แชร์

ตอนที่2 สู่เรื่องราว

ผู้เขียน: มี่เยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-30 20:25:51

บุตรชายคนรองของตระกูลนามว่าเยี่ยนจิ้นหลิง วัยยี่สิบสองปี เขามีลักษณะแตกต่างจากบิดาและพี่ชายจนน่าตกใจ หากเยี่ยนหยางจงมีลักษณะของยอดนักรบ เยี่ยนจิ้นหลิงก็คงเรียกได้ว่ามีลักษณะของยอดบัณฑิต ร่างสูงโปร่งห่อหุ้มด้วยอาภรณ์แพรไหมสีขาว จุดเด่นสะดุดตาคือผมเงินเป็นเงางามปล่อยสยายไปด้านหลัง รูปโฉมสง่างาม ท่วงท่ากริยาสุภาพ นัยน์ตาดอกท้อเต็มเปี่ยมไปด้วยความลุ่มลึกบางอย่าง เขางดงามราวเทพเซียน อาวุธประจำกายมิใช่ทวนหนักแปดสิบชั่ง หากแต่คือมันสมอง 

เยี่ยนจิ้นหลิงรั้งตำแหน่งกุนซือของกองทัพตระกูลเยี่ยน อีกทั้งยังเชี่ยวชาญศาสตร์การทำนายอย่างหาตัวจับได้ยาก ด้วยความงดงามและดูลึกลับ บรรดาคุณหนูทั้งหลายต่างหมายปองเขาทั้งสิ้น ไม่มีใครตำหนิเรื่องผมสีเงินที่ดูแปลกประหลาดกว่าคนทั่วไป กลับมองว่าเขาเป็นเทพเซียนมาจุติ ทุกครั้งที่กุนซือหนุ่มเข้าเมือง มักจะพบเห็นคุณหนูใจกล้าพากันมาดักรอพบหน้า หากอายเสียหน่อยก็ให้คนเอาจดหมายมาให้แทน แต่บุรุษผมเงินมักจะเปรยเสมอว่า ถ้าพี่ใหญ่ยังไม่แต่งฮูหยิน เขาก็ไม่อาจแต่งงานได้

บุตรสาวคนเล็กของตระกูลเยี่ยนเยว่ฉี เป็นดรุณีวัยแรกแย้มงดงาม กิริยามารยาทงามสง่าตรึงใจผู้พบเห็น ถูกอบรมตามแบบฉบับคุณหนูในห้องหอ เส้นผมสีดำมันเงาดั่งราตรี นัยน์ตาดอกท้อทอประกายหวานหยาดเยิ้มสะกดใจ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น เอวคอดกิ่วดังกิ่งหลิว นิ้วมือเรียวงดงามดุจลำเทียน ที่ควรอวบอิ่มก็อวบอิ่ม ที่ควรบอบบางก็บอบบาง มีเสน่ห์ยั่วยวนบุรุษให้คลั่งตายได้ 

เยี่ยนหยางเจวี๋ยค่อนข้างหวงบุตรสาวเป็นอย่างมาก ทั้งที่มีคนมากมายส่งแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอ ท่านแม่ทัพก็ยังไม่ยอมยกบุตรสาวให้ผู้ใด ทำให้มีข่าวลือว่าที่ท่านแม่ทัพอบรมบุตรสาวเป็นพิเศษก็เพื่อจะส่งเข้าไปคัดเลือกเป็นพระสนมของฮ่องเต้

ห้องทรงอักษร วังหลวง

ฮ่องเต้มู่เหวินหลงเห็นว่าชายแดนเริ่มสงบสุขถึงแม้จะมีเรื่องบ้างก็เล็กน้อย ใจจึงอยากให้แม่ทัพใหญ่กลับมารับตำแหน่งที่เมืองหลวง ปูนบำเหน็จและให้รางวัลแก่ความเหนื่อยยากของตระกูลเยี่ยน 

