แชร์

บทที่ 477

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
น้ำเสียงของฮ่องเต้จิ่งผิงธรรมดา ราวกับเพียงแค่ตรัสถามอย่างไม่ยี่หระ

สีหน้าของชุยไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อย กำลังจะเอ่ย อวิ๋นฝูหลิงกลับชิงตอบก่อนก้าวหนึ่ง

“ทูลฝ่าบาท แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันปรนนิบัติคนป่วย ทำให้ยังไม่คุ้นชิน แต่เสด็จย่ามีเมตตายิ่ง จึงไม่ถือสาหม่อมฉันเพคะ”

“ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะคนรุ่นหลัง การยกชารินน้ำ ปรนนิบัติถ่ายหนักถ่ายเบาเพื่อเสด็จย่า ก็เป็นการแสดงความกตัญญูที่สมควรแล้วเพคะ”

“เมื่อครู่เสด็จย่ายังชมหม่อมฉันเกินจริง บอกว่านางชอบกินเมล็ดสน หม่อมฉันจึงปอกเปลือกใส่ถ้วยใหญ่ให้ใบหนึ่ง เสด็จย่าก็ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง”

ชุยไทเฮาได้ยินมุมปากก็กระตุกเล็กน้อย

อย่าคิดว่านางฟังไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงมิได้จะบอกว่านางมีเมตตา เห็นได้ชัดว่าเป็นการแอบขยายความเกินจริง ร้องทุกข์แก่ฮ่องเต้จิ่งผิง

นางคิดไม่ถึงเลยว่าอวิ๋นฝูหลิงจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้านาง

สาวน้อยผู้นี้ไม่กลัวนางเลยหรือ?

แววตาของฮ่องเต้จิ่งผิงมืดครึ้มเล็กน้อย ทว่าท่าทีและน้ำเสียงกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว ราวกับเป็นคำพูดไร้สาระ และกล่าวอย่างเฉยชา “พระชายาอี้อ๋องทำงานหนักทีเดียว”

“งานจิ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 478

    เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้จิ่งผิงก็มองบางสิ่งออกเพียงแต่บางเรื่อง ไม่อาจแสดงออกชัดเจนเกินไปได้เซียวจิ่งอี้นึกถึงรอยยิ้มเชื่อมั่นในตัวเองอันงดงามของอวิ๋นฝูหลิง หัวใจก็กลับมาเต้นจังหวะปกติ“เสด็จพ่อ ใกล้ถึงเวลาลงกลอนประตูวังแล้ว ยามนี้ลูกต้องขอพาจิงมั่วออกจากวังก่อนพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้จิ่งผิงโบกมือเซียวจิ่งอี้กับเซียวจิงมั่วโค้งคำนับก่อนจะจากไปหลังมองส่งสองพ่อลูกจนลับสายตา ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ประทับบนรถพระที่นั่งอีกครา และกลับไปยังตำหนักจื่อเฉินเซียวจิ่งอี้ไม่สบายใจที่จะปล่อยให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ในวังหลวงคนเดียว แต่เขาก็ไม่สะดวกจะอยู่ต่อเช่นกันด้วยเหตุนี้ ก่อนออกจากวังหลวง เซียวจิ่งอี้จึงเรียกองครักษ์ลับซึ่งติดตามมาตลอด ให้พวกเขาทั้งหมดอยู่ในวังหลวง เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของอวิ๋นฝูหลิงแม้แต่เทียนเฉวียนที่เปลี่ยนจากทำงานในที่ลับมาเป็นที่แจ้ง ก็ยังถูกเซียวจิ่งอี้ทิ้งไว้ในวังหลวงเช่นกันหลังออกจากประตูวังหลวง ก็นั่งรถม้ากลับไปที่จวนอี้อ๋อง จิงมั่วจึงเพิ่งถามออกมาว่า “ท่านพ่อ ไทเฮาจงใจให้ท่านแม่อยู่ต่อ เพราะอยากรังแกท่านแม่หรือ?”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “เหตุใดจึงพูดเช่นนี้?”จิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 479

