Masukแม้แม่ทัพหลานซือเหยียนจะเป็นบุรุษผู้กุมอำนาจยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงเกรียงไกรถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำปฐพี อีกทั้งรายล้อมด้วยผู้ติดตามมากฝีมือที่พร้อมถวายชีวิตให้ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เขาไม่อาจปล่อยผ่านได้เลย กลับมิใช่ศัตรูในสนามรบ... หากแต่คือ ภาพลักษณ์ ของตนเองยิ่งอยู่สูง ยิ่งต้องรู้จักระวังทุกย่างก้าว เพียงแค่หลุดแสดงอารมณ์ต่อหน้าผู้คนผิดเวลา ชื่อเสียงที่สั่งสมมาอาจกลายเป็นตราบาปที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อย่างมิอาจลบเลือนต่อให้เขาจะโหดเหี้ยม ไร้หัวใจเพียงใด สุดท้าย... ก็ยังปรารถนาจะฝากชื่อไว้บนแผ่นดิน ให้คนรุ่นหลังกล่าวถึงด้วยเกรงขามและหากต้องการทำลายใครสักคนให้หายสาบสูญจากโลกหล้า ก็มีเพียงเงามืด เท่านั้นที่คู่ควร"เจ้าช่างเหมาะสมจะเป็นลูกสาวของข้านัก... หลานเยว่ ลูกพ่อ"แม่ทัพหลานซือเหยียนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุนปนเพ้อฝัน ขณะกำลังอุ้มหลานชายตัวน้อยเล่นอย่างเอ็นดู สายตาที่แข็งกร้าวในสนามรบยามนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่หาได้ยาก ในใจเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิ หลานเยว่ผู้เคยถูกมองข้าม บัดนี้เติบโตขึ้นเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม ทั้งเฉียบแหลมและสุขุมจนแม้แต่บุรุษนับร้อยยังมิอาจเทียบเท่า
เขาเฝ้ารอดูอย่างใจจดใจจอ ว่าเมื่อลูกสาวของเขาลงมือกระชากหน้ากากของสุภาพบุรุษจอมปลอมผู้นั้น ความจริงอันดำมืดจะถูกเปิดโปงเช่นไร...และโทษทัณฑ์ใดที่เหมาะจะตกเป็นของมัน
ภายใต้รอยยิ้มอ่อนโยนของเขา ซ่อนความคาดหวังอันล้ำลึกไว้ในดวงตาเพราะยิ่งเห็นบุตรสาวเดินหมากได้อย่างสง่างามเพียงใด เขาก็ยิ่งมั่นใจว่า...หลานเยว่ มิใช่แค่ ลูกสาวหากคือ มรดกแห่งอำนาจ ที่เขาภูมิใจจะฝากไว้กับโลกใบนี้
“ตามที่เจ้าเคยลั่นวาจาไว้กับข้า... หากข้ารอดพ้นจากน้ำมือของซ่งไห่หยางไปได้ เจ้าจะไม่อาฆาตพยาบาทข้าอีก”เสียงของแม่ทัพหลานซือเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างพึงพอใจ ราวกับเขาเป็นผู้ชนะในการเดิมพันที่เพิ่งผ่านพ้น
แต่ความจริงกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงสิ่งที่เขาเคยทำกับนางไม่อาจเรียกเป็นอย่างอื่นได้นอกจาก การทรยศเขาคือบิดา... ผู้ผลักไสเลือดเนื้อของตนเองให้ตกต่ำลงไปเป็นเพียง สาวอุ่นเตียง ของนายทหารคนหนึ่งที่อยู่ใต้คำสั่งมันคือความต่ำช้าเกินกว่าศัตรูในสนามรบยังจะกล้าทำกับคนในสายเลือดและเพราะเหตุนี้... การแก้แค้นจึงเริ่มต้นขึ้น