พระองค์รู้สึกเสียดายหากต้องทิ้งตระกูลเยี่ยนไว้ยังเมืองชายแดนตลอดไป อีกทั้งยังต้องการให้โอกาสแม่ทัพคนอื่น ๆ ได้แสดงฝีไม้ลายมือเสียบ้าง เพราะถ้าพระองค์ปล่อยไว้ไม่สนใจ อาจจะมีคนยื่นฎีกากล่าวโทษตระกูลเยี่ยนสะสมกำลังอีก 

ความอิจฉาริษยาของขุนนางเป็นเรื่องที่เขาจะประมาทมิได้ 

ฝีไม้ลายมือรวมไปถึงความภักดีของตระกูลเยี่ยนทำให้ฮ่องเต้ทรงไว้วางพระทัย พระองค์จึงมีดำริแต่งตั้งตำแหน่งราชองครักษ์ และกองกำลังรักษาเมืองหลวงให้

ถึงแม้ตอนนี้ศึกภายนอกดีขึ้นแล้ว แต่ฮ่องเต้กลับรู้สึกถึงคลื่นใต้น้ำ ศึกภายในมีโอกาสจะเกิดได้ทุกเมื่อ หากรั้งตระกูลเยี่ยนไว้ใกล้ตัวก็เป็นหลักประกันได้ชั้นหนึ่งว่าพระองค์ และเหล่าราชนิกุลทั้งหลายจะนอนหลับได้สนิท 

แต่เมื่อทรงพระราชทานกองกำลังให้เป็นจำนวนมาก ซ้ำยังรักษาการณ์อยู่ใกล้ชิดติดเมืองหลวง ความวิตกกังวลก็พลันเกิดขึ้นในพระทัย 

ยามนี้ตระกูลเยี่ยนจงรักภักดีไม่ต้องสงสัย แต่อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน 

เมื่อมีอำนาจและกองกำลังก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีหลายฝ่ายพยายามผูกสัมพันธ์กับแม่ทัพใหญ่ หากเป็นผู้ภักดีก็แล้วไป แต่หากเป็นพวกกังฉินย่อมไม่เป็นผลดีกับราชบัลลังก์ ฮ่องเต้มู่เหวินหลงจึงยังไม่อาจปล่อยวางพระทัยลงได้สนิท

“เรามิได้สงสัยความภักดีของแม่ทัพใหญ่ แต่ก็ไม่อาจปล่อยวางได้เช่นกัน อัครเสนาบดี เจ้ามีวิธีใดที่จะช่วยให้ตระกูลเยี่ยนภัคดีต่อเราโดยไม่สั่นคลอนบ้างหรือไม่” 

“ทูลฝ่าบาท เพียงมอบรางวัลกับตำแหน่งให้อาจยังไม่พอ ถ้าหากต้องการกำลังและความมั่นใจว่าตระกูลเยี่ยนจะไม่เป็นอื่น พระองค์ต้องสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากกว่านี้อีกขั้นพ่ะย่ะค่ะ” ถางซือเซิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายกราบทูลด้วยสีหน้าจริงจัง

“ความหมายของเจ้า คือจะให้เรารับบุตรีของเยี่ยนหยางเจวี๋ยมาเป็นพระสนมอย่างนั้นรึ” ฮ่องเต้มู่เหวินหลงตรัสอย่างเหนื่อยหน่าย “แต่วังหลังของข้านั้นมีสนมชั้นกุ้ย ชั้นเฟย ครบถ้วนอยู่แล้ว จะให้เป็นสนมเล็ก ๆ ก็เกรงว่าจะทำให้เยี่ยนหยางเจวี๋ยเข้าใจว่าเราไม่ให้เกียรติเขาน่ะสิ ไม่มีวิธีอื่นหรืออย่างไร เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ข้าจะยกองค์หญิงให้ลูกชายของเขา เพียงแต่องค์หญิงน้อยของข้าอายุมากสุดก็เพิ่งสิบสี่ชันษาเท่านั้น ต้องรออีกปีหนึ่งถึงจะสามารถออกเรือนได้” 

