LOGINซิ่วอิงเดินขึ้นขึ้นมาชั้นสองอย่างเบิกบานใจ ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น แต่ว่าคนที่พ่ายแพ้คงจะโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ที่มาแพ้ให้กับเด็กเช่นนี้ ช่างเถอะเราไม่สามารถทำให้ถูกใจใครได้ทั้งหมด อีกอย่างตอนนี้นางต้องการเงิน นางไม่มีเวลามาสงสารใคร ในเมื่อเป็นการแข่งขัน ก็ต้องมีคนแพ้และคนชนะ
วันนี้นางทำเงินได้ถึงสามพันตำลึง คุณปู่ท่านนั้นใจดีและใจป้ำไม่เบา ให้นางลงแข่งพร้อมจะจ่ายเงินให้อีก นางต้องตีสนิทเอาไว้ เพื่ออนาคตในวันข้างหน้า เมื่อมาถึงชั้นสองซึ่งเป็นห้องที่เฉินเจ๋อหยวนนั่งอยู่ ยามนี้มีบุรุษหน้าตาหล่อเหล่านั่งอยู่ด้วยถึงสามคน ซิ่วอิงรีบตรงไปหาเฉินเจ๋อหยวนทันที “ท่านปู่ข้าชนะแล้ว เลยจะมารับรางวัลเจ้าค่ะ” “ตรง ๆ แบบนี้เลย ฮ่าฮ่า” ซิ่วอิงยิ้มเขิน แล้วนางพูดผิดตรงไหนกัน “ลู่เฉิงเจ้าได้ชิมบะหมี่หรือไม่?” เขาหันไปถามคนสนิทข้างกาย เพราะอยากรู้ว่าเขามีความคิดเห็นเช่นไร “บะหมี่รสชาติดีมากขอรับ คนที่มาดูการแข่งขัน ต่างพากันถามว่า จะมีขายอีกเมื่อใด จะได้แวะมากินขอรับ” “จริงรึ ฮ่าฮ่า” เฉินเจ๋อหยวนยามนี้รู้สึกอารมณ์ดีอย่างที่สุด “ซิ่วอิง เจ้าสนใจจะทำบะหมี่ขาย ในโรงเตี๊ยมฟู่จินหรือไม่ เรื่องนี้ข้าให้เจ้าไปคิดดูก่อน หากสนใจก็แวะมาหาข้าได้ทุกเมื่อ นี่เป็นตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึง วันนี้ขอบใจเจ้ามาก” “ส่วนนี่สองพันตำลึงที่เจ้าเดิมพันกับลู่เจิน ส่วนนี่อีกหนึ่งพันตำลึง ที่เจ้าช่วยชีวิตน้องชายของข้า” ลู่เฉิงนำตั๋วเงินสามพันตำลึงมาให้ซิ่วอิง “ขอบคุณเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงฉีกยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ “พวกเจ้าไปส่งพวกนาง” เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่งชะงัก จู่ ๆ ท่านปู่จะให้เขาไปส่งเด็กคนนี้ แต่พอหันไปเห็นสายตาแกมบังคับของท่านปู่ เขาก็เลือกที่จะเงียบ เผด็จการจริง ๆ ปู่ใครกันนะเฮ้อ! ที่เฉินเจ๋อหยวนให้เขาไปส่งนาง เพราะอยากรู้ว่านางอยู่ที่ใด และเป็นบุตรสาวของตระกูลใดกัน เขารู้สึกถูกชะตากับนาง จึงคิดว่าควรผูกมิตรกันเอาไว้ “ข้าขอไปส่งนางด้วยเจ้าค่ะ” ลู่เจินเอ่ยขึ้น เพราะนางแอบชอบเฉินซีฮันตั้งแต่แรกเห็น เขาแวะมาเยี่ยมท่านปู่หยวน นาน ๆ ครั้ง รูปร่างเขาสูงใหญ่สง่างามอีกทั้งหล่อเหล่าทั้งเทพเซียน นางคิดว่าชาตินี้คงไม่มีใคร หล่อเหล่าเท่าเขาอีกแล้ว หากเขาชายตามองนางคงดีไม่น้อย “เจ้าก็จะไปด้วยรึ? ดี ๆ ไปกันหลาย ๆ คน จะได้ปลอดภัย” ลู่เฉิงผู้เป็นลุง ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงรีบเอ่ยสนับสนุน “ท่านปู่ที่จริงข้าอยู่ไม่ไกล อีกอย่างฟ้ายังสว่างขนาดนี้ ข้ากับสหายกลับกันเองได้เจ้าคะ” “ให้เขาไปส่งนะดีแล้ว”ซิ่วอิงเมื่อปฎิเสธไม่ได้ก็เอ่ยลา “เช่นนั้นข้าขอตัวเจ้าคะ” ซิ่วอิงพาสี่สหายเดินลงมาอย่างร่าเริง เพราะวันนี้นางหาเงินได้มากจริง ๆ พอมาถึงถนนด้านหน้า ที่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา นางก็เห็นพี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ยืนรออยู่ “นายหญิงน้อยท่านเก่งมากเลยขอรับ” พวกเขารีบวิ่งเข้ามาแสดงความยินดี ด้วยความดีใจกับนาง ซิ่วอิงมองตะกร้าผลไม้ที่นางฝากพวกเขาซื้อ แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า นางสัญญากับสหายสี่คน ว่าจะทำของอร่อยให้กิน แวะตลาดก่อนกลับหน่อยดีกว่า แต่ว่าคนที่ไปส่งจะชวนให้กินด้วยดีหรือไม่ ก็ในเมื่อนางอยากตีสนิทพวกเขา