Share

บทที่ 150

Author: หลันซานอวี่
“พูดตามตรง สำนักช่วยชีพในยามนี้ ความจริงก็น่าผิดหวังนัก ไม่ต้องพูดถึงสมัยของนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋น เพราะยังเทียบกับครึ่งหนึ่งของตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“ได้ยินว่าหลังจากตายของคุณหนูใหญ่อวิ๋น ตระกูลอวิ๋นก็ไร้คนสืบทอด ดังนั้นนายท่านรองอวิ๋นจึงรับช่วงต่อทรัพย์สินของสกุลอวิ๋น”

“นกพิราบครองรังของนกกางเขนนานแล้ว ก็คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของจริง ๆ หรือ?”

“สำนักช่วยชีพหาได้มีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและความเมตตาแบบเมื่อก่อนไม่ ผู้นำไม่ดีผู้ตามก็ย่อมไม่ดีจริง ๆ!”

เมื่ออวิ๋นฝูหลิงพูดคำพูดนี้ ก็ทำให้คนรอบข้างแตกตื่น

เพราะเป็นคนในแวดวงแพทย์เหมือนกัน พวกเขาจึงย่อมรู้เรื่องของสกุลอวิ๋นอยู่บ้าง

แต่คำพูดเมื่อครู่ของแม่นางอวิ๋น เห็นได้ชัดว่ายังมีเรื่องราวภายในอยู่ด้วย

ทันใดนั้น ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนก็เปิดออก

ผู้ที่ตกใจมากที่สุด ย่อมเป็นนายท่านหาง

เขามองอวิ๋นฝูหลิง ทันใดนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นได้ ทั้งร่างจึงสั่นสะท้านเล็กน้อย

หลิงโหยวยืนอยู่ข้างอวิ๋นฝูหลิงด้วยลำตัวยืดตรง

หลังจากการตายของท่านโหวตระกูลเขา สำนักช่วยชีพก็ตกมาอยู่ในกำมือของอวิ๋นกานซง ที่นับวันก็ยิ่งไร้เหตุผลมากขึ้น
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
พัตสรา ศรีษะนอก
ติดตามค่ะสนุด
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 151

    เดิมทีท่านหมอซุนคิดว่าแม่นางอวิ๋นเป็นเพียงหมอบ้านนอกธรรมดาผู้หนึ่ง จึงคิดใช้ชื่อของสำนักช่วยชีพกับจวนจี้ชุนโหวมาสร้างความตื่นตระหนกให้นางใครเล่าจะรู้ว่ายังไม่ทันเริ่มก็พังไม่เป็นท่าแล้ว ไม่เพียงแค่ทำให้นางตกใจกลัวไม่ได้ แต่นายท่านสวี่ยังถูกจัดการอย่างโหดเหี้ยมกลับมาอีกด้วยแม่นางอวิ๋นผู้นี้ถึงกับไม่กริ่งเกรงต่ออำนาจบารมีของจวนจี้ชุนโหว เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่าง?ท่านหมอซุนคิดระแวงอยู่ในใจ ทั้งกังวลไม่หายทว่าครั้นได้รับสัญญาณจากสายตาของนายท่านสวี่ เขาเลยจำต้องกัดฟันก้าวออกมาเขาอยากไปสำนักช่วยชีพในเมืองหลวงมาโดยตลอด และในที่สุดช่วงนี้ก็พอจะมีเค้าลางขึ้นมาบ้างแล้วแม้เขตปกครองเจียงหนิงจะพรั่งพร้อมอุดมสมบูรณ์ ทว่าความเจริญกลับเทียบไม่ได้กับเมืองหลวงทั้งขุนนางชั้นผู้ใหญ่และคนชั้นสูงเองก็มากกว่าหากได้รับความชื่นชมจากขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านใดสักท่าน กอปรกับชื่อเสียงของสำนักช่วยชีพ ไม่แน่ว่าการจะเข้าสำนักหมอหลวงก็ไม่นับว่าเป็นการเพ้อฝันเกินไปนักท่านหมอซุนเองก็ไม่อยากดักดานติดอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ อย่างเขตปกครองเจียงหนานเช่นนี้ไปชั่วชีวิตแม้ว่าเขาจะเป็นเพ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 152

