หลังจากโดนตวาดเลขาส่วนตัวก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา บนตักเธอมีถุงที่ภายในบรรจุกล่องอาหารวางอยู่
“ผัวเหรอ” จอมทัพเอ่ยถาม แพรไหมหันไปขมวดคิ้วใส่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป “ฉันถามเธอ”
“ฉันพูดได้แล้วเหรอคะ” แพรไหมไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทแต่ก่อนหน้านี้เจ้านายของเธอเพิ่งบอกไปว่าไม่อยากได้ยินเสียงเธอไม่ใช่หรือไง
“ฉันถามว่าคนนั้นผัวเธอเหรอ”
“คนไหนคะ”
“เธอมีหลายคนหรือไง”
แพรไหมได้แต่นั่งนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ หากคนข้างกายไม่ใช่เจ้านายเธอ เธอคงตะโกนด่าออกไปแล้ว!
“ถ้าบอสหมายถึงคนที่เอาของให้ฉันไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นเพื่อนข้างห้องที่ย้ายมาอยู่ใหม่”
“ทำไมเธอถึงพูดเหมือนกับว่าเธอมีคนอื่นอีก”
“แหม บอสคะ ฉันออกจะสาวและสวยขนาดนี้ มันก็ต้องมีบ้างที่...” แพรไหมร่ายยาว
เอี๊ยด
อยู่ ๆ จอมทัพก็เหยียบเบรกกะทันหัน ยังดีที่ไม่มีรถตามหลังไม่อยากนั้นคงเกิดอุบัติเหตุ
“อย่ารับของจากคนแปลกหน้า” จอมทัพพูดแค่นั้นก่อนถือวิสาสะหยิบถุงกล่องอาหารที่วางอยู่บนตักของแพรไหมไป เปิดกระจกฝั่งของแพรไหมก่อนโยนมันทิ้งลงถังขยะต่อหน้าต่อตาเธอ
“บอสคะ!” แพรไหมเรียกเจ้านายของตัวเองด้วยความตกใจ
จอมทัพไม่ได้ตอบอะไร เขาออกรถไปในทันทีและไม่ได้หันมาพูดอะไรกับเธออีกเลย
แพรไหมถอนหายใจให้กับความเอาแต่ใจของเจ้านายตัวเอง หากไม่ติดว่าที่นี่ให้เงินเดือนเกือบแสนเธอจะลาออกให้รู้แล้วรู้รอด
หญิงสาวนั่งมองข้างทาง ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ ประดับอยู่ วันนี้จอมทัพต้องไปคุยงานที่ต่างจังหวัด แม้แพรไหมจะแปลกใจที่จอมทัพไปไวกว่าเวลาที่กำหนดและยังไม่มีคนขับรถเหมือนทุกครั้งแต่แพรไหมก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป คนแบบจอมทัพแพรไหมขอข้องเกี่ยวแค่เรื่องงานก็พอ!
ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย โรงแรมที่จอมทัพนัดลูกค้าเอาไว้
จอมทัพคือเจ้านายรูปหล่อ หากไม่ติดว่านิสัยปากไม่ดีและเอาแต่ใจแพรไหมคงหลงใหลไปแล้ว เจ้านายของเธออายุย่างเข้า 35 ปี ใบหน้าหล่อเหลา ผมสีดำขลับบวกกับแววตาดุดัน กล้ามเนื้อเป็นมัด นั่นจึงทำให้จอมทัพนั้นเนื้อหอม ไม่ว่าจะคุยงานกับลูกค้าผู้หญิงคนนั้น คนเหล่านั้นก็มักจะตกหลุมรักจอมทัพได้อย่างง่ายดาย
จอมทัพเดินนำแพรไหมเข้าไปภายในโรงแรม ก่อนจะเดินไปที่แผนกต้อนรับ พนักงานกล่าวทักทายเพราะจอมทัพเป็นแขกคนสำคัญของเจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้
แพรไหมที่ยืนอยู่ข้างกายก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อจอมทัพรับคีย์การ์ดเข้าห้องพักมา
