โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว งานมงคลของซ่งเยี่ยนโจวกับลั่วชิงอินก็ใกล้เข้ามาแล้ว กู้อวิ๋นเวยเห็นว่าตัวเองน่าอนาถปานนี้ ตระกูลซ่งกลับจัดงานมงคลอย่างเอิกเกริก ความคับแค้นใจยิ่งหนักหนากว่าเดิมจึงตรงไปหาหลิ่วเฟยเยี่ยนหลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินแต่แรกแล้วว่ากู้อวิ๋นเวยเกิดเรื่อง ชีวิตช่วงนี้ของนางเดิมก็ไม่ง่าย ทราบว่าบัดนี้กู้อวิ๋นเวยช่วยเหลืออันใดไม่ได้ทั้งยังอาจทำให้นางเดือดร้อนจึงจงใจหลบหน้าไม่ยอมออกมาปรากฏตัวคิดไม่ถึงว่ากู้อวิ๋นเวยจะมาดักรอนางอยู่ละแวกบ้าน นางตกใจยกใหญ่ ด้วยความอับจนปัญญา นางได้แต่บอกว่าตอนนี้ตนเองไม่มีเงินแล้ว ช่วยเหลืออันใดไม่ได้แต่กู้อวิ๋นเวยไม่ได้คิดจะมาเรียกร้องเงินจากนาง แต่กลับเสนอแผนจัดการตระกูลซ่ง ดวงตาของหลิ่วเฟยเยี่ยนจึงค่อยๆ เป็นประกายขึ้นมา“ความคิดนี้ดีนัก เอาตามนี้ก็แล้วกัน! หลิ่วหรูเยียนคิดจะสลัดพวกเราไปให้พ้น หาได้ง่ายดายปานนั้นหรอกนะ!”……วันนี้ ทั่วทั้งจวนตระกูลซ่งแขวนโคมประดับแถบผ้าแดง แขกเหรื่อหลั่งไหลมาเยือน เสียงพูดคุยหัวเราะเซ็งแซ่ บรรยากาศชื่นมื่นรื่นเริงหลิ่วหรูเยียนพาคนไปต้อนรับแขกเหรื่อแต่เช้าตรู่ ส่วนซ่งเยี่ยนโจวสวมชุดเจ้าบ่าวขี่ม้านำขบวนรับเจ้า
“เรื่องนี้ข้าพยายามไปสืบรู้มาจนได้ ไม่ผิดพลาดแน่นอน!”เฉียนชิวเซียงยืนกรานหนักแน่น “พวกเขาปิดบังเรื่องนี้อย่างมิดชิด เข้าใจว่าคงไม่มีใครรู้ แต่ในโลกนี้มีความลับที่ไหนกัน!”ฝานซืออิ๋งลอบปีติยินดี เดิมนึกว่าลั่วชิงอินเพียงแต่โศกเศร้าเสียใจเกินไป ทุกข์ใจจนล้มป่วย คิดไม่ถึงว่านางจะไม่ได้เรื่องปานนี้ แม้แต่ลูกก็ยังมีไม่ได้!“ซ่งเยี่ยนโจวเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลซ่ง หลิ่วหรูเยียนไม่รู้ว่าอยากอุ้มหลานชายมากแค่ไหน ถ้าพวกเขารู้ว่าลั่วชิงอินมีลูกไม่ได้ ยังจะไม่ล้มงานแต่งอีกงั้นรึ?”“ใช่แล้ว นี่คือโอกาสอันดีของเจ้า! ดีที่สุดคือใช้โอกาสนี้ตั้งครรภ์ทายาทของตระกูลซ่ง ยังต้องกลัวว่าพวกเขาจะไม่รับเจ้ากลับเข้าไปอีกหรือ?”ดวงตาเฉียนชิวเซียงเต็มไปด้วยประกายเจ้าเล่ห์เพทุบาย นางหวังให้ฝานซืออิ๋งได้กลับเข้าไปในตระกูลซ่งยิ่งกว่าใครทั้งนั้นไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลซ่ง ชีวิตของพวกนางยากลำบากเกินไปแล้ว!ซ่งรั่วเจินเห็นว่าพี่ชายพี่สะใภ้เข้าบ้านไปแล้ว สายตากวาดผ่านฝูงชนก็สังเกตเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยสายหนึ่ง ครั้นพิศดูอีกครั้ง คนกลับไม่อยู่แล้ว“มองอะไรอยู่หรือ?”ฉู่จวินถิงทราบว่าวันนี้ตระกูลซ่งจัดงานมงคลจ