    “พวกเจ้าว่า แม่นางอวิ๋นจะกล้ารับคำท้าหรือไม่?”เหล่าผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันจนบรรยากาศคึกคัก ทว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับตกอยู่ในอาการสับสนมึนงงประลองวิชาแพทย์? นี่มันเรื่องอะไรกัน?แล้วประลองอย่างไร?เคราะห์ดีที่หลิงโหยวกระซิบอธิบายให้ฟังได้ถูกเวลา “ประลองวิชาแพทย์เป็นธรรมเนียมที่มีมาอยู่ตลอดในแวดวงการแพทย์ขอรับ”“แรก ๆ นั้นมีไว้เพียงเพื่อขัดเกลาฝีมือการแพทย์ พัฒนาก้าวข้ามตนเองเท่านั้น”“หลัง ๆ มาความหมายของมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป”“วิถีทางการแพทย์พัฒนามาได้จวบจนถึงทุกวันนี้ เพราะโดยทั่วไปแล้วในแต่ละพื้นที่ล้วนมีตระกูลแพทย์ที่มีอิทธิพลแสนมั่นคงร่วมมือกันแบ่งอำนาจไป”“หากหมออยากทำงาน โดยทั่วไปแล้วก็จะเลือกพึ่งพาอาศัยสำนักแพทย์ประจำท้องที่ เมื่อทำเช่นนี้ก็จะลดความยุ่งยากไปได้มากขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงแสดงท่าทีเข้าใจ ความหมายก็คือเมื่อมีคนใหม่เข้ามาร่วมวง ก็จำต้องทำความเคารพผู้เป็นหัวหน้าเสียก่อนมีคนคอยคุ้มกะลาหัว จึงจะไม่ถูกกลั่นแกล้งรังแกอีกทั้งสำนักแพทย์ที่แบ่งเขตอิทธิพลกันเรียบร้อยเหล่านั้นก็ไม่คาดหวังว่าจะมีคนใหม่เข้ามาแบ่งเค้กชิ้นนี้เพิ่มอีก“ไม่อย่างน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 153

    อวิ๋นฝูหลิงยิ้มซาบซึ้งไปทางนายท่านหางและท่านหมอหางจากนั้นจึงหันไปทางท่านหมอซุนแล้วกล่าววาจาเสียงดัง “ประลองวิชาแพทย์ก็ประลองวิชาแพทย์ ท่านคิดจะประลองเช่นไร?”เหล่าผู้คนที่มุงดูต่างพากันส่งเสียงอื้ออึงกันในบัดดลนึกไม่ถึงว่าแม่นางอวิ๋นจะกล้ารับคำท้าแต่พอลองคิดดูอีกที หากแม่นางอวิ๋นคิดจะเป็นหมออยู่ที่เขตปกครองเจียงหนิง นอกจากรับคำท้าแล้ว ก็ไม่มีหนทางอื่นให้เลือกอีกท่านหมอซุนเห็นแม่นางอวิ๋นรับคำท้า จึงยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีหยิ่งยโสนางสตรีไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!เขาจะทำให้นางได้รู้ซึ้ง จะเป็นหมอรักษาคนนั้นมิใช่เรื่องที่สตรีเช่นนางจะทำได้!สตรีน่ะ ก็ควรทำตัวว่าง่ายอยู่แต่ในเรือนหลัง คอยเกื้อกูลสามีอบรมสั่งสองบุตรให้ดี ประพฤติตนให้เหมาะสม!ท่านหมอซุนเอ่ยปากว่า “เจ้ากับข้าจะไปนั่งตรวจไข้ที่ริมถนน แล้วตรวจโรคให้กับคนไข้ที่มาหา”“แต่ไม่ว่าจะเป็นคนไข้คนไหนที่มารักษา ก็ห้ามปฏิเสธทั้งสิ้น”“กำหนดจำนวนอยู่ที่สิบคน ใครที่สามารถรักษาอาการให้คนไข้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาสามวัน ก็จะเป็นผู้ชนะ”“คนที่แพ้ ต้องไสหัวออกไปจากเขตปกครองเจียงหนิง ชั่วชีวิตนี้ห้ามเป็นหมอรักษาคนอีก!”อวิ๋นฝูห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 154

