Share

ตอนที่ 9

Author: TheXang789
last update Last Updated: 2025-09-25 12:14:52

เมื่อความมืดมิดมาเยือนในยามราตรี ไต้ซือได้ขอไม่ให้ผู้ใดไปวุ่นวายที่เรือนเล็กท้ายจวน เพราะที่ตรงนั้นจะเป็นที่ไต้ซือต้องทำพิธีไล่วิญญาณ

ดังนั้นตอนนี้ที่บริเวณลานกว้างหน้าเรือนเล็กจึงมีเพียงไต้ซือยืนประจันหน้าอยู่

ถ้าหากถามว่าเหตุใดไต้ซือจึงไม่ได้เกรงกลัวต่อวิญญาณที่คนในจวนพูดถึงกันน่ะหรือ...

นั่นย่อมเป็นเพราะว่าไต้ซือยังคงปักใจเชื่อว่าวิญญาณที่คนตระกูลจ้าวเจอนั้น เป็นการจัดฉากของพรรคพวกตัวเอง

ดังนั้นแค่เพียงมายืนทำท่าทางเหมือนกับกำลังประกอบพิธีไล่วิญญาณก็คงเพียงพอที่จะตบตาแล้ว

ไต้ซือผู้นั้นกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างลำพองใจ นึกถึงค่าตอบแทนที่จ้าวจวิ้นซานจะมอบให้ยิ่งทำให้สุขใจมากขึ้นไปอีก โดยที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่

ในขณะที่ไต้ซือผู้นั้นไม่ได้เอะใจ จ้าวเซินฝูที่ยืนมองผ่านหน้าต่างในเรือนเล็กนั้นฉีกยิ้มกว้างอย่างสะใจยิ่งกว่าคนที่อยู่ด้านนอก

จ้าวเซินฝูไม่รู้ว่าอะไรทำให้ไต้ซือผู้นั้นคิดว่าตนเองจะสามารถจัดการกับละครฉากใหญ่ของจ้าวเซินฝูได้ แต่ก็คาดหวังความสนุกเอาไว้ไม่น้อย

"ถ้าอย่างนั้น... เริ่มกันเลยดีหรือไม่..."

จ้าวเซินฝูยกมือขึ้นช้าๆ ลมด้านนอกเริ่มพัดแรงขึ้นจนปลายไม้โอนเอียงไปตามแรงลม แม้จะมีสายลมพัดหวีดหวิวอยู่รอบด้าน แต่กลางลานกว้างกลับไม่มีลมแม้แต่น้อย

ไต้ซือเห็นดังนั้นก็คิดว่าคงจะเริ่มแล้ว จึงได้หยิบกระดิ่งทองออกมาจากแขนเสื้อ และนำสร้อยประคำที่คล้องคอไว้ออกมาถือ

แม้ว่าจะเอะใจเล็กน้อยที่รอบนี้พรรคพวกของตนดูเหมือนจะลงทุนลงแรงไม่น้อยเพื่อจากผู้มีฝีมือมาช่วยจัดฉาก

ในขณะที่ลมกรรโชกแรง ด้านเรือนรับรองเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ทั้งนายทั้งบ่าวพากันมากองอยู่ที่เรือนรับรองด้วยความหวาดกลัว

เหล่าฮูหยิน บุตรสาว และบ่าวหญิงต่างพากันส่งเสียงร้อง เนื้อตัวสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว มีเพียงจ้าวจวิ้นซานที่นั่งหน้าเครียด

หากตอนนี้มีปฏิกริยาแบบนี้ แปลว่าที่เรือนเล็กนั่น ไต้ซือได้ทำการลงมือแล้ว คราวนี้ก็ต้องสวดภาวนาให้ไต้ซือเป็นฝ่ายคว้าชัย ไม่อย่างนั้นแล้วหลังจากนี้คงเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างแน่นอน

"ท่านพี่เจ้าคะ..."

ติงมี่เซียนเอื้อมมือมากุมมือที่สั่นเทาของจ้าวจวิ้นซานด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าในใจนางจะรู้สึกหวาดกลัวไม่แพ้กัน

แต่ไม่ว่าผู้คนในเรือนรับรองจะหวาดกลัวมากเพียงใดนั้น...

