“ญี่ปุ่นต้องสนุกมากแน่เลยใช่มั้ยคะป้าขา... ฮือ”
ร่างบางยืนหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าร้านน้ำเต้าหู้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่วัน แต่เธอก็คิดถึงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เจ้าประจำจะแย่ ถึงขั้นเบะปากจะร้องไห้มาร่อมมาร่ออยู่แล้ว
ญี่ปุ่นในช่วงเดือนนี้คงมีหิมะให้เล่นสนุกแน่เลย จะว่าไปแล้วตั้งแต่เกิด ตัวเธอไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่เที่ยวเมืองนอกเลย แค่เดินทางในประเทศยังเป็นไปได้ยาก
ชีวิตที่ต้องก้มหน้าหาเงินงกๆ หนึ่งวันก็เก้าชั่วโมง ไม่รวมเดินทางไปกลับที่ต้องเผชิญอุปสรรคแต่ละวันต่างกันออกไปอีก
“รีบกลับมาไวๆ น้าคุณป้าขา” เธอได้แต่มองรถเข็นของป้าที่คลุมผ้าใบไว้ตาละห้อย
ทว่าวินาทีที่เธอหมุนตัวหันหลัง ร่างสูงของเจตกวินดันมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำเอาเธอชะงักตัวมองอีกฝ่ายที่ยิ้มหวานให้แต่เช้า
“พี่เจต...”
เจตกวินมุ่นคิ้วเข้าหากัน พลางชะเง้อตัวมองไปด้านหลังเธอ แล้วทำหน้าเสียดายที่เห็นป้ายกระดาษติดประกาศว่าหยุด แต่เขาก็แค่เล่นละครตบตาเพราะมาดักรอธารตะวันแต่แรกแล้ว
“อ้าว พี่เพิ่งรู้ว่าร้านป้าเขาปิด” เจตกวินยิ้มหวานให้หญิงสาว อันที่จริงเมื่อวานเขาขับผ่านทางนี้แล้วเห็นธารตะวันขึ้นรถเมล์พอดี เช้าวันถัดมาก็เลยตัดสินใจมาดักรออย่างแนบเนียนซะเลย
“ใช่ค่ะ ป้าไปเที่ยวญี่ปุ่นกับลูกสาว 7 วัน”
“อดกินน้ำเต้าหู้เลยวันนี้ ว่าจะมาลองชิมสักหน่อย”
ร่างบางยิ้มรับตามมารยาท พลางส่ายตามองหาตัวช่วย เพื่อจะได้ปลีกตัวออกจากตรงนี้ให้ไร้พิรุธมากที่สุด
“แล้วนี่เรากำลังจะไปทำงานใช่มั้ย ทางเดียวกันไปด้วยกันสิ” ได้ทีเขาก็เอ่ยชักชวนอย่างเป็นธรรมชาติ วาดรอยยิ้มโค้งบนใบหน้าส่งให้
“ไปรถพี่เจตเหรอคะ”
“ใช่ครับ...”
เธอหัวเราะกลบเกลื่อนไปก่อน แต่ในหัวหาหนทางร้อยแปดวิธี ที่จะหนีแฟนเก่าในนิยายภาคก่อนจนสมองมึนเบลอ กระทั่งรถโดยสารประจำทางขับผ่านมาพอดี เธอก็ชี้แล้วรีบโกยหนีอย่างรวดเร็ว
“โน่น มาแล้วค่ะ ขอตัวไปก่อนนะคะ”
ฟิ้ว
คล้ายว่ามีลมก้อนใหญ่ผ่านหน้าเขาไปเมื่อครู่ ในจังหวะที่เธอออกตัววิ่งใส่เกียร์หมาแทบไม่หันหลังมามอง
“อะไรมา อ้าว... น้องตะวันอย่าวิ่งสิครับ เดี๋ยวล้มหรอก”
เจตกวินอ้าปากค้างกลางอากาศ พลางหมุนตัวหันหลังกลับไปมองเธอ เห็นวิ่งโล่ราวกับหนีเอาชีวิตรอดยังไงยังงั้น
ทว่าสิ้นประโยคเอ่ยเตือน ร่างบางที่สับขาก้าวฉับก็พลันล้มลง ในท่าจับกบกลางอากาศจนเข่ากระแทกพื้นแบบไม่ทันตั้งตัว
ตุบ
“อ่ะ”
“น้องตะวัน!”