นางวางหมากหลอกใช้เขาให้เป็นเครื่องมือในการจัดการชายผู้นั้นแล้วเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น... นางจะเปิดโปงความจริงต่อหน้าแม่ทัพซ่งไห่หยางให้เขารับรู้ว่าชายผู้ลากลูกชายของเขาลงสู่ความอัปยศ ไม่ใช่ใครอื่น... แต่คือบิดาของนางเองนางไม่คิดฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง นางจะให้คนอื่นทำให้นางจะยืมมือผู้ทรงอำนาจอีกคน ลากปีศาจในคราบพ่อให้รับผลกรรม ทว่าโชคชะตากลับหักมุมอย่างไร้ปรานีแม่ทัพซ่งไห่หยาง... กลับสิ้นชีวิตเสียก่อนและมิใช่ด้วยเงามืดของนาง แต่เป็นเพราะน้ำมือของซ่งอี้เฉินบุตรชายคนรองของเขาเอง
แผนที่นางวางไว้พังทลายราวหอคอยทรายที่ถูกคลื่นซัดสลายภายในพริบตานางอาจเลือกเปลี่ยนแผนอาจลบล้างสัญญาที่เคยหลุดปากไว้ด้วยความโกรธในห้วงอารมณ์แต่หลานเยว่... ไม่ใช่คนเช่นนั้นแม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแม้จะเห็นว่าโชคชะตาเล่นตลกอย่างไร้เมตตา...แต่นางก็ยังยึดมั่นในคำพูดของตนเองเพราะคำสัญญา ก็คือคำสัญญา“วางใจเถิด... ความชั่วของท่านในครั้งนี้ ข้าจะปล่อยผ่านไปก่อน” เสียงของหลานเยว่เอ่ยขึ้นอย่างไร้อารมณ์ ทั้งถ้อยคำและน้ำเสียงของนางราบเรียบเสียจนไม่อาจคาดเดาได้ว่านั่นคือการให้อภัยหรือการข่มขู่ที่แฝงไว้ด้วยคมมีด
“แต่หากมีคราวหน้า...” ดวงตาคมปลาบของนางมองตรงไปยังบิดาอย่างไม่หลบเลี่ยง“ตัวข้าจะลงมือเองโดยไม่เสียเวลาอีกแม้แต่วินาทีเดียว” คำพูดนั้นไม่ได้เปล่งเสียงดัง... แต่กลับหนักเสียยิ่งกว่าคำพิพากษาแม่ทัพหลานซือเหยียนรู้สึกเหมือนลมเย็นวาบไล้ผ่านแผ่นหลัง ความรู้สึกชาวาบวิ่งไล่ไปตามแนวกระดูกสันหลังแต่เขายังคงฝืนแค่นเสียงหัวเราะออกมา พลางแสร้งยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
“ฮ่าฮ่า... วันนั้นน่ะ ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก” น้ำเสียงดูเหมือนมั่นใจ แต่ในใจกลับรู้อยู่เต็มอกว่า หากเขายังกล้ากระทำเช่นเดิมอีกครั้ง นั่นย่อมไม่ต่างอะไรจากการเดินไปยื่นคอต่อหน้าความตายด้วยตนเอง...และเขาไม่โง่พอจะทำเช่นนั้นอีกในยามที่หลานเยวยังคงสงบนิ่ง ราวกับเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านเงียบซ่งอี้เฉินกลับไม่ปล่อยให้ความลังเลเกาะกินใจเขาออกคำสั่ง... หนักแน่นและเด็ดขาดดวงตาคมกริบฉายแววแข็งกร้าวไม่ต่างจากดาบที่เพิ่งชโลมเลือด
“กวาดล้างให้หมดใครก็ตามที่เคยอยู่ใต้ร่มเงาของเขา ไม่ว่าจะเป็นตัวมันเอง ครอบครัว หรือแม้แต่บ่าวที่เหลือรอด...”เขาเว้นวรรคก่อนจ้องตรงไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า “อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
น้ำเสียงของเขาเรียบเย็น แต่มันกลับหนาวเหน็บยิ่งกว่าหิมะกลางเหมันต์ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงที่ลุกลามกลืนกินราวเปลวเพลิงที่ไร้รูปร่างแต่ทรงอานุภาพเขาไม่อาจวางใจได้ไม่อาจปล่อยให้เศษเสี้ยวความภักดีต่อบิดายังคงหลงเหลือในเงื้อมมือของอำนาจแม้เป็นเพียงบ่าวรับใช้ที่เอ่ยคำอวยพรให้หลานซือเหยียนในคืนสุดท้าย... ก็ต้องตาย
ตัดไฟแต่ต้นลมคือหลักการเดียวที่เขายึดถือ
