Share

บทที่ 87

Author: หลันซานอวี่
คนทั้งกลุ่มใช้เวลาก่อนฟ้ามืดลง ในที่สุดก็มาจนถึงหมู่บ้านได้สำเร็จ

ทันทีที่เข้าใกล้ ก็ถูกคนเฝ้าปากทางเข้าหมู่บ้านขวางเอาไว้ “พวกเจ้าเป็นใคร?”

หัวหน้าหมู่บ้านโจวรีบเดินขึ้นนำเพื่ออธิบาย “พวกเราเป็นชาวหมู่บ้านหลินซาน ฝายเจียงหลิงแตกทลายน้ำจึงทะลักท่วมหมู่บ้านของพวกเราจนหมดสิ้น พวกเราไร้ทางเลือก จึงจำต้องปีนสันข้ามเขามา หาหนทางจะออกไปจากภูเขาเฟิงลั่ว”

“ระหว่างทางพวกเราเจอเสือขาว บาดเจ็บกันไปไม่น้อย พอเห็นว่าที่นี่มีหมู่บ้าน จึงอยากมาถามไถ่ว่าพอจะให้เราพักด้วยสักระยะเพื่อรักษาอาการได้หรือไม่?”

คนเฝ้าปากทางสองคนมองหน้ากัน ในแววตาดูคลายความหวาดระแวงลงหลายส่วน

หนึ่งในนั้นเป็นชายหนวดเคราเฟิ้มหันมายิ้มให้ “มิน่าเล่า ก่อนนี้พวกเราจึงได้ยินเสียงเสือคำรามร้อง”

“หมู่บ้านของเรามีบ้านว่างอยู่หลายหลังพอดีเชียว ให้พวกเจ้าใช้พักรักษาตัวกันได้”

เขาหันไปส่งสายตาให้ชายหนุ่มข้างกาย “ซานจื่อ เจ้ารีบไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน”

ชายนามว่าซานจื่อพยักหน้ารับ หุนหันวิ่งออกไปทันที

ชายหนวดเคราเฟิ้มเอ่ย “ข้ามีนามว่าหลิวเฟิง พวกเจ้าตามข้ามาเถิด”

สีหน้าหัวหน้าหมู่บ้านโจวเต็มด้วยซาบซึ้งขอบคุณ หลังกล่าวขอบคุณแล้ว ก็เร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 88

    อวิ๋นฝูหลิงรีบร้องห้าม “วางลง!”ลูกพี่อู๋เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจเซียวจิ่งอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ถ้าไม่อยากตาย ก็อย่าแตะต้องของพวกนี้จะดีกว่า!”มือของลูกพี่อู๋สั่นเทา ช้อนในมือพลันหล่นลงไปในหม้อ“น้ำ...น้ำแกงนี่มีพิษงั้นหรือ?” เขาพูดตะกุกตะกักขึ้นโดยไม่รู้ตัวอวิ๋นฝูหลิงตรวจสอบน้ำแกงเนื้อและขนมเปี๊ยะโดยละเอียดก่อนจะกล่าว “ในน้ำแกงเนื้อและขนมเปี๊ยะล้วนมียาใส่เข้าไป ทว่าเป็นเพียงยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรงเท่านั้น ปริมาณไม่มาก หาได้มีพิษร้าย” จางซานมู่ตีสีหน้าเคร่ง “หรือว่าหมู่บ้านนี้จะเป็นหมู่บ้านโจร? พวกเขาวางยาเพราะอยากปล้นทรัพย์สินพวกเรา?”อวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิ่งอี้สบตากัน ต่างรู้กันว่าสองคนระแวงสงสัยในสิ่งเดียวกันอยู่ก่อนแล้วอวิ๋นฝูหลิงกล่าว “พวกเจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่าหมู่บ้านนี้มีแต่ชายหนุ่มกำยำแข็งแรง ไม่มีผู้หญิงหรือเด็กเลย”“หากเป็นหมู่บ้านทั่วไปก็ควรจะประกอบด้วยผู้เฒ่าผู้แก่และแม่ลูกมิใช่หรือ?”“อีกทั้งท่าทีของพวกเขายังต้อนรับขับสู้มากจนเกินไป!”เซียวจิ่งอี้ต่อว่าต่อ “รวมถึงสายตาของพวกเขาด้วย พวกเขามองพวกเราด้วยสายตาแปลกพิกล ราวกับว่าเลือกเฟ้นสิ่งของอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 89

