Masukเขาทุกข์ทรมานสาหัสเท่าไร นางร่ำไห้โศกศัลย์โดยไม่ให้สามีเห็น ทว่าขอบตาบวมช้ำไม่สามารถปิดบังว่านางสูญเสียน้ำตาไปอย่างมากมาย ถึงขั้นว่านางอาจตาบอดได้ นางร่ำไห้จนปวดศีรษะ ดวงตาพร่ามัว
“ข้าแต่งงานกับเจ้ามาสักระยะ ไม่ได้กลับสำนักเหยียนเก๋อเลย หลายเดือนบนโลกมนุษย์ คงนับได้หลายสิบปีในเทวโลกและภพภูมิปีศาจ”
“ท่านอยากไป ท่านไป ข้าจะปลดอาคมคุ้มกันให้ ระหว่างนี้ข้าจะถือโอกาสกลับบ้านท่านโหวเจ้าค่ะ...”
“ข้า... จะไม่ได้พบเจ้าหลายสิบปี ส่วนเจ้ากิน ๆ นอน ๆ สุขสบายใจ หากเกิดสถานการณ์คับขันทำให้ข้ามิทันได้เดินทางกลับมานับร้อยปี บนโลกมนุษย์คงผ่านพ้นไปไม่กี่เดือน เจ้าไม่คิดถึงข้าหรือ?”
‘... เรียกได้ว่าเจ้านอนหลับไปหนึ่งราตรี ตื่นขึ้นมาก็เป็นบุตรสาวท่านโหว อำนาจเทียมแผ่นดินฮั่น ขณะที่ท่านอาจารย์ทุกข์ทรมานกว่าเก้าพันปี อดมื้อกินมื้อ นอนบนพื้นดิน กินบนผืนทราย บนโลกมนุษย์ในอ้อมแขนท่านคือกระบี่คู่ใจ ในโลกปีศาจคือปั้นดิน ‘ไปไป๋’ ท่านไม่เคยใช้พลังปีศาจทำร้ายมนุษย์ ท่านถือตบะไม่แตะต้องสตรีนางไหน ทั้งที่ปีศาจอสรพิษเป็นปีศาจแห่งราคะ ท่านหิวโหยเท่าไรเจ้าไม่มีวันล่วงรู้...’
“หนอนปีศาจในหูเจ้า...”
สามีใจดีใช้กรงเล็บแหลมคมดึงหนอนหน้าตาน่ากลัวออกมาจากใบหูของนาง มันมีเขี้ยวคม ขายั๊วเยี๊ยะเหมือนตะขาบ ดิ้นไปดิ้นมาส่งเสียงขู่ฟ่อดังสุนัขเกรี้ยวกราด ก่อนที่จะสลายไปเมื่อผู้แข็งแกร่งกว่าขยี้มันในกำมือเดียว
ไป๋เหม่ยหลานได้เพียงมองตามสัตว์ร้ายในภพภูมิปีศาจ ด้วยสีหน้าขยะแขยง
“ฉางฟู่กลั่นแกล้งเจ้า ศิษย์ไป๋ เขามีอุปนิสัยเช่นนี้ ข้าแน่ใจว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าเจ้า จึงทำเรื่องบางอย่างแน่ ๆ ล่ะ เจ้าฉางฟู่หรือเคยเชื่อฟังอาจารย์ที่ไหน”
ปีศาจตามรังควาญเป็นเช่นนี้เอง ไป๋เหม่ยหลานหลับตาปี๋ ขยี้หูที่เพิ่งจะรู้สึกคันหยุบหยับ นางนึกอยากกลืนวาจาว่าเจ้าฉางฟู่ก็ดี เป็นเจ้าสุนัขแสบนั่นต้องเจอข้า!