ธารตะวันเบ้หน้าด้วยความเจ็บ ก่อนจะยกเข่าขึ้นมาดู ถึงได้พบว่ามีเลือดซึมจากรอยถลอก เจตกวินรีบวิ่งเข้าไปดูอาการ สองมือประคองเธอให้ขยับขึ้นมานั่งบนขอบปูนดีๆ
“เห็นมั้ย พี่บอกแล้วว่าอย่าวิ่งไงครับ” เขาดุแต่สีหน้าเป็นห่วง ใช้มือปัดเศษดินกับหินออกให้อย่างเบามือ
“ซวยชะมัด... อ่า เจ็บจัง”
“ขี่หลังพี่ดีกว่า แล้วก็นั่งรถพี่ไปทำงาน ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
คนที่ออกความเห็นหันหลังให้ มือก็ตบที่แผ่นหลังเชิงให้เธอขึ้นขี่ จะได้ไม่ต้องเดินให้ขากะเผลกด้วย
“เดี๋ยวตะวันเดินไปเองได้ค่ะ ไม่ลำบากพี่เจตหรอก... อึก” เธอรีบปัดปฏิเสธน้ำใจเขาพร้อมยิ้มแห้งๆ ส่งให้ แต่พอจะลุกก็ดันเจ็บแปลบที่หัวเข่า ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายเดินไม่ไหวและอาสาตัวเขารับส่งเธอเอง
“ทำไมดื้อจังเลยล่ะเรา ขี่หลังพี่ไม่ต้องกลัวตกหรอกครับ” เขาพูดให้เธอวางใจ แต่คนที่โดนเขาพูดกดดันหนักใจไม่น้อย
“แต่ว่า...”
“พี่ไม่ปล่อยให้เราตกแน่นอน... ขึ้นมาเลยครับ”
น้ำเสียงของเจตกวินฟังดูอ่อนโยน เขาเอี้ยวลำคอหันมายิ้มให้เธอด้วยแววตาที่อบอุ่น ขณะตั้งรับให้ร่างบางขึ้นขี่หลังด้วยฐานที่มั่นคง
สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือก ยอมกระโดดเกาะขี่หลังเขาเป็นลูกลิงตัวจ้อย เหตุเพราะใกล้จะเข้างานสายแล้วด้วย รถเมล์เที่ยวที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้กว่าจะมาอีกรอบก็คงจะนาน
กลับกลายเป็นว่าฉากที่เธอควรวิ่งหนี ดันถูกดูดให้เข้าหาและพลาดท่าเสียทีให้มีฉากหวานแหววซะได้
“น้องตะวันตัวเบามากเลย ทานข้าวเยอะๆ สิครับ” เขาชวนเธอคุยระหว่างทาง ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว เมื่อเหลือบหางตามองร่างบางที่กอดคอเขาเอาไว้
“อื้อ... ขอบคุณค่ะ” เธอขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง
“ถ้าเราได้คุยกันมากกว่านี้ก็คงจะดีสิ”
“เอ่อ...”
“พี่อยากสนิทกับเรานะ แต่ไม่รู้สิ... เราจะรังเกียจพี่หรือเปล่า”
เจตกวินทำเสียงเชิงน้อยใจ เธอที่ได้ยินก็ลอบกลืนน้ำลาย ราวกับว่าเขากำลังไล่ต้อนเธอให้จนมุมอยู่
“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ อย่าคิดมากเลย” เธอส่งยิ้มให้เขา แต่สีหน้าดูคิดหนักและหนักใจไม่น้อย เมื่อได้เห็นโหมดอ่อนโยนของเจตกวิน เข้าใจแล้วว่าทำไมธารตะวันคนเก่าถึงตกหลุมรักผู้ชายคนนี้
เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยแสนดีมากมาก่อนยังไงล่ะ
ถ้ารู้ว่าจะเลว... คงไม่เลือกคนผิดมาแต่แรกหรอก
“พี่ก็คิดว่ารังเกียจ... เห็นเจอกันทีไรก็ชอบหนีกันตลอดเลย”
“คิดมากค่ะพี่เจต แฮะ... ไม่ใช่หรอกเนอะ”
“ดีใจนะครับที่น้องตะวันไม่ได้รังเกียจพี่”
การโกหกเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้าพูดความจริงไปตอนนี้ก็ไม่ดีเหมือนกัน
เพราะงั้นเธอขอเอาตัวรอดด้วยการแอบไขว่นิ้ว แต่ทว่าเสียงหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติของเจตกวินที่ดังขึ้น พาลให้ใจดวงน้อยที่พลอยแต่จะหนีเขาวูบไหวขึ้นมาดื้อๆ
โลกเอียงให้บทเจตกวินอบอุ่นขนาดนี้ได้ไงกัน...
