ตุลฎามองซ้ายมองขวาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในร้าน รู้สึกดีใจที่มาถูกจังหวะ
“สวัสดีค่ะ ขอคำปรึกษาหน่อยได้ไหมคะ” แต่ก็ยังใช้น้ำเสียงแบบกระซิบถาม
“ได้ค่ะ”
“คือว่าประจำเดือนเพิ่งหมดไปเมื่อสองวันก่อน แล้ว..แล้ว..” แล้วจะพูดว่ายังไงดีล่ะ เธออายเหลือเกิน
“ถามมาได้เลยจ้ะ ไม่ต้องอายนะ”
“คือหนู.. หนูไม่ได้ป้องกันน่ะค่ะ”
“อ๋อ สงสัยว่าจะท้องหรือเปล่าใช่ไหมคะ” เภสัชกรหญิงถามกลับด้วยเสียงที่เบาและเป็นมิตร เพราะรู้ดีว่าลูกค้าสาวคนนี้กำลังประหม่า
หญิงสาวรีบพยักหน้ารับ ไม่กล้าสู้สายตากับพนักงานขาย
“มีเพศสัมพันธ์เมื่อไหร่คะ”
“เมื่อวานค่ะ”
“แล้วประจำเดือนมากี่วันคะ”
“สามหรือสี่วันนี่แหละค่ะ”
“อือ..ไม่น่าท้องนะคะ แต่ก็ไม่ชัวร์ซะทีเดียว” เภสัชเริ่มซักลูกค้าสาวสวยต่ออีกเล็กน้อย “พี่แนะนำให้น้องกินยาตัวนี้ทันทีหนึ่งเม็ด และกินเม็ดที่สองหลังจากนี้สิบสองชั่วโมง น้องกดน้ำตรงนั้นกินยาได้
เรือนพญาตุลฎายื่นถ้วยชาให้คนรักที่กำลังนั่งตรวจบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงาน“อะไรจ๊ะเมียจ๋า”“ชาคาร์โมมายล์ค่ะ ดื่มแล้วจะได้หลับยาว ๆ” เธอเริ่มชินกับการเรียกขานของเขาขึ้นมากแล้ว และการได้เปิดใจต่อกัน ทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นคนจิตใจดีมาก ผิดกับปากราวฟ้ากับเหว แต่ปากร้าย ๆ ของเขานั้น ยามเมื่ออยู่กับเธอก็หวานเป็น ขี้อ้อนก็มาก เอาใจเก่งอีกต่างหาก“ใครจะไปหลับลง ในเมื่อมีเมียสวย ๆ คอยนอนขนาบข้างอยู่ทุกคืน” เขาดื่มชาอุ่น ๆ ที่เธอยกมาให้จนหมดถ้วย“แค่แฟนสาวเท่านั้นค่ะ”“แฟนอย่างเดียวไม่ได้เหรอ ทำไมต้องแฟนสาวด้วยล่ะ”“ก็เพราะคุณเขื่อนอายุมากกว่าเกลตั้งหนึ่งรอบไงคะ”“จะว่าพี่แก่งั้นสิ”“คุณพูดเองนะคะ เกลไม่ได้พูดซะหน่อย”“นี่ผัวนะ ไม่กลัวแล้วใช่ไหมหนูเกล” เห็นเธอกล้าต่อปากต่อคำไม่สะทกสะท้าน จึงแสร้งตีหน้าเครียดใส่“ไม่กลัวแล้วค่ะ ให้โหดกว่านี้อีกสิบเท่าก็ไม่กลัว”“ห้ามพูดแบบนี้ให้คนอื่นฟังนะ เด
สองเดือนผ่านไป“อะไรนะ!” แขไขถามเสียงสูงด้วยความตกใจ “แกบอกว่าท้องงั้นเหรอ!” ถามย้ำกับหลานสาวอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด“ค่ะคุณน้า” ลลิตาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “กิ๊งก็เลยมาขออนุญาตคุณน้า เพื่อย้ายไปอยู่กับพี่ไกรที่บ้านพักคนงาน”“แกจะไปอยู่แบบนั้นได้ยังไง ห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ อย่างนั้น อีกหน่อยถ้าลูกแกเกิดมาจะอยู่กันยังไงหมด”“แต่ห้องของพี่ไกรเขาไม่เล็กนะคะ ใหญ่เท่ากับห้องอื่นสองห้องรวมกัน แล้วคุณเขื่อนก็อนุญาตให้ทุบผนังห้องของน้องเกล