Home / รักโบราณ / นางกลับมาเพื่อร่ำรวย / บทที่ 8 วัยปักปิ่นที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

Share

บทที่ 8 วัยปักปิ่นที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

last update Last Updated: 2025-08-20 21:39:07

วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน บางคราเจ้าแมวโต๋วเปาก็หายตัวไปโดยไม่กลับมาที่บ้าน แต่บางวันมันก็กลับมาพร้อมสิ่งแปลกๆ ที่ฉินอี้หนิงไม่เคยเห็น ตัวอย่างเช่นปลาทะเล หอยทะเล และพืชผักแปลกๆ ที่เด็กหญิงไม่รู้จัก

เช้าวันใหม่ ในเรือนหลังเล็กของสกุลฉิน บรรยากาศกลับเงียบเหงาเกินกว่าปกติ ไม่มีคนไข้เข้ามาขอยา หรือชาวบ้านที่ต้องการที่พึ่งทางใจ แต่ถึงมันจะเงียบ หากแต่ก็เป็นความเงียบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไป…

นั่นคือกลิ่นไม้จันทน์เผาอ่อนๆ ที่กำลังลอยปะปนไปกับกลิ่นสมุนไพรแห้งจากห้องยาหลังบ้าน

วันนี้คือวันปักปิ่นของฉินอี้หนิง แม้จะเป็นเพียงธรรมเนียมของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่ได้จัดอย่างหรูหราดังเช่นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง แต่สำหรับเด็กหญิงคนหนึ่งผู้ไม่เหลืออะไรแม้แต่คนในครอบครัว นี่คือก้าวแรกของการเติบโต จากวัยเยาว์ที่แสนเจ็บปวดสู่การเป็นหญิงสาวที่พร้อมต่อกรกับผู้คนที่ทำร้ายนางในอดีต

ฉินอี้หนิงนั่งนิ่งบนตั่งไม้หน้าบานหน้าต่าง นางสวมเสื้อผ้าสีเขียวอ่อนที่ผสมรวมกับสีฟ้าอ่อนอย่างเข้ากัน เสื้อผ้าชุดนี้ถูกตัดเย็บอย่างเรียบง่ายด้วยตัวนางเอง แต่ถึงมันจะดูธรรมดาแต่ก็สะอาดสะอ้านน่ามองยิ่งนัก

ผมยาวสลวยสีดำขลับถูกหวีให้เหยียดตรงอย่างเรียบร้อย แล้วรวบขึ้นสูงโดยมือของหญิงชราที่ฉินอี้หนิงเคารพรักอย่างสุดหัวใจ แน่นอนว่าหญิงชราผู้นั้นคือท่านยายฉินอี้เอินผู้มาช่วยประกอบพิธีแทนญาติผู้ใหญ่ในตระกูลหรันซึ่งล่วงลับไปหมดแล้ว

หญิงชรากล่าวถ้อยคำอวยพรเบาๆ ขณะปักปิ่นหยกลงบนมวยผมเล็ก

“เสี่ยวหนิงของยาย นับแต่นี้ไป เจ้าไม่ใช่เด็กหญิงอีกแล้ว เวลาจะทำการสิ่งใด เจ้าต้องรู้จักยั้งคิด ก่อนเอ่ยวาจาก็ต้องรู้จักรักษาเกียรติไว้ให้มั่น”

ปิ่นหยกธรรมดาสลักลวดลายดอกบ๊วยหนึ่งดอกเล็กๆ มันไม่ได้มีลวดลายวิจิตรเหมือนปิ่นหยกในวังหลวง แต่กลับฝังความหมายลึกซึ้งและคำอวยพรจากผู้ที่หวังดีต่อนางที่สุด

เมื่อมันถูกปักลงบนมวยผม ก็เหมือนจิตใจของนางที่ถูกบรรจงให้แนบกับคำว่าเติบโตขึ้นโดยแท้จริง ต่อจากวันนี้…นางจะกลายเป็นสตรีที่สงบมากขึ้น เงียบมากขึ้น และโตมากกว่าที่ทุกคนที่นี่อยากให้เป็น