คงไม่เท่าที่ไต้ซือต้องพบเจอหลังจากนี้...

เสียงกระดิ่งทองดังกังวานควบคู่กับบทสวดขับไล่วิญญาณ ทั่วทั้งลานกว้างยังคงเงียบสงบต่างจากรอบด้าน

ไต้ซือผู้นั้น นอกจากจะสวดบทสวดไปมั่วๆและสะบัดกระดิ่งไปมาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

เวลาผ่านไปราวๆหนึ่งก้านธูป แต่ลมรอบด้านไม่มีวี่แววว่าจะเบาลงก็ทำเอาไต้ซือรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

โดยปกติแล้ว เรื่องราวของการขับไล่วิญญาณนั้นจะจบอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการจัดฉาก และไต้ซือก็เลือกรับเพียงแค่บ้านที่ถูกจัดฉากเท่านั้น เพื่อความสมจริง

แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน...

ไต้ซือได้แต่ก่นด่าพรรคพวกของตัวเองในใจ

จนแล้วจนรอดสายลมรอบข้างก็ยังพากันโหมกระหน่ำไม่เลิกรา อีกทั้งยังส่งเสียงชวนขนหัวลุกจนไต้ซือรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว

แอ๊ด...

เสียงประตูไม้บานเก่าของเรือนเล็กเปิดออกช้าๆ แม้ว่าลมรอบข้างจะส่งเสียงโหยหวนมากเพียงใด แต่เสียงเปิดประตูนี้ราวกับดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทจนต้องหันไปมอง

ประตูที่แง้มออกเล็กน้อยทำให้พอมองเห็นสิ่งที่อยู่ในเรือนหลังนั้นได้บ้าง สิ่งที่ไต้ซือคนนั้นเห็นคือจ้าวเซินฝูที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้ตัวเก่า มีเพียงแสงเทียนที่ทำให้มองเห็นอย่างเลือนลาง

ไต้ซือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่จ้าวเซินฝูไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้น ไม่ได้ส่งถึงจ้าวเซินฝูแม้แต่น้อย

ก่อนที่จะได้สงสัยอะไรไปมากกว่านี้ ภายในเรือนเล็กนั้นก็ปรากฏภาพที่ทำให้ไต้ซือนั้นถึงกับขาอ่อนแรง

บางสิ่งบางอย่างที่พอจะมองเป็นรูปร่างได้เลื่อนเข้ามาจากทางด้านหลัง สิ่งนั้นคือแขนเสื้อกำลังลอยขึ้นกลางอากาศราวกับว่ามีผู้สวมใส่อยู่

สิ่งนั้นเหมือนจะวางมือลงบนศีรษะของจ้าวเซินฝู ก่อนที่อาภรณ์สีขาวไร้ผู้สวมใส่จะเปลี่ยนทิศทางราวกับหันหน้ามาทางไต้ซือที่มองอยู่

อาภรณ์สีขาวนั้นลอยเข้าใกล้ประตูช้าๆ ก่อนที่ประตูจะค่อยๆปิดลง ไต้ซือแทบจะคุมกระดิ่งทองในมือเอาไว้ไม่อยู่ ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว...

สิ่งนั้น... ย่อมไม่ใช่สิ่งที่พรรคพวกได้จัดฉากเอาไว้อย่างแน่นอน

นั่นแปลว่าวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ที่จวนตระกูลจ้าวนั้นย่อมเป็นของจริง...

เพียงแค่เสี้ยววินาทีนั้นที่ไต้ซือมีความคิดเข้ามาในหัวก็คิดจะถอนตัว สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นอาภรณ์สีขาวสะอาดตาตรงหน้าต่างของเรือนเล็ก

อาภรณ์สีขาวนั้นเป็นทรวดทรงของมนุษย์แม้ไม่มีผู้สวมใส่ มันค่อยๆเลื่อนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงกลางบานหน้าต่างพอดี

เสียงกระดิ่งทองในมือของไต้ซือนั้นยังดังไม่หยุด แต่ไม่ใช่เพราะว่าความจงใจ แต่เป็นเพราะสั่นกลัวจนควบคุมร่างกายไม่ได้