    ยาต้มที่ทั้งขมทั้งฝาดไหลเข้าปากชุยไทเฮาดื่มไปเพียงอึกเดียว ก็ขมวดคิ้วแน่น“ยาคืนนี้ เหตุใดจึงขมถึงเพียงนี้?”อวิ๋นฝูหลิงคิดในใจว่าย่อมต้องขมอยู่แล้วนางจงใจไปหาพวกโอวหยางหมิงและหมอหลวงเพื่อหารือเรื่องจ่ายยา และใช้หวงเหลียนมากกว่าก่อนหน้านี้สองเท่า หากไม่ขมก็แปลกแล้ว!ใบสั่งยาของนาง ก็เหมาะกับอาการป่วยของชุยไทเฮาด้วยแม้ว่าหมอหลวงทั้งสำนักหมอหลวงจะล้วนเข้ามาตรวจอาการแล้ว ก็ยังไม่พบจุดผิดปกติยิ่งไปกว่านั้นเหล่าหมอหลวงที่รับผิดชอบรักษาชุยไทเฮา ก็แทบรอไม่ไหวที่จะใช้ใบสั่งยาที่ยอดเยี่ยมกว่าของอวิ๋นฝูหลิงถึงอย่างไรพวกเขาก็อยากรักษาชุยไทเฮาให้หายดีโดยเร็วที่สุดแม้อาการป่วยจะหายดี ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาหากอาการป่วยของไทเฮาผ่านไปนานแล้วยังไม่ดีขึ้น เบื้องบนย่อมโทษว่าพวกเขาทักษะแพทย์ไม่ดีพอ และถูกมองว่าไร้ค่า จนแม้แต่ชีวิตน้อย ๆ ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ส่วนเรื่องที่ยาต้มขมเกินไป โธ่ถัง ยารสขมย่อมดีต่ออาการป่วย ไหนเลยจะมียาที่ไม่ขมซางเถาเห็นชุยไทเฮาไม่ยอมดื่มยา ทั้งยังโกรธเกรี้ยวอีกด้วยถึงอย่างไรช่วงนี้ชุยไทเฮาก็สุขภาพแย่ลงเรื่อย ๆ จนแทบจะต้องกินยาตลอดยาต้มรสชาติไม่ดี ดังนั้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 480

    ชุยไทเฮาเดือดดาลเป็นอย่างมาก “ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรือว่าอย่าปลุกข้าอีก!”อวิ๋นฝูหลิงยกถ้วยยา “ไทเฮา ทางด้านโรงโอสถหลวงนำยาที่ต้มเสร็จแล้วมาส่งเพคะ”“การดื่มยาเป็นเรื่องสำคัญ จะล่าช้าไม่ได้เพคะ”พูดจบ นางก็หันไปมองซางเถา “ซางเถากูกู ข้าล้วนทำเพื่อไทเฮา ท่านว่าจริงหรือไม่?”ซางเถา “...”อวิ๋นฝูหลิงอ้างว่าทำเพื่อไทเฮา คำพูดที่กล่าวล้วนไม่มีส่วนที่ผิดแม้แต่น้อยซางเถามองออกลาง ๆ ว่ากำลังเกิดบางสิ่งขึ้นแต่นางไม่กล้าเชื่อว่า อวิ๋นฝูหลิงจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าตอบโต้ไทเฮาแน่นอนว่าคงเป็นการคิดไปเอง น่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นซางเถาเห็นอวิ๋นฝูหลิงถือถ้วยยา ขณะมองตรงมาที่นาง ราวกับรอให้นางเอ่ยปากซางเถาจะพูดสิ่งใดได้ นางทำได้เพียงโน้มน้าวชุยไทเฮาให้ดื่มยาก่อนค่ำคืนนี้ ชุยไทเฮาเรียกได้ว่าลำบากเป็นอย่างยิ่งทุกครั้งที่เพิ่งหลับ ก็จะถูกอวิ๋นฝูหลิงเรียกให้ตื่นผ่านไปครู่หนึ่งก็ป้อนน้ำให้นางดื่ม ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถามว่านางอยากไปเข้าห้องน้ำหรือไม่ บางครั้งก็จะนวดไหล่นวดขาให้นาง วุ่นวายจนชุยไทเฮาทุกข์ใจชุยไทเฮาเพิ่งจะรู้สึกตัวในยามนี้มิน่าเล่า อวิ๋นฝูหลิงจึงเป็นฝ่ายอยาก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 481

    ยังจะมีวิธีใดดีไปกว่ามอบสมรสพระราชทานให้แก่เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง?ฮ่องเต้จิ่งผิงถูกคำพูดไม่กี่คำของชุยไทเฮาทำให้เงียบไปจริงทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ชุยไทเฮาคาดหวังตำแหน่งพระชายาเอกของเซียวจิ่งอี้ถูกหญิงกำพร้าที่เกิดมามีชาติกำเนิด ทว่ากลับไม่มีอำนาจอันใดเลยครอบครอง และเรื่องการจับการร่วมประเวณีนั้น ก็ไม่เป็นผลดีต่อเซียวจิ่งอี้เองเท่าไรนักด้วยเหตุนี้ แผนที่เดิมทีฮ่องเต้จิ่งผิงต้องการแต่งตั้งให้เซียวจิ่งอี้เป็นองค์รัชทายาทก็ต้องล้มเลิกไปเซียวจิ่งอี้ออกจากเมืองหลวงไปสู่ชายแดนเหนือเพียงครั้งเดียวก็กินเวลาไปห้าปีชุยไทเฮาไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่า สถานการณ์ได้เปรียบส่วนใหญ่ที่นางสิ้นเปลืองความคิดวางแผนไปต่าง ๆ นานา กลับถูกทำลายเพราะอวิ๋นฝูหลิงกลับเมืองหลวงนางประเมินอวิ๋นฝูหลิงต่ำไปจริงๆ!ขนาดวันนี้ที่นางสร้างอุบายเพื่อสั่งสอนอวิ๋นฝูหลิง ใครจะไปคาดคิดว่านางจะเป็นฝ่ายถูกอวิ๋นฝูหลิงเคี่ยวกรำกลับมาจนร่างกายเฒ่าชรานี้แทบพังชุยไทเฮาทนรับไม่ไหวจริง ๆ ทำได้เพียงหยุดพักความคิดไว้ก่อนชั่วคราว“พระชายาอี้อ๋องยุ่งมาทั้งวันแล้ว ลงไปพักผ่อนก่อนเถิด”เดิมทีอวิ๋นฝูหลิงหมายมั่น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 482

