Masuk“นอนหลับพักผ่อนนะเจ้าคะ อย่าให้ข้าต้องเป็นกังวล ข้าจะไปดูอาหารในโรงครัว” น้ำเสียงอ่อนหวานกล่าวกับสามี เงยหน้าขึ้นตอบรับนางด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ารีบไปรีบมา ข้าไม่ไปไหน”
บนฟูกนอนที่เฝ้ากกกอดนางในร่างครึ่งบุรุษครึ่งอสรพิษ ไอปีศาจแผ่กระจายไปทั่ว
หลายค่ำคืนผ่านพ้นมา ภรรยาซุกซบแก้มบนแผงอกเปลือยเปล่าด้วยใจเป็นกังวล มองดูหางที่มีเกล็ดนุ่มนวลสีขาวสะอาด หน้าท้องเป็นลอนหนาเรียงตัวสวยงามของบุรุษร่างแกร่งกำยำนำพาอารมณ์หวามไหว ขณะที่บาดแผลบนแผ่นหลังดีขึ้นมาก คงเหลือเพียงรอยช้ำแดงจาง ๆ
ภายในเขตอาคมสีทองอร่ามครอบคลุมไปทั่วจวนกว้างขวาง มนุษย์มิอาจมองเห็นเวทแห่งการคุ้มกันภัย ปีศาจไม่สามารถเข้ามาในอาณาเขต ในอีกทางหนึ่งก็ไม่ให้ปีศาจซึ่งถูกกักขังไว้ออกไปเพ่นพ่าน ประตูเรือนถูกปิดไว้แน่นหนา เจ้าของเรือนไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในห้องนอนทั้งสิ้น หากว่าจะไปนำอาหารหรือยาก็จะออกไปยกสำรับด้วยตนเอง
“ไปไป๋...” น้ำเสียงออดอ้อนเรียกหา ไป๋เหม่ยหลานวางสำรับอาหารลงบนโต๊ะไม้สักข้างเตียง มองชุดสีขาวเกือบหลุดหล่นจากบ่า สามีปิดตาลง เอื้อมไปคว้าจับมือนุ่ม ริมฝีปากหนาพรมจูบบนหลังมือ นัยน์ตาสีชาดเปล่งประกายหลงใหลคลั่งไคล้ นางคงรู้ว่าเขาต้องการสิ่งใด
“ท่านต้องกินข้าวดื่มยาให้หมดถ้วยก่อนนะเจ้าคะ ถึงจะกินข้าได้”
“ปีศาจไม่จำเป็นต้องกินข้าวก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าเจตนาจะสังหารข้า ด้วยการไม่ให้ข้าหลับนอนกับเจ้า”
นางสะบัดมือหนาอย่างดื้อดึง ออกจากห้องนอนไปเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้สามี กลับเข้ามาจัดวางบนโต๊ะไม้สลักมุกบริเวณกลางห้อง ส่วนนางนั่งมองอยู่ตรงมุมห้อง มองใบหน้าหล่อเหลาคมคายปรากฏรอยยิ้ม เขี้ยวคมตรงมุมปากบ่งบอกถึงความเป็นปีศาจ มากกว่าที่เคย
ไม่ว่าเขาจะตักอาหารเข้าปาก ยกถ้วยยาขึ้นดื่ม ไม่ว่างเว้นจากการจับจ้องใบหน้าสวยหวาน ภรรยาสวมชุดสีนิลปักด้วยด้ายสีแดง ริมฝีปากสีชาด กลางหน้าผากมีแต้มสีชาด
ไป๋เหม่ยหลานกำลังนึกถึงเรื่องเมื่อคืน...