ไต้ซือค่อยๆชักเท้าไปด้านหลังเตรียมที่จะหนี แต่เมื่อขยับตัวอาภรณ์สีขาวนั้นก็พุ่งพรวดออกมาจากเรือนเล็ก ตรงมาที่ไต้ซืออย่างรวดเร็ว

ไต้ซือรีบก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว แต่เพราะความหวาดกลัวนั้นทำให้แข้งขาเกิดอ่อนแรงล้มพับลงไป อาภรณ์สีขาวพุ่งเข้ามาใกล้ และไวเกินกว่าที่จะลุกหนีในตอนนี้

"อ๊ากกกกกกก"

ชายผ้าสีขาวไร้คนสวมไล้ผ่านใบหน้าของไต้ซือ สร้างความหวาดหวั่นจนแทบสติแตก

เสียงร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัวของไต้ซือนั้นดังไปทั่วจวนตระกูลจ้าว เหล่าคนตระกูลจ้าวที่นั่งซุกกันอยู่ที่เรือนรับรองถึงกับขนลุกไปทั่วร่าง

กระทั่งไต้ซือที่ว่าเก่งกาจยังไม่สามารถกำราบวิญญาณร้ายนั่นได้ อีกทั้งยังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำพลาดท่าให้กับวิญญาณนั้น

หลังจากที่เสียงร้องของไต้ซือนั้นเงียบไป จ้าวจวิ้นซานก็ผุดลุกขึ้นทันที เมื่อผู้เป็นประมุขผุดลุกขึ้นไม่พูดไม่จา รีบออกไปจากเรือนรับรอง เหล่าฮูหยิน บุตร และเหล่าบ่าวก็ต้องตามไปด้วย แม้ว่าในใจจะรู้สึกหวาดกลัวแค่ไหนก็ตาม

จ้าวจวิ้นซานเดินตรงไปยังเรือนเล็กเจ้าปัญหา ลานหน้าเรือนนั้นลมสงบไม่เหมือนกับรอบด้าน กิ่งไม้ใหญ่ไหวเอนตามแรงลม แต่นั่นไม่ส่งผลต่อเรือนเล็กนี้เลยแม้แต่น้อย

ไต้ซือที่เป็นที่พึ่งพิงของคนทั้งจวนนอนแน่นิ่งอยู่บนลาน กระดิ่งทอง ลูกประคำ ต่างกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง

"นี่มันอะไรกัน..."

"ไม่จริง... หากเป็นเช่นนี้..."

"ทะ ท่านพ่อ!"

จ้าวซินเหอร้องเรียกจ้าวจวิ้นซานเสียงหลง ชี้นิ้วไปทางประตูที่แง้มไว้ของเรือนเล็ก...

ทุกสายตามองไปยังที่ปลายทางของนิ้วนั่น

สิ่งที่ทุกคนเห็นทำเอาขวัญเสีย จากที่ไม่คิดว่าจะเป็นวิญญาณของเมิ่งหรูซี ครานี้ถึงกับต้องเปลี่ยนความคิด

อาภรณ์สีขาวลอยอยู่กลางอากาศราวกับมีผู้สวมใส่ ภายในสว่างพอที่จะมองเห็นอะไรๆในเรือนเล็กเก่าๆนั่น

แสงนวลจากเปลวเทียนแสดงให้เห็นจ้าวเซินฝูที่กำลังนั่งแทะเนื้อแห้งแข็งๆอยู่ที่พื้น ในขณะที่อาภรณ์สีขาวนั้นลอยคว้างเหมือนมีคนยืนอยู่ด้านหลัง

แต่จ้าวเซินฝูนั้นดูเหมือนว่าจะไม่รับรู้การมีอยู่ของสิ่งนั้น จึงได้เอาแต่นั่งแทะเนื้อแห้งไม่สนใจอะไร

อาภรณ์สีขาวนั้นลอยเข้ามาใกล้ประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ คนที่ยืนอยู่ด้านนอกพร้อมใจกันก้าวเท้าถอยหลัง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีเพียงประตูที่ค่อยๆปิดลงและเหตุการณ์ก็เงียบสงบไป

.

.

.