“เช่นนั้นย่อมดีที่สุดแล้ว ข้าหวังมาตลอดว่าจะมีโอกาสได้สนิทสนมกับหร่วนฮูหยิน”ใต้เท้าหร่วนเห็นว่าภรรยาตนเองกระตือรือร้นเช่นนี้ ในใจก็ลอบสงสัย ภรรยาของตนจะรู้สึกซาบซึ้งใจก็ไม่แปลกแม้แต่น้อย แต่วันนี้ออกจะอบอุ่นเกินไปหน่อย ไม่เหมือนนิสัยนางเลย“แม่นางหร่วนมาแล้วหรือ” ซ่งรั่วเจินยิ้มแย้มทักทายหร่วนเนี่ยนถังพยักหน้ายิ้มๆ “แม่นางซ่ง เมื่อครู่ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าช่วยเหลือพี่ใหญ่ของข้าไว้ ต้องขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”“เกรงใจไปแล้ว ก่อนหน้านี้คุณชายหร่วนก็ขอบคุณไปแล้ว ตรงนี้คนเยอะ ข้าพาเจ้าไปกินของว่างกับผลไม้ฝั่งนั้นดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินยิ้มบาง วันนี้พี่ใหญ่แต่งงาน มารดากับพี่ชายทั้งสามคนรับหน้าที่ดูแลแขกอาวุโสและแขกผู้ชาย ส่วนนางรับหน้าที่ดูแลคุณหนูทั้งหลาย“รบกวนแล้ว” หร่วนเนี่ยนถังสุภาพอ่อนโยนฉู่จวินถิงเห็นว่าซ่งรั่วเจินเริ่มจากต้อนรับหร่วนเนี่ยนถัง ต่อจากนั้นยังต้อนรับพวกเมิ่งชิ่นและอวิ๋นเนี่ยนชู คุณหนูหลายคนจับกลุ่มกัน ไม่มีเวลามาพูดจากับเขาแม้แต่น้อย ดวงตาลึกซึ้งฉายแววอ่อนใจ“เสด็จพี่สาม วันนี้แม่นางซ่งยุ่งมาก เกรงว่าคงไม่มีเวลามาคุยกับท่านแล้ว”ฉู่อวิ๋นกุยลอบยิ้มอย่างอดไม่อยู่ พี่
วันนี้จวนตระกูลซ่งไม่เพียงเตรียมของว่างและผลไม้ แต่ยังเตรียมไก่ทอดไว้อีกด้วยเนื่องจากช่วงนี้ไก่ทอดขายดียิ่งนัก ยามปกติหากไปช้าหน่อยมักซื้อไม่ทัน วันนี้ได้มากินในจวน เหล่าแขกเหรื่อจึงดีใจอย่างมากฉู่มู่เหยาเห็นไก่ทอดดวงตาก็พลันวาววับ “ช่วงนี้ตอนอยู่ในวังข้าได้ยินว่าไก่ทอดอร่อยมาก แต่หมู่นี้เสด็จแม่เอาแต่จับตามองข้าเรียนรู้มารยาทจึงไม่มีโอกาสออกจากวัง ในที่สุดวันนี้ก็ได้ลิ้มรสเสียที”“วันนี้ไม่เพียงเตรียมไก่ทอด แต่เตรียมไส้กรอกย่างเอาไว้อีกด้วย ท่านชิมดูก่อนว่าเป็นอย่างไร อีกไม่กี่วันร้านก็จะเปิดขายแล้วเพคะ”แววตาซ่งรั่วเจินแฝงรอยยิ้ม หลังจากการขายไก่ทอดไปได้สวย นางก็ตัดสินใจเปิดร้านขายอาหารที่หลากหลายกว่าเดิมด้านหนึ่งไม่เพียงหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ อีกด้านหนึ่งยังเป็นเพราะนางอยากกินเมื่อใดก็จะได้กิน สนองความอยากของตัวเองเสียหน่อยครั้นเมิ่งชิ่นกับอวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินว่ายังมีของว่างอย่างอื่น ทันใดนั้นสีหน้าก็ฉายแวววาดหวังจนกระทั่งไส้กรอกย่างถูกยกมาตั้งโต๊ะ ทุกคนก็รีบเข้ามาลิ้มชิมอย่างทนรอไม่ไหว เพียงกัดลงไปคำหนึ่ง กลิ่นหอมสดชื่นพลันซ่านในปาก รสชาติของเนื้อเน้นๆ กระจายเต็มโพรงปาก