จอมทัพเดินตรงไปยังลิฟต์ แพรไหมเลยรีบเดินตามไปก่อนเอ่ยถาม “ทำไมบอสถึงขึ้นไปบนห้องล่ะคะ” แพรไหมไม่เข้าใจ เพราะกำหนดการงานของวันนี้แค่มาคุยงานและตอนบ่ายก็กลับกรุงเทพไม่ใช่หรือไง
“ฉันอยากพักผ่อน”
“อ๋อ แค่พักผ่อนไม่ใช่นอนค้างที่นี่ใช่ไหมคะ”
“นอน”
“อ๋อ...ฮะ!” แพรไหมอุทานเสียงดังจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเธอเป็นตาเดียว จอมทัพไม่ตอบ ขายาวก้าวเข้าไปในลิฟต์ แพรไหมจึงเดินตามเข้าไปทันที “แล้วฉันล่ะคะบอส อ๋อ บอสคงเปิดห้องอีกห้องไว้ให้ฉันแล้วใช่ไหม”
“เปล่า” เจ้านายของเธอตอบกลับมาโดยทันที
“อ้าว หรือบอสจะให้ฉันกลับไปก่อนเหรอคะ” แพรไหมเงยหน้าขึ้นไปถามและทันทีที่สายตาของเธอสบเข้ากับดวงตาคู่คมแพรไหมก็ต้องรีบหันมองไปทางอื่น
“เปล่า”
“แล้วบอสจะให้ฉันไปนอนที่ไหน นอนกับบอสหรือไง”
“ใช่”
“ฮะ!” แพรไหมอุทานอีกครั้ง ยังดีที่ตอนนี้ในลิฟต์มีแค่เธอกับจอมทัพ เพราะหากมีคนอื่นด้วยคงมองเธอว่าไม่มีมารยาทอีกแน่ “ไม่ได้นะคะบอส เราเป็นเจ้านายกับลูกน้อง เรานอนด้วยกันไม่ได้ และเราก็เป็นผู้ชายกับผู้หญิง การที่บอสทำแบบนี้ฉันเสียหายนะคะ” แพรไหมร่ายยาวหวังจะให้จอมทัพเข้าใจ
เจ้านายหนุ่มหันมามองหน้าเธอ หรี่ตาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แพรไหมจึงคิดหาข้ออ้างต่อ “บอสคะ คือว่าฉันไม่ได้เก็บกระเป๋ามาค่ะ งั้นเราคุยงานเสร็จเรากลับกรุงเทพกันดีไหมคะบอส ถ้าบอสเหนื่อยเดี๋ยวฉันขับรถให้นั่งเองค่ะ”
“ไม่ คืนนี้เราจะนอนกันที่นี่”
“…”
“ด้วยกันสองคน”
เป็นจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออก จอมทัพเดินออกจากลิฟต์ไปแล้วปล่อยให้แพรไหมไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่เพียงคนเดียว
ห้องสวีทที่อยู่บนตึกสูงของโรงแรม มองเห็นวิวทิศทัศน์ได้กว้างขวาง หากเปิดประตูกระจกเอาไว้ก็จะได้รับลมทะเลและเสียงคลื่นสาด
แพรไหมนั่งตัวแข็งอยู่ที่โซฟากลางห้องกว้าง แม้ห้องจะกว้างแต่ห้องนี้มันมีเพียงเตียงเดียวเท่านั้น และยังไม่มีผนังกั้นเลยสักที่ ยังดีที่ห้องน้ำไม่ได้เป็นกระจกใสทุกด้าน
เตียงขนาดคิงส์ไซซ์สีแดงฉูดฉาด โซฟาที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง แพรไหมนั่งถอนหายใจอยู่อย่างนั้นเพราะเจ้านายของเธอเข้าห้องน้ำไปได้สักพักแล้ว
และทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก แพรไหมก็รีบลุกขึ้นและเดินตรงไปหาจอมทัพ
“บอสคะ คือเรามาคุยให้รู้เรื่องกันดีกว่าค่ะ เราสองคนเป็นเจ้านายและลูกน้อง มันไม่เหมาะ...”
“ถ้าเธอยังไม่เลิกย้ำเรื่องนี้ฉันจะทำให้เธอเป็นเมียฉัน…ถ้าเธอเอื้อนเอ่ยแม้แต่คำเดียวฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของเธอ!”