ให้รีโนเวตเป็นห้องเดียวกัน เพื่อให้เราได้ใช้เป็นห้องหอ”“ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ยอมให้แกไปลำบากอยู่ที่บ้านพักคนงานหรอก”“ทำไมล่ะคะน้าแข กิ๊งท้องโตขึ้นทุกวันนะคะ น้าแขพรากพ่อกับแม่เหลนแบบนี้ ไม่สงสารเหลนบ้างเหรอคะ”“แล้วที่ฉันเลี้ยงแกมา ฟูมฟักแกมา แกไม่สงสารฉันบ้างเหรอกิ๊ง” แขไขมองหลานสาวที่รักดั่งแก้วตาดวงใจด้วยสายตาตัดพ้อ“แต่ลูกกิ๊งต้องมีพ่อนะคะน้าแข”“ถ้ามันรักแกกับ
“คุณเขื่อนพูดว่าเราจะแต่งงานกันเหรอคะ” ผู้ชายคนนี้บอกว่าจะแต่งงานกับเธองั้นเหรอเห็นแววตาเป็นประกายสุกใสของเธอก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาก “จ้ะ ทันทีที่พี่ชายของหนูเกลกลับมา ฉันจะสู่ขอหนูกับเขาอย่างเป็นทางการ และจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดราชบุรี ให้สมกับความสวยของเจ้าสาวเลยดีไหม”“..คุณเขื่อนไม่ได้หลอกเกลให้ดีใจเล่นใช่ไหมคะ” เธอถามเขาให้แน่ใจหลังจากนิ่งอึ้งไปสักพัก“ฉันรักหนูเกล ไอ้เขื่อนอยากแต่งงานกับหนูเกล รอพี่ชายหนูกลับมาแล้วเราแต่งงานกันนะ” เขาพูดในสิ่งที่คิดว่าเธออยากได้ยินได้ฟังมากที่สุด “แต่งงานกับฉันได้ไหมหนูเกล” เขาถามอีกครั้งเมื่อเธอเอาแต่นั่งยิ้ม ไม่ยอมตอบสักทีตุลฎารีบพยักหน้ารับหลายทีซ้อน “แต่งค่ะ เกลอยากแต่งงานกับคุณเขื่อน เพราะเกลก็เผลอรักคุณเขื่อนไปแล้วเหมือนกันค่ะ”ชายหนุ่มโอบกอดเรือนร่างนุ่มนิ่มที่โผเข้ามาซบอกไว้แนบแน่น จูบเบา ๆ ที่ต้นคอหอมกรุ่นของเธอ ความเย้ายวนของกลิ่นกายสาว บวกกับอารมณ์ที่ค้างคาก่อนหน้า ทำให้ความต้องการของเขาตื่นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พูดดีนะ แต่ฉันไม่ซาบซึ้งไปกับมันหรอก” เธอพอจะเดาได้ว่าหลานสาวไม่พอใจเธอจากสรรพนามที่เปลี่ยนไป“ไม่เป็นไรค่ะ สักวันน้าแขจะรู้ว่าพี่ไกรเป็นคนดี”“คงไม่มีวันนั้นหรอก ฝากบอกมันด้วยว่าฉันไม่ยอมรับมันเป็นหลานเขยเด็ดขาด”“ได้ค่ะน้าแข” ไม่รับก็ไม่ว่าหรอก เพราะเธอมีวิธีที่เด็ดกว่าและมั่นใจว่าได้ผลล้านเปอร์เซ็นต์ ก็ให้มันรู้ไปเลยว่าน้ากับหลานใครจะร้ายกว่ากัน“ไอ้ไกรมันจนมากหรือไงถึงไม่อยากได้เป็นหลานเขย”“คุณเขื่อน” ทั้งแขไขและลลิตาอุทานชื่อชายหนุ่มออกมาแทบจะพร้อม ๆ กัน ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาเข้ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ และได้ยินอะไรไปแล้วบ้าง“คุณเขื่อนมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ลลิตาแปลกใจมากที่เห็นเขามาที่เรือนกระดังงาหลังนี้“เธอออกไปก่อนนะกิ๊ง ฉันมีเรื่องต้องคุยกับน้าของเธอ”“ค่ะ”“ยกของว่างมาต้อนรับคุณเขื่อนด้วยนะ” แขไขบอกหลานสาวที่กำลังเดินจากไป“ไม่ต้องหรอก ฉันแค่มาคุยธุระให้จบ ๆ ไม่ได้มาผูกมิตร&r