    หลิวเฟิงตอบรับคำสั่งทันที “หัวหน้าวางใจได้เลย พวกเราทำงานรอบคอบอยู่แล้ว พวกมันไม่มีทางสงสัยแน่”“อีกอย่างต่อให้สงสัย ก้าวมาหาเราแล้วก็อย่าหวังจะได้ออกไปอีก!"หัวหน้าหมู่บ้านหม่าหัวเราะลั่น “เจ้าพูดถูก!”“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเร่งให้ส่งของออกไป ทว่าคนของผู้ดูแลเฉียนไม่เพียงพอ ข้าได้ยินเขาพร่ำบ่นหลายต่อหลายครั้งแล้ว” “พวกเราส่งคนพวกนี้ไป ผู้ดูแลเฉียนจะต้องดีใจเป็นแน่ หากเขาช่วยพูดกับท่านจอมปราชญ์เรื่องพวกเราสักหน่อยแล้วล่ะก็ ต่อไปเราก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มกันอีกแล้ว”“ท่านจอมปราชญ์เป็นคนโปรดของท่านอ๋อง เพียงประโยคเดียวที่เขาพูดก็มีผลเทียบเท่าสิบคำพูดของผู้อื่นแล้ว”“ทุกคืนทุกวันซุกหัวอยู่ในที่ที่แม้แต่นกยังไม่ถ่ายมูลแบบนี้ ข้าเบื่อจนเต็มทนแล้ว!"หลิวเฟิงไม่รอช้ารีบประจบประแจง“พวกเราดูแลรอบนอก ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ เลี่ยงไม่ให้เรื่องเหมืองแร่แพร่งพรายออกไป ก็นับว่าทำงานหนักสร้างประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน”“วันข้างหน้าเมื่อถึงยามให้บำเหน็จตามความชอบย่อมไม่อาจขาดส่วนของพวกเราไปได้!”เรือนคิ้วเซียวจิ่งอี้ขมวดมุ่น ในใจกลับปั่นป่วนราวคลื่นพายุโถมเข้าใส่เหมืองแร่งั้นหรือ? เหมืองแร่อะไรกัน?

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 90

    “ข้าไปเดินดูตามบ้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนยา คนในหมู่บ้านนี้ต่างไม่ได้ขัดขวางอะไรข้า แต่ข้ารู้สึกได้ว่ามีคนคอยจับตาดูเราอยู่ตลอด”ที่อวิ๋นฝูหลิงออกไปเดินวนในครั้งนี้ ถึงจะเป็นเพียงการทดลอง แต่ก็เพราะห่วงใยคนเจ็บอยู่ด้วยเช่นกันโดยเฉพาะหลายคนที่อาการเจ็บค่อนไปทางสาหัสในจำนวนนั้นคนที่ทำให้อวิ๋นฝูหลิงกังวลมากที่สุดก็คือหวังเอ้อร์เหอที่เพิ่งผ่านการเย็บสมานแผล เขาอยู่ในช่วงสำคัญที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเล่าเรื่องราวฝั่งของตนจบแล้วเสร็จ ก็ถามเซียวจิ่งอี้กลับว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สืบได้ข่าวคราวว่าอย่างไรบ้าง?เซียวจิ่งอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ดีว่าเบื้องหลังของเรื่องราวโยงใยเกี่ยวพันใหญ่โต จึงไม่ควรให้ฝูหลิงซึ่งเป็นเพียงหญิงธรรมดาเข้ามาเกี่ยวข้องทว่าเมื่อเขาสบเข้ากับสายตาเฉียบคมหลักแหลมคู่นั้นของนางเข้า ก็ราวกับผีสิงวิญญาณเข้า ทำเอาเขานำความที่ได้ยินมาทั้งหมดบอกกับอวิ๋นฝูหลิงไปเมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ฟังว่าคนพวกนี้มีแผนจะส่งผู้ชายไปทำงานในเหมืองแร่ ส่วนผู้หญิงจะถูกย่ำยีเล่นสนุกก่อนจะส่งไปขายที่ซ่อง ส่วนเด็กน้อยก็จะถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด ก็พลันโกรธจนสองตาแดงก่ำ“พวกชั่วช้าสาม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 91