อย่างที่เคยบอก เจตกวินเป็นคนหน้าตาดี ลักษณะนิสัยภายนอกก็ดูอบอุ่นเป็นกันเอง มักจะดึงดูดผู้คนได้ดีในความที่เป็นคนเข้าถึงง่าย แต่ว่าเธอต้องสะกดจิตตัวเองให้ขึ้นใจ เรื่องที่เขาเป็นตัวร้ายได้บทพระเอก
“น้องตะวัน”
“คะ”
“เรามีแฟนหรือยังครับ”
ประโยคคำถามจากเจตกวิน ทำเธอชักสีหน้าไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว
“พี่เจตถามทำไมคะ” เธอมุ่นคิ้วแล้วหลุบตามองต้นคออีกฝ่าย หัวใจแทบจะเต้นคร่อมจังหวะลุ้นระลึกว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“พี่แค่อยากรู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์จะจีบดอกฟ้าไหม...”
“คะ”
“ถ้าพี่อยากบอกว่าจะจีบเราล่ะ... น้องตะวันจะยอมให้จีบมั้ยครับ”
“แกว่าถ้าเราตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรัก... มันจะแย่มากมั้ย”คำถามจากแพรพิมพ์ดาวเอ่ยขึ้น ฝ่าความเงียบให้เจ้าของห้องอย่างธารตะวันเงยหน้ามอง เธอกำลังตั้งใจโซ้ยสุกี้น้ำที่อีกฝ่ายซื้อมาฝากถึงห้องในยามดึก ทว่าพอเกริ่นเรื่องนี้เธอก็รีบเคี้ยวแล้วกลืนทันที“แกมีความรักเหรอ” เธอเลิกคิ้วถามอย่างใจจดใจจ่อ“ก็เปล่าหนิ” คู่สนทนาสั่นหัวปฏิเสธตอบกลับมา“แล้วถามทำไมอ่า”ธารตะวันหรี่ตาอย่างจับผิดพิรุธ เมื่อแพรพิมพ์ดาวแสร้งทำเป็นหลบสายตา ก้มหน้าใช้ช้อนตักสุกี้ตัวเองเข้าปากกลบเกลื่อนอาการเรื่องนี้ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน“สรุปถามทำไมหรา” พอได้ทีเธอก็ลากเสียงยาว เท้าแขนลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วยื่นหน้าเพื่อคาดเค้น ให้ผู้ต้องสงสัยคายหลักฐานออกมา“แล้วถามไม่ได้รึไง๊ล้า” แพรพิมพ์ดาวขึ้นเสียงสูง ก่อนจะยกมือเกาที่ต้นคอแล้วกลอกตาไปมา“เสียงสูงทะลุเพดานแล้วจ้ะ”“ก็... ก็อาจจะมีบ้าง”“ดูจากสีหน้าแกแล้วเนี่ย น่าจะมีเยอะเลยแหละ”พูดจบประโยค แพรพิมพ์ดาวก็ลอบถอนหายใจ พลางงุดหน้าจนคางเกือบชิดอกแล้วช้อนตามองเพื่อนสนิท วันนี้ที่เธอมาหาซะมืดค่ำก็เพราะมีปัญหานี้กวนใจนี่แหละแพรพิมพ์ดาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตั้งท่าเล่าด้วยสีหน้าจริ
ห้างสรรพสินค้าหลังจากพาน้องกรมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า จัดรถบังคับชุดใหญ่ให้แบบเต็มเหนี่ยว ธันย์ธาราก็พาเด็กน้อยมาเล่นบ้านลม ส่วนเขานั่งเฝ้ากับคุณผู้ช่วยที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเก็บไว้ธารตะวันยิ้มเอ็นดูน้องกรมากๆ รอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม ส่งไปถึงดวงตาเธอให้เป็นรูปสระอิ ส่งเสียงหัวเราะปนยิ้มจังหวะที่น้องกรหันมาโบกมือให้“น่ารักจัง...” เธอชมออกเสียงแล้วยิ้มอย่างอิ่มเอมใจแต่ขณะที่เธอมองเด็กน้อย เจ้าของดวงตาคู่คมก็จับจ้องมองเธออยู่เช่นกัน ในแววตาที่สบมองมีประกายรอยยิ้มเจือจางอยู่ด้วยหากทว่าจู่ๆ ร่างบางก็นิ่งงันไป รอยยิ้มที่ปรากฏค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด เมื่อคิดถึงเรื่องราวสุดเศร้าจากนิยายที่เคยอ่าน จนนอนร้องไห้จมกองน้ำตาขี้มูกโป่งพูดจาสะอึกสะอื้นมาแล้ว“คุณคิดอะไรอยู่”“คะ”“เห็นอยู่ดีๆ คุณก็เหม่อ” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายคงไม่ทันได้สังเกต ในมุมเงียบๆ ของคนไม่ค่อยพูดแอบมองเธออยู่ก่อนแล้วร่างบางลอบถอนลมหายใจอย่างปลงปลด ก่อนจะลดโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพน้องกรลง นัยน์ตาหม่นแสงขึ้นมาในฉับพลันเธอก็เป็นแค่นักอ่านจอมเพ้อ ชอบอินกับบทบาทของตัวละครเกินไปหน่อย พอได้เห็น
เมืองเอกเข้าปรึกษาหาลือเรื่องธุรกิจที่หุ้นส่วนกัน เกี่ยวกับธุรกิจบาร์เครื่องดื่มกึ่งร้านอาหารใจกลางเมือง ซึ่งเมืองเอกก็นำเอกสารมาแจกแจงรายละเอียดทั้งหมด ถึงการปรับปรุงร้านด้านในใหม่ล่าสุดถึงธันย์ธาราจะจำคนรอบตัวไม่ได้เลย แต่พอทราบข่าวว่าเพื่อนรักประสบอุบัติเหตุ เมืองเอกก็เป็นคนแรกๆ ที่เข้าช่วยเหลือทันทีทั้งติดต่อทนายและคนพื้นที่ทั้งหมด มาให้ช่วยกันระดมหาหลักฐานเพิ่มเติมในคืนวันเกิดเหตุ แต่กลับสืบสาวราวเรื่องถึงต้นตอไม่ได้ จนธันย์ธาราค่อนข้างมั่นใจว่าอาจเป็นคนมีอิทธิพลเข้ามาเอี่ยว“เรื่องผ่านมาสักพักใหญ่ละ แต่คดีความยังไม่คืบหน้าเหรอวะ” พอพูดคุยเรื่องธุรกิจเสร็จ เมืองเอกก็ไถ่ถามเรื่องคดีความต่อทันทีทั้งคู่นั่งคุยกันในห้องทำงาน ร่างสูงของประธานธันย์นั่งหลังตรงแล้วหลุบตาคิดหนัก ส่วนเมืองเอกที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พลอยขมวดคิ้วนิ่วหน้าคิดตามไปด้วย“ทำไงได้ กล้องวงจรปิดพร้อมใจกันเสียเลยนี่หว่า”“อมพระทั้งโบสถ์มากูยังไม่อยากจะเชื่อเลยเหอะ”ธันย์ธาราพ่นลมขำเบาๆ ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเหมือนบทละคร ทั้งโดนลอบทำร้ายจนความจำเสื่อมแต่จับคนก่อเหตุไม่ได้อีกทั้งกล้องวงจรปิดสำคัญๆ รอบบริเวณที
เจตกวินอาสามาส่งธารตะวันถึงหน้าบริษัท เขายื่นแขนให้เธอจับพยุงร่างเดินกะเผลกเข้างาน ทว่าตั้งแต่ที่เขาพูดว่าจะจีบเธอขณะเดินข้ามสะพานแม่น้ำ บทสนทนาก็จบลงโดยการที่เธอเงียบมาตลอดทาง“เราเดินไหวแน่นะ” เขาถามขึ้น ตอนมาส่งเธอที่หน้าบริษัทแล้ว“ไหวค่ะ” เธอพยักหน้า พลางคลี่รอยยิ้มฝืดฝืนส่งให้ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มหวานราวกับบริหารเสน่ห์ใส่ ใบหน้าหล่อเหลาตามพิมพ์นิยมของเจตกวิน เกือบทำให้ธารตะวันเคลิ้มตามรอยยิ้มที่ชวนอบอุ่นใจ จนบางทีอาจลืมไปว่านี่คือตำนานตัวร้ายได้บทพระเอกมาแต่แล้วเธอก็ถูกกระชากสติให้กลับมาฉับพลัน รีบส่ายสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เข้าท่าให้ออกจากสมองไปทันที“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่งแล้วก็... ให้ขี่หลังด้วย”“ไม่เป็นไรครับ แต่พรุ่งนี้พี่ไปรับเราอีกได้มั้ย”พอได้ที เจตกวินก็ใช้ช่องทางนี้ไล่ต้อนเธอ ก่อนที่จะจ้องมองใบหน้าน่ารักของรุ่นน้อง พลางมุ่นคิ้วรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ“ยังไงทางมาบริษัทก็ทางเดียวกันอยู่แล้วหนิครับ” เขาพูดต่อในเชิงกดดันกันทางอ้อม แต่ใช้รอยยิ้มสวยกดข่มอารมณ์ความต้องการไว้“ตะวันไม่รบกวนพี่เจตดีกว่า” เธอยิ้มแล้วตอบกลับอย่างชัดเจน“รังเกียจพี่เหรอ...”“คะ”“เราคุยกับพี่ตาม