“เธอไม่ใช่ไก่วัดฉันนี่ ทำไมฉันต้องอดด้วยล่ะ” ธีรทัศน์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มที่มีรสเลือดผสม“พี่เขื่อน! พี่พูดจาหมา ๆ แบบนี้ได้ยังไงวะ!”“แล้วแกจะเอายังไงกับฉัน” เขาถามกลับเสียงเรียบ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองผิดจริง แต่ก็ไม่ได้นึกเสียใจสักนิด“ตอบผมมาว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับน้องเกล พี่ก็รู้ว่าผมรักน้องเกลมากแค่ไหน พี่ยังกล้าทำกับคนที่ผมรักอีกเหรอ”“ฉันก็รักเขาน่ะสิ ฉันถึงทำ” ได้ยินคำว่ารักจากปากของน้องชาย อารมณ์หึงหวงจึงบังเกิด ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคิดกับเธอในระดับไหน แต่ก็ยังอดหึงหวงไม่ได้ “มึงน่ะรักหนูเกลแค่แบบพี่น้อง แต่กูน่ะรักแบบอยากเอาทำเมียโว้ย พอใจหรือยัง”ธีรสิทธิ์นิ่งอึ้งไปก่อนชั่วขณะ เพื่อทบทวนคำพูดของพี่ชายให้เข้าใจแจ่มแจ้ง “พี่กำลังบอกผมว่าพี่รักหนูเกลงั้นเหรอ” เขาถามช้า ๆ ชัด ๆ“อือ” ธีรทัศน์ตอบรับในลำคอ“หมายความว่าพี่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปใช่ไหม”“ไม่”“พี
ลลิตายิ้มเจื่อนลงเล็กน้อย ถอนหายใจเบา ๆ ขณะมองหน้าคนรัก มันคงไม่ดีแน่ถ้าบอกกับผู้ใหญ่ออกไปตรง ๆ“กิ๊งก็มีเกริ่น ๆ เรื่องนี้กับคุณน้าไว้แล้วค่ะ ท่านคงเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว เพราะไม่ได้พูดคัดค้านอะไร” เธอพยายามพูดให้ฟังดูดีที่สุด“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย” ละม่อมยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “ส่วนเรื่องงานแต่งก็แล้วแต่หนูกับเจ้าไกรมันเถอะ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพ่อกับแม่ได้เลย แม่จะจัดการทำตามประเพณีให้ทุกอย่าง สินสอดทองหมั้นอาจจะไม่มากมายสมฐานะของหนู แต่จะพยายามไม่ให้น้อยหน้า”“ขอบคุณค่ะคุณแม่ คุณพ่อ ที่ไม่รังเกียจหนู” ลลิตายกมือไหว้บุพการีของคนรักอีกครั้งด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ“ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะจ๊ะที่เข้าใจเรา” เกรียงไกรยกมือไหว้บุพการีด้วยความอิ่มเอมในหัวใจ“พ่อกับแม่เข้าใจลูกเสมอนั่นแหละ แค่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น” บุญเพิ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม และชักชวนให้หญิงสาวอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน..“น้องเกลไม่มากินข้าวกับเราด้วยเหรอคะพี่ไกร” ลลิตาถามคนรัก เมื่อเขายกสำรับอ