ก็ต้องชวนจะได้สนิทชิดเชื้อกันมากขึ้น “ท่านสามคนมีชื่อว่าอย่างไรกันบ้างเจ้าคะ?” เฉินซีฮันกอดอกมองเด็กน้อยตรงหน้า นางเป็นเด็กที่มีความมั่นใจดี ดูจากสามคนนั้นเรียกนางว่า นายหญิงน้อย นางเป็นนายหญิงน้อยของพวกเขาหรือนี่ เด็กอายุเพียงเท่านี้ “ข้าชื่อเฉินซีฮัน คนนี้เฉินจางหย่ง คนนี้เฉินเจียวหมิง” เขาเอ่ยบอก “ให้พวกข้าเรียกพี่ได้หรือไม่ เพราะท่าทางท่านก็อายุมากกว่าพวกเรา…หลายปีเจ้าค่ะ” “ตามใจ” เขาเอ่ยตอบ “ข้าจะแวะตลาดก่อน จะซื้อของไปทำกินที่จวนเจ้าค่ะ ข้าสัญญากับพวกเขาว่า หากชนะจะทำของอร่อย ๆ ให้กิน พี่ซีฮันจะอยู่กินด้วยกันมั้ยเจ้าคะ? หากว่ากินข้าจะได้ทำเผื่อเจ้าค่ะ” “หากเจ้าชวนข้าก็กิน” “ข้าต้องชวนอยู่แล้ว เชิญพี่จางหย่ง เชิญพี่เจียวหมิง เชิญพี่สาวลู่เจินด้วยนะเจ้าคะ พี่อู่ถงไปรอที่จวนเลยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงกล่าวอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะไปจูงมือลี่อินและเจียวจู เดินไปที่ตลาดอย่างร่าเริง ซิ่วอิงคิดว่าวันนี้ฉลองเสียหน่อย กินดี ๆ สักมื้อ วันอื่นค่อยประหยัด นางจึงคิดว่าจะทำเนื้อย่าง ก่อนจะครุ่นคิดว่ามีกี่คนอยู่ที่จวน ราว ๆ 31คน มีคนไปเพิ่มอีก4คน เป็น35คน เยอะเหมือนกัน “ซิ่วอิงเจ้าจะทำอาหารอะไรเหรอ?” จูเจียวเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “วันนี้ข้าจะทำเนื้อย่าง สูตรอร่อยที่สุดในใต้หล้า ให้พวกเจ้ากิน เป็นไงน่าสนใจมั้ย?” “ซิ่วอิงเนื้อย่างมีอะไรบ้าง ข้าอยากกินหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนชอบกินหมูสามชั้นเป็นที่สุด แต่เขาก็เกรงใจซิ่วอิง จึงต้องเอ่ยขออนุญาตนางเสียก่อน “เจ้าเป็นเด็กดี ต้องได้แน่นอน หานเกอเจ้าชอบกินอะไร วันนี้ข้าใจดีตามใจทุกคนเลย” “ข้าอยากกินกุ้งตัวโต ๆ” “ข้าอยากกินไส้หมูย่าง” ลี่อิงเอ่ยขึ้น “อยากกินตีนไก่ย่าง” เจียวจูรีบบอกเช่นกัน ซิ่วอิงระบายยิ้มเอ็นดูสหายของตน “ได้ ๆ สหายรักข้าจัดให้พวกเจ้า” ซิ่วอิงสั่งของร้านของสดและผัก ให้ไปส่งที่จวนเพราะของเยอะมาก จากนั้นก็พากันเดินกลับอย่างสนุกสนาน เฉินซีฮัน เฉินจางหย่ง เฉินเจียวหมิงและลู่เจินเดินตามหลัง จวบจนมาถึงจวน พอซิ่วอิงเปิดประตูเข้าไป ทุกคนก็มายืนรวมกันตรงลานหน้าจวน “ยินดีด้วยนายหญิงน้อยที่แข่งขันชนะ” พวกเขาเอ่ยขึ้นพร้อมกัน จนซิ่วอิงรู้สึกเขิน แต่ก็ยิ้มรับ “ขอบคุณทุกคน ป้าหวังเครื่องนอนมาส่งแล้วหรือยังเจ้าคะ?” “มาแล้วเจ้าค่ะ” “อืมงั้นข้าไปเตรียมทำอาหารก่อนนะเจ้าคะ วันนี้เราต้องฉลองกันหน่อย ท่านป้าเดี๋ยวจะมีของมาส่ง ให้เขายกไปที่ครัวเลยนะเจ้าคะ” “ได้เจ้าค่ะ” เฉินซีฮันกวาดตามองจวนที่นางอยู่ แม้จะไม่ใหญ่โตมากนักแต่ก็น่าอยู่มาก แต่ว่าเหตุใดคนถึงอยู่กันเยอะมากขนาดนี้ นางจ้างบ่าวเยอะขนาดนี้เลยหรือ? “ท่านป้า นายหญิงน้อยเป็นบุตรสาวของผู้ใด?” “นายหญิงน้อยกำพร้าตั้งแต่เด็ก ข้าก็ไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของผู้ใด แต่ว่าถึงนางจะเป็นเด็ก แต่ก็มีจิตใจดีมีเมตตา เอ่อข้าและสามีของข้า ก็มาพึ่งบารมีของนาง รวมทั้งทุกคนที่อยู่ที่นี่ นางรับมาอยู่ด้วยเจ้าค่ะ” เฉินซีฮันเมื่อได้รับรู้ ก็รู้สึกสงสารนางขึ้นมา อายุเท่านี้แต่ต้องมาดูแล คนมากขนาดนี้ อีกทั้งคนเหล่านี้ไม่ใช่ญาติพี่น้องตนเอง ก็ยังรับมาอยู่ด้วย เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจเสียจริง “ข้าจะไปช่วยนางทำ พวกเจ้าจะไปหรือไม่?” เฉินซีฮันหันไปถามเฉินจางหย่งและเฉินเจียวหมิง “ไปสิ เจ้าว่าเด็กคนนี้น่าสนใจหรือไม่?” “อืม” “ข้าว่านางในภายภาคหน้า นางต้องเป็นสตรีที่งดงามมากแน่ ยามนี้ก็ส่อแววงดงามออกมาแล้ว สตรีงดงามอีกทั้งมีความสามารถ บุรุษมากมายต้องแย่งชิงนางกันอย่างแน่นอน” เจียวหมิงเปรยขึ้นมา แต่ลู่เจินได้ฟังถึงกับ กำหมัดแน่นด้วยความริษยา นางก็งดงามไม่น้อย เหตุใดพวกเขามองไม่เห็นกันเด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด
“ข้าว่าให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่น่าจะได้” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราห์ ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงพอดี เพราะตอนนี้มีพื้นที่แห่งใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้เหมือนที่นี่ แต่ชีวิตของพวกเขาปลอดภัยแน่นอน “ท่านไปพาพวกเขามาเถิด ระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเจียวหั่ว “ขอรับ” เจียวหั่วจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไปทันที “เรามากินอาหารกันเถอะ ข้าหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว พี่จือไฉ่ พี่จือหยวน ข้ารบกวนไปยกโต๊ะเก้าอี้มาที่ครัวทีเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวข้าไปช่วย” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้น เพราะเวลานี้ฐานะเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยนางได้เขาก็ยินดีช่วยทำ เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ต่างก็รีบออกไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี๊เข้ามา พอทุกคนมานั่งกันครบแล้ว ซิ่วอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ลี่อิน เจียว ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิงและพี่จางหย่ง แต่เพราะวันนี้ที่โรงเตี๊ยมยุ่งมากและพรุ่งนี้ก็ยังจะยุ่งอีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็กินกันพอประมาณ พอทุกอย่างลงตัวดีแล้ว พวกเราค่อยฉลองใหญ่กันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงให้ลี่อินชงชา เจียวจูและนางช่วยกันส
ทางด้านตระกูลเฟยยามนี้ เฟยเจินเฉิงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บิดาเขาส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาเขา จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ การแข่งขันในวันนั้น เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้ชนะเลยสักนิด แต่มาวันนี้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ผู้คนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิ พอเขาได้สอบถามถึงได้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบิดาจนพูดไม่ออก เสียงผู้คนกล่าวถึงไม่ใช่มีเพียงตระกูลเฟย แต่ยังมีตระกูลจิน ที่กระทำการน่าละอายเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด นางเป็นเพียงเด็กน้อยแต่มีความสามารถ ทุกคนควรให้การยอมรับ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ร้ายกันเช่นนี้ นี่มันเข้าทำนองผู้ใหญ่รังแกเด็กชัด ๆ เมื่อเฟยเจินเฉิงกลับถึงจวน ก็ตรงไปหาบิดาและมารดาทันที เรื่องนี้เขาคิดว่า บิดาของเขาควรไปขอโทษ ทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ที่ทำให้ได้ความเสียหาย “ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไรกันขอรับ ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไม่หยุดปาก ถึงตระกูลเราที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น” เฟยเจินเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ได้ตั้ง