ฮ่องเต้มู่เหวินหลงคิดหาทางเลือกอื่นในการสานสัมพันธ์เพราะไม่อยากรับพระสนมเพิ่มอีกแล้ว จำนวนป้ายหัวเขียวของเขาเต็มถาด ครั้นจะมีความสุขกับฮองเฮาที่รักเพียงผู้เดียวก็ถูกกล่าวหาว่าไม่ทำให้พระพิรุณตกถ้วนทั่ว หากจะให้เพิ่มมาอีกก็รู้สึกไม่เป็นสุขอย่างยิ่ง

“หามิได้ ให้พระองค์พระราชทานสมรสแก่ฉินอ๋องกับบุตรสาวท่านแม่ทัพต่างหาก ด้วยฐานะนี้ท่านแม่ทัพย่อมไม่มีอะไรไม่พอใจหรือขัดข้อง เพราะท่านอ๋องเป็นบุรุษผู้เพียบพร้อม ผู้มากความสามารถอย่างหาจับตัวได้ยากคนหนึ่งของแว่นแคว้น สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด ด้วยอุปนิสัยของท่านอ๋องแล้ว หากได้เกี่ยวดองกันก็ไม่ยากที่จะตรวจสอบและควบคุมตระกูลเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่เมื่อจบงานชมดอกไม้เมื่อปีที่แล้ว ฉินอ๋องมาขอให้เราหยุดพระราชทานสาวงามให้อีก โดยให้เหตุผลว่าอยากจะเลือกพระชายาเอกด้วยตนเอง เราดันรับปากพระอนุชาไปเสียแล้ว หากปีนี้ยังทำเช่นเดิมอีก มิเท่ากับว่าเราผิดคำพูดหรือ” 

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ” อัครเสนาบดีกล่าวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาส่องประกายวาบ “แค่ทำให้ท่านอ๋องมาขอพระราชทานสมรสด้วยตนเองก็หมดปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ พ่ะย่ะค่ะ”

“ดี...ข้าชอบความคิดเจ้า” ฮ่องเต้มู่เหวินหลงย้ำว่าดีอีกถึงสามครั้ง พร้อมทรงพระสรวลดังกึกก้อง เขาแทบจะรอดูสภาพน้องชายจอมเย่อหยิ่งมาร้องขอให้เขาพระราชทานสมรสแทบไม่ไหว คิดแล้วก็เบิกบานพระทัยยิ่งนัก

‘ฉินอ๋อง ข้าจะเลือกชายาเอกให้ท่านเอง จะทำให้ท่านปฏิเสธมิได้ จนต้องร้องขอสมรสพระราชทาน’ ถางซือเซินมาดมั่นไว้ในใจ ส่วนในหัวก็วาดแผนการ เขาเดินออกจากวังหลวงพร้อมความมั่นใจเต็มเปี่ยม

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่101 เรากลับกันเถิด

    ส่วนฮองเฮานั่งจิบชาด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย ทำประหนึ่งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน ทั้งที่ในใจลอบตำหนิแม่สามีที่พูดจาเอาแต่ใจ โดยไม่สนพระทัยสักนิดว่าเรื่องนี้ควรพูดออกมาตอนนี้หรือไม่ หากมู่เลี่ยงหรงต้องการจะให้จ้าวกุ้ยอินมาเป็นเป็นหวางเฟยแล้วละก็ คงไม่รอให้ไทเฮาเสนอมู่เลี่ยงหรงหยุดรอชายาที่หน้าตำหนัก ความจริงตนไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งนางไว้ที่ตรงนั้น แต่ด้วยกำลังบังเกิดโทสะจึงต้องรีบจากมาก่อนเรื่องราวจะแย่ลง เพียงไม่นานนักเยี่ยนเยว่ฉีก็เดินออกมาจากประตูตำหนัก หญิงสาวมองผู้เป็นสามีอย่างเข้าอกเข้าใจ“ท่านอ๋องเรากลับกันเถิด”“อ้ายเฟย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเจ้า”“วางใจเถิด หวางเฟยของท่านเป็นคนที่มีเหตุผล” เยี่ยนเยว่ฉียิ้มหยอกเย้าหวังให้เขาสบายใจ“ข้าไม่มีทางรับใครเข้าจวนอีก” เขารีบอธิบาย เพราะกลัวว่าเยี่ยนเยว่ฉีจะเข้าใจผิด“ดูพูดเข้า หากเป็นพระราชโองการ หรือพระเสาวนีย์อย่างไรท่านก็ขัดมิได้อยู่”“เสด็จพี่มีรับสั่งจะไม่บังคับข้าอีก”“แต่ไทเฮาไม่ได้ทรงรับปากท่านอ๋องนี่”“เป็นดั่งเจ้าว่า แต่ถ้าเสด็จแม่ยังคงดื้อดึง เรื่องนี้คนที่จะเสียใจที่สุดคงจะเป็นจ้าวกุ้ยอิน”“หากนางได้แต่งกับท่านสมใจ จะมีแต่ความ

