เมื่อออกมาข้างนอกแล้ว ซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงก็สบตากัน ตัดสินใจว่าจะไปดูที่วัดอวิ๋นฉานอย่างใจตรงกันอย่างยิ่ง“ในเมืองหลวงมีคนที่มีฝีมือเช่นนี้ด้วย ลำพังแค่คนใกล้ตัวพวกเราก็มีสองคนแล้ว เห็นทีคนที่ถูกทำร้ายในเมืองหลวงคงมีมากกว่านี้”สีหน้าฉู่จวินถิงค่อนข้างเย็นชา ใช้ฝีมือเช่นนี้หาผลประโยชน์ ต้าซือที่ตระกูลหลิ่วเชิญมาก่อนหน้านี้ก็หลอกลวงเงินไปได้ไม่น้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พบจุดจบที่ดีนี่ผ่านมาได้ไม่ทันไรก็มีคนขวัญกล้าเทียมฟ้ารนหาที่ตายอีกแล้วซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หากปล่อยให้คนผู้นี้ทำเช่นนี้ต่อไป คนที่ถูกทำร้ายจะต้องมีไม่น้อยเป็นแน่”เมื่อคนทั้งสองนั่งรถม้าออกจากเมืองหลวงก็เห็นว่าจำนวนผู้ลี้ภัยบริเวณนอกเมืองหลวงมีมากขึ้นไม่น้อย แต่ละคนหน้าเหลืองร่างผอม น่าเวทนายิ่งนักซ่งรั่วเจินมองโรงทานแจกโจ๊กที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง หลังจากทราบว่าบริเวณนอกเมืองมีผู้ลี้ภัยจำนวนมาก ตระกูลซ่งก็เริ่มตั้งโรงทานแจกโจ๊กแม้จะช่วยเหลือได้ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาไม่ถึงกับต้องทนหิวโหยนี่ยังเป็นธรรมเนียมของตระกูลซ่งมาโดยตลอดทว่า นางพบว่าอีกฝั่งหนึ่งก็ตั้งโรงทานแจกโจ๊กเช่นกัน แต่ไม่
สายตาซ่งรั่วเจินกวาดไปยังร่างของถังเสวี่ยหนิงที่ยิ้มรับคำชมเชยของทุกคนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แววนึกสนุกวาบผ่านดวงตา “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”“คุณหนู พวกเราไปซื้ออาหารอย่างอื่นมาบ้างดีหรือไม่ขอรับ?” พ่อบ้านถามอย่างกังวลใจชื่อเสียงด้านใจบุญสุนทานของตระกูลซ่งของพวกตนเป็นที่รับรู้ของคนในเมืองหลวงมาแต่ไหนแต่ไร แต่ยามนี้เพราะการกระทำเช่นนี้ของตระกูลถัง พวกตนกำลังทำเรื่องดีงามอยู่แท้ๆ แต่กลับมีชื่อเสียงไม่น่าฟังเสียอย่างนั้นเดิมนั้นเขายังลังเลไม่รู้ว่ากลับไปแล้วควรอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี คิดไม่ถึงว่าคุณหนูจะบังเอิญมาพบเข้าพอดี สถานการณ์เลวร้ายอย่างยิ่ง“ไม่จำเป็น”ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้นปฏิเสธข้อเสนอของพ่อบ้าน“ตระกูลถังซื้อซาลาเปาเนื้อเป็นเรื่องของพวกเขา พวกเราไม่จำเป็นต้องเลียนแบบ ถ้าทำเช่นนั้นจริงมีแต่จะตกเป็นขี้ปากของคนอื่นมากกว่าเดิม”พ่อบ้านพยักหน้าติดต่อกัน “ขอรับ คุณหนู”“ดูจากท่าทางของตระกูลถังแล้ว คงตั้งใจจะแจกโจ๊กอยู่ทางนี้สินะ?”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองโรงทานแจกโจ๊กของตระกูลถังที่มีการเตรียมการมารอบด้าน ในใจทราบดีว่าอัครเสนาบดีคงรู้สึกว่าเรื่องคราวก่อนน่าขายหน้าเกินไป การแจกโจ๊กเป็
ซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางเย่อหยิ่งลำพองใจของถังเสวี่ยหนิงแล้ว ดวงตางามก็หลุบลงเล็กน้อย รอยยิ้มเยาะหยันวาบผ่านส่วนลึกของดวงตาคุณหนูผู้ดีเหล่านี้ช่างไม่ประสาเรื่องราวทางโลกโดยแท้ ทั้งไม่ตระหนักถึงความยากลำบากของชาวบ้าน เรื่องอย่างการแจกโจ๊กก็ยังนำมาใช้เอาชนะคะคานกันได้?น่าเสียดาย นางไม่สนใจการแข่งขันแบบนี้เลยสักนิด ในเมื่อถังเสวี่ยหนิงชอบนัก เช่นนั้นถอยทางให้นางเสียก็ได้!“ที่แท้แม่นางถังก็ใจกว้างเช่นนี้เอง มีท่านช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบทุกข์ได้ยากอยู่ตรงนี้ ช่างเป็นวาสนาของทุกคนโดยแท้”ซ่งรั่วเจินยิ้มพราย เครื่องหน้าประณีตพริ้มเพราราวกับดอกบัวโผล่พ้นเหนือผิวน้ำท่ามกลางแสงอาทิตย์ดุจเกล็ดทองคำ แลดูอ่อนโยนสง่างามยิ่งนักถังเสวี่ยหนิงเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของซ่งรั่วเจินแล้ว ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ ไม่ควรเป็นแบบนี้สิ!ชื่อเสียงดีงามของตระกูลซ่งถูกนางแย่งชิงมาแล้ว ซ่งรั่วเจินกลับยังสงบเยือกเย็นแบบนี้อยู่ได้งั้นรึ?สายตาของนางกวาดมองไปรอบด้าน พบว่าผู้ลี้ภัยรอบๆ นั้นมีไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกตน ถึงตอนนี้ค่อยเข้าใจ ที่แท้ก็กำลังเสแสร้งอยู่ต่อหน้าผู้ลี้ภัยเหล่านี้นี่เอง!“ข้าจ
“การรับมือคนประเภทนี้ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือ...การทำลายด้วยคำชม!”เฉินเซียงอึ้งไป “คุณหนู การทำลายด้วยคำชมคืออันใดเจ้าคะ?”“ผู้ลี้ภัยนอกเมืองมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ลำพังแจกโจ๊ก ค่าใช้จ่ายแต่ละวันก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แล้ว”“แม้ว่าเมืองหลวงจะไม่เคยเกิดอุทกภัยมาก่อน แต่เนื่องจากอุทกภัยทางใต้ ราคาอาหารจึงแพงขึ้นพรวดพราด เมืองหลวงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ข้าวสารกับแป้งในยามนี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึง ราคาเนื้อก็ยังเพิ่มสูงตาม”“ซาลาเปามื้อเดียวไม่นับเป็นอย่างไร แต่ถ้ากินไปทุกมื้อเล่า?”ดวงตางามของซ่งรั่วเจินหรี่ลงเล็กน้อย นางไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นคนดีมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกับคนที่เทียวมาหาเรื่องนางด้วยแล้ว!“ปล่อยให้พวกผู้ลี้ภัยเหล่านี้พูดไปเถอะ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจ ดีที่สุดคือช่วยแพร่งพรายข่าวนี้ออกไป ทำให้ชาวบ้านทุกคนรับรู้ว่าแม่นางถังมีจิตใจดีงามเพียงไหน ไม่แจกโจ๊กแต่แจกซาลาเปาเนื้อ!”เรื่องอย่างการช่วยน้อยเป็นคุณ ช่วยมากเป็นโทษ ถังเสวี่ยหนิงยังคงมีประสบการณ์น้อยเกินไป ปล่อยให้นางดีใจไปเถอะ ถึงตอนเก็บกวาดหลังจากนี้...จะได้น่าสนุกเป็นพิเศษเฉินเซียงที่แต่เดิมยังไม่เข้าใจได้ฟ