ฉางฟู่ทะเลาะกับอี้เจ๋อซึ่งบินเข้ามาในสวนด้านหลังจวน ระหว่างนางเดินไปโรงครัว บ่าวรับใช้กลับเข้าที่พักไปแล้ว ไอปีศาจลูกหนึ่งวนเวียนรอบกายนาง พยายามยั่วยุโทสะ จนนางเผลอปัดมือสะบัดเวทสีขาวใส่เขากระเด็น ฟาดเข้ากับกำแพง อี้เจ๋อส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ถึงแม้ว่าฉางฟู่คงไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย ด้วยความที่เขาเป็นปีศาจทรงพลังมากพอสมควรในภพภูมิปีศาจ ยังเป็นศิษย์เอกของอาจารย์ยินเฟิง
“กระดูกเซียนของเจ้า ท่านอาจารย์แช่ไว้ในไอหยินนับหลายพันปี ท่านแอบปลูกถ่ายมันให้เจ้า ระหว่างที่สานสัมพันธ์ราคะกับเจ้า...”
“ขอบใจเจ้าที่อุตส่าห์มาบอกข้า ข้อนี้ข้าเชื่อ สามีคงหวังให้ข้าเป็นปีศาจ เพื่อพาข้ากลับไปกับเขา”
“เจ้าจะยอมไหมเล่า? ปีศาจหรือเทพก็ใช้ชีวิตเหมือนกันนั่นแหละ เพียงมีอุดมการณ์ที่แตกต่าง”
“เทพล้วนบำเพ็ญเพียร เซียนผู้บำเพ็ญตนล้วนใฝ่หาความสงบสุข ในขณะที่ปีศาจชื่นชอบการระรานอยู่เป็นนิจ ทั้งอาฆาตแค้นเกลียดชัง ไม่รู้จักการปล่อยวาง จะใช้ชีวิตเหมือนกันได้ยังไง?”
“คำพูดของเจ้าย่อมไม่มีน้ำหนัก สำหรับข้าฉางฟู่ เคียงข้างท่านอาจารย์มาเนิ่นนาน ท่านอาจารย์ปรารถนาเพียงการได้อยู่กับศิษย์ไป๋ ศิษย์เลือดเย็น เจ้าน่ะเป็นสตรีเลือดเย็นกว่าปีศาจในภพภูมิข้าเสียอีก”
การดึงเส้นใยแห่งความทรงจำด้วยโถดินเผา เป็นหนึ่งในแผนการของฉางฟู่ มีหรือนางจะไม่รู้ เขาถึงได้เข้าหานาง ล่อลวงนางให้ยอมกลับเมืองปีศาจกับท่านอาจารย์ เขาทำให้นางโมโหขาดสติ ซึ่งนับว่าได้ผลทีเดียว
“ฉางฟู่รังแกเจ้าหรือ? ภรรยา...”
ไป๋เหม่ยหลานส่ายหน้าไปมา “มิได้เจ้าค่ะ เขาให้ความช่วยเหลือข้า จึงได้ล่วงรู้ความจริงซึ่งสามีไม่เคยพูดบอกกับข้า นับว่าเขาค่อนข้างจริงใจ”
ยินเฟิงควรทำใบหน้าดุดันสั่งนางให้เลิกทำกิริยาเช่นนี้ต่อสามี เขากลับเข้าไปนั่งซุกซบตักนางอยู่บนพื้น สองมือกอดเอวบาง ด้วยรู้สึกผิดต่อนางยิ่ง
“เมื่อใดเจ้ารู้ความจริง เจ้าอาจตกอยู่ในห้วงความทุกข์ตรม ข้ามิอาจทำร้ายเจ้า”
“ท่านคงคาดไม่ถึงว่าการไม่บอกเล่าความจริงคือการทำร้ายข้าเจ้าค่ะ” นางส่ายหน้าหนีไป มองกำแพงห้องไม้สักแดงอย่างนึกโกรธเคือง
ไป๋เหม่ยหลานเป็นผู้ละวางมาโดยตลอด ภพชาตินี้นางไม่แยแสสิ่งใด นางกลับหวั่นไหวเมื่อนางเป็นต้นเหตุของความทุกข์ของอาจารย์ยินเฟิง
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