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่100 ในที่สุด

    ในที่สุดรถม้าก็แล่นมาถึงจุดจอดรถม้าของวังหลวงซิ่นเฉิงขานเรียกผู้เป็นนาย ส่วนซูจิ้งก็จัดการวางขั้นบันไดข้างรถม้า ทั้งสองต่างทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่มองหน้า ไม่พูดไม่จากันแม้แต่ครึ่งคำ ทั้งที่ต้องเดินเคียงกันไปตลอดทางเป็นองครักษ์หนุ่มที่รู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหว คิดว่ายังไงก็ต้องหาทางคุยกับซูจิ้งให้รู้เรื่องรู้ราว อย่างไรเสียตอนนี้ก็อยู่จวนเดียวกัน หากนางเป็นอนุบ่าวของเยี่ยนจิ้นหลิงจริง เหตุใดจึงตามหวางเฟยมาเล่า เขาจะต้องถามความให้กระจ่าง หากแม้ไม่มีวาสนาต่อกันก็ยินดีจะล่าถอย ไม่ใช่เดาสุ่มเอาเองเช่นนี้ เมื่อตกลงใจได้เขาก็ผ่อนคลายลงหลายส่วน‘คืนนี้ล่ะ ซาลาเปาน้อย ข้าจะต้องรู้ความจริงให้จงได้’มู่เลี่ยงหรงต้องพาเยี่ยนเยว่ฉีไปถวายพระพรไทเฮา หนทางจากจุดจอดรถม้าไม่ใกล้เลย ซ้ำไทเฮายังเลือกเวลาให้ทั้งสองมาเข้าเฝ้ายามตะวันตรงศีรษะ ที่น่าแปลกคือไม่มีเกี้ยวสำหรับสตรีมารับ กว่าจะถึงตำหนักของพระนาง ฉินอ๋องกับหวางเฟยต้องเดินเท้าเป็นเวลาราวหนึ่งก้านธูปเมื่อทั้งสองถึงที่หมายก็เห็นกูกูสูงวัยผู้หนึ่งยืนรออยู่หน้าประตูตำหนัก ครั้นนางเห็นมู่เลี่ยงหรงก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที จากนั้นจึงเดินนำบุคคลทั้งคู่เข้าส