“วันนี้หม่อมฉันมาแจกโจ๊กนอกเมือง คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอแม่นางซ่งที่นี่ เรื่องก่อนหน้านี้เป็นหม่อมฉันเองที่ทำไม่ถูก โชคดีที่แม่นางซ่งให้อภัยหม่อมฉัน ไม่ทราบว่าพวกท่านจะไปที่ใดกันหรือเพคะ?”ดวงตางามดำสนิทดุจหมึกของซ่งรั่วเจินฉายแววนึกสนุก ยามนี้ถังเสวี่ยหนิงฉลาดขึ้นแล้ว เริ่มเสแสร้งเป็นคนดีที่รู้จักถอยเพื่อรุกแล้วสินะ?นางมองชายหนุ่มข้างกายโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าฉู่จวินถิงจะหลงกลมารยาเช่นนี้หรือไม่?บนโลกนี้...ผู้ชายส่วนใหญ่ล้วนหลงใหลได้ปลื้มหญิงงามเจ้ามารยาแบบนี้ดวงตาคมกริบของฉู่จวินถิงกวาดผ่านถังเสวี่ยหนิง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ธรรมดามีเพียงความเย็นชา“ไม่เกี่ยวกับเจ้า”เขากล่าวจบก็มองซ่งรั่วเจิน ความเย็นชาในแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นที่หาได้ยาก กระทั่งน้ำเสียงเย็นชายังเจือด้วยความอบอุ่น“พวกเราไปกันเถอะ”ซ่งรั่วเจินมองฉู่จวินถิงอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ปฏิกิริยาแบบนี้...สมกับเป็นฉู่อ๋องที่ยากเข้าหาจริงๆ!ถังเสวี่ยหนิงได้ยินประโยคที่ฉู่จวินถิงกล่าวกับตนเองอย่างเย็นชาแล้ว ใบหน้าก็ปั้นยากจนถึงที่สุดนางกำมือในแขนเสื้อแน่น ขบฟันจนกรามแทบแตกเลยทีเดียวจึงสามารถข่มกลั้นไม่ให้ตนเองระเบิดโ
ความจริงซ่งรั่วเจินไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้ แต่ว่าพูดถึงเรื่องนี้พอดีจึงเอ่ยขึ้นมาก็เท่านั้น จู่ๆ ได้รับคำตอบจริงจังเช่นนี้จากฉู่จวินถิง นางกลับรู้สึกประหลาดใจเสียอีก“ท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”“ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นข้าเองที่กำลังพยายามเข้าไปอยู่ในสายตาของแม่นางซ่ง”น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูด รอยยิ้มประดับอยู่บนริมฝีปาก ประกายสีสันของดวงตากลับเข้มขึ้นกว่าเดิมหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องมองนางอย่างจริงจังชั่วขณะนั้น ซ่งรั่วเจินสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองบนดวงตาของชายหนุ่มนางพลันรู้สึกเหมือนมีอะไรปัดผ่านหัวใจไป เสสายตาไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัว กล่าวว่า “ต่อให้ท่านอ๋องยอมพูด นั่นก็ต้องให้ทุกคนเชื่อด้วยถึงจะได้หรอกนะเพคะ”หลังจากถูกถอนหมั้นตอนนั้น นางก็ได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่ไม่มีใครต้องการในเมืองหลวง แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะดีขึ้นแล้ว แต่เมื่อยืนอยู่ด้วยกันกับฉู่อ๋อง ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสมกันกล่าวถึงตรงนี้ นางพลันนึกถึงตอนที่ฉู่จวินถิงมอบของขวัญที่ล่ามาได้ให้นางต่อหน้าคนมากมายในเขตล่าสัตว์ก่อนหน้านี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวพิจารณาสีหน้าตก