แพรไหมโค้งหัวลาพนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณหน้าห้อง เลขาสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ทุกคนต่างทยอยออกจากออฟฟิศ ไม่ต้องเดินเข้าไปถามก็รู้ว่าวันนี้เธอคงต้องอยู่ทำโอทีกับเจ้านายอีกเช่นเคย แม้จะอยู่ด้วยกัน ไปทำงานด้วยกันกลับบ้านด้วยกันทุกวันก็ตามแต่แพรไหมก็ยังไม่ชินสักเท่าไร ชีวิตที่พลิกผันในชั่วข้ามคืน จากพนักงานธรรมดาที่อยู่ในห้องเช่าโทรม ๆ กลับได้ไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของเจ้านายและคนในบ้านต่างเรียกเธอว่าคุณนาย แม้จะเป็นแบบนี้แต่แพรไหมก็ยังคงเจียมตัว ไม่ทำอะไรที่มันเกินตัวเลยสักครั้ง คนในชั้นบริหารแทบบางตา จะเหลือก็เพียงแค่คนที่อยู่ในห้องทำงาน คงทำงานล่วงเวลาเหมือนเจ้านายของเธอ แพรไหมลุกขึ้นยืน บิดกายไล่ความล้าไปมา เธอตั้งใจจะเข้าไปถามจอมทัพว่ามีอะไรที่อยากทานหรือเปล่า เธอจะได้ลงไปซื้อขึ้นมาให้ ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูหยุดลงพร้อมกับประตูที่เปิดเข้าไปภายใน “บอสคะ หิวหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงกันข้าม มีเพียงโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพียงเท่านั้นที่คั่นกลางเอาไว้
ความสัมพันธ์ของเจ้านายและเลขาเลื่องลือไปทั้งบริษัท อันที่จริงแพรไหมไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เธอบอกกับจอมทัพไปแล้วด้วยซ้ำว่าเรื่องความสัมพันธ์ของเธอและจอมทัพอยากให้ปิดเป็นความลับก่อน ถึงแพรไหมจะยังไม่รู้ก็ตามว่ามันควรเรียกว่าอะไร แฟนก็ไม่ใช่เพราะจอมทัพไม่เคยขอ จอมทัพก็เอาแต่พูดว่าเธอและเขานั้นเป็นผัวเมียกันแพรไหมไม่รู้ว่าจอมทัพนั้นจริงจังกับเธอมากแค่ไหน แต่ยิ่งเห็นจอมทัพเปิดเผยเรื่องราวของเธอนั้นต่อหน้าคนอื่น จับมือ ถือของให้เวลาเดินไปไหนหรือแม้แต่เดินเพื่อเข้าประชุม ตอนแรกเธอไม่ค่อยชินเท่าไรนัก แต่ตอนนี้ก็ถือว่าทำใจยอมรับได้บ้างมีคนหลายคนพูดถึงเธอด้วยเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำแต่พอได้ยินเสียงคนคุยกันในเรื่องของเธอ เธอเลยเลือกที่จะยังไม่ออกไปปรากฏตัว“เฮ้อ โชคหล่นทำจริง ๆ เลยนะยัยแพรไหมนั่นน่ะ”“ทำไงได้ล่ะแก ก็อยู่ใกล้บอสขนาดนั้นนี่”“แกว่าที่ยัยนั่นได้เป็นเลขาทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อยขนาดนี้เป็นเพราะมันเอาตัวเข้าแลกป่ะ”“เฮ้ย แกก็คิดเหมือนฉันเหรอ”แพรไหมนิ่งเงียบและไม่ลืมที่จะบันทึกเสียงเอาไว้เป็นหลักฐาน“ท่านประธานก็นะ ฉันทำงานมาตั้งนาน สวย
ตื่นเช้ามาด้วยความเมื่อยล้า ปวดร้าวไปที่ช่วงล่าง แพรไหมนั่งมองจอมทัพที่กำลังแต่งตัวเพื่อออกไปพบกับลูกค้า แพรไหมเพิ่งจะทราบตอนนี้ว่าวันนี้จอมทัพนั้นนัดคุยงานกับลูกค้าอีกราย เธอเสนอที่จะไปด้วยแต่จอมทัพก็เอาแต่ห้ามและออกคำสั่ง“พี่จอมทัพจะไม่ให้หนูไปด้วยจริง ๆ เหรอคะ” แพรไหมที่นั่งอยู่บนเตียงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมอกมองหน้าเจ้านายหนุ่มที่กำลังผูกเนกไท“หนูพักผ่อนเถอะ”“แต่นั่นมันหน้าที่ของหนูนี่”“หน้าที่ของหนูตอนนี้คือทำตัวเป็นเมียที่ดีก็พอครับ” จอมทัพไม่พูดเปล่า