มาขอโทษเอาวันนี้ มีเจตนามาขอโทษเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่าคิดจะใช้โอกาสนี้มาบีบบังคับท่านแม่!ทันทีที่หลิ่วหรูเยียนยอมประนีประนอมเรื่องนี้กลางงาน วันหน้าก็เป็นโอกาสอันดีที่พวกนั้นจะได้ล้ำเส้นไม่รู้จบ!ผู้คนบริเวณนั้นเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลิ่วหรูเยียน กอปรกับได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลหลิ่วในช่วงนี้ ในใจก็เข้าใจไปหลายส่วน“ได้ยินว่าซ่งฮูหยินตัดขาดกับตระกูลหลิ่วแล้ว หลายวันก่อนมีข่าวลือว่าซ่งฮูหยินอกตัญญูแพร่ออกมา ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ วันนี้ดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง”“ข้าเชื่อเรื่องตัดขาด แต่ถ้าจะบอกว่าซ่งฮูหยินอกตัญญู ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด”“บ้านข้าอยู่ใกล้ๆ กับตระกูลหลิ่ว รู้พฤติกรรมของพวกเขาดี หลายปีมานี้ไปกอบโกยสิ่งของจากตระกูลซ่งมาไม่น้อย แต่ก็ยังไม่รู้จักพอเสียที!”“ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน ตระกูลหลิ่วลำเอียงต่อหลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วเฟยเยี่ยนสองพี่น้องไม่ใช่ธรรมดา ตั้งแต่เล็กมาแล้ว มีของดีอันใดก็เอาไปให้หลิ่วเฟยเยี่ยน โตมาก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด”“จะว่าไปก็ประหลาดนัก หลิ่วเฟยเยี่ยนสู้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้สักอย่าง แต่ตระกูลหลิ่วก็ราวกับต้องคุณไสยกระนั้น ลำเอียงรักนางเพียง
เดิมนั้นหลิ่วหรูเยียนไม่อยากทำลายวันอันดีงามเช่นนี้เลย แต่เห็นได้ชัดว่าคนตระกูลหลิ่วมีการเตรียมตัวมาก่อน ถึงนางไม่อยากแค่ไหนก็ไร้ทางเลือกแทนที่จะปล่อยให้พวกเขาฉวยโอกาสนี้มาบีบคั้น มิสู้ทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตไปเสียเลย ให้ทุกคนเห็นว่าตกลงแล้วตระกูลหลิ่วมีเหตุผลหรือไม่!“ตอนนั้นเป็นพวกเจ้าที่บีบให้ข้ายกร้านขายไก่ทอดให้พวกเจ้า ร้านนี้พวกเด็กๆ ทุ่มเทไปมากกว่าจะเปิดมาได้ ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ย่อมไม่อาจยกของของพวกเขาให้พวกเจ้า”“แต่เจ้ากลับตำหนิข้าเพราะเรื่องนี้ ท่านแม่ก็โกรธเคืองเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน ราวกับว่าถ้าข้าไม่ยกร้านให้พวกเจ้าก็ไม่คู่ควรใช้แซ่หลิ่วกระนั้น”หลิ่วหรูเยียนดวงตาแดงก่ำ ฝืนพูดต่อไปอย่างเข้มแข็งว่า “หลายปีมานี้ จะที่นาหรือร้านค้าข้าล้วนจุนเจือไปไม่น้อย ไม่เพียงแค่ตระกูลหลิ่ว ตระกูลซุนข้าก็ช่วยเหลือจุนเจือเหมือนกัน”“ร้านค้าสามร้านที่ถนนบูรพา ร้านค้าห้าร้านที่ถนนประจิม แต่ละปีมีกำไรหนึ่งหมื่นหกพันตำลึงข้าก็ยกให้พวกเจ้าไปหมดแล้ว ตระกูลซุนต้องการร้านค้าที่ถนนทักษิณ ทำกำไรไม่น้อยเหมือนกัน”“ทุกอย่างที่ข้าสามารถให้ได้ ข้าล้วนให้ไปหมดแล้ว แต่ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งข