“ท่านอ๋อง ถึงวัดอวิ๋นฉานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของอวิ๋นหยางดังลอดเข้ามาจากภายนอกรถม้าซ่งรั่วเจินเลิกผ้าม่านขึ้นก็ได้ยินเสียงวุ่นวายขวักไขว่ ผู้คนที่สัญจรไปมาไม่น้อยจริงๆ เห็นได้ว่าวัดอวิ๋นฉานเต็มไปด้วยผู้มาสักการะ“วันนี้มาสายแล้ว ทั้งยังเข้าแถวไม่ทัน คงไม่ได้พบไต้ซือแล้ว”หญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งสีหน้าเต็มด้วยความเสียดาย นางได้ยินมาว่าที่วัดอวิ๋นฉานมีไต้ซือผู้หนึ่งที่เก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง จึงตั้งใจมาหาเดิมคิดว่าตนมาได้เช้าพอสมควรแล้ว กลับกลายเป็นว่าแม้แต่โอกาสได้พบไต้ซือก็ไม่มี“ฮูหยิน ได้ยินว่าบัดนี้ผู้ที่ต้องการพบไต้ซือนั้นมีมากมาย หลายคนถึงกับพักแรมอยู่บนเขาสักคืน แต่ถึงกระนั้นวันถัดไปก็ใช่ว่าจะจัดแจงจนได้พบเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่างอย่างจนใจซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงสบตากันแวบหนึ่ง ดูท่าไต้ซือผู้นี้จะฝีมือไม่ธรรมดา การจะพบสักคราจึงได้ยากเย็นเพียงนี้“คุณหนู หากท่านตั้งแผง คนจะไม่เยอะยิ่งกว่าหรือเจ้าคะ?”เฉินเซียงสองตาเป็นประกาย บัดนี้นางประจักษ์ถึงความสามารถคุณหนูของตนแล้วว่าเยี่ยมยอดเพียงใด คำนวณว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ!ไต้ซือท่านนี้ก็คงฝีมือดีได้ไม่เท่ากับคุณหนู!อวิ๋นหยาง
“อย่างไรท่านพ่อข้าก็บอกไว้แล้ว ให้ข้าทำเรื่องดีๆ ต้องการเงินเท่าใดก็เบิกจากห้องบัญชีโดยตรง จะกลัวไปไย?”สาวใช้พยักหน้า “เจ้าค่ะ คุณหนู”ยิ่งซาลาเปาเนื้อมากขึ้นเท่าใด กระทั่งประชาชนจำนวนหนึ่งในเมืองก็ยังเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นหน่อยแสร้งเป็นผู้ลี้ภัย เพียงครอบครัวหนึ่งเพิ่มคนมาไม่กี่คน ก็ได้ซาลาเปาเนื้อก้อนโตไปไม่น้อย!ในวันนี้ ประตูเมืองทิศทักษิณเรียกได้ว่าคึกคักอย่างไม่เคยมีมาก่อน!เพียงแต่เมื่อผู้คนยิ่งมากขึ้น หลังจากซาลาเปาเนื้อที่มีอยู่ในเมืองแทบทั้งหมดถูกถังเสวี่ยหนิงซื้อไปจนหมดแล้ว ผู้ดูแลที่อยู่ข้างๆ ก็อดกล่าวไม่ได้“คุณหนู ซาลาเปาเนื้อราคาแพงนัก ค่าใช้จ่ายวันนี้มากเกินไปจริงๆ ก่อนนี้นายท่านบอกแค่เพียงแจกจ่ายโจ๊ก แต่ไม่ได้บอกให้แจกซาลาเปาเนื้อ…”“แล้วอย่างไร? เจ้าไม่เห็นหรือว่าประชาชนที่ได้ซาลาเปาเนื้อไปยินดีกันเพียงใด?”“ประชาชนเหล่านี้เดิมก็น่าสงสารอยู่แล้ว ต้องระเห็จลี้ภัยมาถึงนี่ ก็แค่ซาลาเปาเนื้อลูกเดียว เจ้าจะตระหนี่ไปไย?”“พรุ่งนี้เจรจากับร้านค้าในเมืองให้เรียบร้อย ให้พวกเขาเตรียมไว้มากหน่อย อย่าให้เป็นเช่นวันนี้อีก ที่แค่พริบตาเดียวก็หมดแล้ว!”ถังเสวี่ยหนิงส
