บทที่ 10 ข้าบกพร่องเอง
ไม่นานเหมยหลงได้กลับมาที่ตำหนักรายงานเรื่องที่สาวใช้ได้ยินมาว่าวันนี้หานเฟยเยี่ยกลับเรือนของตนแต่ยังไม่การสั่งการให้สาวใช้คนสนิทอย่างไป๋ลี่ซูลงมือทำการใด และสั่งการให้สาวใช้คอยจับตาดูต่อไป
ฝั่งด้านจางอี้ซือออกจากตำหนักมู่หลันเขาเดินไปหาบุตรทั้งสองด้วยความคิดถึง แม้อยากจะโอบกอดหยอกล้อมากถึงเพียงใดเขาก็มิอาจทำได้ กลัวว่าหานเฟยเยี่ยจะโกรธแค้นริษยาที่เขามอบความรักให้เด็ก ๆ ลงมือทำร้ายลูกของเขาขึ้นมาจึงทำได้เพียงแค่ยืนจ้องมองห่าง ๆ
ยามนี้แสงแดดอ่อนลงเริ่มลับลาขอบฟ้าท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีส้มประกายแดง เด็ก ๆ ทั้งสองวิ่งเล่นหยอกล้อกันอยู่ที่สวนหน้าตำหนักแค่เห็นบุตรทั้งสองปลอดภัยเขาก็มีความสุขแล้ว
"ท่านชินอ๋องกระหม่อมมีเรื่องมารายงานพะย่ะค่ะ" เสียงของถังอู่ฟงดังขึ้นข้างหลังจางอี้ซือมิได้หันกลับไปมองแต่ตอบเพียงสั้น ๆ คำเดียวและรับฟังเพราะยามนี้สายตาของเขายังอยากจ้องมองรอยยิ้มเสียงหัวเราะใบหน้าที่มีความสุขของบุตรทั้งสอง
"พูดมา"
"วันนี้พระชายารองกลับไปเรือนตระกูลหานมีการหารือเกี่ยวกับการลงมือทำร้ายพระชายาเมิ่งซูเหยา แต่ยังไม่ลงมือเพราะใต้เท้าหานมีการใหญ่ทำก่อนเรื่องการทำร้ายพระชายาเอกให้พระชายารองอยู่นิ่ง ๆ อดทนเอาไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ"
"การใหญ่ที่เจ้าว่าคงหมายถึงการโค่นบัลลังก์สินะ"
"พะย่ะค่ะ"
"ตอนนี้ข้าคงนิ่งนอนใจมิได้แล้ว ต้องรีบหาทางรู้ให้ได้ว่ารายชื่อลงนามของใต้เท้าทั้งหลายที่รวมก่อกบฏอยู่ที่ใด อีกทั้งกองกำลังที่ใต้เท้าหานซุกซ่อนเอาไว้"
"เรื่องกองกำลังตอนนี้กระหม่อมพยายามสืบอยู่พะย่ะค่ะได้เบาะแสมาบ้างแล้วท่านชินอ๋องมิต้องเป็นกังวล"
"ดีเช่นนั้นเจ้าช่วยจัดการให้เร็วขึ้นมาหน่อย ข้าขอกำชับเจ้าอีกเรื่องอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยของพระชายาเมิ่งซูเหยากับบุตรของข้า"
"ท่านไม่ต้องเป็นห่วงยามนี้มีองครักษ์เงาตามติดคอยดูแล"
"เจ้าไปทำงานของเจ้าต่อเถอะส่วนเรื่องหนังสือลงนามข้าจะจัดการเอง"
จางอี้ซือไม่ได้เดินเข้าไปหาบุตรแต่เลือกที่จะเดินไปที่ตำหนักของตนมีหลายอย่างที่เขาต้องเตรียมการ
ตำหนักหยุนซี
ไป๋ลี่ซูนางเดินกลับจากโรงครัวหลังจากไปสั่งให้ท่านพ่อครัวทำอาหารที่หานเฟยเยี่ยต้องการระหว่างทางกลับตำหนักสายตาเหลียวไปเห็นท่านชินอ๋องกลับมาจากด้านนอก นางคิดว่าชินอ๋องต้องไปหานายหญิงของตนแน่ ๆ นางจึงรีบเดินตรงเข้าไปหาท่านชินอ๋องเพื่อสอบถามว่าเขากินอาหารเย็นเข้ามาหรือยังจะได้สั่งให้ท่านพ่อครัวทำเพิ่ม แต่ทว่าเมื่อเดินตามหลังไปเรื่อย ๆ เส้นทางที่สองเท้าชินอ๋องย่างกรายไปนั้นกลับไม่ใช่เส้นทางไปตำหนักของพระชายารองหรือเป็นตำหนักของชินอ๋องเองแต่ทว่านั้นคือเส้นทางไปตำหนักมู่หลันต่างหาก นางจึงหยุดเดินตามรีบกลับไปบอกเรื่องนี้ให้พระชายารองได้รับรู้