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่99 นึกชื่นชม

    พ่อบ้านใหญ่รับคำแล้วจัดการสั่งงานลูกน้องอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ท่วงท่าและน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยพลัง เยี่ยนเยว่ฉีเห็นดังนั้นก็นึกชื่นชม มิน่าเล่า ท่านอ๋องถึงวางใจคนหนุ่มผู้นี้ให้รับผิดชอบเรื่องน้อยใหญ่ในจวน ดูท่าทางนางคงไม่ต้องเหนื่อยยากอย่างที่คิดมู่เลี่ยงหรงให้พ่อบ้านใหญ่กับมามาทั้งสี่ถอยออกไปได้ ก่อนถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง แล้วส่งเสียงเรียกออกไป“พวกเจ้าเข้ามาคารวะน้ำชาหวางเฟยเถิด”พอสิ้นเสียงคำสั่ง สตรีโฉมงามสามนางก็เดินนำหน้าหญิงสาวอีกสิบกว่าคนเข้ามาภายในห้องโถง เยี่ยนเยว่ฉีมองไปยังพระชายารองทั้งสามที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีสงบที่สุด ถึงแม้จะรู้สึกตกอกตกใจอยู่บ้างกับจำนวนสตรีที่ถวายตัวให้มู่เลี่ยงหรงแต่มิได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ‘บัดซบ! เยอะขนาดนี้เชียว’เยี่ยนเยว่ฉีตั้งใจเอาไว้ว่าหากพวกนางไม่ได้แสดงตัวเป็นปรปักษ์ ตนเองก็จะไม่กระทำการรุนแรงใด ๆ ทั้งสิ้นมู่เลี่ยงหรงแนะนำชายารองทั้งสามด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีอาการกังวลหรือตกประหม่าให้เห็น แต่ภายในใจกลับก็รู้สึกหนักอึ้งเพราะเกรงว่าเยี่ยนเยว่ฉีจะยังรับเรื่องฮูหยินอีกสิบเอ็ดคนไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่านางยังคงยิ้มละไม ไม่มีอาการกระอั

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่98 ชิงหรูไม่ได้ถวายตัวให้ข้า

    “อ้ายเฟย สี่คนนี้คือนางกำนัลที่ข้าคัดสรรมาให้ ข้ารับรองว่าพวกนางทำงานดีและมีความรอบรู้ หากเจ้าต้องการทราบเรื่องใดในจวน พวกนางสามารถแนะนำจัดหาให้เจ้าได้ทั้งหมด โดยเฉพาะชิงหรู นางดูแลห้องข้างของข้ามาหลายปี”เยี่ยนเยว่ฉีหรี่นัยน์ตามองชิงหรูอย่างเสียมิได้ พอเห็นก็จำได้ทันทีว่าหญิงสาวผู้นี้คือนางกำนัลที่เตรียมน้ำอุ่นมาให้เมื่อคืน นางหน้าตาสะสวย นัยน์ตาหวานฉ่ำดูยั่วยวน ผิวพรรณนวลเนียนเปล่งปลั่ง รูปร่างงามระหงสมส่วน มีเสน่ห์ดึงดูดใจบุรุษมากทีเดียวมู่เลี่ยงหรงที่ลอบสังเกตอยู่พบว่าเยี่ยนเยว่ฉีกำลังกินน้ำส้มอยู่ เขากลั้วหัวเราะเบา ๆ จนนางต้องหันมาค้อนผู้เป็นสามีทีหนึ่ง“ชิงหรูไม่ได้ถวายตัวให้ข้า”“ข้ายังไม่ได้ว่าอันใดท่านเสียหน่อย” หวางเฟยบ่นพึมพำเมื่อถูกจับได้“ก็ข้าอยากบอกเจ้านี่” ฉินอ๋องไม่ต้องการทำให้พระชายาคนงามต้องรู้สึกเสียหน้าจึงพูดแก้เก้อให้เสร็จสรรพ“เยว่ฉีทราบแล้ว” นางพอใจที่ท่านอ๋องไว้หน้าตนมู่เลี่ยงหรงยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปสั่งนางกำนัลทั้งหลายให้ปรนนิบัติผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของหวางเฟย เหล่านางกำนัลรีบทำตามประสงค์ของเจ้านาย เยี่ยนเยว่ฉียอมรับว่าผู้ที่มู่เลี่ยงหรงคัดสรรค์มาให้นางนั้นทำ