เช้าวันต่อมาเมื่อไต้ซือได้สติแล้วก็โวยวายว่าตนไม่สามารถจัดการกับวิญญาณแค้นนั้นได้ ในใจยังคงเจ็บแค้นที่ต้องเสียหน้า และเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะตระกูลจ้าว ดังนั้นตระกูลจ้าวในตอนนี้จึงเปรียบเสมือนที่ระบายอารมณ์ขุ่นเคืองของไต้ซือ

ไต้ซือกล่าวว่าเพราะคนตระกูลจ้าว ทำเรื่องเลวทรามลับหลังผู้คน ดังนั้นวิญญาณดวงนี้จึงอาฆาตแค้นมาก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถกำราบได้

ไต้ซือได้จากไป ทิ้งคนในตระกูลจ้าวเอาไว้กับความหวาดกลัว และเมื่อเป็นดังนั้น เหล่าบ่าวที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าวก็พากันหาทางไถ่ถอนตัวเองออกจากจวนนี้โดยเร็ว

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ข่าวไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เมื่อบ่าวจากตระกูลจ้าวพากันแห่ออกไป ทำให้เรื่องราวที่ว่าจวนตระกูลจ้าวมีวิญญาณแค้นนั้นแพร่ไปทั่วเมือง

เพราะเรื่องที่ไต้ซือพูดเอาไว้นั้น ยิ่งทำให้เรื่องราวในตอนนี้แย่ไปกันใหญ่ เรื่องที่ว่าตระกูลจ้าวทำเรื่องเลวร้ายนั้น ผู้คนต่างพากันเดาไปต่างๆนาๆว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่

กระทั่งบ่าวคนหนึ่งได้หลุดปากพูดออกไปว่าเป็นวิญญาณแค้นของอดีตจ้าวฮูหยิน อย่างเมิ่งหรูซี

เมื่อทุกคนได้ยินชื่อของเมิ่งหรูซีก็พากันนึกขึ้นได้ว่า ในอดีตฮูหยินตระกูลจ้าวคือเมิ่งหรูซีจริงๆ และยังจำได้ว่าเมิ่งหรูซีนั้นให้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่งให้กับตระกูลจ้าว

แต่หลังจากที่เมิ่งหรูซีเสียชีวิตไป ก็ไม่มีใครได้เห็นบุตรชายคนโตของตระกูลจ้าวอีก บางคนที่ไม่ทันเรื่องนี้ก็แย้งว่าบุตรชายคนโตของตระกูลจ้าว คือจ้าวซินเหอ

ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ว่าความลับไม่มีในโลก ผู้ที่อยู่ทันเห็นเมิ่งหรูซีในตอนที่ยังมีชีวิตนั้นย่อมรู้ดีว่าจ้าวซินเหอไม่ใช่บุตรชายคนโตของตระกูลจ้าว แต่เป็นบุตรชายคนรอง

กอปรกับคำบอกเล่าของบ่าวผู้หนึ่งในตระกูลจ้าว เรื่องบุตรชายคนโตของตระกูลจ้าวนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้รับการดูแลที่ดีจากตระกูลจ้าวแม้แต่น้อย

เรื่องราวที่จ้าวจวิ้นซานนั้นถูกคลุมถุงชนเมื่อสมัยสิบกว่าปีก่อนถูกขุดขึ้นมาพูดกันอีกครั้ง ครั้งนั้นจำได้ว่าภรรยาคนแรกที่แต่งให้จ้าวจวิ้นซานคือคุณหนูตระกูลเมิ่ง อย่างเมิ่งหรูซี

จ้าวจวิ้นซานไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่อะไรในตัวของฮูหยินผู้นี้แม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็จำใจมีบุตรให้กับตระกูลจ้าวหนึ่งคน แต่เป็นโชคไม่ดีของสองผู้เฒ่าตระกูลจ้าว ที่โดนลอบสังหารก่อนที่จะได้เห็นหน้าหลานชายคนโต

หลังจากที่อดีตประมุขตระกูลจ้าวสิ้นไป เมิ่งหรูซีได้รับความสะเทือนใจอย่างหนัก ร่างกายทรุดลงเรื่อยๆแต่ก็ยังฝืนทนเลี้ยงบุตรให้ตระกูลจ้าวได้ถึงสามปี