ครั้นเมื่อหานเฟยเยี่ยได้รู้เข้านางยิ่งโมโหดวงตาเบิกโตกำมือแน่นใบหน้าเกรี้ยดโกรธอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมท่านพี่ถึงเลือกเดินไปทางนั้น ข้าไม่ยอมท่านพ่อก็อีกคนจะให้ข้าทนถึงเมื่อไหร่หรือจนกว่านังเมิ่งซูเหยาท้องบุตรของท่านพี่อีกคนอย่างนั้นหรือ”
“พระชายาใจเย็นลงเถอะนะเพคะ หม่อมฉันคิดว่าท่านชินอ๋องคงไม่ได้เข้าไปหาพระชายาเอกเพราะพิษสวาทนางหรอกเพคะ ทุกวันนี้พระชายารองก็เห็นว่าท่านชินอ๋องอยู่ที่นี่ทุกค่ำคืน หากจะตั้งครรภ์คงเป็นพระชายารองมากกว่าเพคะ”
“ก็เพราะสิ่งนี่ไงที่ข้าเป็นกังวลจนนอนไม่หลับเมื่อไหร่เด็กจะมาเกิดกับข้าเสียที เอ๊ะ!! เดี๋ยวนะ!! หรือว่าท่านพี่เป็นหมันไม่สามารถมีบุตรได้และบุตรที่เกิดจากเมิ่งซูเหยาจะไม่ได้เป็นบุตรที่เกิดจากท่านพี่ ฮึ ฮึ ข้าคิดอะไรออกแล้วล่ะ” สีหน้าของหานเฟยเยี่ยเปลี่ยนไปทันทีเมื่อนึกอะไรออก ทำไมนางพึ่งมานึกได้เอาป่านนี้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นสองเท้าของนางรีบเดินทอดน่องไปที่ตำหนักของจางอี้ซือทันที
“พระชายาจะเสด็จไปที่ใดเพคะ”
“ไปหาท่านพี่นะสิ ข้านึกเรื่องจะกำจัดพระชายาเอกได้แล้วมิหนำซ้ำยังทำให้นางอับอายขายขี้หน้าอีกด้วยไม่ใช่สิ ไม่ใช่แค่นางแต่เป็นทั้งตระกูลของนางต่างหาก ฮ่า ฮ่า” หานเฟยเยี่ยหัวเราะออกมาอย่างชอบใจพลางเดินต่อ ไป๋ลี่ซูเองก็ไม่ต่างจากผู้เป็นนายเมื่อคิดตามก็รู้สึกสะใจไม่น้อยอีกไม่นานนายหญิงของตนจะได้ขึ้นเป็นพระชายาเอกอำนาจในจวนทั้งหมดก็ต้องตกเป็นของนาง ต่อจากนี้นางจะชี้นิ้วใส่ผู้ใดก็ได้แม้กระทั่งเหมยหลิงสาวใช้ของพระชายาเอก
ปัง!! เสียงเปิดประตูเสียงดังโดยไม่มีเสียงของบ่าวรับใช้แจ้งบอกว่าผู้ใดมาเยือน จางอี้ซือที่อ่านรายชื่อที่ได้มาอย่างลับ ๆ รีบเก็บซ่อนเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว รีบหยิบตำราอีกเล่มที่วางข้าง ๆ กันทำราวกับว่าตนเองกำลังอ่านตำราอยู่
“ท่านพี่เพคะ หม่อมฉันได้ยินว่าท่านพี่ไปที่ตำหนักมู่หลันมิใช่ว่ายามนี้จิตใจของท่านพี่จะมีเพียงพระชายาเอกหรอกใช่มั้ยเพคะ” เสียงเล็กแหลมของหานเฟยเยี่ยดังขึ้นจางอี้ซือวางตำราลงชำเลืองตามองนางอย่างช้า ๆ
“ข้าคิดว่าผู้ใดเข้ามาที่แท้เป็นพระชายารองนี่เอง ข้ามิได้พิษสวาทนางถึงเพียงนั้น ที่ข้าไปที่ตำหนักมู่หลันเพราะได้ยินจากสาวใช้ในจวนเรื่องที่เจ้าถูกนางหักหน้าทำให้อับอายต่อหน้าบ่าวในเรือนต่างหาก เจ้าคงขวัญเสียมากสินะมานี่สิข้าจะกอดปลอบใจเจ้าเอง” น้ำเสียงทุ่มต่ำเอ่ยวาจานุ่มนวลอ่อนหวานมีหรือที่หานเฟยเยี่ยจะไม่หวั่นไหว นางรีบเข้ามานั่งอยู่บนตักใหญ่ของเขาสอดมือโอบกอดคอของจางอี้ซือแนบแน่น
