แชร์

ตอนที่ 99 ความปรารถนาภายในหัวใจ

ผู้เขียน: ท่านจอมยุทธ์1991
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-03 12:37:40

แสงอาทิตย์ยามสนธยาค่อย ๆ ลาลับ เส้นขอบฟ้าแต่งแต้มด้วยสีส้มแดงผสานม่วงเข้ม กลืนกินความร้อนระอุของทะเลทรายไปจนหมดสิ้น อากาศที่เคยร้อนแรงกลับเย็นสบาย ราวกับแผ่นผืนทรายทั้งผืนกำลังหายใจโล่งอกหลังวันอันยาวนาน โคมไฟนับร้อยที่แขวนเรียงรายรอบกระโจมค่อย ๆ ส่องแสงสว่างระยิบระยับราวกับหมู่ดาวที่ถูกนำลงมาประดับกลางผืนทราย

เสียงหัวเราะใส ๆ ของเด็ก ๆ ดังผสานกับเสียงดนตรีเบา ๆ จากนักบรรเลงที่ถูกเชิญมา เสียงนั้นไม่ต่างจากทำนองแห่งความสุขที่กำลังขับกล่อมทั่วทั้งงาน หลานจิ่วอวิ๋น วิ่งเล่นอย่างร่าเริงไปพร้อมกับลูกหลานของบ่าวรับใช้ รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าเล็ก ๆ ทำให้ผู้คนรอบข้างพลอยหัวใจพองโต

บางครา ซูจิ่งหลง ผู้ที่เคยเป็นดั่งภูผาเย็นชา กลับก้าวเข้ามาร่วมวง วิ่งไล่จับกับหลานชาย หรือโน้มตัวลงอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นหมุนกลางอากาศ เสียงหัวเราะดังสนั่นของเด็กชายทำให้ภาพลักษณ์ บุรุษผู้โหดเหี้ยมไร้หัวใจ พลันมลายหายไปจนสิ้นสิ้น ที่เหลือมีเพียงชายผู้หนึ่งที่มอบทั้งความรักและความอบอุ่นให้กับเด็กคนหนึ่งอย่างจริงใจ

สำหรับเขา…หากหัวใจได้รักแม่ของเด็กชายแล้ว ย่อมต้องรักเด็กชายคนนี้ไปด้วย ความรู้สึกที่ปกป้องและหวงแหนหลั่งรินออกมาโดยไม่ต้องเสแสร้ง แม้แผลลึกบนร่างกายยังคงเจ็บปวดราวไฟสุม แต่รอยยิ้มของเด็กน้อยก็ทำให้เขาลืมเลือนความทรมานไปจนหมดสิ้น

หลังจากหยอกล้อกันอยู่ครู่ใหญ่ สีหน้าคมเข้มของซูจิ่งหลงเริ่มซีดเซียว ริมฝีปากสั่นเล็กน้อยราวกับแรงกายกำลังร่อยหรอ แต่เขายังคงฝืนยกยิ้ม ส่งเสียงทุ้มอบอุ่นไปยังเด็กน้อยด้วยความอ่อนโยนที่สุดเท่าที่หัวใจชายผู้นี้จะมอบได้

“หลานจิ่วอวิ๋น… เจ้าไปกินขนมหวานเถิด ไม่ว่ามุมใดของงาน…ก็มีอาหารว่างและของเล่นรอเจ้าอยู่”

เขายกมือชี้ไปทางกระโจมหลากสีที่เรียงราย แสงโคมไฟส่องประกายวับวาวสะท้อนบรรยากาศราวงานเทศกาลใหญ่ ทั้งชิงช้าไม้ที่ผูกกับเสาแข็งแรง ม้าหมุนพื้นบ้านที่เด็ก ๆ ผลัดกันเล่น และโต๊ะอาหารที่เรียงเต็มไปด้วยขนมหวานนับสิบชนิดขนมเปี๊ยะไส้ถั่วหวานอุ่น ๆ รวมไปถึงผลไม้สดจากแคว้นทางใต้ที่ถูกจัดเรียงเป็นรูปสัตว์น่ารัก ๆ

