เข้าสู่ระบบ“หากไม่ใช่นางเป็นผู้ทำนายหาตำแหน่งที่อยู่ของปิ่นปักผมออกมาได้ น่ากลัวว่าวันนี้คงต้องเสียเวลาเถียงกันเรื่องนี้ไปอีกนานไม่น้อย ช่างน่ารำคาญสิ้นดี”ซ่งหลินมองบุตรสาวของตน ภายในใจยังอดรู้สึกภาคภูมิไม่ได้“เจินเอ๋อร์มีความสามารถอย่างแท้จริง เหตุที่จวนของพวกเรารุ่งเรืองขึ้นทุกวัน ก็ล้วนต้องขอบคุณนางทั้งสิ้น”ทุกคนบอกลากันที่หน้าประตูจวนหลู แล้วแยกย้ายกันกลับซ่งจืออวี้เก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่มิด คลี่ยิ้มโง่งมอยู่ตลอด กู้หรูเยียนมองดูลูกชายซื่อบื้อของตน ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “เจ้าลูกซื่อบื้อคนนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยชอบหญิงสาวมาก่อน มาบัดนี้ในที่สุดก็ได้หมั้นกับคนในดวงใจ ดีใจจนกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว”“ข้าว่า คืนนี้เขาคงตื่นเต้นจนไม่อาจข่มตาหลับได้อย่างแน่นอน”“ข้ากลับคิดว่าเป็นเช่นนี้ดีมากนัก ในที่สุดก็ได้แต่งกับหญิงสาวที่ชอบ ใครบ้างเล่าจะไม่ดีใจ?”ซ่งหลินพลอยยิ้มตาม สีหน้าดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด “นึกถึงคืนที่งานแต่งของข้าและเจ้าถูกกำหนดลง ข้าเองก็ดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน”“มาบัดนี้พริบตาเดียวลูกชายกลับถึงวัยแต่งงานแล้ว หนำซ้ำยังจะมีหลานอีกด้วย เร็วเหลือเกิน”กู้หรูเยียนหน้าแดง ตีซ่งหลิ
เจี่ยเยว่อิงเอ่ยวาจาน้ำเสียงละมุนอ่อนโยน ทว่าแฝงไปด้วยความเย้ยหยันอย่างชัดเจนเมื่อครู่ตอนที่พวกเขาพูด นางล้วนได้ยินอย่างชัดเจน หลานสาวของนางกำลังไข้ขึ้นสูง ลูกสาวของนางก็ไม่ได้นอนทั้งคืน ยังต้องถูกพวกเขาทรมานอยู่อย่างนี้วันนี้หากพวกเขากลับไปเช่นนี้ น่ากลัวว่าลูกสาวของนางก็ยังจะมิอาจได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสงบ คืนนี้อย่าหวังจะได้นอนดี ๆ ในเมื่อเช่นนั้น ไม่สู้รับตัวพวกเขากลับไปอยู่ด้วยกันให้หมดเลยจะดีกว่า ที่จวนของพวกเขามีคนช่วยดูแล ทั้งยังไม่มีเรื่องให้ปวดหัว ลูกสาวย่อมได้พักผ่อนดี ๆ หลานสาวเองก็จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมยิ่งกว่าสีหน้าหลูฮูหยินและเกาจิ้งฉือล้วนไม่สบอารมณ์ แต่บัดนี้ทั้งคู่ต่างนิ่งงันไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่ครึ่งคำกลับเป็นหลูจวิ้นอี้ที่เมื่อได้ยินว่าแม่ภรรยาจะพาตัวภรรยาเขากลับจวน ก็รีบเอ่ยขึ้นทันที “ท่านแม่ยาย ข้าได้ยินข่าวว่าน้องหญิงรองกำลังจะหมั้น ข้าสามารถติดตามฮูหยินไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ?”ซ่งรั่วเจินกับคนอื่น ๆ เห็นท่าทางนั้นแล้วต่างก็อดขำไม่ได้ ส่วนฉู่กุยเสวี่ยกลับหน้าแดงเรื่อ นางรู้ดีถึงนิสัยของมารดาตนดี เวลานี้ย่อมกำลังขุ่นเคืองอยู่บ้าง“ก็หาได้มีผู้ใดห้าม