“หม่อมฉันคิดมากไปเองเพคะ คงเพราะหม่อมฉันเกรงว่าท่านพี่จะเบื่อที่หม่อมฉันไม่มีทายาทให้ท่านพี่เสียที หม่อมฉันบกพร่องเอง” นางบีบน้ำตาแสร้งเป็นเสียใจจางอี้ซือกระชับกอดนางแน่นมากกว่าเดิม
“มิใช่เจ้าหรอก อาจจะเป็นเพราะข้าเองที่ไม่มีน้ำยา”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ ท่านพี่มีบุตรถึงสองคนแล้ว เอ่อ..หากว่าร่างกายท่านพี่บกพร่องจะเป็นได้มั้ยเพคะ ข้าอยากให้มั่นใจเราเรียกหมอหลวงมาตรวจร่างกายท่านพี่กันเถอะเพคะ” จางอี้ซือได้ยินก็พอจะเดาได้ว่าที่นางเอ่ยมาเช่นนี้ต้องการอะไร นางคงต้องการใส่ร้ายหรือหาเรื่องให้พระชายาเอกใส่ความหากนำหมอมาตรวจว่าเขาเป็นหมัน แต่ในความเป็นจริงนั้นเขามิเคยได้นอนกับนางเลยต่างหาก ครั้นเมื่อถึงเวลาเข้านอนร่วมกันเขาจะมีตัวแทนมานอนกับนางเสมอและโชคดีที่ชายผู้นั้นถูกคัดเลือกมามีรูปร่างร่างกายคล้ายคลึงกับเขาในความโชคดีอีกอย่างคือชายผู้นั้นเป็นหมันทำให้หานเฟยเยี่ยไม่ตั้งครรภ์เสียที
“คงมิใช่เช่นนั้นหรอก ช่วงนี้ร่างกายข้าไม่เหมือนแต่ก่อนเจ้ามิต้องเป็นกังวลจนเกินไปอีกไม่นานเจ้าคงตั้งครรภ์แน่ ๆ ยามนี้ตะวันตกดินแล้วเจ้ากลับไปที่ตำหนักเจ้าก่อนเถิด ข้าอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวจะไปหาเจ้าที่ตำหนักคืนนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องทำกับเจ้ามากมายเลยล่ะ” จางอี้ซือยิ้มหวานส่งสายตาจ้องมองร่างกายของหานเฟยเยี่ยจนนางใบหน้าแดงก่ำเพราะรู้ดีเขาหมายถึงอะไร
“เช่นนั้นหม่อมฉันจะรอนะเพคะ” นางลุกขึ้นออกจากร่างกายของจางอี้ซือเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี เขาจ้องมองเดินออกไปจนพ้นสายตาเรียกหาบ่าวรับใช้เพื่อสั่งการ
“ผู้ใดอยู่ด้านนอกเข้ามานี่สักประเดี๋ยว” ไม่นานก็มีบ่าวที่อยู่หน้าประตูเดินเข้ามา
“ท่านชินอ๋องต้องการอันหรือพะย่ะค่ะ”
“เจ้าช่วยไปจัดเตรียมสุราเลิศรสเอาที่กินง่ายฤทธิ์แรงรวมทั้งของกินเล่นไปที่ตำหนักหยุนซียามซวี (19.00) ”
“น้อมรับคำสั่งพะย่ะค่ะ” จางอี้ซือพลางคิดในใจเขาจะรอช้ามิได้แล้วอย่างไรคืนนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าใต้เท้าหานนำสมุดรายชื่อไปไว้ที่ใดเขาจะพยายามหลอกถามจากหานเฟยเยี่ยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