    “หากถึงตอนนั้นแล้วยาสมุนไพรไม่พอ แล้วข้าทำเพียงได้แต่ควักเงินของตัวเองจ่ายออกไปก่อนเล่า!”“สำนักช่วยชีพมั่งมีไปด้วยเงินทองและอำนาจ เงินหนึ่งพันตำลึงนี้ถือว่าน้อยนัก สู้ให้มาสักสองพันตำลึงไม่ดีกว่าหรือ?”ในเวลาเพียงไม่นาน เงินหนึ่งพันตำลึงแปรเปลี่ยนกลายเป็นเงินสองพันตำลึงเสียแล้วนายท่านสวี่รู้สึกได้ว่าตนเองแทบจะหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อเขาโบกมือขึ้นมาแล้วพูดออกไปโต้ง ๆ ว่า “หนึ่งพันตำลึงก็หนึ่งพันตำลึง!”เขาล้วงเสื้อผ้าบนกาย ไม่นานนักก็ล้วงตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมาได้ แล้วยื่นให้อวิ๋นฝูหลิงไปอวิ๋นฝูหลิงรับไปด้วยอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ขอบคุณนายท่านสวี่เป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ!”ต่อให้นำไปซื้อยาสมุนไพร เงินหนึ่งพันตำลึงนี้ก็ใช้ไม่หมดส่วนหลังจากนี้ที่ว่าหากมีเหลือก็คืนให้ หากขาดไปก็ต้องชดนั้น จะคืนน่ะย่อมไม่อาจเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่เงินชดน่ะต้องได้ชดแน่นอน!นึกไม่ถึงเลยว่าร่วมประลองวิชาแพทย์แล้ว นางยังจะถือโอกาสหลอกเอาเงินจำนวนหนึ่งมาจากสำนักช่วยชีพได้ที่อวิ๋นฝูหลิงทำเช่นนี้ อย่างแรกเลยคือเพราะนางเชื่อใจสำนักช่วยชีพไม่ลง กังวลว่าพวกเขาจะเล่นแง่กับยาสมุนไพรอย่างที่สองคือนางคิดจะใช้ย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 155