แต่หลังจากที่เมิ่งหรูซีจากไป จ้าวจวิ้นซานแต่งหญิงคนรักขึ้นเป็นฮูหยินคนใหม่แทบจะทันที เรียกได้ว่าร่างของเมิ่งหรูซียังไม่ทันฝังด้วยซ้ำ

และหลังจากนั้นมาก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นบุตรชายคนโตของตระกูลจ้าวเลย

จนกระทั่งวันนี้ได้มารับรู้ความจริงจากบ่าวในจวนตระกูลจ้าวแล้ว ก็อดที่จะสาปแช่งไม่ได้

ไม่ว่าจะจงเกลียดจงชังมารดาของบุตรเพียงใด แต่เด็กอายุเพียงแค่สามหนาวก็ต้องอยู่อย่างอดๆอยากๆ ทั้งๆที่ตนเองเป็นคนในตระกูล หนำซ้ำยังมีศักดิ์เป็นคุณชายใหญ่เสียด้วยซ้ำ

ผู้คนต่างก่นด่าสาปแช่งไปในทางเดียวกัน...

ในขณะที่จ้าวเซินฝูกำลังนั่งยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

การลงมือครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความหวาดกลัวให้กับคนตระกูลจ้าวเท่านั้น แต่ยังสร้างความอับอายให้แก่ตระกูลจ้าวได้อีกด้วย ในตอนนี้คนในตระกูลจ้าวแทบไม่กล้าก้าวขาออกจากบ้าน

จ้าวจวิ้นซานรู้สึกเหมือนโดนลากออกไปตบหน้าประจานทั่วเมือง ไม่ต่างกันกับติงมี่เซียน เหล่าฮูหยินตระกูลอื่นๆที่เคยคบค้าสมาคมก็พากันถอยห่าง อีกทั้งยังมีเรื่องน่าปวดหัวในจวนอีก

คนในตระกูลจ้าวเรียกได้ว่าแทบไม่เป็นอันกินอันนอน คนที่อยู่ดีมีสุขที่สุดในบ้านตระกูลจ้าวตอนนี้คงไม่พ้นจ้าวเซินฝูที่ทำตัวลอยเหนือปัญหา ทั้งๆที่ตนเองเป็นต้นเหตุ

อาจจะยกเว้นอีกคนหนึ่ง...​พ่อบ้านหยางก็ไม่ได้ดูหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเพราะเหตุใด

จ้าวเซินฝูนั้นไม่คิดจะสนใจไอ้เรื่องความหวาดกลัวของคนในตระกูลจ้าวเท่าไหร่นัก อย่างไรก็เป็นเพียงการกลั่นแกล้งเท่านั้น

และคืนนี้จ้าวเซินฝูคิดจะลงมือกลั่นแกล้งคนตระกูลจ้าวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มแผนการครั้งใหม่และทวงคืนตำแหน่งคุณชายใหญ่ของตระกูลจ้าว

จ้าวเซินฝูปล่อยให้จ้าวซินเหอหลงระเริงกับตำแหน่งคุณชายใหญ่มานานเกินพอแล้ว ชาติก่อนเป็นจ้าวเซินฝูที่โง่เขลา ไม่นึกถึงเรื่องเหล่านี้

แต่เมื่อผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง จ้าวเซินฝูจะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง

จ้าวเซินฝูนั้น ในอดีตใช้เวลาทั้งชีวิต หวังเพียงได้รับการยอมรับจากครอบครัว แต่เมื่อได้รับรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงละครฉากหนึ่งก็ผูกใจเจ็บแค้น

เช่นนั้นชาตินี้ คนตระกูลจ้าวก็จงเตรียมรับหนี้แค้นชั่วชีวิตของจ้าวเซินฝูให้ดี

ไม่เพียงแค่ตระกูลจ้าว... ยังมีอีกหลายคนที่มีหนี้แค้นรอชำระ

แต่รออีกเพียงไม่นาน...