“ตราบใดที่ในจวนยังมีข้าวให้กิน ข้าก็ไม่ถึงขั้นอดตายอยู่ดี”“ช่วงนี้ฮูหยินของข้ามัวแต่ดูแลลูก อีกทั้งเพื่อความกลมเกลียวในตระกูล จะได้ไม่ให้พี่สะใภ้ใหญ่ขุ่นเคืองใจ อำนาจในการดูแลจวนทั้งหมดขอยกให้พี่สะใภ้ใหญ่ไปเลย ต่อแต่นี้ไม่สนใจอีก!”ฉู่กุยเสวี่ยพยักหน้าทันที “ดี ภายภาคหน้าท่านพี่ก็เรียนหนังสือดี ๆ เถิด”ชัดเจนว่าสามีภรรยาคู่นี้ตัดสินใจแล้ว ไม่เปิดโอกาสให้ใครโต้แย้งแม้แต่น้อย เหมือนแค่แจ้งให้พวกเขาทราบ สีหน้าทุกคนในสกุลหลูบึ้งตึง อึดอัดใจเป็นพิเศษไม่คาดคิดเลยว่า เจ้ารองจะยอมทิ้งอำนาจง่ายดายถึงเพียงนี้!“ท่านอ๋อง ข้าว่าจวิ้นอี้เด็กคนนี้พูดได้ไม่เลว ไม่แน่ว่าหากเขาเข้าสอบเคอจวี่ ยังจะเก่งกว่าพี่ใหญ่เขาเสียอีก”ในวันนี้เจี่ยเยว่อิงเห็นลูกเขยโวยวายขึ้นมา นางรู้สึกสะใจเป็นพิเศษ คนชั่วต้องเจอวิธีชั่ว ต่อสู้กับครอบครัวไร้ยางอายเช่นนี้ วิธีการทั่วไปล้วนไม่ได้ผลสำหรับพวกเขา!ท่านอ๋องหัวเราะเบา ๆ “หากวันหนึ่งเขาสอบติดขึ้นมา นั่นต่างหากถึงจะน่าสนใจจริง ๆ”เจ้าเด็กคนนี้ต้องการทำเรื่องใด เขาย่อมรู้ดี ดูท่าแล้วเรื่องแยกบ้าน หลูจวิ้นอี้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วเขาคิดว่าความคิดนี้ไม่เลว เจ้
ฟังถ้อยคำของซ่งรั่วเจินแล้ว กู้หรูเยียนและเจี่ยเยว่อิงสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็รู้สึกไม่อยากยอมรับอยู่บ้างเดิมทีก็เป็นคนตระกูลหลูที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี รังแกบ้านรอง พอฝ่ายนั้นเอ่ยขอแยกบ้าน พวกเขากลับยังกัดไว้ไม่ยอมปล่อยทว่า พวกเขาย่อมรู้ดีว่าที่ซ่งรั่วเจินพูดมาล้วนเป็นความจริงสิ้น หลูฮูหยินเพียงเอ่ยปาก ก็ตีตราว่าอกตัญญูแล้วเรื่องนี้พวกเขารู้ชัดเจนดี ทว่าในสายตาคนภายนอก ไม่แน่ว่าได้ยินข่าวนี้ก็จะเชื่อว่าเป็นความจริง นั่นสิถึงจะลำบาก“เจ้าคิดจะบีบคั้นให้ข้าตายให้ได้หรือ!”หลูฮูหยินเห็นว่าไม่ว่าจะพูดอะไรหลูจวิ้นอี้ก็ไม่ไหวเอน บังเอิญจวนกงชินอ๋องกับตระกูลซ่งก็ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า หากแยกบ้านกันเวลานี้ น่ากลัวว่าภายภาคหน้าจะไม่อาจหวนกลับได้อีกนางจึงกัดฟันสู้ ตะโกนทั้งน้ำตา “หากเจ้าจะให้แยกบ้านจริง ๆ ข้าก็คือคนที่ไม่อาจยอมรับได้!”“เมื่อแรกก่อนพ่อเจ้าสิ้นใจได้กำชับข้าไว้ให้ดูแลพวกเจ้าให้ดี บัดนี้เรื่องกลับเอะอะโวยวายเช่นนี้ ข้าไม่มีหน้าไปพบพ่อของเจ้าอีกแล้ว ไม่สู้ข้าตายเสียตอนนี้ยังจะดีกว่า!”พูดไป หลูฮูหยินก็พุ่งตัวจะโขกใส่ประตูใหญ่ทันที!“เร็ว รีบขวางนางไว้!” สีหน้าเจี่ยเยว่อิงเ