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นลูกพี่อู๋เดี๋ยวหดมือเดี๋ยวหดเท้าดูไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว ก็อดหัวเราะพลางเอ็ดให้ไม่ได้ “ดูท่าทางเงอะงะของเจ้าสิ!”“ตอนกลับค่อยห่ออาหารขึ้นชื่อของที่นี่กลับไปสักสองสามให้ เอากลับไปให้พวกสวี่ตงได้ลองกินกัน”ลูกพี่อู๋หัวเราะแหะ ๆ “ขอบคุณแม่นางอวิ๋น”ที่นี่เป็นหอสุราอันดับหนึ่งประจำหัวเมืองเลยนา!หากเป็นเมื่อก่อน กระทั่งเขาจะเข้ามาในนี้ยังเข้ามาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเรื่องได้ลิ้มลองอาหารของที่นี่เลยทว่ายามนี้เขากลับได้นั่งกินอาหารบนโต๊ะอยู่ในห้องอาหารนี่ช่างวันชีวิตดี ๆ ที่เมื่อก่อนกระทั่งคิดก็ยังไม่กล้าเลยทีเดียวเชียวไว้กลับไปแล้ว เขาต้องไปคุยโวกับจางซานมู่และพรรคพวกของเขาอีกสองสามคนนั่นสักหน่อยแล้วว่าเขาเองก็เป็นคนที่เคยไปหอจุ้ยเซียนมาก่อนคนหนึ่ง!ครั้นกินมือกลางวันกันเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงก็ไปเลือกสั่งอาหารอร่อย ๆ มาจำนวนหนึ่งเพื่อห่อกลับไปให้พวกสวี่ตงหลังจากออกมาจากหอจุ้ยเซียนแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ไปตลาดม้าล่อที่เมืองบูรพาหนหนึ่งก่อนตลาดม้าล่อเป็นสถานที่ขายปศุสัตว์โดยเฉพาะอวิ๋นฝูหลิงตั้งใจจะซื้อรถม้าคันหนึ่งไว้เป็นพาหนะแทนการเดินเท้าทว่าพอเดินดูตลาดม้าล่อไปรอบหนึ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 156

    นายท่าหางเดินทางไปในครานี้ เกรงว่าพรุ่งนี้เช้านั่นแหละจึงจะกลับมาได้ยังไม่ทันที่ท่านหมอหางจะได้เอ่ยถามไถ่ นายท่านหางก็กระโดดขึ้นรถม้าจากไปแล้วส่วนอวิ๋นฝูหลิงก็นั่งโยกเยกอยู่บนรถม้าไปตลอดทางจนกลับไปถึงหมู่บ้านซวงหลินเรือนของสกุลอวิ๋นกำลังอยู่ในช่วงสร้างใหม่ ยามนี้พอจะเริ่มเห็นเป็นเค้าโครงขึ้นมาแล้วอวิ๋นฝูหลิงเดินดูลานก่อสร้างรอบหนึ่งเพื่อดูความก้าวหน้า และพอทักทายกับทุกคนแล้ว นางจึงไปจัดการกิจของตนเองนางคิดจะจัดการกับยาสมุนไพรในมิติสักเล็กน้อย ลองดูว่ามียาสมุนไพรตัวไหนหยิบออกมาใช้ได้บ้างส่วนลูกพี่อู๋ก็ถือกล่องอาหารไปหาพวกจางซานมู่เทียนเฉวียนหาโอกาสได้ จึงนำเรื่องที่สำนักช่วยชีพจะทำการประลองวิชาแพทย์กับแม่นางอวิ๋นไปรายงานแก่เซียวจิ่งอี้ครั้นเซียวจิ่งอี้ได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฝีมือการแพทย์ของแม่นางอวิ๋นสูงยิ่ง นางกล้ารับคำท้า ก็คงจะเอาชนะได้นั่นแหละ”“แต่กลัวว่าสำนักช่วยชีพจะเล่นลูกไม้ใส่”“นายท่านสวี่ผู้นั้นดำเนินกิจการอยู่ในเขตปกครองเจียงหนิงมานานหลายปี ไม่ว่าจะเส้นสาย เงินทอง หรืออำนาจล้วนเหนือกว่าแม่นางอวิ๋นทุกด้าน”“ในเมื่อพวกเขากล้าเป็นฝ่ายเสนอตัวต้องการประลอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 157