ท่านตาฉินกงจื่อยืนอยู่หน้าห้องเก็บยา มือหนึ่งลูบเครา อีกมือกำรากสมุนไพรแห้งไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ดวงตาฝ้าฟางทอดมองแผ่นหลังของหลานสาวอย่างเลื่อนลอย

ทั้งที่รูปร่างภายนอกของนาง แทบไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับทำให้ชายชราเกิดความห่อเหี่ยวเล็กๆ ขึ้นภายในใจ มือเหี่ยวพลันหยุดนิ่ง พลางเอ่ยเบาๆ ในลำคอ เหมือนกล่าวกับใครสักคนที่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว

“เด็กคนนี้เติบโตขึ้นมากแล้วจริงๆ ขอสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ได้โปรดอวยพรให้นางผ่านพ้นความทุกข์ทั้งปวง และประสบความสำเร็จตามที่นางคาดหวังไว้…”

เด็กสาวย้อนคิดถึงอดีตอันสุขสงบในยามที่นางเป็นองค์หญิงในวังหลวง เพราะหากทุกอย่างยังปกติสุข หากนางยังเป็นหรันฝูหรง บางทีพิธีปักปิ่นคงยิ่งใหญ่ตระการตามากกว่านี้…

พิธีปักปิ่นของฉินอี้หนิงไม่มีแม้เสียงพิณพริ้วหวานคอยบรรเลง ไม่มีบทสวดอวยพรจากศิษย์พระตถาคต ไม่มีกระทั่งแขกเหรื่อที่มาร่วมสังสรรค์ มีเพียงแต่แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านไม้ไผ่ลงมา คล้ายผู้อยู่บนสรวงสวรรค์ได้รับรู้ถึงพิธีกรรมอันเงียบงันนี้แล้ว

พิธีปักปิ่นสิ้นสุดไปแล้ว และวันนี้ก็คือวันแรกที่ปิ่นถูกปักไว้บนผมของฉินอี้หนิง ผู้ไม่ได้อยู่ในคำเรียกขานว่าเด็กหญิงอีกต่อไป

ฉินอี้หนิงรีบไปเปลี่ยนชุดจากเสื้อผ้าเข้าพิธี เป็นชุดผ้าฝ้ายบางสีอ่อนที่นางมักสวมใส่เวลาทำงานในสวนผักสวนยา เพียงแต่วันนี้นางยังไม่ได้ลงมือตำสมุนไพร หรือหั่นรากฝางด้วยมีดปลายแบนตามปกติ

หญิงสาวทำเพียงนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ที่ริมชานเรือน นางทอดสายตามองออกไปยังเนินเขาเงียบงันตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ มือบางยกขึ้นแตะปลายปิ่นหยกบนมวยผม

อาจเพราะยังมีบางสิ่งในใจของนางที่ไม่อาจปล่อยวางได้ง่ายๆ และตัวนางก็ยังต้องเลือกระหว่างการปล่อยวางทุกสิ่งเพื่อใช้ชีวิตสงบอยู่ที่นี่ กับการมุ่งหน้าแก้แค้นในเมืองหลวง เพื่อเอาชีวิตไปทิ้งให้ทรราชสกุลหลี่ผู้นั้น

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาจากรั้วไม้ด้านหลังดังขึ้น แม้มันจะเป็นเพียงเสียงใบไม้แต่ฉินอี้หนิงก็ไม่ได้ปล่อยผ่าน แต่ก่อนที่นางจะได้หันไปดู ร่างฟูฟ่องของเจ้าแมวสีขาวรูปร่างอวบอิ่มตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาอย่างเงียบเชียบ มันหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของฉินอี้หนิง ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ทว่าในใจของชายหนุ่มกำลังตื่นตะลึงกับรูปลักษณ์การเกล้าผมและปักปิ่นของนาง

สิ่งที่อยู่ในปากของมัน เป็นสิ่งที่สะดุดตาเกินกว่าจะมองข้าม เพราะมันคือกล่องไม้เล็กสีเข้ม ฝังลายหมอกทองเบาๆ อย่างวิจิตรบรรจงเกินกว่าจะถูกสร้างขึ้นในชนบท

ตุบ!

