บทที่ 2 เผชิญหน้า
พิธีการเสร็จสิ้นสาวใช้ได้พาหลี่มี่ไปที่ห้องหอส่วนท่านแม่ทัพนั้นออกตอนรับแขกที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ประตูห้องถูกปิดจากด้านนอกหลี่มี่นั่งลงบนเตียงหนานุ่มใช้มือตบลงที่นอนอย่าน่าพอใจ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงนางได้เปิดผ้าคุมหน้ากวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจดูภายในห้องที่นางต้องอยู่ต่อจากนี้
“ห้องกว้างใหญ่มากนี่น่า ในนิยายฉันจำได้ว่าฉันแต่งออกมาให้ห้องหอเป็นเพียงห้องเล็กเท่านั้น หรือนี่คือห้องที่เล็กที่สุดแล้วนะ เฮ้อ! ผ้าคุมหน้านี่ก็น่ารำคาญเสียจริง อากาศก็ออกจะร้อนขอถอดออกหน่อยละกันอย่างไรเจ้าบ่าวก็ไม่เข้ามาเปิดมันหรอก เพราะฉันจำได้ว่าคืนวันงานเขาไม่แยแสไม่สนใจปล่อยให้เยิ่นเม่ยเม่ยรอคอยจนฟ้าสว่าง ดีเลยอย่างนี้ฉันค่อยสบายใจหน่อยแต่ก็น่าแปลกฉันเข้ามาอยู่ในนิยายได้ยังไงนะ แถมยังมาอยู่ในร่างตัวเอกอีก” หลี่มี่เปิดผ้าขยับอาภรณ์ที่แน่นหนาออกให้สบายตัว พลางคิดเรื่องที่เธอมาอยู่ในนิยายช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมาก ๆ นางลุกขึ้นเดินทั่วห้องมองดูของใช้ต่าง ๆ
“ฉันว่าในห้องนี้ดีจริง ๆ มีทุกสิ่งทุกอย่างราวกับว่าจัดเตรียมไว้ต้อนรับเยิ่นเม่ยเม่ยเป็นอย่างดี แต่ยังไงฉันก็ยังไม่สบายใจหรอกนะจริงสิวันนี้ฉันยังไม่ได้เจอเจ้าซาลาเปาลูกชายของท่านแม่ทัพเลยนี่น่า ต้องทำอย่างไรดีนะที่จะถูกใจเด็กชายคนนั้น จำได้ว่าเด็กชายคนนั้นกลัวว่าเยิ่นเม่ยเม่ยจะเข้ามาแย่งความรักของท่านพ่อ จึงไม่ชอบขี้หน้านางคอยกลั่นแกล้งนางตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ท่านแม่ทัพเองก็ไม่ได้สนใจปล่อยให้ลูกชายของเขารังแกอยู่เรื่อยมา ไม่นานเขาก็แต่งฮูหยินรองคนที่เขามีใจให้ก่อนที่จะแต่งเยิ่นเม่ยเม่ยเข้ามา และนางเองก็เป็นคนที่ทำให้เยิ่นเม่ยเม่ยตาย เฮอะ! ทำไมฉันแต่งนิยายออกมาได้โหดร้ายกับนางเอกแบบนี้นะ หรือนี่จะเป็นบทลงโทษเลยให้ฉันทะลุมิติมาอยู่ในนิยายตัวเอง อย่างนั้นฉันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเอง จากนี้ฉันจะใช้ชีวิตเป็นเยิ่นเม่ยเม่ยที่ไม่อ่อนแอให้ใครมารังแกได้อีกและฉันจะเอาชนะใจเจ้าซาลาเปานั้นให้ได้ หากทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีฉันคงได้กลับไปที่โลกของตัวเอง นิยายเรื่องนี้จะได้จบอย่างบริบูรณ์ ฉันนี่มันเก่งจริง ๆ” หลี่มี่เอ่ยชมตัวเองอย่างภาคภูมิใจ หลังจากที่ทำพิธีและทะลุมิติมานานน้ำสักหยดนางยังไม่ได้กิน นางเห็นสุราที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นสุรามงคลที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวต้องดื่มก่อนจะร่วมหอเมื่อนางเห็นจึงเดินมานั่งที่โต๊ะก่อนจะรินสุราลงจอกกระดกเข้าปากอย่างกระหายน้ำ