เขาสาวเท้ามาหาแพรไหม นั่งลงข้างกายยื่นเนกไทไปตรงหน้าเลขาคนสวยเขินอายกับประโยคที่จอมทัพพูดไปก่อนหน้า ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยแต่มือเรียวก็ยอมยื่นไปเพื่อหยิบเอาเนกไทมาผูกให้กับเจ้านายหนุ่ม“อาบน้ำได้แต่ห้ามใส่เสื้อผ้านะ” จอมทัพใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปบริเวณหัวไหล่มนของแพรไหม“ทะ...ทำไมล่ะคะ”“พี่ชอบเวลาที่หนูไม่ใส่อะไรเลย”“แต่หนูไม่ชอบ”“อย่าดื้อ ฟังที่พี่บอกก็พอ” ไม่ใช่น้ำเสียงดุเหมือนเวลาออกคำสั่งเรื่องงาน แต่เป็นน้ำเสียงทุ้มที่กล่อมให้แพรไหมคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย“สะ...เสร็จแล้ว” แพรไหมต้านสายตาของผู้ชายตรงหน้าไม่ไหว“เดี๋
แพรไหมจะปฏิเสธ แต่เธอก็โดนจอมทัพอุ้มในท่าเจ้าสาวมาวางบนเตียงเสียอย่างนั้น ครั้งนี้จอมทัพไม่ได้นั่งตรงปลายเตียงหรือลุกหนี เจ้านายหนุ่มใช้สองแขนล็อกแพรไหมให้อยู่ใต้ร่างของเขา“บอสจะทำอะไรคะ”“พี่จะทำให้หนูเป็นของพี่”“ฮะ”“พี่หวง”“หวง? หวงอะไรคะ”“พี่หวงหนู พี่อยากรอให้หนูชอบพี่ให้มากกว่านี้แต่พี่ทนไม่ไหว...หนูสวยมันจึงไม่แปลกเลยที่จะมีคนมาชอบหนู...เพราะพี่ก็ชอบหนู”“คะ?” แพรไหมเสียงดัง“พี่ถึงถามหนูไงว่าหนูชอบพี่หรือเปล่า”“…”“ว่าไงครับเด็กดี...หนูชอบพี่หรือเปล่า” จอมทัพโน้มหน้าลงไปใกล้มากกว่าเดิม กระซิบถามเสียงแหบพร่าข้างหูของแพรไหมเลขาสาวขนลุกชูชันไปทั่วร่างกาย ขบเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น เธอกำลังชั่งใจว่าเธอควรพูดมันออกไปดีหรือเปล่า หากพูดออกไปแล้วมันจะกระทบกับงานของเธอหรือไม่ หากตอนนี้จอมทัพแค่เมา ตื่นเช้าขึ้นมาเรื่องนี้มันจะเป็นอย่างไรต่อ“บะ...บอสคะ” แพรไหมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากของจอมทัพค่อย ๆ จูบซับทั่วกรอบหน้าสวย“พี่ชอบหนู ชอบมานานแล้ว...หนูชอบพี่เหมือนกันหรือเปล่า”“…”“ถ้าหนูไม่ชอบพี่จะหยุด” จอมทัพไม่อยากฉวยโอกาส หากแพรไหมไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับเขา เขาก็พร้อมจะหยุดทุ
จอมทัพเอาแต่ทำหน้าดุ ไม่พูดไม่จา ไม่ปล่อยให้แพรไหมอยู่ห่างตัวเองเกินสามก้าว ตอนที่จอมทัพคุยกับลูกค้าแต่สายตาก็ยังคงจดจ้องไปที่เลขาสาวจนแพรไหมทำตัวไม่ถูกอยู่ในงานได้ไม่นาน จอมทัพก็ขอตัวกลับก่อน แพรไหมได้แต่งุนงงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกลับ เจ้านายของเธออยู่ในงานสังคมเก่ง เพราะทุกครั้งจอมทัพก็มักจะได้ลูกค้าจากในงานสังคมที่ไป แต่ทำไมวันนี้จอมทัพถึงพาเธอกลับห้องเร็วขนาดนี้กันนะแพรไหมไม่ได้เอ่ยถาม เธอรู้สึกว่าก็ดีเหมือนกันเพราะรองเท้าที่เธอใส่ในตอนนี้มันเริ่มทำเธอเจ็บเสียแล้ว ไม่ต้องก้มลงไปมองก็รู้ว่าหลังเท้าของเธอคงเป็นแผลไปเป็นที่เรียบร้อยเจ้านายหนุ่มเดินเข้าห้องไป แพรไหมเดินตามเข้าไปติด ๆ แม้ในใจจะอยากหาทางรอดไปนอนที่อื่นแต่อีกใจก็คิดว่าแค่นอนคงไม่เป็นอะไร คงไม่มีอะไรเสียหาย อีกอย่างจอมทัพก็มองเธอเป็นลูกน้องคนหนึ่งเท่านั้นเองจอมทัพเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง ถอดเสื้อสูทตัวนอกลงบนโซฟา มือดึงรั้งเนกไท เป็นภาพที่แพรไหมชอบมองทุกครั้ง บอสของเธอในตอนนี้นั้นดูเซ็กซี่จนเธอแอบกรี๊ดอยู่ในใจแพรไหมถอดรองเท้าส้นสูง “ซี้ด” ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บแสบจอมทัพมองไปที่เธอ ขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน “เป็นอะไร”“