“ใครลังเลฆ่ามันด้วย” เขาเสริมเสียงนิ่ง “อย่าให้ความเมตตาทำให้พวกมันย้อนกลับมาเป็นเงาที่แทงข้าในภายหลัง”
เสียงฝีเท้าของเหล่านายทหารดังขึ้นทั่วเรือน บางคนหน้าซีด บางคนค้อมศีรษะรับคำโดยไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดแววตาทุกคู่ที่มองมาที่เขา... ล้วนเต็มไปด้วยความเกรงกลัวแต่ซ่งอี้เฉินหาได้ใส่ใจในสายตาของเขาโลกนี้ไม่มีที่สำหรับความอ่อนแอไม่มีที่สำหรับ ความจงรักภักดีล้าหลัง ที่ยึดติดกับคนตายและเขา... จะเป็นผู้ลงมือทำให้แน่ใจว่าแม้แต่เงาของอดีต ก็จะไม่เหลือรอดกลับมาหลอกหลอนเขาอีกต่อไป
ค่ำคืนนองเลือด... ได้ย้อนกลับมาอีกครั้งภายใต้แสงจันทร์สีหม่น เงาของเลือดดูคล้ายจะย้อมผืนดินให้มืดมนยิ่งกว่าความเงียบของราตรีคำสั่งของซ่งอี้เฉินถูกปลดปล่อยออกไปด้วยความโหดเหี้ยมไร้ปรานีเหล่าข้ารับใช้ ทหารเก่า และผู้ภักดีต่อแม่ทัพซ่งไห่หยางหากยังมีชีวิต ก็ต้องถูกตามล่าไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าเคยถือดาบหรือแค่เคยยกน้ำชาให้เจ้านาย ล้วนไม่มีข้อยกเว้นเสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ๆ ในเงาความมืดบ้านเรือนที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เงาของผู้หลบหนีวิ่งฝ่าความกลัวและความสิ้นหวังด้วยหัวใจเต้นระรัวบางคนล้มตาย บางคนสิ้นใจกลางถนน...แต่บางส่วนยังรอดมาได้
และจุดหมายของพวกเขา มีเพียงที่เดียวในยามสิ้นหนทางจวนแม่ทัพหลานซือเหยียนค่ำคืนนั้น ประตูจวนถูกเคาะถี่รัวเสียงร้องไห้ เสียงร้องขอ เสียงตะโกนดังผสมกันเป็นความโกลาหล
“ท่านแม่ทัพ! ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”เสียงแหบพร่าด้วยความหวาดกลัวของชายผู้หนึ่งดังขึ้นเป็นคนแรก ตามด้วยอีกหลายชีวิตที่คุกเข่าอยู่ตรงลานจวน
แม่ทัพหลานซือเหยียนในชุดคลุมยาวยืนอยู่กลางเฉลียง สายตาเยียบเย็นจ้องมองฝูงชนที่มีเลือดเปื้อนเนื้อตัวและความตื่นตระหนกฉาบบนใบหน้าเขาไม่ได้ตอบทันที แต่เรียกองคนของตนมาสอบถามไม่นานนัก รายงานก็ถูกกระซิบที่ข้างหูเขาทุกคำยืนยันถึงสิ่งที่เขาสงสัย
“ที่แท้ก็เป็นฝีมือของมันจริง ๆ ...” เสียงของเขาดังต่ำแต่หนักแน่น แฝงด้วยโทสะอันสงบนิ่ง คล้ายภูเขาที่รอวันระเบิด
ซ่งอี้เฉิน... บุตรชายของแม่ทัพผู้ล่วงลับบัดนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาพร้อมจะฆ่า แม้แต่เงาของอดีตที่ยังไม่ทันขยับแม่ทัพหลานซือเหยียนจ้องมองคนเหล่านั้นหลายคนเคยอยู่ในสนามรบ เคยถือดาบ เคยวางกลยุทธ์เขาเห็นร่องรอยความกล้าหาญที่ยังไม่จางจากดวงตาพวกเขา แม้จะปะปนด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนใจบุญแต่เขาเป็นแม่ทัพและแม่ทัพย่อมรู้ดีว่า มือที่ยังจับดาบได้... ย่อมมีค่ากว่าศพที่ถูกฆ่าทิ้งข้างถนน เขาพยักหน้าเบา ๆ ออกคำสั่งให้พวกนั้นเข้ามาในจวนไม่ใช่เพราะเมตตาแต่เพราะเขารู้ว่าคนเหล่านี้... จะกลายเป็นหมากที่สำคัญในวันข้างหน้า