“ฮื้ม! เหล้าที่นี่รสชาติดีจริง ๆ หิวน้ำแต่มีเหล้าแทนน้ำก็ดีสำหรับฉันจริง ๆ ” หลี่มี่รินสุราลงจอกอีกครั้งเพื่อดื่มด่ำกับรสชาติ ในโลกเดิมเธอเป็นนักดื่มตัวยง ต่อให้หมดไหนี่ก็ไม่สามารถทำให้นางเมาได้เลยแม้แต่น้อย
“อะไรกันหมดแล้วเหรอเนี้ยะ กำลังอร่อยเลย” หลี่มี่จับไหคว่ำไม่มีสุราไหลรินออกมาสักหยด เธอวางลงก่อนจะเดินไปที่เตียงเพื่อพักผ่อน
“ไม่เป็นไรฉันยังอยู่ที่นี่อีกนานค่อยกินอีกวันหลังก็ได้ ขอนอนพักสายตาสักงีบค่อยคิดหาวิธีดีกว่า” แต่แล้วเมื่อนางกำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงประตูก็ถูกเปิดจากข้างนอก
“แอ๊ดด!!”‘ใครมาในเวลานี่กันนะ’ หลี่มี่มองไปยังประตูเห็นบุรุษรูปงามกำลังย่างเท้ามาอย่างสง่างาม ใบหน้าเข้มขรึมหุ่นบึกบึนสมกับเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ ทำเอานางตาค้างหยุดเคลื่อนไหว
‘ไม่คิดเลยว่าพระเอกของฉันจะหล่อขนาดนี้ เดี๋ยวสิหลี่มี่เธอต้องตั้งสติตอนนี้เธอไม่ใช่หลี่มี่แต่เธอเป็นเยิ่นเม่ยเม่ยนะเว้ย!’ หลี่มี่รีบดึงสติของตนเองเพื่อเตือนว่าตอนนี้จะมาหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของท่านแม่ทัพใจร้ายผู้นี้ไม่ได้ สายตาคมกริบมองไปยังสุรามงคลแต่ทว่าตอนนี้ไหนอนอยู่บนโต๊ะไร้น้ำสุราเขาเดินเข้ามาใกล้นางมากกว่าเดิมจ้องมองไปยังใบหน้าที่แดงก่ำของหลี่มี่ก่อนจะขยับปากเอ่ยวาจาออกมา
“เจ้าดื่มสุรามงคลเพียงผู้เดียวได้อย่างไรเหตุใดถึงไม่รอข้า ไหนจะผ้าคุมที่ข้าต้องเป็นผู้เปิดแต่ทว่าเจ้ากลับเปิดมันเอง”
“แฮะ ๆ ตอนนี้สุราหมดแล้ว ไม่ว่าท่านดื่มหรือข้าดื่มก็คล้าย ๆ กัน เป็นอันว่าพิธีเสร็จสิ้นแล้วท่านแม่ทัพกลับไปพักผ่อนเถอะเจ้าคะ คงเหนื่อยมาทั้งวัน” หลี่มี่ยิ้มกลบเกลื่อนความกลัว ใครจะคิดว่าเขาจะเข้ามาในห้องหอทั้ง ๆ ที่นิยายเขาไม่เคยเข้ามาเหยียบห้องนี้เลยด้วยซ้ำ นางจึงรีบหาทางให้ท่านแม่ทัพออกไปจากห้องนี่โดยเร็ว แต่เหมือนคำพูดของนางมิอาจไล่เขากลับไปได้ เขาเดินเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมหลี่มี่รีบลุกขึ้นเดินถอยหลังด้วยความกลัว
“ยังไม่เสร็จพิธีเสียหน่อยเหลืออีกหนึ่งพิธี ก็คือร่วมหอกับเจ้าอย่างไรล่ะ ดีเช่นกันในเมื่อเจ้าดื่มสุราหมดแล้วเราก็ร่วมหอกันเถอะ” ท่านแม่ทัพแสยะยิ้มมุมปากมองหลี่มี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าของนางเริ่มซีดเผือก ต้องทำอย่างไรถึงจะผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้ นางหลบสายตาเขาจังหวะนั้นนางมองไปเห็นไหสุราจึงคิดบางอย่างออก รีบใช้มือดันอกแกร่งของเขาไม่ให้เข้าใกล้พร้อมยิ้มกว้าง
“จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ เราจะต้องดื่มสุรามงคลก่อนสิเจ้าคะถึงจะทำพิธีครบทุกอย่าง”
“อะไรของเจ้า เมื่อครู่เจ้าบอกไม่ว่าข้าดื่มหรือเจ้าดื่มก็เช่นกันนี่น่า”
“โธ่! ท่านแม่ทัพอย่างไรเสียตอนนี้ข้าก็ขึ้นชื่อว่าเป็นฮูหยินของท่าน มิอาจจะหนีไปทางใดได้ เรามาร่วมดื่มสุรามงคลก่อนนะเจ้าคะ” เขาถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่เก้าอี้นั่งลงพร้อมตะโกนออกไปด้านนอก
“ผู้ใดอยู่ข้างนอกจงไปนำเอาสุรามาให้ข้าที” หลี่มี่เบาใจเอามือทาบอกนางจะไม่ยอมร่วมหอกับชายผู้นี้เด็ดขาดต่อให้หล่อเหลาขนาดไหนก็ช่าง คืนนี้นางจะมอมสุราเขาเอง
“ขอรับท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารที่อยู่ด้านนอกตอบกลับมา เขาหันมามองหลี่มี่พร้อมยกมือขึ้นกวักให้นางมานั่งใกล้ ๆ เขา
“เจ้ารีบมานี่สิ จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไม่หรือเจ้าเปลี่ยนใจ? ”
“ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพช่างใจร้อนเหลือเกินนะเจ้าคะ” หลี่มี่เดินมานั่งเก้าอี้ตังวข้าง ๆ ท่านแม่ทัพ นางคอยสังเกตมองเขาอยู่บ่อยครั้งกลัวว่าเขาจะทำในสิ่งที่นางไม่คาดคิด ไม่นานประตูก็ถูกเปิดจากด้านนอก ทหารได้ยกไหสุราเข้ามาให้ตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ
“สุราที่ท่านแม่ทัพต้องการมาแล้วขอรับ”
“วางไว้ที่โต๊ะ ออกไปปิดประตูให้ข้าเช่นเดิมและห้ามมารบกวน”
“ขอรับท่านแม่ทัพ” ใจหลี่มี่สั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำสั่งของเขา นางฝืนยิ้มยื่นมือไปหยิบไหรินน้ำสุราใส่จอกก่อนจะยกจอกสุราให้แก่เขาพร้อมยกจอกสุราของตนเองขึ้น
“สุราจอกนี้ข้าขอดื่มให้ท่านนะเจ้าคะ” เขาจ้องมองนางไม่ละสายตา ก่อนจะยกสุราที่นางรินให้หมดจอกภายในรวดเดียว
“สุราก็ได้ดื่มแล้ว เช่นนั้นตอนนี้เราไปที่เตียงกันเถอะ” แม่ทัพวางจอกสุราลงพลางลุกขึ้นแต่ก็ต้องถูกหลี่มี่ดึงแขนของเขาให้นั่งที่เก้าอี้เช่นเดิม
“เอ่อ...ท่านแม่ทัพเจ้าคะสุราที่นี่ช่างอร่อย ข้าอยากดื่มด่ำรสชาติอีกสักหน่อยแล้วเราค่อยขึ้นเตียงกันนะเจ้าคะ” หลี่มี่เอ่ยเหงื่อเริ่มไหลอกมาตามรูขุมขนทีละนิด หากนางยื้อเขาไม่ได้นางคงต้องตกเป็นของท่านแม่ทัพแน่ ๆ แต่ทว่าเขากลับยอมนั่งลงเช่นเดิมพร้อมรอยยิ้มที่ส่งผ่านสายตามามองหลี่มี่อย่างเร้าร้อน
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