“บอสคะ ตอนไหนชุดของฉันจะมาคะ” แพรไหมทนไม่ไหว เอ่ยถามครั้งที่เท่าไรเธอก็ไม่แน่ใจ“กำลังมา” แพรไหมคิดไว้อยู่แล้วว่าจอมทัพต้องตอบเธอมาแบบนี้“บอสพูดแบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้วนะ” เลขาคนสวยผ่อนลมหายใจออกอย่างเบื่อหน่าย“ทำไมล่ะ” จอมทัพแสร้งเป็นไม่รู้“ฉันไม่ชอบนี่ มันเหมือนฉันกำลังแก้ผ้าต่อหน้าบอสเลย” ประโยคนี้แพรไหมพูดเสียงเบาหวิว“ฉันไม่ถือ” จอมทัพยักไหล่เล็กน้อย“ถ้าไม่ติดว่าบอสเป็นเจ้านายฉันจะด่าบอสแล้วนะคะ”“ฮึ” เจ้านายหนุ่มหัวเราะในลำคอไม่นานนักเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น แพรไหมรีบลุกขึ้นยืนตั้งใจจะเดินไปยังประตูห้องแต่มือหนาก็ดึงรั้งแขนของเธอเอาไว้“เธอจะไปไหน”“ไปเอาเสื้อผ้าไงคะบอส”“ออกไปสภาพนี้เหรอ” จอมทัพใช้สายตาไล่มองแพรไหม“ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันไม่ถือ ฉันยังกล้าให้บอสดูเลยนี่นา” แพรไหมตอบออกไปตามตรง เดินห่อไหล่ไม่ให้ยอดอกเด่นสง่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว“นั่งลง”“คะ?”“นั่งลงไป”“แต่ว่า”“ฉันบอกให้เธอนั่งลงไป” จอมทัพเอ่ยเสียงดุ ออกคำสั่งกับเลขาสาว แพรไหมไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยเถียง เธอพยักหน้าและนั่งลงตรงที่เดิมเมื่อหญิงสาวทำตามที่เขาสั่ง จอมทัพก็ก้าวเท้าไปยังบานประตูนั้น แพรไหมมองตามหล
จอมทัพโมโหจนเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เขาตวาดดังลั่นก่อนอุ้มแพรไหมขึ้นมาแนบอกและพาเธอเดินผ่านลูกค้าสาวขึ้นห้องโดยไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย“บอสคะ” แพรไหมเรียกเจ้านายของตัวเองเสียงผะแผ่ว...“…”“ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ ฉันเดินเองได้” เมื่อเห็นว่าจอมทัพไม่พูดอะไรแพรไหมจึงเอ่ยมาอีกครั้ง“…”“บอสคะ”“เงียบ!” และครั้งนี้จอมทัพก็ยอมเอ่ยปากพูด ใบหน้าที่ตอนนี้นั้นน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แพรไหมเลยไม่กล้าเอยอะไรออกไป“…”“อยู่นิ่ง ๆ แล้วหุบปากของเธอไปซะ!” จอมทัพใช้เสียงดุ ไม่แม้แต่ก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมอกของตัวเอง“…” แพรไหมเม้มริมฝีปากแน่น เจ้านายของเธอในตอนนี้นั้นน่ากลัวเกินไปทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ความอึดอัดก่อตัว แพรไหมนั่งตัวเปียกอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะทานข้าว จอมทัพเดินไปก้มหาอะไรในกระเป๋าตัวเองก่อนเดินกลับมาหาลูกน้องของเขา“เธอไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น” จอมทัพวางเสื้อยืดตัวบางไว้บนโต๊ะทานข้าว เขาเดินเข้ามาใกล้เก้าอี้ที่แพรไหมนั่งอยู่ เขาใช้สองแขนค้ำลงไปบนพนักพิง ก้มหน้าลงไปใกล้ตำแหน่งสายตาของเขาในตอนนี้นั้นมันเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน...“ฉันไปเดินเล่นค่ะ”“ไปเดินเล่นหรือไปอ่อยผู้ชาย”“คะ? บอสเห็นไหมคะว่า