“พี่หญิง ในใจท่านข้าไม่น่าเชื่อถือปานนั้นเชียวหรือ ท่านถึงได้ใส่ร้ายข้าต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่เห็นข้าเป็นน้องสาวอีกแล้ว ดี ต่อไปข้าจะอยู่ห่างๆ ท่านก็ได้ แต่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด”“ท่านแค่โทษข้าคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ดีต่อท่านมากเลยนะ”“หรูเยียน พวกเราล้วนแต่เป็นคนในครอบครัว เจ้ากับเฟยเยี่ยนโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ยามนี้กลับทะเลาะจนถึงขั้นพี่น้องแตกหักกันแค่เพื่อร้านค้าร้านเดียวออกจะน่าเสียดายเกินไปแล้ว”“ต่อไปนางไม่กล้าเรียกร้องร้านขายไก่ทอดอีกแล้ว เจ้าก็หายโกรธเถอะนะ พวกเรายังเป็นครอบครัวเดียวกันดีหรือไม่?” นายหญิงหลิ่วกล่าวทั้งน้ำตาคลอหากเป็นเมื่อก่อน หลิ่วหรูเยียนเห็นนายหญิงหลิ่วเป็นเช่นนี้จะต้องใจอ่อนแน่นอน นางจิตใจดีงามมาตลอด ทนเห็นผู้อาวุโสเสียใจไม่ได้แต่หลังจากรู้ว่านางไม่ใช่ลูกบังเกิดเกล้าของอีกฝ่าย ทุกอย่างนี้กลับแลดูน่าขันยิ่งนักนางถึงกับถูกมารดาจอมปลอมเช่นนี้บีบคั้นมาเสียหลายปี!ซ่งรั่วเจินกับซ่งจิ่งเซินสบตากัน ฝ่ายหลังเข้าใจได้ในทันทีจึงเอ่ยขึ้นมาว่า“ท่านยาย ท่านแม่ย่อมยินดีเห็นคนในครอบครัวอยู่
ทันทีทันใดที่สิ้นเสียงของซ่งรั่วเจิน สีหน้าของนายหญิงหลิ่วก็พลันเปลี่ยนสีนางลืมไปเสียสิ้นว่าซ่งรั่วเจินมีความสามารถเช่นนี้อยู่กับตัว!“เจ้าลูกอกตัญญูมิรู้คุณ! แม่ของเจ้าก็คือข้าอย่างไรเล่าที่อุ้มท้องถึงสิบเดือนคลอดเจ้าออกมา บัดนี้เจ้ากลับมาอุตริคิดสงสัยเรื่องเช่นนี้ได้ ตกลงเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกัน!”นายหญิงหลิ่วคล้ายเดือดดาลจนถึงขีดสุด จึงยื่นมือออกหมายจะทุบตีซ่งรั่วเจิน “เจ้าไม่รู้จักอบรมสั่งสอนลูกให้ดี เช่นนั้นข้าผู้นี้จะช่วยอบรมให้เอง!”ทว่ามือของนายหญิงหลิ่วเพิ่งยื่นออกมากลางอากาศก็ถูกขวางเอาไว้สายตาเยียบเย็นของฉู่จวินถิงกับจ้องเขม็งไปที่นางเสียก่อน “ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วก็เลื่องชื่อมิน้อยเรื่องมิอาจอบรมบุตรหลานให้ดี เช่นนั้นหยุดคิดจะอบรมลูกหลานผู้อื่นเสียจะดีกว่า”สีหน้าของนายหญิงหลิ่วพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางยังพอใช้สถานะความอาวุโสกดข่มผู้อื่นได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่อ๋องเช่นนี้แล้ว ต่อให้ใจกล้าอีกสักร้อยเท่าพันเท่านางก็ไม่กล้า!นางเด็กซ่งรั่วเจินผู้นี้ก็ช่างโชคดีได้น่าบรรลัยแท้ ถึงกับมีฉู่อ๋องมาโปรดปรานให้ความสำคัญเช่นนี้“ท่านอ๋อง ข้าอายุอานามก็ปูนนี
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที