Masukเพียงเห็นเสื้อสีนิลเปียกชุ่มโลหิต มือของนางสั่นระริก ทำอะไรไม่ถูก เจ้าของเรือนไล่บ่าวให้ออกไปบอกว่าเขาได้รับยาชั้นดีจากหมอแล้วจะอยู่กับภรรยาตามลำพัง ซึ่งนางไม่ทันได้ไถ่ถามมากความ ฉับพลันนั้น สุนัขสามหัวคาบลูกงูเผือกที่โชกชุ่มโลหิตเข้ามาวางบนพื้นเป็นเงามัน พ่นไอหยินสีดำสนิทออกจากปาก ควันประหลาดกระทบลงบนร่างที่ดิ้นไปดิ้นมาบนพื้น เจ้างูเผือกดูดีขึ้นเล็กน้อยจนสามารถคลานกลับมาบนฟูกนอน
“ขออภัยท่านอาจารย์ ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา”
ฉางฟู่อ่อนน้อมกับอาจารย์ยินเฟิง ผิดจากความเป็นปีศาจโอหัง เขาไม่พูดเตือนอาจารย์ว่าควรดูแลเจ้างูเผือกตัวน้อยให้ดี เพียงมองสตรีข้างกายท่านอาจารย์ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร
“ข้าคิดว่าท่านควรบอกความจริงกับนาง คราวหน้านางจะได้ระมัดระวัง คืนนี้ข้าจะรีบไปหายามาให้ท่านเยียวยาบาดแผล”
“เจ้ารีบไป”
สุนัขสามหัวหายไปจากห้องนอนกว้างขวาง คงกลับไปยังภพภูมิปีศาจ ขณะมือพลันคว้าลูกงูตัวเล็กไปกกกอดไว้ในอ้อมแขน ล้มตัวลงนอนนิ่งสงบ
ไป๋เหม่ยหลานก้มหน้าลงมองงูตัวน้อย กะพริบนัยน์ตาสีชาดอย่างเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย เป็นไปได้ว่ามันพยายามหนีบ่าวรับใช้ชายหัวซุกหัวซุน ขณะที่ลมเยียบเย็นทำให้ร่างกำยำบนฟูกสั่นเทาขึ้นมา ทั้งที่เขาไม่เคยสัมผัสความเหน็บหนาว นางห่มผ้าให้ชายที่ผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ลุกไปปิดหน้าต่างมิดชิด นั่งลงบนฟูกด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ข้าเคยอ่านตำราเก่าแก่เล่มหนึ่งในสำนักเซียวเหยา ว่าด้วยเรื่องครึ่งวิญญาณของปีศาจในบางภพภูมิ ข้าไม่รู้มาก่อนเลย เป็นความผิดข้า...”
“ไม่ใช่ความผิดเจ้า ข้ารักษาตัวไม่นานก็หาย”
“ท่านพึ่งโกหกข้าว่าพลาดท่าให้กบฏ” ในน้ำเสียงโกรธเคืองและเศร้าหมองใจ ไป๋เหม่ยหลานใช่ศิษย์โง่เง่าเสียเมื่อไร
ถึงตำราในเทวโลกกล่าวไว้โดยรวม ๆ มิได้อธิบายรายละเอียดมากนัก ด้วยการคิดวิเคราะห์ของนาง คาดการณ์ว่างูเผือกนี้อาจเป็นอีกครึ่งชีวิตของอสรพิษ จำได้ว่าเขาเคยพูดเรื่องความเห็นแก่ตัวของปีศาจ ไม่ผูกพันชีวิตไว้กับใคร สามีอาจมอบมันให้นางก็เพื่อปกป้อง เป็นไปได้ว่าตอนนี้มันอาจมีสภาพเหมือนกาฝากต้นไม้ ดูดพลังชีวิตจากนางเพียงเล็กน้อย หากใช้พลังส่วนใหญ่เจ้าของร่างที่แท้จริงเพื่อเติบใหญ่
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้าเสียทีเดียว มีกบฏบุกรุกเข้ามาได้จังหวะข้าอยู่ในเกวียน ข้าเกิดบาดแผลขนาดใหญ่ ทั้งรอยตี รอยมีด แต่คนนั่งอยู่ในเกวียนดี ๆ ไม่ทันได้ดึงกระบี่ออกจากคมฝัก จะมีบาดแผลได้อย่างไร...”
“ท่านทำร้ายตนเองหรือ?”
“ไม่... เพียงเข้าไปสู้กับพวกกบฏพอให้ผู้คนเห็นว่าข้าบาดเจ็บ”
ยินเฟิงนึกขอบคุณสถานการณ์คับขันในเมือง ขณะมือปล่อยอสรพิษให้หายไปในอากาศ มันกลับไปปรากฏบนไหล่มนเช่นเดิมราวรูปวาดมีชีวิต แม้มีรอยขาดเป็นช่วง ๆ
“ยินเฟิงน้อยยังเป็นลูกงูเผือกไร้พิษสง เมื่อไรที่มันเติบใหญ่จะทรงพลังมากเท่าปีศาจระดับอาจารย์ตนหนึ่ง ข้าฝากเจ้าดูแลมันด้วย อย่าให้บ่าวรับใช้หรือใครตีมัน...”
“เจ้าค่ะ คราวนี้ข้าจะดูแลมันเป็นอย่างดี” เสียงหวานรับคำ มือเอื้อมไปเปิดเสื้อดูบาดแผลบนแผ่นหลังของสามี ซึ่งนอนนิ่งเงียบไป หันหลังให้นางที่น้ำตารินไหล
กว่าจะตระหนักรู้ว่าเกือบทำให้สามีตกอยู่ในอันตราย เพราะความไม่รู้เรื่องรู้ราวของนาง ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเขา บอกกับนางว่านางมีวาสนาที่ได้เป็นภรรยาปีศาจอสรพิษผู้เคยเป็นเซียนครั้งหนึ่ง ก็สายไปเสียแล้ว
-----------
ใต้บาดแผลฉกรรจ์บนแผ่นหลังทั้งรอยฟกช้ำ รอยฉีกขาดของชั้นผิวหนังเป็นทางยาวไปถึงไหล่กว้าง เมื่อใช้ร่วมกับผงยานอนหลับชนิดรุนแรงผสมใส่ชา ร่วมกับเวทเยียวยาจากมือฉางฟู่ผู้ไปนำสมุนไพรรักษาปีศาจมาอย่างยากลำบาก สามารถทำให้อาจารย์ยินเฟิงหลับสนิทในนิทรา
“ท่านอาจารย์ควบคุมพลังปีศาจได้ดี ข้าเคยได้ยินว่าท่านอาจมีพลังเทียบเท่าราชินีอสรพิษ จึงแทบไม่เคยหลับใหล เจ้าคงมีเวลาไม่มากนัก”
“อืม... ข้าจะเร่งมือ”
ร่างผอมบางในชุดนอนสีขาวพยักหน้า เก็บฝ่ามือที่ปล่อยแสงออกมาราวพรรณพฤกษางอกงามด้วยเวทเซียน แสงนั้นตกกระทบลงบนร่างลมหายใจรวยริน เพื่อช่วยรักษาท่านอาจารย์อีกแรง นางเร่งเร้าให้ปีศาจสุนัขจัดการตามแผน
ฉางฟู่เปิดโถดินเผาสีเข้มวางไว้ข้างชายที่นอนคว่ำหน้านิ่งเงียบ ดึงเส้นด้ายออกมาจากหูของท่านอาจารย์ด้วยกรงเล็บแหลมคมของปีศาจ
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