    เซียวจิ่งอี้ไปถึงนอกหมู่บ้าน หยิบขลุ่ยทองแดงเลาหนึ่งที่ทำขึ้นพิเศษออกมาเป่าสองสามครั้งผ่านไปครู่เดียว ก็มีร่างเงาสายหนึ่งปรากฏตัวอย่างเงียบๆ“ข้าน้อยเทียนจี คารวะนายท่าน!”เซียวจิ่งอี้เก็บขลุ่ยทองแดงแล้วกล่าวถาม “ทำงานที่มอบหมายให้พวกเจ้าเสร็จหมดหรือยัง?”เทียนจีกล่าวตอบอย่างนอบน้อม “เรียนนายท่าน ติดต่อกับผู้บัญชาการจั่วได้แล้วขอรับ”“ตอนนี้ผู้บัญชาการจั่วถึงเจียงโจวแล้ว เขาฝากข้าน้อยมาบอกนายท่านว่า นายท่านอยากทำอะไรก็ทำเต็มที่เลย!”“ผู้บัญชาการจั่วยังบอกอีกว่า เริ่มมีเบาะแสเรื่องการลอบสังหารแล้ว หลังจากพบกับนายท่านแล้ว ค่อยคุยรายละเอียดกับนายท่านขอรับ”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าสมัยที่จั่วเยี่ยนตกต่ำ เข้าตาจนไม่มีทางให้ไป เซียวจิ่งอี้พบโดยบังเอิญจึงได้ช่วยเหลือเขาบุญคุณครั้งนี้ แลกมากับการตอบแทนที่จงรักภักดีนอกจากคนสนิทของเขา ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงจั่วเยี่ยนเป็นคนของเขาหลายปีนี้เขาออกจากเมืองหลวงไปประจำการที่ด่านชายแดน แต่ยังสามารถรับรู้เหตุการณ์ในเมืองหลวงและสถานการณ์ในราชสำนักอย่างชัดเจน หนึ่งในนั้นก็มีผลงานของจั่วเยี่ยน“ติดต่อคนของพวกเรา รอรับคำสั่งรอบนอกเขาเฟิ่งลั่ว”“

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 92

    เซียวจิ่งอี้คอยสังเกตสถานการณ์โดยรอบอยู่ที่ข้างนอกอย่างละเอียด ไม่นาน ทางเหมืองแร่ก็มีการเคลื่อนไหวเห็นเพียงเกวียนสิบกว่าคันทยอยแล่นออกไป และมีผ้าน้ำมันสีดำคลุมอยู่บนเกวียนทุกคันหลังจากเกวียนแล่นผ่าน ได้ทิ้งรอยล้อลึกสายหนึ่งไว้ จะเห็นได้ว่าของที่อยู่บนเกวียนมีน้ำหนักมากเกวียนแต่ละคันมีคนคุ้มกันอย่างน้อยสี่คน ทั้งขบวนเกวียนรวมกัน มีประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนเซียวจิ่งอี้ออกคำสั่งกับไคหยางและเทียนซูทันที“พวกเจ้าสองคนตามไป สืบให้รู้ว่าขบวนเกวียนนี้ไปที่ไหน และขนของอะไรบนเกวียน?”ไคหยางกับเทียนจีรับคำสั่งก็ออกไปทันทีหลักจากทั้งสองไปแล้ว ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เทียนจีที่รับคำสั่งไปดูลาดเลาในเหมืองแร่จึงจะกลับมา“นายท่าน ข้าน้อยเข้าไปสำรวจแล้ว เหมืองแร่แห่งนี้ลึกมาก ดูจากร่องรอยของการขุด ขุดมาแล้วอย่างน้อยสามปีขอรับ”“เฉพาะคนงานเหมืองที่อยู่ข้างใน ก็มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน”“โดยรอบของเหมือนแร่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา คนคุ้มกันก็ไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่สามารถบุกเข้าไปได้ง่ายๆ”“ข้าน้อยได้แอบนำหินแร่ออกมาด้วยสองสามก้อนขอรับ”เทียนจีส่งหินแร่ที่นำออกมาให้เขาเมื่อเซียวจิ่งอี้รับม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 93

    “เช้าวันนี้ข้าไปขอน้ำกับคนในหมู่บ้านหนึ่งกาเพื่อต้มชา กลับพบว่าในน้ำมีกลิ่นของหญ้าไม้เมา”“แม้กลิ่นจางมาก ปริมาณที่ใช้ไม่เยอะ แต่ข้าคลุกคลีกับสมุนไพรมาสามสิบกว่าปีแล้ว ไม่ผิดแน่นอน!”นายท่านหานพูดยังไม่ทันสิ้นเสียง อวิ๋นฝูหลิงก็กล่าวต่อ“ไม่เพียงน้ำที่ส่งมาเมื่อเช้า ในน้ำแกงเนื้อกับขนมแป้งที่ส่งมาเมื่อคืน ก็มีการใส่หญ้าไม้เมาเล็กน้อยเช่นกัน!”พลันนายท่านหางตกใจมากทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเดิมทีกลิ่นของหญ้าไม้เมาก็ไม่ได้ฉุนมากนักและเมื่อคืนก็มีกลิ่นของน้ำเก่งเนื้อกับขนมแป้งปกปิด กลิ่นของหญ้าไม้เมาก็ย่อมถูกกลบ ประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการสู้กับเสือขาว เขาจึงไม่ทันสังเกตคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับสังเกตเห็นมันหัวหน้าหมู่บ้านโจวลนลานอย่างเห็นได้ชัดทันที “แม่นางอวิ๋น เจ้าพบว่ามีพิษในอาหาร เหตุใดจึงไม่บอกทุกคนล่ะ?”นายท่านหานตบไหล่ของหัวหน้าหมู่บ้านโจว พลางกล่าวปลอบใจเขา “เจ้าใจเย็นๆ ก่อน หญ้าไม้เมาไม่นับเป็นพิษ แค่จะทำให้ไร้เรี่ยวแรงเท่านั้น”“ปริมาณที่พวกเขาใช้น้อยเช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องสามถึงสี่วัน จึงจะสังเกตเห็นอาการ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ข้ากลัวแหวกหญ้าให้งูต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 94

    เมื่อพวกเขาสอบถาผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ก็เข้าใจสาเหตุความเป็นมาแล้วหัวหน้าหมู่บ้านหม่าเพิ่งจะเคยได้ยินครั้งแรกว่าหนังท้องถูกผ่าจนเปิด ยังสามารถเย็บด้วยเข็มกับด้าย อีกทั้งเย็บเสร็จแล้วยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ“ในโลกนี้มีฝีมือการแพทย์เช่นนี้ด้วย?”เขาทำหน้าตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าชักจะไม่ดีแล้ว “แย่แล้ว ฝีมือการแพทย์ของผู้หญิงคนนั้นสูงส่งเช่นนี้ แล้วนางจะไม่รู้เรื่องที่พวกเราวางยาหรือ?” หลิวเฟิงก็สงสัยเรื่องนี้ จึงรีบมารายงาน“หัวหน้า ตอนนี้พวกเราทำอย่างไรดี?”หัวหน้าหมู่บ้านหม่าหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เตือนตัวเองให้ใจเย็นๆ“อย่าตื่นตระหนก พวกเขารู้ว่าถูกพวกเราวางยา แต่เหตุใดจึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลย?”“ไม่เพียงไม่มาโวยวายกับพวกเรา และไม่มีท่าทีที่จะจากไป?”หลิวเฟิงหรี่ตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็กล่าว “หรือว่ามีแผนอื่น? หรือไม่ก็ไม่รู้ตัวว่าถูกพวกเราวางยา?”อย่างไรเสียยาที่พวกเขาใช้ก็น้อยมาก ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายๆทั้งหมดนี้เพราะฝ่ายตรงข้ามมีคนเยอะเกินไป อีกทั้งยังสามารถฆ่ากระทั่งเสือ ดูแล้วเหี้ยมโหดมากถ้าหากลงมือโดยตรง พวกเขาไม่มั่นใจว่าสามารถจับคนทั้งหมด ดังนั้นจึงใช้วิธีวางย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 95

    “ช่วยข้าด้วย!”“แม่นางอวิ๋น เจ้าไม่ช่วยข้า คิดว่าโจรป่าพวกนี้จะปล่อยพวกเจ้าหรือ?”“ทุกคนจะตายกันหมด!”อวิ๋นฝูหลิงตะโกนสุดเสียง ทำให้คนหมู่บ้านหลิงซานที่กำลังพักผ่อนในห้องตกใจมีคนออกมาตรวจดู หลังจากเห็นอวิ๋นซานหูก็ตกใจยกใหญ่ พร้อมกับโพล่งออกจากปาก “แม่นางซานหู เจ้าไปก่อนแล้วไม่ใช่หรือ มาอยู่นี่ได้อย่างไร?”กลุ่มคนที่จับอวิ๋นซานหู มองพวกอวิ๋นฝูหลิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปฉับพลันคราวนี้พวกเขารู้แล้ว อวิ๋นซานหูกับพวกอวิ๋นฝูหลิงรู้จักกันเช่นนั้นคำพูดที่พวกเขาแต่งขึ้นเมื่อครู่ก็ดูน่าขำมากแล้ว!สำหรับอวิ๋นซานหู นางยังจะมีเวลาอะไรไปสนใจบุญคุณความแค้นระหว่างนางกับอวิ๋นฝูหลิง การเอาชีวิตรอดจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้แม้กระทั่งเพื่อความอยู่รอด นางยอมก้มหัวขอความช่วยเหลือจากอวิ๋นฝูหลิงทว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับกำลังด่าอวิ๋นซานหูที่โง่เขลาคนนี้อย่างบ้าคลั่งการกระทำทั้งหมดนี้ของนาง ทำให้แผนนิ่งสยบความเคลื่อนไหวของอวิ๋นฝูหลิงพังไม่เป็นท่าและลากพวกเขาทั้งหมดเข้าไปในเหวที่อันตรายโดยตรงชั่วขณะที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน โดยรอบเงียบสงัด มีเพียงเสียงตะโกนของอวิ๋นซานหูพลัน ‘ซานจื่อ’ ชายที่