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปสิบสี่ปี… ชื่อเสียงของ นักฆ่าไร้นาม ค่อย ๆ กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานในหมู่ผู้คน ถึงแม้ในโลกมืดจะยังมีใบสั่งตายมากมาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวอีก ราวกับได้หายลับไปจากยุทธภพ เหลือเพียงความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยปริศนาในเวลานี้ ภายในจวนตระกูลซู กลิ่นหอมอ่อนของชาอบอวลอยู่ในห้องโถง หลานเยว่ วัยสี่สิบปี นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบเรือนผมดำขลับที่ยังคงเงางาม ความงดงามของนางหาได้ลดทอนลงตามกาลเวลา หากแต่เพิ่มพูนด้วยเสน่ห์อันสงบเย็นและน่าเกรงขาม นางหันไปถามสามีด้วยเสียงอ่อนโยน แฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่เคยเลือนหายไป“ท่านพี่… หลานจิ่วอวิ๋น ลูกของเราไปที่ใด?”คำถามของนางเหมือนหยดน้ำเย็นไหลผ่านกลางอก ซูจิ่งหลง ชายวัยหกสิบกว่า ที่แม้ร่างกายจะผ่านศึกและกาลเวลามานับไม่ถ้วน แต่ความสง่างามและอำนาจในแววตายังคงไม่เสื่อมคลาย เขายกยิ้มบาง ๆ ตอบเสียงนุ่ม แต่แฝงความเกรงใจ“เจ้าจะไปห่วงทำไมกัน… บัดนี้หลานจิ่วอวิ๋นเติบใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กตัวน้อยอีกต่อไป”สายตาของ หลานเยว่ หันมาสบเขา ดวงตาคู่นั้นนิ่งสนิทและเย็นชา ราวกับคมดาบที่ซ่อนอยู่ใต้ฝัก คำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งท
แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านซุ้มศาลาริมน้ำ เงาไม้ไหวระริกตามแรงลมเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบกายดูสงบสุขราวกับไม่มีคลื่นลมใด ๆ เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ซูจิ่งหลงนั่งนิ่ง สายตาเหม่อมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ หลานเยว่ ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างอ่อนช้อย แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงผู้นี้…ไม่เพียงแต่เป็นมือสังหาร แต่ราวกับเป็นผู้ชี้ขาดโชคชะตาของผู้คนเพียงแค่ปรายตามอง นางไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสมอไป เพียงกำหนดเส้นทางให้ เรื่องราวก็จะดำเนินไปอย่างที่นางปรารถนาชายหนุ่มพยายามสลัดภาพชะตากรรมอันน่าสมเพชของจ้าวหย่งหยูออกจากใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสะท้านทั้งจากความโหดเหี้ยมของฟ้า และจากสตรีผู้ลึกลับตรงหน้า“เจ้ามองอะไร” เสียงของนางดังขึ้นเรียบเย็น แต่กลับกระทบเข้ากลางใจเขาราวกับใบมีดบางเฉียบซูจิ่งหลงสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบยกยิ้มประดับใบหน้า พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่าน “เปล่า… ข้าเพียงแค่รู้สึกดีที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างเท่านั้น”รอยยิ้มของเขาดูจริงใจ แต่ดวงตากลับซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดหลานเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด นางเพียงวางถ้วยชาลงบนโ