“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลพระทัย เสด็จพ่อมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ย่อมมีความเห็นของตนพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่จวินถิงพูดได้เห็นท่าทางไม่แปลกใจของฉู่จวินถิง ฮองเฮานึกถึงก่อนหน้านี้ยามนางไปห้องทรงพระอักษร มีความคิดอยากขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างจวินถิงและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ท่าทางกริ้วจัดของฝ่าบาทนั้นตอนนั้นนางยังไม่รู้ว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าบัดนี้คล้ายเข้าใจแล้วน่ากลัวว่าฮ่องเต้สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแต่นางมองไม่ออกมาโดยตลอด ชนิดที่ว่ายังชื่นชมงานแต่งนี้อีกด้วยบัดนี้คิดๆ ดูแล้ว นางโง่งมเกินไปจริงๆ........หลังตวนเฟยได้รับเซียนโบตั๋นแล้ว เรื่องแรกที่ทำคือกลับไปบูชาด้วยความจริงใจ“พระสนม สิ่งนี้เป็นจงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางจิตใจดีถึงเพียงนี้จริงหรือ? บ่าวกังวลว่านี่คืออุบายเพคะ”แม่นมทางด้านข้างพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอดไม่ได้ มักคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแต่ไหนแต่ไรมาจงเฟยเป็นคนใจแคบ มีอะไรดีก็ซ่อนไว้ให้ตนเอง ไฉนเลยจะสามารถหักใจยกให้ผู้อื่นได้?“นี่เป็นของที่จงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางกล้ามอบให้ หรือยังสามารถวางยาพิษได้อีกกระนั้น?”“หากเกิดเรื่องจริง คนซ
หลังฮองเฮาได้ฟังทั้งหมดแล้ว รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา สายตาเปี่ยมโทสะ“จงเฟยบังอาจยิ่งนัก! ถึงขั้นวางแผนทำร้ายข้า!”เพียงคิดว่าจงเฟยแลกเปลี่ยนโชคชะตากับนาง ก็รู้สึกว่าไม่เคยพบเจอวิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อนอยู่ที่วังหลัง เพื่อแย่งชิงความโปรดปราน มีเล่ห์อุบายมากมายผุดออกมา นางไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่วิธีน่ากลัวถึงเพียงนี้ ยังได้เห็นเป็นครั้งแรก หากไม่ใช่วันนี้จวินถิงและรั่วเจินบังเอิญเข้าวัง น่ากลัวว่านางจะต้องตกหลุมพรางจงเฟยแน่!หากสุดท้ายตกลงสู่ผลลัพธ์เช่นนั้น...นางไม่กล้าคิด!“เมื่อครู่พวกเจ้าน่าจะบอกข้า จะปล่อยให้ตัวหายนะเยี่ยงนางอยู่ในวังหลังได้เช่นไร?”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อ ในเมื่อมีวิธีเช่นนี้ครั้งแรก ภายภาคหน้าไม่แน่ว่าจะมีมากยิ่งกว่านี้ ไม่ใช่ยุ่งยากมากหรือ!เห็นสถานการณ์แล้ว ซ่งรั่วเจินหันมองฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ นางไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร อย่างไรเสียเดิมทีตวนเฟยก็ไม่ใช่คนดีอะไร ก็แค่แผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเท่านั้นทว่า นางย่อมไม่สามารถพูดข้อนี้ได้“ปกติตวนเฟยมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อท่าน เรื่องนี้ให้นางไปหาเรื่องจงเฟยก็พอ เหตุใดท่านต้องเข้าไปข