ละครปาหี่บทถัดไปกำลังเริ่มต้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 15

    วันนี้ตระกูลจ้าวยังเงียบสงัดเช่นเดิมเมื่อตะวันลับขอบฟ้า ความมืดคืบคลานจนกระทั่งเต็มแผ่นฟ้า จวนตระกูลจ้าวจุดไฟสว่างไสวแต่กับไร้ผู้คนเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น จ้าวจวิ้นซานขุ่นเคืองเสียจนไม่รับสำรับพร้อมกับติงมี่เซียน กระทั่งบุตรชายของนางเองก็ยังมีข้ออ้างเพื่อที่จะอยู่ให้ไกลจากนางจ้าวจวิ้นซานไปนอนที่เรือนของฮูหยินรองตามที่เจ้าตัวว่าเอาไว้ ส่วนฮูหยินเอกอย่างติงมี่เซียนในตอนนี้ ก็ต้องกลับมานอนที่เรือนใหญ่คนเดียว เพราะเรือนรับรองนั้นยังไม่ได้ซ่อมแซมแม้ว่าในช่วงเย็นจะมีบ่าวใจกล้าสามสี่คนมาจัดการเรื่องต่างๆให้ติงมี่เซียน แต่เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีก็รีบกลับเรือนบ่าวไปโดยไม่ลาเท่ากับว่าในตอนนี้ติงมี่เซียนอยู่ที่เรือนใหญ่นี่เพียงคนเดียวติงมี่เซียนอยู่ในชุดผ้าสีขาวพร้อมนอน แต่สายตาของนางกวาดมองไปรอบห้องอย่างหวาดระแวงสายตาของนางจ้องเขม็งไปยังราวไม้ว่างเปล่า เดิมทีมันเป็นราวไม้สำหรับแขวนเสื้อคลุมประจำตำแหน่งฮูหยินเอกที่ถูกเผาทำลายไปตอนนี้มันเป็นเพียงราวไม้ว่างเปล่า แต่กลับดูน่าหวาดกลัวเสียเหลือเกินหากยังเป็นเช่นนี้ ราตรีนี้นางคงไม่อาจข่มตาหลับได้...ติงมี่เซียนรีบคิดหาทางรอดอย่

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 14

    หลังจากที่ลงทะเบียนบ่าวกับทางการแล้ว จ้าวเซินฝูก็พาบ่าวทั้งคู่ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปง่ายๆคนละห้าชุด ก่อนจะพากันกลับจวนเงินค่าตัวบ่าวนั้นมอบให้กับทั้งสองคนอย่างเท่าเทียม และมีสัญญาบ่าวเป็นเวลาห้าปีเนื่องจากทั้งเสี่ยวเล่อและเสี่ยวเมิ่งนั้นไม่มีบิดามารดา หรือผู้ดูแลอะไรเลย เงินที่ทั้งสองคนได้จึงเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องรับใช้จ้าวเซินฝูให้ครบห้าปีเสียก่อนจึงจะไถ่ถอนตัวเองได้ โดยมีพันธะสัญญานายบ่าวที่จัดการโดยทางการเย็นย่ำแล้ว หวังซิ่นเจียและจ้าวเซินฝูจึงได้พากันกลับมาที่จวนตระกูลจ้าวในตอนนี้คนตระกูลจ้าวมีสีหน้าที่เหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะทุกอย่างจะต้องเสร็จสิ้นก่อนตะวันตกดิน และทุกอย่างเพิ่งจะเสร็จสิ้นก่อนที่จ้าวซิ่วเทียนจะกลับมาไม่ถึงสองเค่อจ้าวจวิ้นซานเมื่อเห็นว่าหวังซิ่นเจียและจ้าวเซินฝูกลับมาก็รีบเดินเข้ามาหา"หวังไต้ซือ""ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วหรือประมุขจ้าว""ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ""เช่นนั้นหรือ..."จ้าวจวิ้นซานแม้จะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าสมบัติที่ติงมี่เซียนเก็บเอาไว้นั้น ได้เอาไปคืนที่เรือนจันทร์เสี้ยวจนครบทุกอย่างแล้วหรือยัง"นางกล่าวว่ายังมี