แรกเริ่ม จ้าวหย่งหยู ยังยกยิ้มเยาะบนใบหน้า มันแสดงสีหน้าถือดีนักที่ได้เห็นอดีตบ่าวรับใช้ทำตัวราวกับสุนัขเชื่อง ๆ ยอมหมอบคลานต่อหน้า ทว่ากาลเวลาไม่เคยเข้าข้างใคร การรอคอยที่เนิ่นนานเกินไปกลับค่อย ๆ เผาอารมณ์อันบิดเบี้ยวของมันให้พลุ่งพล่านมันมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี จนบัดนี้ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำใกล้ตกดินแล้ว แต่เงาของเจ้าขี้ข้าก็ยังไม่กลับออกมาเสียที ใบหน้าที่เหยียดหยามในคราแรกจึงค่อย ๆ กลายเป็นความบิดเบี้ยวทั้งโกรธเกรี้ยวและน่าสมเพชเจ้าง่อยตะเบ็งเสียงพร่าหอบ ริมฝีปากสั่นกระตุก น้ำลายเหนียวไหลเลอะเป็นทาง“แค่กกก… อ่อกกก… เจ้า…เจ้าขี้-ชะ-ชั้นต่ำ! กล้าาา…ปล่อยให้ข้า…รอออ…นานถึงเพียงนี้เรอะะะ! ขะ-ข้ามาตั้งแต่ฟ้าา…ยังไม่ทันเปลี่ยนสี…จนตะวัน…จวนจะตกแล้ววว!”เสียงโวยวายแตกพร่า แผดก้องไปทั่วหน้าประตู ราวกับเด็กร่างพิการเอาแต่ใจในสลัมผู้ไม่รู้จักคำว่าอดทนหรือศักดิ์ศรีไม่นานนัก ประตูไม้เก่าโทรมค่อย ๆ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้วเปิดออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเจตนาแอบทดสอบความอดกลั้นของนายเก่า อดีตบ่าวโค้งตัวลง น้ำเสียงราบเรียบคล้ายไร้เดียงสา“ขออภัยด้วยขอรับ… มันเป็นเพราะเรือนข้ารกและสกปรกมากเก
สำหรับบางคน…ความตายอาจเป็นเพียงการปลดปล่อย แต่สำหรับจ้าวหย่งหยู เศษเดนในร่างพิการผู้นี้ มันไม่ควรมีจุดจบที่เรียบง่ายถึงเพียงนั้นชีวิตของมันเต็มไปด้วยมลทินที่แม้ตัวมันเองยังจำไม่ได้ว่าก่อกรรมชั่วกับใครไปมากเท่าไรแล้วเคยสั่งลูกน้องรุมซ้อมบัณฑิตผู้ใฝ่ดีจนพิการ เพียงเพราะริษยาที่อีกฝ่ายมีสติปัญญาดีมากกว่าตนเคยฉุดคร่าสตรีงามที่สะดุดตา ไม่สนใจว่านางมีครอบครัวหรือฐานะเช่นไรเคยเหยียบย่ำชีวิตผู้คนจนพังพินาศนับครั้งไม่ถ้วนเพราะบารมีและอำนาจของบิดาอย่าง อัครเสนาบดีจ้าวเจี้ยนกั๋ว ที่คอยปกปิด เก็บกวาด และอุ้มชู ทำให้มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้จนถึงวันนี้แต่เมื่อเสาหลักล้มลงแล้ว โลกทั้งใบของมันก็ดิ่งลงเหวอย่างไร้ทางหนีค่ำคืนหนึ่ง ร่างพิการที่นั่งค่อมบนรถเข็นเก่า ๆ จมอยู่ในความมืด ดวงตาขุ่นหมองฉายแววโหยหวน น้ำเสียงแหบพร่าเล็ดลอดออกมาพร้อมหยาดน้ำตา“ท่ะ…ท่านพ่อ… ข้า…คึ-คิดถึงท่าน… เหลือเกิน…”เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของนายน้อยผู้เคยอหังการ แต่คือเสียงสะอื้นของเศษมนุษย์ที่ไร้ที่พึ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีแม้แต่อาหารสักคำตกถึงปาก ความหิวกัดกินจนท้องไส้บิดเกร็ง แต่ถึงกระนั้น จ้าวหย่งหยู ก็ยังยึดมั่นในศักดิ์