บทที่ 21 คลี่คลายตำหนักมู่หลันเมิ่งซูเหยาเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดถึงกับตกใจไม่น้อย เสียงซุบซิบนินทาของสาวใช้ในจวนที่พูดถึงเรื่องหานเฟยเยี่ย ไม่เว้นแม้แต่เหมยหลง“หม่อมฉันละสะใจจริง ๆ เพคะที่ตระกูลหานถูกลงโทษอย่างสาสมต่อจากนี้พระชายาก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว ไม่มีผู้ใดมาปองร้ายท่านอีกต่อไป”“นั่นสิ แม้จะรู้สึกสะใจแต่ก็ใจหายไม่น้อยเลยล่ะ ”“ท่านชินอ๋องปราดเปรียวเก่งกาจจริง ๆ เพคะที่ยอมใจแข็งกัดฟันยอมใต้เท้าหานเพื่อปกป้องพระชายา ท่านคงรักพระชายามากไม่เช่นนั้นคงไม่อดทนเย็นชาต่อพระชายาเช่นนี้ รักแท้เป็นอย่างนี้สินะหวังว่าวันหนึ่งหม่อมฉันจะได้พบเจอความรักดี ๆ เช่นนี้บ้าง”เมิ่งซูเหยาได้ยินคำพูดของเหมยหลงพลางครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของเขาที่เคยบอกนางเอาไว้ สายตาที่นางเห็นคราวนั้นคงเป็นเรื่องจริงมิใช่นางตาฝาดไป‘เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขาปกป้องข้ากับลูกทั้งสองคน เขาคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเมิ่งซูเหยาตัวจริงหากยังอยู่คงจะดีท่านจะได้รู้ว่าชินอ๋องสามีของท่านรักท่านเพียงใด แต่ทำไมเพียงแค่นึกถึงจิตใจของข้าถึงได้สั่นไหวเช่นนี้ ’ เมิ่งซูเหยาคิดในใจเดินไปที่หน้าต่างจ้
บทที่ 20 จับกบฏหลังจากนั้นเมิ่งซูเหยาพาร่างกายที่สั่นเทากลับเข้างานเทศกาลไปหาบุตรทั้งสองและชักชวนกันกลับจวนอ้างว่าตนเองรู้สึกไม่ค่อยสบาย และไม่มีผู้ใดที่ขัดคำสั่งเพราะยามนี้เด็ก ๆ ก็เหน็ดเหนื่อยอยากจะเข้าบรรทมแล้วเมื่อมาถึงตำหนักเมิ่งซูเหยาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรงเมื่อครู่นี้นางแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าทุกคนไม่แสดงว่านางเองก็หวาดกลัวไม่น้อยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งเมื่อครู่ยังติดจมูกนางกลับมาที่จวน จนเหมยหลงผิดสังเกตและสงสัยว่าเมื่อครู่พระชายาหายตัวไปที่ใดมา แถมยังกลับมาด้วยใบหน้าซีดเซียว“พระชายาไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ ใบหน้าของพระชายาซีดเซียว แล้วเมื่อครู่ท่านออกไปที่ใดมา”“เหมยหลงข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าทำลงไปถูกหรือผิด ข้าสั่งให้ทหารลงมือฆ่าคน หากมีคนตามเจอข้าจะถูกลงโทษหรือไม่”“พระชายาสั่งให้ทหารลงดาบฆ่าคนหรือเพคะ แล้วคนผู้นั้นเป็นผู้ใดกันเพคะ”“ก็สารถีที่พาข้าไปเรือนตระกูลเมิ่ง วันนี้ข้าเห็นเขาที่งานเทศกาลจึงตามไปเพื่อสอบถามความจริง ตอนนั้นข้าเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกันทำไมถึงได้โมโหจนสั่งทหารไปเช่นนั้น ตอนนี้ข้ากลัวกลัวเหลือเกิน” ร่างบางเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเ
บทที่ 19 เดินเที่ยวงานอีกฝั่งของเรือนตอนนี้ตะวันคล้อยต่ำลงทุกคนต่างพากันกินอาหารกลางวันด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาจางอี้ซือจึงขอตัวกลับจวน“วันนี้ข้าต้องขอบคุณท่านใต้เท้าหานที่ต้อนรับข้าเป็นอย่างดี ข้ามารบกวนเวลาของท่านมากแล้วขอตัวกลับจวนก่อนแล้วกัน องค์ชายสามข้าขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยขอให้พระชายาทรงสุขภาพแข็งแรงพะย่ะค่ะ”“นั่นสิมิใช่แค่ท่านชินอ๋องที่มารบกวนเวลาท่านพ่อตา ข้าเองก็มาตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าเองก็เดินทางปลอดภัยเช่นเดียวกัน” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นมา“กระหม่อมผู้เป็นบิดาไม่เคยคิดว่าการที่ราชบุตรเขยทั้งสองมาเยือนที่เรือนเป็นการรบกวนเวลา จะมาเยือนที่เรือนตระกูลหานเมื่อไหร่นับเป็นวาสนาของตระกูลพะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นข้าเองก็ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง ข้าต้องขอพาพระชายากลับวังหลวงเสียก่อนป่านนี้องค์ชายตัวน้อยคงโยเยหามารดา ” องค์ชายสามเอ่ยพลางโอบบ่าของพระชายาตนเองเดินไปที่เกี้ยวเพื่อเดินทางกลับวังหลวง ชินอ๋องกับใต้เท้าหานก้มโค้งลงเพื่ออำลา ก่อนที่จางอี้ซือจะเดินทางกลับจวนเช่นเดียวกันระหว่างทางกลับจวนใบหน้าของหานเฟยเยี่ยดูมีความสุขมากกว่าตอนที่เดินทางมาทำให้จางอี้ซือสังเกตได้อย่างง่ายดาย“พระชายา
บทที่ 18 เจอหลักฐานชิ้นสำคัญฝั่งด้านถังอู่ฟงเขาลอบเข้ามาด้านหลังเรือนรีบเดินไปที่ห้องทำงานของใต้เท้าโชคดีที่เขาเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้งทำให้รู้หนทางว่าไปทางใด“ใต้เท้ากำชับพวกเจ้าให้ตรวจตราให้ดี แต่วันนี้มีองค์ชายสามกับท่านชินอ๋องมาคงไม่มีผู้ใดอุกอาจเข้ามาหรอกน่า เจ้าเองก็เหนื่อยมากเช่นกันมิใช่หรือ? ไปหาอะไรกินกันเถอะ”“นั่นสิ ไปเพียงชั่วครู่คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมั่ง” บ่าวรับใช้ที่เดินตรวจตราอยู่พูดคุยกันเสียงดังพร้อมชักชวนกันไปหาอะไรกิน ทำให้ถังอู่ฟงโล่งใจเพราะความปลอดภัยละหลวมทำให้เขาทำการได้ง่ายเมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่มีผู้ใดเขารีบย่องเข้าไปที่ห้องของท่านใต้เท้าซอกหาหนังสือลงนามและจัดวางของทุกอย่างให้เป็นเช่นเดิมเหมือนไม่มีผู้ใดเข้ามาด้านใน ไม่ว่าจะหาตรงไหนก็ไม่พบเจอเหลือเพียงที่เดียวที่เขายังไม่ได้หาคือห้องเคารพบรรพบุรุษ เมื่อหาที่นี่ไม่พบถังอู่ฟงเปลี่ยนเป้าหมายรีบจ้องมองด้านนอกไม่เห็นบ่าวในเรือนรีบปลีกตัวออกมาและลัดเลาะไปที่ห้องเคารพบรรพบุรุษของตระกูลหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางเดินออกมารับลมด้านนอกจ้องมองหน้าท้องของพี่สาวที่กำลังใหญ่อย่างอิจฉานางพึ่งคลอดบุตรคนแรกไปไม่นานก็ตั้งครรภ์อี