“ญี่ปุ่นต้องสนุกมากแน่เลยใช่มั้ยคะป้าขา... ฮือ”ร่างบางยืนหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าร้านน้ำเต้าหู้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่วัน แต่เธอก็คิดถึงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เจ้าประจำจะแย่ ถึงขั้นเบะปากจะร้องไห้มาร่อมมาร่ออยู่แล้วญี่ปุ่นในช่วงเดือนนี้คงมีหิมะให้เล่นสนุกแน่เลย จะว่าไปแล้วตั้งแต่เกิด ตัวเธอไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่เที่ยวเมืองนอกเลย แค่เดินทางในประเทศยังเป็นไปได้ยากชีวิตที่ต้องก้มหน้าหาเงินงกๆ หนึ่งวันก็เก้าชั่วโมง ไม่รวมเดินทางไปกลับที่ต้องเผชิญอุปสรรคแต่ละวันต่างกันออกไปอีก“รีบกลับมาไวๆ น้าคุณป้าขา” เธอได้แต่มองรถเข็นของป้าที่คลุมผ้าใบไว้ตาละห้อยทว่าวินาทีที่เธอหมุนตัวหันหลัง ร่างสูงของเจตกวินดันมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำเอาเธอชะงักตัวมองอีกฝ่ายที่ยิ้มหวานให้แต่เช้า“พี่เจต...”เจตกวินมุ่นคิ้วเข้าหากัน พลางชะเง้อตัวมองไปด้านหลังเธอ แล้วทำหน้าเสียดายที่เห็นป้ายกระดาษติดประกาศว่าหยุด แต่เขาก็แค่เล่นละครตบตาเพราะมาดักรอธารตะวันแต่แรกแล้ว“อ้าว พี่เพิ่งรู้ว่าร้านป้าเขาปิด” เจตกวินยิ้มหวานให้หญิงสาว อันที่จริงเมื่อวานเขาขับผ่านทางนี้แล้วเห็นธารตะวันขึ้นรถเมล์พ
ซ่าเสียงห่าฝนชุดใหญ่เทกระจาดอย่างหนัก ระหว่างทางขับรถกลับมาหอพักของธารตะวันยังไม่แรงเท่านี้เลยกระทั่งรถยนต์ของประธานธันย์จอดหน้าหอพักคุณผู้ช่วย พายุฝนก็พร้อมใจสาดซัดกระหน่ำ ตกหนักจนแทบมองไม่เห็นทางด้านหน้า เสียงฟ้าร้องดังครืนจนร่างบางหดตัวตกใจ“ฝนตกหนักขนาดนี้คุณจะขับกลับไหวเหรอคะ”“ไหวครับ”“แต่ฉันเป็นห่วงคุณไงคะ...”เธอชะเง้อมองสายฝนผ่านหน้าต่างรถ สีหน้าเคร่งเครียดหนัก ก่อนที่จะหันไปเสนอความเห็นด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย เกรงว่าถ้าเขาขับรถฝ่าพายุกลับไปแล้วจะเกิดอันตราย อย่างน้อยรอฝนซาก็ยังดี“ขึ้นไปนั่งรอบนห้องฉันก่อนดีมั้ยคะ รอให้ฝนซาแล้วคุณธันย์ค่อยกลับดีกว่าค่ะ... ขับไปแบบนี้อันตรายมากเลย”“รอบนห้องคุณเหรอ”ธันย์ธาราถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด พลางส่ายตาครุ่นคิด จนคิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน“ค่ะ ทำไมคะ” ร่างบางมุ่นคิ้วที่มุมปากมีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏอยู่“เปล่า ไม่มีอะไร” เขาส่ายหน้าพลางยกมือขึ้นถูปลายจมูกนิดๆสุดท้ายพายุฝนก็ไม่มีท่าทีจะเบาลง ธารตะวันเดินกางร่มคันเดียวกับเจ้านายขึ้นห้อง จนเสื้อผ้าบางส่วนของทั้งคู่ถูกสาดกระเซนจนเปียกชุ่มร่างสูงวางร่มที่เปียกฝนกางไว้หน้าห้องเธอ เพราะห