“ขอรับ…ท่านลุง!”เสียงตอบสดใสดังขึ้นพร้อมกับแววตาเปี่ยมประกายแห่งความสุข หลานจิ่วอวิ๋นย่อตัวเล็กน้อย ก่อนรีบจูงมือเหล่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน วิ่งเข้าไปท่ามกลางกระโจมอาหารและเครื่องเล่นอย่างตื่นเต้น ใบหน้าเล็ก ๆ ยิ้มกว้างราวกับค้นพบสรวงสวรรค์ในวัยเด็ก

ภาพเด็กน้อยที่วิ่งไปพร้อมกับเสียงหัวเราะนั้นสะท้อนเข้าดวงตาของซูจิ่งหลง ร่างสูงใหญ่แม้จะสั่นไหวเพราะบาดแผล แต่หัวใจกลับอบอุ่นดุจมีเปลวไฟอ่อนโยนคอยหล่อเลี้ยง เขายืนนิ่งมองตาม แววตาเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจราวกับสิ่งที่เขากำลังมอบให้ ไม่ใช่เพียงงานเลี้ยง แต่คือ ความทรงจำที่ไม่มีวันลบเลือน

ทุกอิริยาบถของ ซูจิ่งหลง ไม่อาจหลุดรอดสายตาคมกริบของ หลานเยว่ ไปได้เลยนางเฝ้ามองเงียบ ๆ มองชายผู้หนึ่งที่ใคร ๆ ต่างขนานนามว่าเป็นปีศาจไร้หัวใจ กำลังหัวเราะ หยอกล้อ และก้มตัวลงกับพื้นทรายเพื่อวิ่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างไม่ถือศักดิ์ศรีใด ๆ ในยามนั้นดวงตาที่เคยเย็นชาดุจน้ำแข็งของนางกลับสะท้อนประกายบางอย่าง…บางสิ่งที่แม้แต่นางเองยังไม่อยากยอมรับว่ามันคือความอบอุ่น

เพราะนางรู้ดีชีวิตของตนเต็มไปด้วยเลือดและเสียงกรีดร้อง มือที่เปื้อนเลือดมากมายนั้นทำให้หัวใจด้านชาไร้ความรู้สึก นางเคยเชื่อว่าตนมองทะลุได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะความจริงใจหรือการเสแสร้ง แต่สิ่งที่นางเห็นในแววตาของซูจิ่งหลงเวลานี้กลับตรงไปตรงมาเกินกว่าจะเป็นเพียงการแสร้งทำและแล้ว ถ้อยคำที่เรียบง่ายที่สุดก็เล็ดลอดจากริมฝีปากของนาง“...ขอบคุณนะ”

เพียงสองพยางค์ แต่กลับหนักแน่นราวคำประกาศจากหัวใจ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไร้ซึ่งความเย็นชา หากแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนที่นานแสนนานแล้วที่ไม่มีใครได้ยินจากปากของนาง นี่คือสิ่งสูงค่าที่สุดที่นางสามารถมอบให้แก่เขาในตอนนี้

ซูจิ่งหลงชะงักเล็กน้อย ถ้อยคำนี้ทำให้หัวใจที่เคยแข็งกร้าวของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิดออกจากอก เขาไม่ตอบกลับทันที เพียงฝืนยกยิ้มจาง ๆ แม้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเจ็บปวดทุกการเคลื่อนไหว แต่เขายังคงฝืนก้าวมานั่งเคียงข้างนาง ทว่าก็ยังเว้นระยะห่างไว้อย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าหากใกล้เกินไป หัวใจที่เปราะบางนี้จะเปิดเผยสิ้นริมฝีปากที่เคยกล่าวแต่คำสั่งปลิดชีพนับพันสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพึมพำออกมาเสียงแผ่วต่ำ“คุ้มค่าแล้ว...มันช่างคุ้มค่าจริง ๆ”

คำพูดที่ราวกับพึมพำกับตนเอง ทว่ามีแรงสะเทือนในทุกถ้อยคำ สำหรับเขา แค่ได้ยินคำ ขอบคุณ จากปากนาง ก็เพียงพอจะลบเลือนความเจ็บปวดทั้งร่างกายและหัวใจที่แบกรับมานับสิบปีลงจนสิ้น บุรุษผู้มีชื่อเสียงโหดเหี้ยมกลับเผยความเปราะบางที่สุดผ่านน้ำเสียงที่สั่นเครือ...