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 13

    เช้าวันถัดมาหวังซิ่นเจียเดินมาหาจ้าวเซินฝูที่เรือนเล็กพร้อมกับพ่อบ้านหยางในตอนนี้พ่อบ้านหยางเป็นบ่าวส่วนตัวของจ้าวเซินฝูแล้ว เหมือนว่าพ่อบ้านหยางจะดูยิ้มแย้มขึ้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องไหน ระหว่างได้เป็นบ่าวส่วนตัวของจ้าวเซินฝู หรือได้ปลดภาระจากการเป็นพ่อบ้านของตระกูลจ้าว"วันนี้ข้าจะพาไปเลือกบ่าวคนใหม่"จ้าวเซินฝูเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามออกมา แต่ดูเหมือนว่าหวังซิ่นเจียจะไม่ค่อยพึงพอใจนัก และสิ่งที่ทำให้หวังซิ่นเจียดูไม่พึงพอใจคือชุดที่จ้าวเซินฝูสวมใส่"แน่ใจนะว่าจะไปหาบ่าวเพิ่ม ไม่ใช่ไปขายตัวเป็นบ่าว"ตอนนี้ชุดที่จ้าวเซินฝูสวมใส่ราวกับผ้าขี้ริ้วก็ไม่ปาน หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าหวังซิ่นเจียคงไม่กล้าเดินใกล้แม้ว่าชุดของหวังซิ่นเจียจะดูเก่า แต่มันก็มีราคา ที่สำคัญมันดูเก่าเพราะต้องระหกระเหินไปนู่นมานี่ต่างหาก หากใส่ชุดดีๆเกรงว่าชุดจะหม่นหมอง"เป็นถึงคุณชายใหญ่ ไม่มีเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้หรือ"จ้าวเซินฝูได้แต่ทำหน้าแหยๆออกมาตั้งแต่เติบโตมาเสื้อผ้าที่จะมีใส่ก็มีเพียงชุดของบ่าวไพร่ที่เอามาทิ้งเท่านั้น อีกทั้งสองตัวนี้ยังใส่มานานแล้วด้วย"เป็นข้าที่สะเพร่าเอง พวกท่านโปรดรอสักครู่ ข้

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 12

    หวังซิ่นเจียถ่ายทอดเรื่องที่อดีตฮูหยินอย่างเมิ่งหรูซีต้องการออกมาเป็นข้อๆอย่างแรกที่นางต้องการย่อมไม่พ้นตำแหน่งคุณชายใหญ่ตระกูลจ้าวที่ควรเป็นของจ้าวเซินฝูบุตรของนางตั้งแต่แรก ที่ผ่านมาเป็นติงมี่เซียนต้องการตำแหน่งนั้นให้กับบุตรชายของตนเอง และจ้าวจวิ้นซานไม่ได้โต้แย้งอะไรหวังซิ่นเจียกล่าวว่า นางคิดว่าจ้าวซินเหอหลงระเริงกับตำแหน่งนั้นมานานเกินพอแล้ว จ้าวซินเหอควรรู้ฐานะของตนแม้ว่าเมื่อพูดเรื่องแรกขึ้นมาแล้ว ลูกหนี้ความแค้นของจ้าวเซินฝูจะทำหน้าเหมือนไม่อยากจะยอมรับมากเพียงใด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในประการแรกที่เมิ่งหรูซีร้องขอมา จ้าวจวิ้นซานจึงตอบตกลงติงมี่เซียนมีสีหน้าที่ไม่น่าดูนัก อย่างไรการที่ลดตำแหน่งของจ้าวซินเหอนั้น นางมีแต่เสียกับเสีย ไม่ว่าจะเป็นตัวจ้าวซินเหอเองที่ต้องทนอยู่กับฐานะที่เป็นรอง อีกทั้งคนภายนอกอาจจะมองว่าที่ผ่านมา เป็นจ้าวซินเหอที่ใฝ่สูง อยากเป็นคุณชายใหญ่ก็ได้แล้วไหนจะตัวนางที่เป็นฮูหยินอยู่ในตอนนี้...สายตาเหยียดหยามจากคนอื่นคงทิ่มแทงจนนางแทบจะเป็นรูแต่เมื่อจ้าวจวิ้นซานนั้นรับปากไปแล้ว นางย่อมทำอะไรไม่ได้"สมบัติของอดีตฮูหยิน... โปรดมอบคืนให้กับคุณชายใหญ่ด้วย"แ