เพียงแต่ ตวนเฟย...นางเลื่อนสายตาไป ได้เห็นใบหน้าประดับยิ้มของตวนเฟย นึกได้ว่านางน่าจะเป็นมารดาขององค์ชายสี่ในหนังสือ องค์ชายสี่เป็นตัวร้าย ตอนที่องค์ชายสี่เรืองอำนาจ ตวนเฟยมีสง่าราศีที่สุด ทว่าบัดนี้ได้รับเซียนโบตั๋นไป หากจงเฟยไม่ยอมหยุด ดูท่าแล้วต่อจากนี้ตวนเฟยและองค์ชายสี่จะต้องพบปัญหาแล้ว....นี่ก็นับเป็นเรื่องดีกระมัง?ต่อมาองค์ชายสี่เหลียงอ๋องทำร้ายคนมากมาย แม้แต่อวิ๋นอ๋องก็ได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ เดิมทีนางก็อยากหยุดยั้งเรื่องทั้งหมด ย่อมมีความสุขที่ได้เห็นทั้งหมดนี้“พี่น้องหญิงล้วนมาเยี่ยมคารวะแล้ว กลับไปก่อนเถอะ” ฮองเฮาพูดเห็นสถานการณ์แล้ว เหล่าสนมต่างพากันลุกขึ้น ทำความเคารพแล้วถึงจากไปจนกระทั่งทุกคนจากไปแล้ว ฮองเฮาจึงเอ่ยปาก “อยู่ดีๆ เหตุใดถึงให้ข้ายกของให้ตวนเฟยเล่า?”ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่งและพูดว่า “นั่นไม่ใช่ของดีอะไร เก็บไว้ภายในตำหนักของเสด็จแม่ย่อมอันตราย ตอนจัดการย่อมเกิดปัญหายุ่งยากพ่ะย่ะค่ะ”“ในเมื่อตวนเฟยดึงดันขอร้องต่อหน้าคนมากถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นพยานได้พอดี ไฉนเลยจะไม่พายเรือตามน้ำ ไม่เพียงสามารถทำให้ตวนเฟยจดจำน้ำใจครั้งนี้ไว้ ยังสลัดเผื
ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ สังเกตเห็นความอิจฉาในเสียงของจงเฟย กลับไม่แปลกใจ อย่างไรเสีย ระยะนี้ก็เกิดเรื่องกับเช่ออ๋องอย่างต่อเนื่อง คนรับชมเรื่องตลกมีไม่น้อย จงเฟยย่อมไม่สบอารมณ์ยามได้เห็นพวกเขา“ก่อนหน้านี้ฮองเฮาใส่ใจต่อเรื่องแต่งงานของฉู่อ๋องมาโดยตลอด บัดนี้ในที่สุดเรื่องงานแต่งของฉู่อ๋องก็ตัดสินแล้ว เชื่อว่าฮองเฮาจะต้องดีใจแน่ สองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกันแล้วเป็นคู่สร้างคู่สมจริงๆ!”ตวนเฟยยิ้มพลางชื่นชม ภายในสายตาสะท้อนไอเย็น นึกถึงตอนแรกซ่งหลินยังไม่กลับมา ทุกคนต่างคิดว่าฉู่อ๋องโดนอุบายสาวงามแม้ว่าซ่งรั่วเจินหน้าตางดงาม แต่สกุลซ่งล้วนเสื่อมถอย ซ่งหลินตายในสนามรบ คุณชายใหญ่สกุลซ่งกลายเป็นคนพิการ คุณชายรองสกุลซ่งตาบอด คุณชายสามสกุลซ่งไม่ได้เรื่อง คุณชายสี่ก็เป็นแค่พ่อค้าไม่มีอำนาจ มีเพียงเงิน นอกจากกลายเป็นเนื้อบนเขียงแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรทว่าบัดนี้ลูกชายของสกุลซ่งล้วนมีความสามารถ แม้แต่ซ่งหลินก็กลับมาแล้ว กอปรกับซ่งฮูหยินเป็นลูกสาวแท้ๆ ของราชครูกู้ บัดนี้สกุลซ่งกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแล้วความเปลี่ยนแปลงนี้ ใครบ้างไม่อยากได้ฮองเฮาได้พบซ่งรั่วเจินอีกครั้ง สีหน้าซับ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็