ในยามนั้นเอง เขาไม่ใช่ ซูจิ่งหลง เจ้าของโรงประมูลผู้โหดเหี้ยม แต่เป็นเพียงชายผู้หนึ่งที่พร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพื่อให้สตรีที่ตนรักเอ่ยคำขอบคุณออกมาเพียงคำเดียว

ใต้แสงจันทร์อ่อนที่โรยแรงลงมาบนผืนทรายกว้าง เสียงดนตรีจากเครื่องสายดังแผ่วราวกับสายลมพัดผ่าน ความคึกคักของงานเลี้ยงอยู่ห่างออกไป แต่ ณ มุมหนึ่งที่สงบเงียบ มีเพียง ซูจิ่งหลง และ หลานเยว่ ที่นั่งเคียงกันเงียบ ๆ เงาของกระโจมและแสงโคมไฟส่องสะท้อนบนเสี้ยวหน้าของเขา เผยให้เห็นความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดที่เก็บงำไว้ในอก

ชายผู้ได้ชื่อว่า โหดเหี้ยมไร้หัวใจ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองหมู่ดาวพร่างพราวบนฟากฟ้า แววตาคมที่เคยทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหวาดหวั่น บัดนี้กลับอ่อนโยนราวกับเด็กหนุ่มผู้กำลังฝัน เขาสูดลมหายใจลึกอย่างสั่นเครือ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำพร่าออกมา

“หลานเยว่” เสียงที่เรียกชื่อออกมาไม่ได้ทรงอำนาจ หากเต็มไปด้วยความลังเลและหวาดกลัว กลัวว่านางจะไม่รับฟัง และกลัวยิ่งกว่าว่าคำพูดของเขาจะไร้ค่าในสายตานาง

“ตัวข้า...ปรารถนาเพียงอย่างเดียว คืออยากให้เจ้าและลูกของเจ้าได้มีความสุข”เขาหยุดไปชั่วขณะ ดวงตาสั่นระริกคล้ายกลืนความเจ็บปวดทั้งกายและใจลงไป ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ข้าอยากจะปกป้องรอยยิ้มของพวกเจ้า...ตลอดไป”

ถ้อยคำที่เปล่งออกมาไม่ต่างอะไรกับการสาบานด้วยชีวิต ชายผู้เคยชินกับกลิ่นคาวเลือดและเสียงกรีดร้องของผู้คนนับไม่ถ้วน บัดนี้กลับยอมเปล่งถ้อยคำอันอบอุ่นที่สั่นสะท้านจากก้นบึ้งหัวใจเขาหันมองนางตรง ๆ ริมฝีปากที่เคยสั่งความตายให้ผู้คนมากมาย สั่นระริกเล็กน้อย แต่ยังคงฝืนกล่าวออกมา

“เจ้าวางมือเถอะ เยว่...” น้ำเสียงทุ้มแผ่วจนแทบคล้ายคำวิงวอน “อย่าให้มือเจ้าต้องเปื้อนเลือดอีกต่อไป ข้าอยากให้เจ้า...พาเด็กน้อยไปใช้ชีวิตในโลกแห่งแสงสว่าง ข้าจะเลี้ยงดู จะคุ้มครองพวกเจ้าเอง ไม่ให้ลำบาก ไม่ให้ใครแตะต้องได้อีก”

คำพูดนั้นเปรียบเสมือนการมอบชีวิตที่เหลือทั้งหมดของเขาเป็นเกราะกำบัง แม้เขาเองจะยังต้องจมอยู่ในโลกมืด แต่สิ่งที่เขาปรารถนาคือการให้ นาง และ เด็กน้อย ได้ก้าวออกไปสู่โลกที่บริสุทธิ์ ไร้คาวเลือด ไร้เงามืด

