บทที่ 26
เปิดร้าน! (ครึ่งหลัง)
ในด้านของของพนักงานในร้าน ทุกคนต่างเป็นสัตว์อสูรในร่างแปลงที่มาจากมิติ
หลายวันที่ผ่านมา หลางไป๋เป็นคนอบรมพวกเขา ทั้งวิธีการต้อนรับลูกค้า การยิ้มแย้ม ตอนแนะนำสินค้าก็ต้องพูดฉะฉาน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าน่าสนใจ
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ยังไม่มีคนเข้าร้าน แต่พวกเขาก็ยืนประจำที่ของตน คอยยิ้มแย้มอยู่เสมอ
ย้อนกลับมาที่ลู่ซินฟางกับซินหลิน
“นี่ ดูๆ แล้วพวกเขาเอาแต่จดๆ จ้องๆ แล้ววันนี้จะมีคนเข้าร้านไหมเนี่ย” ซินหลินเดินเข้ามาพูดข้างๆ ลู่ซินฟางด้วยท่าทีติดจะรำคาญ
“เอาน่า อดทนอีกหน่อย”
ซินหลินกรอกตาไปมา
ลู่ซินฟางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
จังหวะนั้น มีเสียงตะโกนดังมาจากกลางฝูงชน
“เถ้าแก่เนี้ย ของโปร่งใสที่คล้ายโครมไฟเล็กๆ นั่นคืออะไรหรือ”
คนถามคือชายอายุราวๆ 40 กว่า มีรอยยิ้มที่เป็นมิตรเข้ากับคนง่าย หากแววตากลับโดดเด่น เฉียบแหลม เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูดีมีราคา ไม่เหมือนนักเดินทางหรือชาวบ้านทั่วไป สายตาของชายคนนั้น ยามมองเข้ามาในร้านจะสอดส่องและประเมินตลอดเวลา
ลู่ซินฟางยิ้มให้ชายคนดังกล่าว ก่อนจะผายมือเชิญเขาเข้ามาในร้าน
“สิ่งนั้นคือตะเกียงแก้วเจ้าค่ะ ท่านลูกค้า เชิญเข้ามาดูก่อนได้”
ชายคนดังกล่าวก้าวเข้าร้านพร้อมพูดว่า “ตะเกียงแก้วหรือ น่าสนใจ น่าสนใจ”
เมื่อเห็นลูกค้ารายที่สองเข้าร้าน พนักงานรีบเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ทั้งยังสอนวิธีใช้ตะเกียงด้วยท่าทางที่เหมือนกับพนักงานขายตรงตามห้างสรรพสินค้า
“ท่านลูกค้า เวลาจะจุดตะเกียงก็ให้เปิดฝาครอบตรงนี้ พอจุดไฟแล้วก็ปิดแบบนี้...เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย เวลาอ่านหนังสือ ฝาครอบตะเกียงนี้ ป้องกันลม ป้องกันไฟที่อาจจะลุกไหม้กระดาษได้ด้วยเจ้าค่ะ”
“โอ้โห ดีจริงๆ ของโปร่งใสแบบนี้ทำมาจากอะไรหรือ” ชายคนนั้นถามพร้อมหมุนแก้วที่ครอบตะเกียงไปมาอย่างสนอกสนใจอย่างยิ่ง
พนักงานในร้านถูกคัดสรรและถูกอบรมมาอย่างดี พอถูกถามเช่นนั้น นางยิ้มลึกลับพร้อมกับตอบว่า “ความลับทางการค้าเจ้าค่ะ”
“ฮะๆ ข้าก็แค่ลองถามเท่านั้น เผื่อเจ้าหลุดปากพูด แต่ดูเหมือนเถ้าแก่เนี้ยอบรมคนออกมาได้ดียิ่งนัก”
“ท่านลูกค้าสนใจสินค้าอย่างอื่นหรือไม่ ข้าช่วยแนะนำท่านได้เจ้าค่ะ”
“ก็เอาสิ ในร้านมีแต่ของน่าสนใจทั้งนั้น เชิญเจ้าแนะนำต่อได้เลย”
หลังได้รับอนุญาตจากลูกค้า พนักงานพาชายคนดังกล่าวชมสินค้าตามโซนต่างๆ
ภายในร้านแบ่งกลุ่มแบ่งประเภทของสินค้าอย่างชัดเจน ฝั่งขายพืชผักผลไม้อยู่อีกทาง ของใช้ในครัวจะอยู่ใกล้ๆ กลุ่มเครื่องปรุงเครื่องเทศ ในส่วนของเครื่องประดับผู้หญิง แป้งน้ำ เครื่องประทินผิวจะอยู่บนชั้นสอง สินค้าทุกอย่างจะติดป้ายบอกราคาชัดเจน
ต่อมา หญิงร่างท้วมผู้หนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ถามหาเชือกฟางที่ใช้ถักรองเท้า
หญิงกลางคนร่างท้วมผู้นี้ สนใจรองเท้าฟางที่วางขายในร้านเถ้าแก่หลี่มานานแล้ว ทว่าเท้าของนางใหญ่กว่ามาตรฐานของผู้หญิง ส่วนใหญ่จึงถักรองเท้าใส่เอง จำได้ว่าคนที่เอารองเท้ามาฝากขายที่ร้านเถ้าแก่หลี่คือลู่ซินฟาง ดังนั้นจึงลองถามดู
ประจวบเหมาะ ภายในร้านมีของที่นางตามหาพอดี หนำซ้ำเชือกฟางนี้ยังเหนียวนุ่มไม่เหมือนที่อื่น ตอนจ่ายเงิน พนักงานคิดเงินยังลดราคาให้เป็นพิเศษ หญิงกลางคนผู้นั้นแทบไม่คิดเยอะ ควักเงินออกมาจ่าย ถือเชือกฟางออกจากร้านด้วยสีหน้าเบิกบาน
เมื่อเห็นคนเริ่มเข้าๆ ออกๆ ร้าน ทั้งในร้านยังมีของน่าสนใจมากมาย ผู้คนที่เอาแต่จดๆ จ้องๆ ยืนออหน้าร้าน สลัดความอคติทิ้ง พากันแห่เข้าร้านเลือกสินค้า
ชิ้นนั้นก็ดี ชิ้นนี้ก็สวย มิหนำซ้ำ วันนี้ยังลดครึ่งราคา
เพียงไม่นาน ภายในร้านก็เต็มไปด้วยลูกค้า
ผ่านไปสักพัก ความอึกทึกจู่ๆ ก็เงียบกริบเมื่อชายหนุ่มในชุดรัดรูปสีเข้มเดินเข้ามาในร้านพร้อมกล่องของขวัญใบใหญ่ บนกล่องมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางหลา เห็นก็รู้ว่าคือโฉลดที่นาของบ้านเจียง
ลู่ซินฟางไม่รู้จักชายที่เหมือนจอมยุทธ์คนนี้ แต่รู้ว่าโฉนดที่นาบ้านเจียงตอนนี้ใครเป็นผู้ครอบครอง...กงเยียนซูนั่นเอง
“เถ้าแก่เนี้ยลู่ เถ้าแก่ของข้าให้นำของขวัญมาแสดงความยินดีในวันเปิดร้านของท่าน”
เมื่อชายหนุ่มเอ่ยปาก สายตาหลายคู่ล้วนมองมาด้วยความสนใจ
มุมปากของลู่ซินฟางกระตุกเล็กน้อย
“ฝากขอบคุณเถ้าแก่กงด้วย ของขวัญข้าจะรับไว้ แต่กระดาษแผ่นนี้ ข้าคงรับไม่ได้”
“นายท่านของข้าบอกว่าสิ่งนี้ควรเป็นของเถ้าแก่เนี้ยลู่”
ควรเป็นของนาง!?
พูดออกมาเช่นนี้ คนอื่นที่ได้ยินจะไม่คิดว่านางกับกงเยียนซูรวมหัวกันเอาเปรียบบ้านเจียงหรือ
“น่าจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง ท่านจอมยุทธ์เอาไปคืนเถ้าแก่ของเจ้าเถอะ”
เผือกร้อนแบบนี้ นางรับไม่ไหวหรอก
“นายท่านบอกว่าหากมีใครกล้าสร้างปัญหาให้ท่าน เขาจะจัดการเอง”
ลู่ซินฟางสูดหายใจลึก ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนนางกับกงเยียนซูร่วมมือกันจริงๆ
“ข้าไม่...”
ยังไม่ทันได้พูดอะไร จอมยุทธ์หนุ่มก็หายตัวท่ามกลางฝูงชนเสียแล้ว
ลู่ซินฟางหลุบตามองโฉนดที่นาบ้านเจียง
ให้ตายสิ คิดจะทำอะไรกันแน่ คนเจ้าเล่ห์ผู้นั้น!
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