Masuk“เจ้าเองก็มีเรื่องปิดบังข้า... ภรรยา” ปลายเสียงเรียกนางด้วยแววตาที่อ่อนโยนลง ยินเฟิงฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว จำได้ว่านางใช้เวทเซียนแห่งการรักษาได้อย่างคล่องแคล่ว อีกเรื่องหนึ่งเขาคงจะไปจัดการกับฉางฟู่ในอีกไม่ช้า ขณะที่นางจับมือหนาเยียบเย็น รั้งเขาเอาไว้
“ข้าเก็บตัวในเรือนท่านโหว บำเพ็ญเพียรทุกเช้าค่ำ ต่อให้เป็นโลกมนุษย์ การสำเร็จเป็นเซียนมิอาจสูญสลาย ข้ายังคงเหลือตบะบางส่วน”
“แต่ข้าเป็นปีศาจ... ทั้งดวงจิต วิญญาณ ร่างกาย ข้ามิใช่เซียน มิใช่อาจารย์ของเหล่าเทพผู้บำเพ็ญเพียร เจ้าจะว่ายังไง?”
ไม่มีเรื่องใดเลวร้ายไปกว่าความจริง...
อาจารย์ยินเฟิงไร้หนทางกลับคืนเป็นเซียน เขาไม่สามารถทำมันได้แน่ หากเขาได้ตัวนางกลับไปภพภูมิปีศาจแล้วการแก้แค้นสำนักเซียวเหยาคงไม่จบสิ้น นางส่ายหน้าหนีสามี โดยที่ยังไม่ปล่อยมือเย็นเฉียบ เขากระตุกมือเล็กของนาง เรียกร้องความสนใจด้วยน้ำเสียงและแววตาตัดพ้อ
“หากข้ากลายเป็นคนเลว เจ้าจะหมดรักในตัวข้าหรือ เจ้าไม่ชอบข้าแล้วหรือ? ไป่ไป๋...”
“ท่านควรระงับอารมณ์เหล่านั้นเสีย ในเมื่อท่านได้ข้าคืนกลับมาแล้ว ข้าอยู่เคียงข้างกายท่านทุกคืนวัน”
“บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ”
“พวกเขาสิ้นลมหายใจไปหมดแล้วท่านอาจารย์ ข้าสุขสบายดี ได้ครองคู่อยู่กับท่านฉันสามีภรรยา จะมีสิ่งใดให้ปรารถนานอกเหนือไปกว่า...”
“ยัง...” ตอบเท่านั้น ร่างกำยำที่ยังคงบาดเจ็บทำท่าจะลุกหายไปจากห้องกว้าง ทว่าไอหยินปีศาจถูกตรึงไว้ด้วยเวทสีขาวสว่างจ้า
ไป๋เหม่ยหลานสะบัดชายเสื้อครั้งเดียว ห้องทั้งห้องรายล้อมด้วยอาคมซึ่งมนุษย์ไม่อาจมองเห็น
“ข้าไม่ให้ท่านไปไหนทั้งนั้น จนกว่าบาดแผลของท่านจะหายดี”
----------
“ข้าควรต้องเรียกเจ้าว่าอะไร... ธิดาไป๋ เซียนไป๋ เมื่อเจ้ารู้วิชาการใช้เวทเซียน ช่างน่าเคารพเลื่อมใส” ถ้อยคำประชดประชันเอ่ยกับภรรยา สามีเฝ้าอ้อนขอล่อลวงให้นางปล่อยเขาไปจัดการงานส่วนตน ทว่านางยืนยันเสียงแข็งว่าเขาต้องหายดีเสียก่อน
“ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรก็แล้วแต่ท่าน ข้ายังเป็นภรรยาท่านอ๋องอยู่วันยังค่ำ” นางยิ้มอ่อนหวาน เพิกเฉยกิริยาไม่พึงใจของคนที่แลดูโกรธเคืองนางนัก มือวางถ้วยสมุนไพรลงบนโต๊ะข้างฟูกนอน “ท่านโหวและฮ่องเต้นำยาสมุนไพรที่ดีที่สุดมาให้เฉียนฟานอ๋อง ขอให้ท่านรักษาตัวให้ดี”