    นายท่านผู้เฒ่าหางนั้นมีอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้ว ผมเผ้าหนวดเคราล้วนขาวโพลนไปหมด ทว่าใบหน้าของเขากลับยังเปล่งปลั่งดูมีชีวิตชีวา เห็นได้ว่าปกติแล้วเขาบำรุงรักษาดูแลตนเองเป็นอย่างดีครั้นรู้ว่าหลานชายมาเยี่ยมหา นายท่านผู้เฒ่าหางก็ตกใจยิ่งนัก“เหตุใดเจ้าถึงกลับมาฉุกละหุกเช่นนี้?”“มาเยี่ยมหาข้านี่มีเรื่องอันใดกัน?”นายท่านหางพยักหน้า เล่าเรื่องที่ท่านหมอซุนแห่งสำนักช่วยชีพต้องการประลองวิชาแพทย์กับแม่นางอวิ๋นในวันพรุ่งนี้ให้ฟังนายท่านผู้เฒ่าเอ่ยถาม “แม่นางอวิ๋นที่ผ่าเปิดท้องคุณชายน้อยสกุลลู่ ทว่าคนกลับมีชีวิตอยู่รอดต่อมาได้ผู้นั้นน่ะหรือ?”เรื่องที่แม่นางอวิ๋นผ่าเปิดท้องช่วยชีวิตคนนั้น ได้กลายเป็นเรื่องเอะอะฮือฮาไปทั่วทั้งหัวเมืองมานานแล้วแม้นายท่านผู้เฒ่าหางจะไม่ชอบออกไปนอกเรือนนัก ทว่ากลับเคยได้ยินได้ฟังมาเช่นกันเขาสนใจขึ้นมาในทันที“ไม่ได้เห็นคนประลองวิชาแพทย์กันมานานหลายปีแล้ว”“พรุ่งนี้ข้าเองก็ไปร่วมชมความครึกครื้นด้วยดีกว่า จะได้เจอแม่นางอวิ๋นในข่าวเล่าข่าวลือผู้นั้น”ที่นายท่านหางเดินทางกลับมาพบนายท่านผู้เฒ่าที่บ้านเดิมครานี้ ก็ด้วยเดิมทีเขาอยากจะถามเรื่องสกุลอวิ๋นจากนายท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 158

    เขาผ่อนลมหายใจ แล้วจึงพูดขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร แค่คนไข้พวกนั้น ก็มาพอที่จะทำให้พวกเราชนะนางแล้ว!”ท่านหมอซุนพยักหน้า มั่นใจเต็มเปี่ยมในการประลองวิชาแพทย์วันพรุ่งนี้จันทราลาลับทินกรทอแสง วันใหม่เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วสกุลอวิ๋นครึกครื้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพราะเมื่อวานลูกพี่อู๋หลุดพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจ สมาชิกสกุลอวิ๋นทุกคนจึงรู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงต้องประลองวิชาแพทย์กับคนอื่นในวันนี้อวิ๋นจิงมั่วโวยวายจะตามไปด้วย เขาจะไปเป็นกำลังใจให้ท่านแม่พวกลูกพี่อู๋ทั้งสี่คนกลัวว่าแม่นางอวิ๋นจะเสียเปรียบ จึงอยากไปด้วยเพื่อช่วยเพิ่มความน่ากริ่งเกรงสุดท้ายแม้กระทั่งเซียวจิ่งอี้ก็แสดงตัวว่าอยากไปด้วยอวิ๋นฝูหลิงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว จึงให้ทุกคนที่อยากไปเดินทางไปด้วยกันมันเสียเลยหลังคนทั้งคณะกินข้าวเช้ากันเรียบร้อย ก็พากันเฮโลตรงดิ่งไปที่หัวเมืองสถานที่ประลองวิชาแพทย์จัดขึ้นที่ปากทางถนนใหญ่บูรพาวิถีถนนใหญ่บูรพาวิถีเป็นถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดประจำหัวเมือง มีร้านรวงตั้งอยู่มากมาย สำนักผิงอัน สำนักช่วยชีพ และสำนักแพทย์อื่น ๆ ก็ตั้งอยู่บริเวณใกล้ ๆแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน แต่ข