ภายในจวนร้างที่เงียบงัน เสียงล้อรถเข็นยังคงเสียดสีพื้นหินดังเอี๊ยดอ๊าดไม่ขาดสาย จ้าวหย่งหยู เข็นตัวเองไปอย่างทุลักทุเล ใบหน้าบิดเบี้ยวชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำลายที่ไหลยืดเลอะเปรอะคาง ร่างพิการสั่นเทาคล้ายจะล้มพังได้ทุกเมื่อทุกห้องที่มันเปิดเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายตู้หีบสมบัติถูกเปิดอ้า หยกงาม ทองคำ และเงินก้อนโตที่เคยเป็นภูเขาทรัพย์หายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ร่องรอยการกวาดล้างปรากฏทุกซอกมุม เหลือเพียงความว่างเปล่ากับความเย้ยหยันที่บีบคั้นหัวใจอันบิดเบี้ยวมันสั่นระริกทั้งร่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวเราะปนสะอื้นเสียงแหบพร่า“ฮึ่กก… ฮือออ… มะ-ไม่… ไม่นะะะ… ทรัพย์… ซะ-สินของข้าาาาา… ทองคำของข้าาา! ฮ่ะ…ฮึ่กก!”หยาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมานั้น มิใช่เพราะมันเสียใจที่ถูกเหล่าคนรับใช้ทอดทิ้ง แต่เป็นเพราะ เกราะกำบังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของมันทรัพย์สมบัติที่พ่อทิ้งไว้ถูกพรากไปจนสิ้นมันรู้ดีแก่ใจ ว่าที่ผ่านมาอำนาจและรัศมีที่มันอวดอ้างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเงาของบิดาผู้ล่วงลับ กับกำแพงทองคำที่ห้อมล้อมคุ้มครองมัน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเพียง ซากพิการอัปลักษณ์ที่ไร้ค่า เดิ
ภายในห้องโถงที่เงียบสงัด แสงตะเกียงเพียงไม่กี่ดวงส่องให้เห็นเงาเรียงรายของผู้คนที่ยืนรอคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง มือสังหารนับร้อยในชุดดำสนิท ปิดบังใบหน้าแน่นหนา ราวกับเป็นเงามืดที่ไร้ตัวตน แต่ละคนแผ่รังสีอันตรายคล้ายคมดาบที่ซ่อนอยู่ในฝัก ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังสตรีเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหลานเยว่ เอนกายเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้ แววตาคมเรียบเฉยดั่งผืนน้ำแข็งที่ไร้คลื่นกระเพื่อม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพียงเสี้ยว ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ต้องใส่ใจนัก ก่อนเสียงเย็นยะเยือกจะเอื้อนเอ่ยออกมา“สังหารสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในร่างคนพวกนั้นให้สิ้นซาก… และชิงเอาทรัพย์สินของมันมาให้หมด”น้ำเสียงนั้นสงบนิ่งเสียจนชวนขนลุก คล้ายกับนางไม่ได้สั่งการล้างชีวิตผู้คนนับร้อย แต่เป็นเพียงการบอกให้คนของนางไปดูแลสวนหรือจัดการเรื่องบ้านเรือน ความเย็นชานี้เองทำให้ทุกคำยิ่งดังก้องและหนักหน่วงนางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยสายตาที่เฉียบคม “เหลือชีวิตไว้แต่เพียง…เจ้าง่อย และคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”ถึงแม้นางจะสั่งฆ่าอย่างไร้ความปรานี แต่ก็ไม่มีวันเอ่ยคำให้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ คำสั่งของหลานเยว่เด็ดขาด นางต้องการเพ