หลังจากที่จอมทัพประกาศลั่น แพรไหมก็ได้แต่นั่งสงบปากสงบคำ แม้จะอึดอัดแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แพรไหมนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา โดยที่โซฟาอีกฝั่งมีจอมทัพนั่งอ่านเอกสารในมืออยู่อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด แพรไหมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “บอสคะ ฉันจะไปเปิดห้องนะคะ” นั่นคือทางออกที่เธอนึกออกในตอนนี้จอมทัพเงยหน้าจากเอกสารในมือขึ้นมาสบตา ดวงตาคมกำลังจ้องเธอนิ่ง คิ้วหนาขมวดเป็นปม ไม่ใช่ว่าเธอและเขาคุยเรื่องนี้กันจบแล้วหรือไง ทำไมแพรไหมถึงพูดมันขึ้นมาอีกแพรไหมเห็นจอมทัพเอาแต่มองหน้า เธอเลยหลบสายตาและแสร้งมองไปทางอื่นก่อนเอ่ย “พอดีฉันนอนกรนน่ะค่ะ กลัวบอสรำคาญและฉันก็นอนดิ้นมาก ๆ ๆ ด้วย” นี่คือเหตุผลที่แพรไหมพอจะคิดออกในตอนนี้จอมทัพยิ้มมุมปากและก้มลงไปสนใจเอกสารในมือต่อ“บอสเงียบแปลว่าบอสอนุญาตใช่ไหมคะ” แพรไหมวางมือลงบนโซฟา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้“…” จอมทัพไม่ตอบเอาแต่จ้องตาของอีกคนไม่วางตา“ขอบคุณค่ะ” แพรไหมยิ้มหวาน ยกมือขึ้นมาหว่างอกก่อนไหว้อย่างนอบน้อมและจังหวะนั้นเธอกำลังลุกขึ้นยืน“นั่งลง” จอมทัพพูดเสียงเรียบ“…” แพรไหมที่กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปก็ได้แต่หยุดนิ่ง
หลังจากโดนตวาดเลขาส่วนตัวก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา บนตักเธอมีถุงที่ภายในบรรจุกล่องอาหารวางอยู่“ผัวเหรอ” จอมทัพเอ่ยถาม แพรไหมหันไปขมวดคิ้วใส่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป “ฉันถามเธอ”“ฉันพูดได้แล้วเหรอคะ” แพรไหมไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทแต่ก่อนหน้านี้เจ้านายของเธอเพิ่งบอกไปว่าไม่อยากได้ยินเสียงเธอไม่ใช่หรือไง“ฉันถามว่าคนนั้นผัวเธอเหรอ”“คนไหนคะ”“เธอมีหลายคนหรือไง”แพรไหมได้แต่นั่งนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ หากคนข้างกายไม่ใช่เจ้านายเธอ เธอคงตะโกนด่าออกไปแล้ว!“ถ้าบอสหมายถึงคนที่เอาของให้ฉันไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นเพื่อนข้างห้องที่ย้ายมาอยู่ใหม่”“ทำไมเธอถึงพูดเหมือนกับว่าเธอมีคนอื่นอีก”“แหม บอสคะ ฉันออกจะสาวและสวยขนาดนี้ มันก็ต้องมีบ้างที่...” แพรไหมร่ายยาวเอี๊ยดอยู่ ๆ จอมทัพก็เหยียบเบรกกะทันหัน ยังดีที่ไม่มีรถตามหลังไม่อยากนั้นคงเกิดอุบัติเหตุ“อย่ารับของจากคนแปลกหน้า” จอมทัพพูดแค่นั้นก่อนถือวิสาสะหยิบถุงกล่องอาหารที่วางอยู่บนตักของแพรไหมไป เปิดกระจกฝั่งของแพรไหมก่อนโยนมันทิ้งลงถังขยะต่อหน้าต่อตาเธอ“บอสคะ!” แพรไหมเรียกเจ้านายของตัวเองด้วยความตกใจจอมทัพไม่ได้ตอบอะไร เขาออกรถไปในทันทีและไม่ได้หัน