“รายจ่ายของเขามากกว่ารายรับทุกเดือน จึงเอาแต่ตามมารบกวนข้า ข้าจดบันทึกบัญชีพวกนั้นไว้อย่างชัดเจนในสมุดบัญชี รวมถึงใบหนี้ที่พี่ใหญ่เขียนไว้เองกับมือ”“อะไรนะ?”หลูฮูหยินเผยสีหน้าเหลือจะเชื่อ ไม่อยากยอมรับเลยว่าลูกชายคนโตที่ตนคิดว่าเป็นคนกตัญญูรู้หน้าที่ กลับใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้“ไห่คั่ว เจ้าใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ทุกวันหรือ?”ไอ้ลูกคนนี้มักแกล้งทำตัวยากจนในสายตานาง ทำให้นางต้องคอยลอบส่งเงินเพิ่มให้อยู่ไม่น้อย ยังถึงขั้นต้องปิดบังไม่ให้ลูกคนรองรู้ ปรากฏว่าไอ้ลูกคนนี้กลับไปยืมเงินจากเจ้ารองไม่น้อยอีกด้วย!ความลับของหลูไห่คั่วถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คนมากมาย เขารู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุดอยู่ภายในใจหากรู้แต่แรกว่าจะลงเอยเช่นนี้ ต่อให้ตายเขาก็คงไม่ยอมฟังเกาจิ้งฉือเล่นแผนสกปรกพรรค์นี้แน่บัดนี้กรรมย้อนหาตัว น้องรองระเบิดทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น เขาเองก็ไม่รู้ควรจัดการอย่างไรต่อไป“ในเมื่อพูดกันถึงขั้นนี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างข้าและพี่ใหญ่ ในฐานะน้อง ข้าก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว”“หากจะให้ดีก็รีบแยกบ้านเสียแต่ตอนนี้ อย่างน้อยความสัมพันธ์ยังไม่แย่เกินไปนัก แต่หากฝืนอยู่ร่วมกันต่อไป ภายภาคห
สีหน้าของหลูไห่คั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย “น้องรอง เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ไฉนเลยข้าจะไม่ทำอะไร เพียงแต่อยู่พักผ่อนในจวนเท่านั้น?”“พี่ใหญ่ ข้าไม่ใช่ตัวโง่งม ตกลงท่านทำหรือไม่ทำ หรือทำมากน้อยเพียงใด ท่านคิดว่าข้าไม่รู้เลยสักนิดกระนั้นหรือ?”ภายในดวงตาของหลูจวิ้นอี้ปรากฏความผิดหวังอย่างลึกซึ้ง อันที่จริงเขาควรจะตาสว่างตั้งแต่นานแล้ว ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ตนเองไม่ควรถือสามากเกินไปนักถ้อยคำสุดท้ายที่บิดาเอ่ยก่อนสิ้นลมเขายังจำได้อย่างชัดเจน บิดาบอกว่าตราบใดที่พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกัน จวนนี้ย่อมรุ่งเรืองยิ่งขึ้นเขาคิดเช่นนี้มาโดยตลอด ตำแหน่งโหวของบิดาถูกท่านอารองสืบทอดต่อ ส่วนเขากับพี่ใหญ่หากอยากสร้างชื่อเสียง ก็ได้แต่สอบขุนนางเส้นทางนี้เท่านั้นที่ผ่านมาเขาเองก็เคยอยากเรียนหนังสือ แต่มารดาบอกว่าลูกชายคนโตย่อมมาก่อนเสมอ จึงให้พี่ใหญ่เรียน ส่วนเขารับผิดชอบดูแลกิจการของตระกูล หาเงินให้มาก เพื่อส่งเสริมพี่ใหญ่ได้เรียนหนังสือตอนนั้นเขาคิดว่าไม่เป็นไร เพราะพี่ใหญ่ร่างกายแข็งแรงสู้เขาไม่ได้ หนำซ้ำพี่ใหญ่ยังรักการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เล็ก เขาในฐานะน้องชาย ไม่จำเป็นต้องแย่งทุกอ