    นึกถึงการกระทำของอวิ๋นฝูหลิงเมื่อครู่นี้ เซียวจิ่งอี้ไม่เพียงไม่โกรธเคือง ทว่ากลับกล่าวชมเสียด้วยซ้ำ “เมื่อครู่นี้ไม่เลวเลย มีความระวังตัวสูง คราวหน้าหากข้าไม่ได้อยู่ข้างกายเจ้า ก็ต้องระมัดระวังตัวเช่นวันนี้”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น หัวใจทั้งดวงราวกับแช่อยู่ในน้ำผสมน้ำผึ้งก็ไม่ปาน มันทั้งหวานทั้งอบอุ่นนางกอดเอวเซียวจิ่งอี้ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง เขย่งเท้ามอบจุมพิตแก่เขา“ข้ายังสบายดีน่า!”จากนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเล่าเรื่องราวในวันนี้ที่เกิดขึ้นในตำหนักโซ่วคังทุกเรื่อง ให้เซียวจิ่งอี้ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนแม้ว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะรับมือเฉพาะหน้า ทำให้ลูกคิดในรางที่ชุยไทเฮาดีดไว้ไม่เป็นไปตามหวัง ทั้งยังทรมานชุยไทเฮากลับไปได้หนึ่งครั้งทว่าหลังจากที่เซียวจิ่งอี้ได้ฟังแล้ว กลับภูมิใจระคนปวดใจ“ล้วนเป็นข้าที่ไม่ดี...”อวิ๋นฝูหลิงตัดบทเซียวจิ่งอี้ “พูดไร้สาระอันใดกัน? ท่านเล่นงานจวนเฉิงเอินกงก็ทำไปเพื่อแก้แค้นให้ข้าทั้งนั้น”“พวกเราสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน ย่อมมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน”“องค์ชายสามเห็นท่านเป็นหนามยอกอก ชุยไทเฮาสิ้นญาติเช่นเจียงโจวอ๋องไปแล้ว ต้องสนับสนุนองค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 483

    อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว และไม่ได้พูดอันใดออกไปมากนักในยามนี้ไม่นานนัก ข้าราชบริพารก็ยกน้ำร้อน ผ้าขนหนู เกลือสีเขียว และข้าวของสำหรับล้างหน้าเข้ามาครั้นอวิ๋นฝูหลิงล้างหน้าล้างตาเสร็จ จึงตรงไปยังห้องบรรทมของชุยไทเฮาซางเถาเห็นนางมา ก็รีบก้าวมาคารวะทันทีอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ไทเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”ซางเถา “ไทเฮายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”เมื่อคืนถูกอวิ๋นฝูหลิงทรมาน ทำให้ชุยไทเฮานอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืนกระทั่งใกล้ฟ้าสาง ถึงจะหลับสนิทอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจแจ่มแจ้ง มิน่าถึงไม่มีคนไปเรียกนาง“เช่นนั้นข้าขอตัวไปโรงโอสถหลวงสักหน่อย จะได้ดูโอสถที่องค์ไทเฮาต้องเสวยในวันนี้”เมื่อวานซางเถาถือว่าได้ประสบกับความเก่งกาจของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ย่อมไม่มีข้อโต้แย้งอวิ๋นฝูหลิงจึงไปสำนักหมอหลวงกับโรงโอสถหลวงอย่างเปิดเผยเข้าวังก็ตั้งหลายครั้งหลายหน ทว่านางยังไม่เคยไปเยือนสำนักหมอหลวงกับโรงโอสถหลวงเลยสำนักหมอหลวงอยู่ค่อนข้างใกล้ อวิ๋นฝูหลิงจึงไปสำนักหมอหลวงก่อนบัดนี้อวิ๋นฝูหลิงนับได้ว่าเป็นหมอเลื่องชื่อไม่น้อยในเมืองหลวง กอปรกับฐานะพระชายาอี้อ๋องและผู้สืบทอดสกุลอวิ๋นมาหนุนนำรัศมี ไหนยังจะมีโอวหยางหมิง จงฮุ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status