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่97 แย่แล้วคุณหนูของข้า

    อ๋องหนุ่มฝืนลุกจากเตียงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขาคว้าชุดคลุมเอามาใส่อย่างลวก ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกสาวใช้คนสนิทของนางให้มาช่วยจัดการเรื่องวุ่นวายของสตรี เยี่ยนเยว่ฉีมองตามร่างสูงที่เพิ่งเดินออกจากห้องนอนไปซูจิ้งเข้ามาภายในห้องหอ นางยอบกายคำนับฉินอ๋องที่ทำหน้าถมึงทึงอยู่บนเก้าอี้ยาวริมหน้าต่างที่ห้องชั้นนอก เขาไม่พูดอะไรเพียงแต่โบกมือเป็นสัญญาณให้นางเข้าไปหาเยี่ยนเยว่ฉีในห้องนอนซูจิ้งเดินผ่านกองชุดวิวาห์ที่ถูกฉีกขาดกระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้ หรือว่าฉินอ๋องทำรุนแรงกับนายหญิงของตน‘แย่แล้วคุณหนูของข้า’ สตรีร่างเล็กแทบจะวิ่งเข้าไปที่หน้าเตียง ภาพที่เห็นคือเยี่ยนเยว่ฉีนั่งเอาผ้าห่มปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าเอาไว้ มีคราบน้ำตาอาบบนแก้ม แต่ไม่ปรากฏร่องรอยความเสียใจแม้แต่น้อย“คุณหนู ไม่ใช่สิ หวางเฟยเป็นอันใดไปเพคะ”“เรื่องสุดวิสัยของสตรี” เยี่ยนเยว่ฉีเอ่ยเสียงเย็นคำตอบของเยี่ยนเยว่ฉีทำให้ซูจิ้งโล่งอก มิน่าเล่าฉินอ๋องถึงได้ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้น มีเนื้ออยู่ตรงหน้าแต่กลับกินไม่ได้ ช่างน่าเห็นใจเหลือเกิน“เช่นนั้นลงมาจากเตียงก่อนเพคะ ซูจิ้งจะได้ปรนนิบัติท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง”“อืม”

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่96 แทบจะไม่เหลืออาภรณ์ติดกาย

    แม้แทบจะไม่เหลืออาภรณ์ติดกาย ทว่าเยี่ยนเยว่ฉีกลับร้อนรุ่มมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกกระตุ้นเพลิงในกาย เพื่อให้เขากับนางแนบสนิทใกล้ชิดยิ่งขึ้น มู่เลี่ยงหรงจึงขยับร่างบางให้หันหน้าเข้าหาตน และด้วยการบังคับขยับนี้เยี่ยนเยว่ฉีจึงต้องตวัดขาเรียวยาวโอบรอบสะโพกสอบของเขาเอาไว้ แล้วคล้องแขนกับลำคอเพื่อเป็นหลักยึด ฝ่ามือร้อนของบุรุษลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังนวลเนียน เมื่อพบกับปมเล็ก ๆ ที่ผูกไว้ก็กระตุกออกอย่างเบามือ อุปสรรคสุดท้ายถูกกำจัดจนสิ้น เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าของเทพธิดาแสนสวยในอ้อมกอดแสงจากเทียนมงคลคู่สีแดงวูบไหว อาบไล้ไปบนผิวขาวเนียนละเอียดดุจกระเบื้องเคลือบ ยิ่งทำให้เยี่ยนเยว่ฉีงดงามราวรูปสลักอันไร้รอยตำหนิ ช่างสูงค่าคู่ควรให้ทะนุถนอม‘วิเศษยิ่งนัก ยอดรักของข้า’ดวงตาลากไล้สำรวจเทพธิดาในอ้อมกอด ยิ่งมองยิ่งพบว่าเรือนกายของนางช่างสมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหลทุกสัดส่วน ร่างระหงยั่วยวนน่าสัมผัสไปทุกตารางนิ้ว ไม่ว่ามือจะลูบไล้ไปตรงที่ใด ผิวกายขาวผ่องดุจแสงจันทร์กระจ่างก็เรียบลื่นนุ่มละมุนมือ มู่เลี่ยงหรงแทบลืมหายใจเมื่อแลเห็นปทุมถันอวบอิ่มเต็มตา ยอดสีหวานชูชันท้าทายให้ครอบครองยิ่งนัก ชายห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status