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 634

    ยามที่กินบะหมี่ เมื่อตะเกียบสัมผัสกับน้ำบะหมี่ ก็ถูกพิษในตะเกียบ แทรกซึมเข้าไปในน้ำน้ำบะหมี่ที่เดิมทีไม่มีพิษ ก็กลายเป็นมีพิษโดยพลันหลังจากอวิ๋นฝูหลิงอธิบาย ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าน้ำบะหมี่ชามนั้นมีพิษได้อย่างไรเซียวจิ่งอี้หัวเราะเยาะคราหนึ่ง และกล่าวว่า “ช่างความคิดดีเสียจริง!”เขามองเวินเจา ในแววตาราวกับกำลังรู้สึกสงสารเห็นใจยามนี้เวินเจาก็เข้าใจโดยสมบูรณ์แล้วเช่นกันไม่ใช่เซียวจิ่งอี้ที่วางแผนร้ายต่อเขา แต่เป็นคนของพวกตนเองที่หมายจะฆ่าเขา!เมื่อได้เห็นความเวทนาในแววตาของเซียวจิ่งอี้อีกครั้ง หัวใจของเวินเจาก็ราวกับถูกลูกศรนับหมื่นทิ่มแทง ความเชื่อที่ยึดมั่นมานานพังทลายลงโดยพลันทั้งร่างของเขาก็พังทลายลงทันที ทันใดนั้นก็พุ่งพรวดกระโจนเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นที่วางยาพิษ“เพราะเหตุใด?”“ข้าคือนายน้อยของพวกเจ้า!”“พวกเจ้ากล้าทรยศ หมายจะลอบสังหารกษัตริย์ได้อย่างไร!”“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร?”เหล่าองครักษ์ด้านข้างลงมือว่องไว ควบคุมตัวเวินเจาได้ทันเวลาเวินเจาแม้จะถูกคนกดไว้ แต่กลับยังดิ้นรนคำรามอย่างห้ามไม่ได้เรื่องเช่นนี้ เกรงว่าไม่ว่าเปลี่ยนไปเป็นผู้ใด ก็ล้วนไม่อาจยอมรับได้ทั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 633

    เซียวจิ่งอี้มองร่างไร้วิญญาณทั้งสองร่าง ก็เข้าใจทันทีเขาชี้ไปทางเทียนเฉวียนเทียนเฉวียนเข้าใจความนัย และเดินไปทางสตรีผู้ช่วยคนนั้นโดยพลันหลังจากตรวจสอบใบหน้าของนางครู่หนึ่ง ก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์แผ่นหนึ่งออกมาเทียนเฉวียนทำแบบเดิม ไม่นานก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าของผู้ช่วยอีกคนออกมาผู้ดูแลมองไปที่ใบหน้าไม่คุ้นเคยของทั้งสองคนภายใต้หน้ากากหนังมนุษย์ ก่อนจะมองไปยังร่างไร้วิญญาณของเพื่อนบ้านด้านข้างซึ่งเย็นเฉียบแล้ว ในใจไหนเลยจะยังมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีกเจ้าคนชั่วสมควรตายนี่ สังหารผู้ช่วยที่เขาเชิญมา และปลอมตัวเป็นพวกเขาเข้ามาในจุดพักแรมทางการโชคดีที่เป้าหมายของพวกเขาเป็นเพียงนักโทษหากวันนี้ผู้ที่ถูกวางยาพิษคืออี้อ๋อง...แผ่นหลังของผู้ดูแลจุดพักแรมทางการเย็นวาบขึ้นมา ไม่กล้าคิดต่อในขณะนั้นเอง เวินเจาก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมาสายตาของเขาพร่ามัว ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดไปขณะหนึ่งไม่นานเขาก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองหมดสติไป เพราะปวดท้องน้อยมากจนทนไม่ไหว อีกทั้งยังมีเลือดสีดำไหลออกมาจากปากและจมูกของเขาไม่หยุดเช่นนั้นเขาตายแล้วหรือ?ถูกคนวางยาพิษจนตายหรือ?ผู้ใดหมาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status