มีโอกาสเมื่อไร นางจะกลับไปท้าทายสู้รบกับเจ้าฉางฟู่ให้โลหิตหลั่งไหล บาดเจ็บปางตายกันไปข้าง
------------
นอกเสียจากหนอนปีศาจในหูทำให้โลหิตหลั่งไหล แม้ไม่สร้างความเจ็บปวดทรมาน อาการของไป๋เหม่ยหลานดีขึ้นตามลำดับในวันถัดมา แต่ก็แปลกนัก ยังคงเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับร่างกาย เหมือนป่วยไข้อยู่ตลอด นางร้อน ๆ หนาว ๆ กินข้าวได้น้อยลง เวียนศีรษะจนทำได้เพียงนอนอยู่บนฟูก ในอกวูบวาบ เกิดรุ่มร้อนใจประหลาด
แม้แต่ความโศกศัลย์อาลัย มิเลือนหายไปจากห้วงใจ นางครุ่นคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไร
“ไยเจ้าให้อภัยพวกเขาง่ายดาย ทั้งที่เคยร้องขอความเมตตาจากอาวุโสคลั่งวินัยนั่น ก็ไม่ได้มีสงสารเจ้าสักนิด มิสู้แก้แค้นให้พวกมันได้รับความทรมานอย่างสาสม ไม่ดีกว่าหรือ?” นัยน์ตาสีชาดทอประกายเคียดแค้นชิงชัง สามีปรากฏตัวขึ้นกะทันหันด้วยเวทปีศาจ นั่งลงบนฟูกนอน
ดวงตาสวยใสจ้องมองชุดสีนิลปักทอด้วยลวดลายเมฆและภูเขา แถบตราหยกมีสายห้อยยาวออกมาด้านนอก เขาเกล้ามวยผมอย่างเป็นทางการ หลังเพิ่งกลับจากการเดินทางไปรายงานตัวในราชสำนัก
“ข้าลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นไปเสียแล้วเจ้าค่ะ ข้าปล่อยวางมันทุกสิ่ง”
“ใจดี... แต่กับสามี ไยเจ้าแสนเย็นชา”
“เอาเวลาไปแก้แค้นพวกเขา มิสู้ข้าเอาอกเอาใจสามีข้า จำได้ว่าท่านเป็นอสรพิษปีศาจแห่งราคะ มิใช่วิญญาณอาฆาตตามจองล้างจองผลาญผู้คนเสียหน่อย” พูดจบ นางกระเถิบเข้าไปใกล้ท่านอ๋องด้วยแววตาเปี่ยมปรารถนา มือซีดขาวเลื่อนขึ้นจับเสื้อสีนิลงดงาม ขณะใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองตามนางในชุดนอนสีขาวสะอาด ภรรยามีกลิ่นหอมอ่อนเย้ายั่วใจ ความเป็นปีศาจของเขานั้นทำให้จมูกได้กลิ่นรวดเร็วกว่ามนุษย์ ทั้งเหมยกุ้ยฮวาที่ลอยน้ำในอ่างให้นางอาบ ตอนนี้ยังได้กลิ่นโลหิตจาง ๆ ของนาง
“เราไม่ควรทำเรื่องเสียเวลา ขอให้ข้าได้ทำหน้าที่นางบำเรอ ให้ท่านอิ่มหนำสำราญใจ... ดีกว่า... หรือไม่เจ้าคะ?” พูดพลางกรีดปลายนิ้วเรียวยาวบนลำคอแกร่ง เสียงลอบกลืนน้ำลายดังจนลูกกระเดือกขยับ
ไป๋เหม่ยหลานยอกย้อนสามีได้สำเร็จ สมใจนาง สามีผู้แสนดีกลับอดทนข่มกลั้นใจไม่แตะต้องนาง เพียงหลุบตามองด้วยแววตาหิวกระหาย
“อื้ม... เป็นข้อต่อรองที่น่าสนใจ แต่เจ้าไม่สบาย ข้าคงไม่กล้าเอาเปรียบเจ้า”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