หลี่โต๋วเปาวางกล่องใบนั้นลงบนพื้น กะระยะพอให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น แล้วเดินอ้อมไปนั่งข้างๆ นาง

ฉินอี้หนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ เอื้อมมือไปรับกล่องนั้นมาเปิดออก ภายในกล่องปรากฏปิ่นทองสลักลวดลายหงส์และขนหงส์อย่างวิจิตบรรจง แต่ละเส้นขนประดับด้วยทับทิมสีแดงฉานราวกับสีเลือด มีระย้าโซ่ทองที่ปลายสุดเป็นไข่มุกขนาดเล็กสามชิ้น หาได้ยากยิ่งที่ช่างฝีมือในยุคนี้จะผลิตขึ้นมาได้

นางเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพึมพำออกมา

“เจ้าไปเอากล่องใส่ปิ่นทองชิ้นนี้มาจากที่ไหน…โต๋วเปา”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบหรือทำให้นางรู้อย่างแน่ชัดถึงที่มาที่ไปของปิ่นชิ้นนี้ หลี่โต๋วเปาทำเพียงยกหางขึ้นวางทับอุ้งเท้าหน้า คล้ายว่าทุกสิ่งที่เขาต้องการส่งมอบให้นาง…ตอนนี้ได้มอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เพราะเขาจะอธิบายให้นางฟังได้อย่างไร ว่าปิ่นทองชิ้นนี้ได้มาจากเงินโดเนทจำนวน 500,000 ดวงดาว ของบรรดาผู้ชมที่ชื่นชอบการทำอาหารของนาง

“มันช่างคล้ายปิ่นของท่านแม่ยิ่งนัก ข้าคิดถึง คิดถึงตอนเด็กเหลือเกิน…ฮึก” หยดน้ำตาใสๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมสวยทั้งสองข้าง โดยที่ฉินอี้หนิงไม่อาจสะกดกั้นมันเอาไว้ได้

ปิ่นหยกยังอยู่บนมวยผม แต่มือของหญิงสาวกลับค่อยๆ ยกปิ่นทองเล่มนั้นขึ้นมาแนบอก ไม่ใช่เพื่อปักทันที หากแต่เพื่อเก็บไว้ในที่ที่ลึกกว่า…

นั่นคือภายในใจของนาง

ฉินอี้หนิงรีบไปเปลี่ยนชุดจากเสื้อผ้าเข้าพิธี เป็นชุดผ้าฝ้ายบางสีอ่อนที่นางมักสวมใส่เวลาทำงานในสวนผักสวนยา เพียงแต่วันนี้นางยังไม่ได้ลงมือตำสมุนไพร หรือหั่นรากฝางด้วยมีดปลายแบนตามปกติ

หญิงสาวทำเพียงนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ที่ริมชานเรือน นางทอดสายตามองออกไปยังเนินเขาเงียบงันตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ มือบางยกขึ้นแตะปลายปิ่นหยกบนมวยผม

อาจเพราะยังมีบางสิ่งในใจของนางที่ไม่อาจปล่อยวางได้ง่ายๆ และตัวนางก็ยังต้องเลือกระหว่างการปล่อยวางทุกสิ่งเพื่อใช้ชีวิตสงบอยู่ที่นี่ กับการมุ่งหน้าแก้แค้นในเมืองหลวง เพื่อเอาชีวิตไปทิ้งให้ทรราชสกุลหลี่ผู้นั้น

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาจากรั้วไม้ด้านหลังดังขึ้น แม้มันจะเป็นเพียงเสียงใบไม้แต่ฉินอี้หนิงก็ไม่ได้ปล่อยผ่าน แต่ก่อนที่นางจะได้หันไปดู ร่างฟูฟ่องของเจ้าแมวสีขาวรูปร่างอวบอิ่มตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาอย่างเงียบเชียบ มันหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของฉินอี้หนิง ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ทว่าในใจของชายหนุ่มกำลังตื่นตะลึงกับรูปลักษณ์การเกล้าผมและปักปิ่นของนาง

สิ่งที่อยู่ในปากของมัน เป็นสิ่งที่สะดุดตาเกินกว่าจะมองข้าม เพราะมันคือกล่องไม้เล็กสีเข้ม ฝังลายหมอกทองเบาๆ อย่างวิจิตรบรรจงเกินกว่าจะถูกสร้างขึ้นในชนบท

ตุบ!