ในยามนั้น...ร่างสูงใหญ่ของ ซูจิ่งหลง ดูไม่ต่างจากชายหนุ่มผู้รักมั่นและโหยหาความอบอุ่น เขาไม่ใช่เจ้าของโรงประมูลผู้โหดเหี้ยมอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่ปรารถนาให้สตรีและเด็กน้อยสองคนได้พบเจอกับความสุขที่แท้จริงสิ่งที่เขาเองไม่อาจมีได้ แต่พร้อมจะยกให้ทั้งหมดทั้งสิ้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 117 สิบสี่ปีต่อมา (จบ)

    กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปสิบสี่ปี… ชื่อเสียงของ นักฆ่าไร้นาม ค่อย ๆ กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานในหมู่ผู้คน ถึงแม้ในโลกมืดจะยังมีใบสั่งตายมากมาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวอีก ราวกับได้หายลับไปจากยุทธภพ เหลือเพียงความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยปริศนาในเวลานี้ ภายในจวนตระกูลซู กลิ่นหอมอ่อนของชาอบอวลอยู่ในห้องโถง หลานเยว่ วัยสี่สิบปี นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบเรือนผมดำขลับที่ยังคงเงางาม ความงดงามของนางหาได้ลดทอนลงตามกาลเวลา หากแต่เพิ่มพูนด้วยเสน่ห์อันสงบเย็นและน่าเกรงขาม นางหันไปถามสามีด้วยเสียงอ่อนโยน แฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่เคยเลือนหายไป“ท่านพี่… หลานจิ่วอวิ๋น ลูกของเราไปที่ใด?”คำถามของนางเหมือนหยดน้ำเย็นไหลผ่านกลางอก ซูจิ่งหลง ชายวัยหกสิบกว่า ที่แม้ร่างกายจะผ่านศึกและกาลเวลามานับไม่ถ้วน แต่ความสง่างามและอำนาจในแววตายังคงไม่เสื่อมคลาย เขายกยิ้มบาง ๆ ตอบเสียงนุ่ม แต่แฝงความเกรงใจ“เจ้าจะไปห่วงทำไมกัน… บัดนี้หลานจิ่วอวิ๋นเติบใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กตัวน้อยอีกต่อไป”สายตาของ หลานเยว่ หันมาสบเขา ดวงตาคู่นั้นนิ่งสนิทและเย็นชา ราวกับคมดาบที่ซ่อนอยู่ใต้ฝัก คำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งท

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 116 วันมงคล

    แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านซุ้มศาลาริมน้ำ เงาไม้ไหวระริกตามแรงลมเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบกายดูสงบสุขราวกับไม่มีคลื่นลมใด ๆ เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ซูจิ่งหลงนั่งนิ่ง สายตาเหม่อมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ หลานเยว่ ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างอ่อนช้อย แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงผู้นี้…ไม่เพียงแต่เป็นมือสังหาร แต่ราวกับเป็นผู้ชี้ขาดโชคชะตาของผู้คนเพียงแค่ปรายตามอง นางไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสมอไป เพียงกำหนดเส้นทางให้ เรื่องราวก็จะดำเนินไปอย่างที่นางปรารถนาชายหนุ่มพยายามสลัดภาพชะตากรรมอันน่าสมเพชของจ้าวหย่งหยูออกจากใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสะท้านทั้งจากความโหดเหี้ยมของฟ้า และจากสตรีผู้ลึกลับตรงหน้า“เจ้ามองอะไร” เสียงของนางดังขึ้นเรียบเย็น แต่กลับกระทบเข้ากลางใจเขาราวกับใบมีดบางเฉียบซูจิ่งหลงสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบยกยิ้มประดับใบหน้า พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่าน “เปล่า… ข้าเพียงแค่รู้สึกดีที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างเท่านั้น”รอยยิ้มของเขาดูจริงใจ แต่ดวงตากลับซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดหลานเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด นางเพียงวางถ้วยชาลงบนโ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 115 จุดจบของกากเดนในร่างมนุษย์