เมื่อแคว้นเว่ยเป็นแคว้นด่านหน้า ระหว่างแคว้นยังเป็นตะเข็บรอยต่อ จำต้องพบกบฏ ชนเผ่าเร่ร่อนเข้ามาระรานอยู่เป็นนิจ ท่านอ๋องผู้เก่งฉกาจในกระบี่วิชาชนิดหาตัวจับได้ยากนัก ได้รับน้ำใจจากผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก ท่านโหวและฮ่องเต้ขอให้เขาพักผ่อน ส่งทหารมาคุ้มกัน ทั้งอาหาร เสบียง ยาสมุนไพรชั้นดีไม่มีขาด นางออกไปรับของจากทหารองครักษ์ด้านหน้าเรือนตั้งแต่ยามเหม่า นางทำหน้าที่บนโลกมนุษย์ ส่วนเรื่องของปีศาจก็ยังต้องคอยรับมือ
ศิษยานุศิษย์ปีศาจยังไม่รู้เรื่องนี้ ฉางฟู่เก็บความลับไว้เป็นอย่างดี ด้วยเขาก็คงไม่อยากให้บรรดาปีศาจกล่าวโทษนาง มุ่งหน้าตรงมาพบท่านอาจารย์
“จากนี้ไปขอให้ท่านวางใจ ข้าไม่ยอมให้ท่านแค้นเคืองผู้ใด ไม่ให้ท่านทำร้ายใครหากมิใช่เพื่อการป้องกันตน เพราะข้าจะรั้งท่านไว้เสมอ เว้นเสียแต่ว่าท่านจะลงมือทำร้ายข้า ผลักไสไล่ส่งข้า...”
“จำได้ว่าเจ้าเป็นผู้เอ่ยขับไล่ข้าก่อน เจ้าขอไม่ให้ข้ารบกวนวาสนาชะตาชีวิตเจ้า”
“พูดเช่นนั้นได้ยังไงกัน?” นัยน์ตาคู่สวยเอ่อคลอหยาดน้ำใสด้วยท่าทางเสแสร้ง ถามเสียงสั่น “ท่านมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับข้าแล้วจะทอดทิ้งข้าหรือ?”
เพียงภรรยาในชุดสีนิลตั้งท่าจะร้องไห้คร่ำครวญ นางไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกอันปรี่ประดังเข้ามาในอกราวพายุที่กระโชกแรง ความทรงจำของอาจารย์ยินเฟิงรบเร้าชีวิตปรกติสุขของนาง ใบหน้าหล่อเหลาแลดูอ่อนโยนลง เขาจับมือของนางแผ่วเบา ยกขึ้นวางไว้บนฝ่ามือของเขา
“ข้าหรือจะกล้าทอดทิ้งเจ้า... ไป่ไป๋ เจ้าเปรียบดั่งดวงใจข้า”
“แต่ข้ากล้า ไม่เชื่อท่านลองไปถามอี้เจ๋อได้ ข้าเคยถามเขาว่าหลับนอนกันเพียงครั้งเดียว จะเป็นสามีภรรยาไปได้ยังไง”
แววตาคู่สวยดุดันประกาศคำขาดทำเอาสามีหน้าซีดเจื่อน กลัวนางจะทอดทิ้งเขาตามที่นางประกาศว่านางทำได้ ประจวบเหมาะพอดี ถึงเวลาทำแผล บ่าวรับใช้นำยาสมุนไพรสำหรับใส่แผล ถ้วยยาต้มกลิ่นฉุนรสชาติย่ำแย่ ยินเฟิงหน้าตาเหยเก บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องดื่มยา ก็สามารถเยียวยาตนได้
กระนั้นเขายังแสนคับแค้นใจภรรยา ไยนางลืมเลือนเรื่องราวระหว่างเขาและนาง ข่มขู่เขาให้กินยารักษาตนให้ดีด้วยคำพูดแสนเลือดเย็นนัก ขณะยกถ้วยยาขึ้นเป่า
“สามี ท่านดื่มยาถ้วยนี้ให้หมด อร่อยหรือไม่อร่อย ท่านต้องดื่มมันนะเจ้าคะ”
“เจ้าก็ดื่มยากับข้าด้วยซี เจ้าเคยพูดกับข้าว่าสามีภรรยาต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขมิใช่หรือ?”
“ได้เจ้าค่ะ แต่ว่าต้องดื่มให้หมด” นางยอมเป็นผู้ทดลองยาก่อนสามีอีกด้วย ก่อนยกขึ้นดื่มแล้วป้อนให้เขารับยาต่อจากนั้นด้วยริมฝีปาก สามีประคองท้ายทอยน้อยไว้ ดื่มยารสชาติขมที่กลายเป็นหยาดน้ำผึ้งหวาน
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