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 11

    "เจ้าว่าอย่างไรนะ""คะ คุณชายผู้นี้ กล่าวว่าเห็นวิญญาณขอรับ"จ้าวจวิ้นซานแทบจะสั่งโบยบ่าวตรงหน้าให้ตายเสีย ในยามนี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าจวนตระกูลจ้าวกำลังประสบปัญหาอะไร เชิญคนแปลกหน้าเข้ามาในจวนสุ่มสี่สุ่มห้า ครั้งนี้ก็คงจะเป็นพวกต้มตุ๋นเหมือนคนก่อนๆ"ขออภัยด้วยคุณชาย เกรงว่าตอนนี้ที่จวนไม่เหมาะจะรับแขก"เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญมา ในตอนนี้จวนตระกูลจ้าวจึงมีปัญหามากมายรอการแก้ไข อีกทั้งเรื่องเรือนรับรองที่ถูกไฟไหม้ไปเมื่อคืน ยังไม่สามารถหาช่างมาซ่อมแซมได้ด้วยเรื่องข่าวลือที่ว่าจวนตระกูลจ้าวมีวัญญาณร้ายสิงสู่ ทำให้ไม่มีใครอยากรับงาน ไม่ว่าจ้าวจวิ้นซานจะเสนอราคาที่สูงแค่ไหนก็ตาม"เอาเถอะ หากนายท่านจ้าวกล่าวเช่นนั้น ข้าก็ไม่บังคับ"จ้าวจวิ้นซานยกมือนวดขมับเบาๆ ข้างๆมีติงมี่เซียนนั่งทำท่าขบคิดอยู่ไม่ห่างกาย"แต่ข้าขอเตือนไว้อย่าง..."เมื่อชายแปลกหน้าผู้นั้นพูดขึ้นมา จ้าวจวิ้นซาน ติงมี่เซียน หรือคนที่อยู่แถวนั้นต่างก็หยุดฟัง พวกเขาแทบไม่กล้าหายใจดังด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะพลาดใจความสำคัญไป"ครั้งหน้า... นางคงไม่ยอมจบแค่เสื้อคลุมประจำตำแหน่ง และเรือนรับรองแน่ ที่นางกล่าวมีเพียงเท่าน

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 10

    ช่วงเวลาที่ไม่น่าอภิรมย์มากที่สุดของตระกูลจ้าว คือเมื่อยามที่ตะวันลับขอบฟ้า...ช่วงเวลาที่แสนน่าหวาดหวั่นของคนที่อยู่ในจวนตระกูลจ้าวทั้งเจ้านายและบ่าวไพร่มารวมตัวกันอยู่ที่เดียว เรือนรับรองถูกใช้เป็นที่ซุกหัวนอนในยามค่ำคืนของคนในตระกูลนี้แต่ถึงอย่างนั้น ทุกๆคืนก็ยังได้ยินเสียงลมหวีดหวิวอยู่ด้านนอก เรือนรับรองนั้นแม้ในยามที่ทุกคนรวมตัวกันอยู่ ด้านนอกก็ยังมีเสียงฝีเท้าที่เดินรอบเรือนครั้งหนึ่งเคยให้บ่าวพากันออกไปดูว่าใครเป็นคนเดิน แต่เมื่อออกไปดูก็พบเพียงความว่างเปล่า สายลมกรรโชกแรง พัดพายอดไม้สูงเอนไหวตามลมเป็นภาพที่น่าขนลุกหลังจากนั้นแม้จะมีเสียงเดินรอบเรือนรับรอง หรือเสียงขูดเล็บกับบานหน้าต่าง กระทั่งเสียงเดินบนหลังคาเรือนรับรองก็ไม่มีใครกล้าออกไปดูแต่คืนนี้ จะเป็นคืนสุดท้ายแล้ว การกลั่นแกล้งทั้งหมดจะจบลงในคืนนี้ดังนั้นจ้าวซิ่วเทียนจึงคาดหวังให้มันเป็นคืนที่จะฝังอยู่ในใจของผู้พบเจอไปจนตาย..."จงอยู่กับความหวาดกลัวไปชั่วชีวิตเสียเถอะ"เสียงแผ่วเบาพัดหายไปกับสายลมแรง จ้าวเซินฝูคับแค้นเสียจนต้องเอ่ยปากกับตัวเอง เกรงว่าหากไม่ได้ระบายออกมาเสียหน่อยคงจะอกแตกตายเรื่องที่ว่าจะให้ยกโทษ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status