หลี่โต๋วเปาวางกล่องใบนั้นลงบนพื้น กะระยะพอให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น แล้วเดินอ้อมไปนั่งข้างๆ นาง

ฉินอี้หนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ เอื้อมมือไปรับกล่องนั้นมาเปิดออก ภายในกล่องปรากฏปิ่นทองสลักลวดลายหงส์และขนหงส์อย่างวิจิตบรรจง แต่ละเส้นขนประดับด้วยทับทิมสีแดงฉานราวกับสีเลือด มีระย้าโซ่ทองที่ปลายสุดเป็นไข่มุกขนาดเล็กสามชิ้น หาได้ยากยิ่งที่ช่างฝีมือในยุคนี้จะผลิตขึ้นมาได้

นางเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพึมพำออกมา

“เจ้าไปเอากล่องใส่ปิ่นทองชิ้นนี้มาจากที่ไหน…โต๋วเปา”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบหรือทำให้นางรู้อย่างแน่ชัดถึงที่มาที่ไปของปิ่นชิ้นนี้ หลี่โต๋วเปาทำเพียงยกหางขึ้นวางทับอุ้งเท้าหน้า คล้ายว่าทุกสิ่งที่เขาต้องการส่งมอบให้นาง…ตอนนี้ได้มอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เพราะเขาจะอธิบายให้นางฟังได้อย่างไร ว่าปิ่นทองชิ้นนี้ได้มาจากเงินโดเนทจำนวน 500,000 ดวงดาว ของบรรดาผู้ชมที่ชื่นชอบการทำอาหารของนาง

“มันช่างคล้ายปิ่นของท่านแม่ยิ่งนัก ข้าคิดถึง คิดถึงตอนเด็กเหลือเกิน…ฮึก” หยดน้ำตาใสๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมสวยทั้งสองข้าง โดยที่ฉินอี้หนิงไม่อาจสะกดกั้นมันเอาไว้ได้

ปิ่นหยกยังอยู่บนมวยผม แต่มือของหญิงสาวกลับค่อยๆ ยกปิ่นทองเล่มนั้นขึ้นมาแนบอก ไม่ใช่เพื่อปักทันที หากแต่เพื่อเก็บไว้ในที่ที่ลึกกว่า…

นั่นคือภายในใจของนาง

หลังเก็บของทุกอย่างเรียบร้อย ฉินอี้หนิงก็ตั้งหน้าตั้งตาทำสวนของนางเหมือนดังเดิม หลังฝนเมื่อคืน พื้นดินในสวนหลังเรือนนุ่มชื้นจนยุบลงใต้ปลายเท้า กลิ่นโคลนปนกลิ่นสมุนไพรระเหยขึ้นมาแผ่วเบา เคล้ากับไอแดดยามสายที่ยังไม่ร้อนนัก

ฉินอี้หนิงพับแขนเสื้อขึ้นเหนือข้อศอก เรือนกายของเด็กสาวเพิ่งผ่านพิธีปักปิ่นมาไม่กี่วัน หากมือของนางนั้นกลับไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว

แม้จะเปื้อนดิน เปื้อนน้ำ หรือแม้แต่เปื้อนรากไม้แห้งกรัง นางก็ดูจะไม่เคยรังเกียจสิ่งใดเลย เบื้องหน้าของนางเป็นแปลงผักเล็กๆ ล้อมด้วยรั้วไม้ไผ่

เมี้ยววววว~

เสียงร้องพร้อมด้วยท่าทางน่าเอ็นดูของหลี่โต๋วเปา ทำให้ฉินอี้หนิงยิ้มออกมาเพราะคิดไปเองว่าเจ้าแมวน้อยของนางกำลังถามถึงสิ่งที่นางกำลังทำอยู่ตอนนี้

“วันนี้ข้าจะปลูกคึ่นฉ่ายเพิ่มตรงแปลงริมรั้ว แล้วก็รื้อผักกาดที่ใบเริ่มขมไปทำปุ๋ยหมักเสียหน่อย” หญิงสาวพูดกับเจ้าแมวสีขาวผู้มีนัยน์ตาตาสีฟ้า

