออัพสถานะตัวเองก็เป็นความจริง เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อให้แก้ตัวอย่างไรก็ไม่อาจล้างอายได้ ไม่เพียงพวกนางแม่ลูกถูกมองว่าเป็นคนละโมบ ชาตินี้จะหาคนดีๆ แต่งด้วยได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่ 

            อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้ ‘กำไร’ จากเรื่องนี้ก็คือกงเยีนยซู นอกจากเป็นการเตือนกรายๆ พวกพูดมากขี้นินทา เขายังได้กำไรจากค่าปรับมาอีกด้วย

            ด้านลู่ซินฟาง หลังจากทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็แอบสาบานกับตัวเองว่า คนแรกที่ห้ามตั้งตัวเป็นศัตรูด้วยก็คือกงเยียนซู!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 94 ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู

    บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 93 เที่ยวชมฟาร์ม

    บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 92 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง)

    บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 91 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก)

    บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 90 พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ

    บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 89 ถูกสารภาพรักครั้งแรก

    บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status