    แรกเริ่ม จ้าวหย่งหยู ยังยกยิ้มเยาะบนใบหน้า มันแสดงสีหน้าถือดีนักที่ได้เห็นอดีตบ่าวรับใช้ทำตัวราวกับสุนัขเชื่อง ๆ ยอมหมอบคลานต่อหน้า ทว่ากาลเวลาไม่เคยเข้าข้างใคร การรอคอยที่เนิ่นนานเกินไปกลับค่อย ๆ เผาอารมณ์อันบิดเบี้ยวของมันให้พลุ่งพล่านมันมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี จนบัดนี้ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำใกล้ตกดินแล้ว แต่เงาของเจ้าขี้ข้าก็ยังไม่กลับออกมาเสียที ใบหน้าที่เหยียดหยามในคราแรกจึงค่อย ๆ กลายเป็นความบิดเบี้ยวทั้งโกรธเกรี้ยวและน่าสมเพชเจ้าง่อยตะเบ็งเสียงพร่าหอบ ริมฝีปากสั่นกระตุก น้ำลายเหนียวไหลเลอะเป็นทาง“แค่กกก… อ่อกกก… เจ้า…เจ้าขี้-ชะ-ชั้นต่ำ! กล้าาา…ปล่อยให้ข้า…รอออ…นานถึงเพียงนี้เรอะะะ! ขะ-ข้ามาตั้งแต่ฟ้าา…ยังไม่ทันเปลี่ยนสี…จนตะวัน…จวนจะตกแล้ววว!”เสียงโวยวายแตกพร่า แผดก้องไปทั่วหน้าประตู ราวกับเด็กร่างพิการเอาแต่ใจในสลัมผู้ไม่รู้จักคำว่าอดทนหรือศักดิ์ศรีไม่นานนัก ประตูไม้เก่าโทรมค่อย ๆ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้วเปิดออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเจตนาแอบทดสอบความอดกลั้นของนายเก่า อดีตบ่าวโค้งตัวลง น้ำเสียงราบเรียบคล้ายไร้เดียงสา“ขออภัยด้วยขอรับ… มันเป็นเพราะเรือนข้ารกและสกปรกมากเก

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 114 อดีตบ่าวรับใช้

    สำหรับบางคน…ความตายอาจเป็นเพียงการปลดปล่อย แต่สำหรับจ้าวหย่งหยู เศษเดนในร่างพิการผู้นี้ มันไม่ควรมีจุดจบที่เรียบง่ายถึงเพียงนั้นชีวิตของมันเต็มไปด้วยมลทินที่แม้ตัวมันเองยังจำไม่ได้ว่าก่อกรรมชั่วกับใครไปมากเท่าไรแล้วเคยสั่งลูกน้องรุมซ้อมบัณฑิตผู้ใฝ่ดีจนพิการ เพียงเพราะริษยาที่อีกฝ่ายมีสติปัญญาดีมากกว่าตนเคยฉุดคร่าสตรีงามที่สะดุดตา ไม่สนใจว่านางมีครอบครัวหรือฐานะเช่นไรเคยเหยียบย่ำชีวิตผู้คนจนพังพินาศนับครั้งไม่ถ้วนเพราะบารมีและอำนาจของบิดาอย่าง อัครเสนาบดีจ้าวเจี้ยนกั๋ว ที่คอยปกปิด เก็บกวาด และอุ้มชู ทำให้มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้จนถึงวันนี้แต่เมื่อเสาหลักล้มลงแล้ว โลกทั้งใบของมันก็ดิ่งลงเหวอย่างไร้ทางหนีค่ำคืนหนึ่ง ร่างพิการที่นั่งค่อมบนรถเข็นเก่า ๆ จมอยู่ในความมืด ดวงตาขุ่นหมองฉายแววโหยหวน น้ำเสียงแหบพร่าเล็ดลอดออกมาพร้อมหยาดน้ำตา“ท่ะ…ท่านพ่อ… ข้า…คึ-คิดถึงท่าน… เหลือเกิน…”เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของนายน้อยผู้เคยอหังการ แต่คือเสียงสะอื้นของเศษมนุษย์ที่ไร้ที่พึ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีแม้แต่อาหารสักคำตกถึงปาก ความหิวกัดกินจนท้องไส้บิดเกร็ง แต่ถึงกระนั้น จ้าวหย่งหยู ก็ยังยึดมั่นในศักดิ์

