“บัดซบ!! พวกเจ้าวางแผนเอาไว้แล้วสินะ กลายเป็นว่าพวกข้าก้าวเข้ามาในกับดักของพวกเจ้า ไหนจะทหารองครักษ์พวกนี้ที่มีฝีมือเหนือกว่าลูกน้องของข้า เจ้าเล่ห์เกินปะ..” ชุ่ยเสียอี้ยังพูดไม่ทันจบประโยคกับพวกเฟยเทียน ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ มาจากกลุ่มลูกน้องของตน ที่คิดจะเข้าไปจัดการกับสตรีที่ปากคอเราะร้ายผู้นั้น“อ
“ไม่มีใครสามารถไปจากที่ตรงนี้ได้ทั้งนั้น พวกเราล้อมไว้อย่าปล่อยให้มีหนทางหลบหนีได้ ข้าเชื่อแล้วว่าบุตรสาวของแม่ทัพหวงเป็นสตรีที่ปากร้ายพูดจาไม่เคยเกรงใจผู้ใด อายุเพียงแค่นี้แต่ไม่เคารพผู้อาวุโส คอยวางแผนขัดแข้งขัดขาคนอื่นอยู่เสมอ เจ้าช่างฉลาดคิดฉลาดทำได้เก่งมาก ข้ายอมรับในความเก่งกาจนี้ของเจ้าแต่ใน
“เจ้าพูดจริง ๆ นะอย่าหลอกให้ข้าดีใจเก้อเล่า หากไปถึงแล้วเจ้าไม่ยอมสอนให้ข้าละก็ การทำงานของเจ้าจะต้องวุ่นวายเพราะข้าแน่นอน หึ” ลี่อินทำเป็นข่มขู่ซินเยว่ไปแบบนั้นแหละ ที่จริงก็เข้าใจว่าซินเยว่นั้นงานยุ่งเพียงใด“เอาล่ะ ๆ ถึงอย่างไรก็ได้เรียนกันทุกคนอยู่แล้วตอนนี้ควรแยกกันกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ยังต้อง
หลังจากมอบอาวุธชิ้นใหม่ให้กับองค์ชายสี่และลี่อินแล้ว การกินมื้อเย็นก็มีบรรยากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก รวมถึงได้พูดคุยเกี่ยวกับการเดินทางในวันรุ่งขึ้นเล็กน้อย เพราะเกรงจะมีอันตรายจากสถานการณ์ที่นักฆ่ามีเพียงครั้งเดียว ทั้งที่คนอย่างตวนซานจิ่นเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่มีทางใช้นักฆ่าเพียงครั้งเดียวแน่นอน
“เป็นความคิดที่ดีมากเพราะช่วยลดปัญหาการแก่งแย่งความโปรดปรานในตระกูล เจ้าเพิ่มโทษของคนที่ใช้แผนสกปรก เพื่อจะได้แต่งกับคนที่พวกเขาต้องการด้วยสิ ที่ผ่านมาเรื่องนี้บุตรหลานขุนนางมักจะใช้จนชิน แม้จะรู้ว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแท้ ๆ แต่ถึงเวลากลับไม่รู้จะจับมือใครดมได้ ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังด้วยไม
ในยามซื่อบริเวณหน้าศาลาว่าการมีม้าตัวใหญ่ยืนอยู่สองตัว โดยมีหลางเจ้อหยูร์ที่รอทหารองครักษ์นำตัวสุ่ยฉยงผูกเชือกไว้ที่คอและผูกติดกับม้า ส่วนม้าอีกหนึ่งตัวมีทหารที่ต้องทำหน้าที่ป่าวประกาศความผิด ซึ่งชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ตั้งแต่เช้าไม่ยอมกลับไปไหน เพื่อรอดูบทลงโทษที่เจ้าเมืองคนนี้จะได้รับรอไม่นานม