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 634

    ยามที่กินบะหมี่ เมื่อตะเกียบสัมผัสกับน้ำบะหมี่ ก็ถูกพิษในตะเกียบ แทรกซึมเข้าไปในน้ำน้ำบะหมี่ที่เดิมทีไม่มีพิษ ก็กลายเป็นมีพิษโดยพลันหลังจากอวิ๋นฝูหลิงอธิบาย ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าน้ำบะหมี่ชามนั้นมีพิษได้อย่างไรเซียวจิ่งอี้หัวเราะเยาะคราหนึ่ง และกล่าวว่า “ช่างความคิดดีเสียจริง!”เขามองเวินเจา ในแววตาราวกับกำลังรู้สึกสงสารเห็นใจยามนี้เวินเจาก็เข้าใจโดยสมบูรณ์แล้วเช่นกันไม่ใช่เซียวจิ่งอี้ที่วางแผนร้ายต่อเขา แต่เป็นคนของพวกตนเองที่หมายจะฆ่าเขา!เมื่อได้เห็นความเวทนาในแววตาของเซียวจิ่งอี้อีกครั้ง หัวใจของเวินเจาก็ราวกับถูกลูกศรนับหมื่นทิ่มแทง ความเชื่อที่ยึดมั่นมานานพังทลายลงโดยพลันทั้งร่างของเขาก็พังทลายลงทันที ทันใดนั้นก็พุ่งพรวดกระโจนเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นที่วางยาพิษ“เพราะเหตุใด?”“ข้าคือนายน้อยของพวกเจ้า!”“พวกเจ้ากล้าทรยศ หมายจะลอบสังหารกษัตริย์ได้อย่างไร!”“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร?”เหล่าองครักษ์ด้านข้างลงมือว่องไว ควบคุมตัวเวินเจาได้ทันเวลาเวินเจาแม้จะถูกคนกดไว้ แต่กลับยังดิ้นรนคำรามอย่างห้ามไม่ได้เรื่องเช่นนี้ เกรงว่าไม่ว่าเปลี่ยนไปเป็นผู้ใด ก็ล้วนไม่อาจยอมรับได้ทั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 633

    เซียวจิ่งอี้มองร่างไร้วิญญาณทั้งสองร่าง ก็เข้าใจทันทีเขาชี้ไปทางเทียนเฉวียนเทียนเฉวียนเข้าใจความนัย และเดินไปทางสตรีผู้ช่วยคนนั้นโดยพลันหลังจากตรวจสอบใบหน้าของนางครู่หนึ่ง ก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์แผ่นหนึ่งออกมาเทียนเฉวียนทำแบบเดิม ไม่นานก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าของผู้ช่วยอีกคนออกมาผู้ดูแลมองไปที่ใบหน้าไม่คุ้นเคยของทั้งสองคนภายใต้หน้ากากหนังมนุษย์ ก่อนจะมองไปยังร่างไร้วิญญาณของเพื่อนบ้านด้านข้างซึ่งเย็นเฉียบแล้ว ในใจไหนเลยจะยังมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีกเจ้าคนชั่วสมควรตายนี่ สังหารผู้ช่วยที่เขาเชิญมา และปลอมตัวเป็นพวกเขาเข้ามาในจุดพักแรมทางการโชคดีที่เป้าหมายของพวกเขาเป็นเพียงนักโทษหากวันนี้ผู้ที่ถูกวางยาพิษคืออี้อ๋อง...แผ่นหลังของผู้ดูแลจุดพักแรมทางการเย็นวาบขึ้นมา ไม่กล้าคิดต่อในขณะนั้นเอง เวินเจาก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมาสายตาของเขาพร่ามัว ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดไปขณะหนึ่งไม่นานเขาก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองหมดสติไป เพราะปวดท้องน้อยมากจนทนไม่ไหว อีกทั้งยังมีเลือดสีดำไหลออกมาจากปากและจมูกของเขาไม่หยุดเช่นนั้นเขาตายแล้วหรือ?ถูกคนวางยาพิษจนตายหรือ?ผู้ใดหมาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status