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 113 ของขวัญแต่งงาน

    ภายในจวนร้างที่เงียบงัน เสียงล้อรถเข็นยังคงเสียดสีพื้นหินดังเอี๊ยดอ๊าดไม่ขาดสาย จ้าวหย่งหยู เข็นตัวเองไปอย่างทุลักทุเล ใบหน้าบิดเบี้ยวชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำลายที่ไหลยืดเลอะเปรอะคาง ร่างพิการสั่นเทาคล้ายจะล้มพังได้ทุกเมื่อทุกห้องที่มันเปิดเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายตู้หีบสมบัติถูกเปิดอ้า หยกงาม ทองคำ และเงินก้อนโตที่เคยเป็นภูเขาทรัพย์หายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ร่องรอยการกวาดล้างปรากฏทุกซอกมุม เหลือเพียงความว่างเปล่ากับความเย้ยหยันที่บีบคั้นหัวใจอันบิดเบี้ยวมันสั่นระริกทั้งร่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวเราะปนสะอื้นเสียงแหบพร่า“ฮึ่กก… ฮือออ… มะ-ไม่… ไม่นะะะ… ทรัพย์… ซะ-สินของข้าาาาา… ทองคำของข้าาา! ฮ่ะ…ฮึ่กก!”หยาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมานั้น มิใช่เพราะมันเสียใจที่ถูกเหล่าคนรับใช้ทอดทิ้ง แต่เป็นเพราะ เกราะกำบังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของมันทรัพย์สมบัติที่พ่อทิ้งไว้ถูกพรากไปจนสิ้นมันรู้ดีแก่ใจ ว่าที่ผ่านมาอำนาจและรัศมีที่มันอวดอ้างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเงาของบิดาผู้ล่วงลับ กับกำแพงทองคำที่ห้อมล้อมคุ้มครองมัน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเพียง ซากพิการอัปลักษณ์ที่ไร้ค่า เดิ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 112 นักฆ่าไร้นามเคลื่อนไหว

    ภายในห้องโถงที่เงียบสงัด แสงตะเกียงเพียงไม่กี่ดวงส่องให้เห็นเงาเรียงรายของผู้คนที่ยืนรอคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง มือสังหารนับร้อยในชุดดำสนิท ปิดบังใบหน้าแน่นหนา ราวกับเป็นเงามืดที่ไร้ตัวตน แต่ละคนแผ่รังสีอันตรายคล้ายคมดาบที่ซ่อนอยู่ในฝัก ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังสตรีเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหลานเยว่ เอนกายเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้ แววตาคมเรียบเฉยดั่งผืนน้ำแข็งที่ไร้คลื่นกระเพื่อม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพียงเสี้ยว ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ต้องใส่ใจนัก ก่อนเสียงเย็นยะเยือกจะเอื้อนเอ่ยออกมา“สังหารสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในร่างคนพวกนั้นให้สิ้นซาก… และชิงเอาทรัพย์สินของมันมาให้หมด”น้ำเสียงนั้นสงบนิ่งเสียจนชวนขนลุก คล้ายกับนางไม่ได้สั่งการล้างชีวิตผู้คนนับร้อย แต่เป็นเพียงการบอกให้คนของนางไปดูแลสวนหรือจัดการเรื่องบ้านเรือน ความเย็นชานี้เองทำให้ทุกคำยิ่งดังก้องและหนักหน่วงนางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยสายตาที่เฉียบคม “เหลือชีวิตไว้แต่เพียง…เจ้าง่อย และคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”ถึงแม้นางจะสั่งฆ่าอย่างไร้ความปรานี แต่ก็ไม่มีวันเอ่ยคำให้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ คำสั่งของหลานเยว่เด็ดขาด นางต้องการเพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status