บทที่ 17 เยือนเรือนใต้เท้าหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางตื่นขึ้นมามองหาจางอี้ซือมีเพียงความว่างเปล่ากับคราบน้ำกามที่นางร่วมรักกันเมื่อคืนอย่างสุขสม"ท่านพี่ออกไปที่ใดแต่เช้าทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเล่นสนุกกับข้าทั้งคืน ดูสิคราบน้ำรักของท่านพี่เต็มที่นอนไปหมด ครั้งนี้ข้าต้องตั้งครรภ์แน่ ๆ " นางยิ้มอย่างเบิกบานไม่นานเสียงสาวใช้ได้เข้ามาด้านใน"พระชายาเพคะท่านชินอ๋องฝากบอกพระชายาว่าวันนี้จะพาพระชายาไปเยี่ยมท่านใต้เท้าหานฉิงถิงที่เรือนให้พระชายาเตรียมตัวรอเพคะ" ไป๋ลี่ซูเดินเข้ามาแจ้งเมื่อเห็นว่านายหญิงของตนตื่น"ท่านพี่เอ่ยเช่นนั้นหรือ ? ดีเช่นกันนานแล้วที่ข้าไม่ได้กลับเรือนพร้อมท่านพี่ เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าทีข้าจะล้างตัวเสียหน่อย""เพคะ"จางอี้ซือตื่นแต่เช้าแม้ว่าเมื่อคืนนี้เขายังอยากนอนกอดร่างบางของเมิ่งซูเหยาทั้งคืนแต่มิอาจทำเช่นนั้นได้จึงลุกขึ้นมาใกล้สว่าง เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องไปจัดการ หากเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีเขาจะนอนกอดนางเท่าไหร่ย่อมได้“ถังอู่ฟงวันนี้เจ้าเดินทางไปที่เรือนใต้เท้าหานด้วยกัน ระหว่างที่ข้าเข้าไปด้านในเจ้าจงตามหาให้ได้ว่าหนังสือลงนามของใต้เท้าอยู่ที่ใด เมื่อคร
บทที่16 ปลดปล่อย"นี่ท่านเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ปล่อยนะเพคะ" เมิ่งซูเหยากล่าวพลางใช้มือดันอกของเขาให้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนครั้นนั้นนางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอีกทั้งลมหายใจของเขาที่เริ่มเต้นถี่ระรัวและติดขัด"เกิดอะไรขึ้นทำไมสีหน้าของท่านถึงแดงเช่นนี้""ทำไมจู่ ๆ เกิดเป็นห่วงข้าขึ้นมาหรือไง " เขาเอ่ยพลางเดินย่างเท้าไปที่ห้องบรรทมของเมิ่งซูเหยา"ที่หม่อมฉันเอ่ยถามเพราะสงสัยหรือว่าท่านไม่สบายทำอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นนี้อีกด้วย เมื่อไหร่จะปล่อยหม่อมฉันเพคะ ""เมื่อถึงเตียงนอน" เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยแต่ทว่าใจของเมิ่งซูเหยากลับกลายเป็นฝ่ายที่เต้นแรงระรัว นางไม่รู้และคาดเดาไม่ได้เลยว่าชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่"ท่านมีแผนอันใดมาทำเช่นนี้กับข้า ข้าไม่ใจสั่นหรือรู้สึกดีกับท่านหรอกนะ""อย่างนั้นต้องลองดู " เอ่ยจบเขาวางกายของนางลงเตียงหนานุ่มจับปลายคงมนของนางให้เชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล เมิ่งซูเหยาเบิกตาโพลงโตด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ นางรีบใช้มือดันอกของเขาให้ออกจากตนเองทันที"นี่ท่านมันเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ มาทำสิ่งสกปรกกับข้าเช่นนี้ได้ยังไ