หลี่โต๋วเปาจึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ขณะที่ฉินอี้หนิงกำลังเตรียมดินสำหรับพรวนเพื่อปลูกคึ่นฉ่าย

ในสวนของหญิงสาวยุคหมื่นปีคนนี้ มีกะหล่ำปลีที่นางปลูกไว้ตั้งแต่ปลายฤดูหนาว ที่ยามนี้เริ่มแทงยอดใหม่ขึ้นมาบ้างแล้ว

ฉินอี้หนิงค่อยๆ ใช้เสียมไม้ขุดผืนดินอย่างเชี่ยวชาญ เพื่อคลายรากหญ้าเก่าในดิน เสียงดินร่วนตกกระทบพื้นเบาๆ กลืนไปกับเสียงลมพัดกระทบไม้ไผ่ สอดประสานกันอย่างน่าฟัง

ในความเงียบของสวน มีแมวอ้วนตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นพลับป่า แผงขนสีขาวของมันดูเงาวาวกว่าปกติ ราวเพิ่งกลับจากที่ใดสักแห่งที่มีหมอกหนาและลมกรรโชก

หลี่โต๋วเปาเอียงหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้หนิงขุดแปลงดินจนตัวโย แต่มันก็ไม่ได้เข้าไปขัด นอกจากส่งเสียงเมี้ยวสั้นๆ คล้ายจะบอกว่าทำอะไรระวังๆ หน่อยสิ

ฝ่ายฉินอี้หนิงที่เริ่มทรงตัวได้แล้ว ก็ทำเพียงหัวเราะเบาๆ ก่อนหันไปพูดกับเจ้าแมวอ้วนของนาง

“รู้มากนักหรือ? เจ้าเคยปลูกผักกับใครมาก่อนหรืออย่างไร”

ชายหนุ่มได้แต่ตอบอยู่ภายในใจว่า นอกจากนางเขาก็ไม่เคยปลูกผักกับผู้ใดมาก่อน

หลี่โต๋วเปาจึงพลิกตัวไปอีกด้านโดยไม่สนใจคนตัวเล็ก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาลอบมองอยู่เนืองๆ แววตาสีอความารีนของมันสะท้อนเงาของฉินอี้หนิงในอิริยาบถที่ต่างออกไปจากเดิม อาจเพราะเขาชื่นชมที่นางเป็นหญิงสาวธรรมดาในชนบท ผู้มีความสามารถในการใช้มือเปล่าทำให้เมล็ดพืชเติบโตขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงาม

ผู้รับชมสตรีมในปัจจุบันมีเพียง 9,427 ราย ขณะที่ภาพการเคลื่อนไหวของฉินอี้หนิงถูกส่งผ่านหลี่โต๋วเปา ไหลย้อนผ่านคลื่นสัญญาณประหลาดที่แม้แต่เทคโนโลยีในศตวรรษถัดไปก็ยังอธิบายได้ไม่ชัดเจน

เสียงกระดิ่งเบาๆ ดังขึ้นในที่ใดสักแห่ง ฉินอี้หนิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหาต้นตอ ทว่าภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนางกลับเป็นกล่องไม้ผูกริบบิ้นแดงใบหนึ่งถูกวางทิ้งไว้โดยไร้เงาของผู้ส่ง

เมื่อหญิงสาวเปิดออก ภายในเป็นถุงเมล็ดพันธุ์แตงกวาและฟักทอง ดูเพียงภายนอก ของสิ่งนั้นประณีตเกินจะมาจากร้านค้าในหมู่บ้าน และแน่นอนว่ามันไม่ได้ถูกส่งมาจากที่ใดในดินแดนแห่งนี้

ฉินอี้หนิงหันไปมองโต๋วเปาด้วยใบหน้าแฝงคำถาม เจ้าแมวอ้วนจึงแสร้งหาววอดๆ ตอบกลับหนึ่งทีอย่างเกียจคร้าน มันยืดขาหน้า แล้วกระโจนขึ้นไปนั่งบนขอบรั้วไม้ไผ่ซึ่งอยู่ข้างๆ นางอย่างคนไม่รู้ไม่ชี้ หางของมันพาดลงเบื้องล่างเบาๆ ทว่าสร้างความพิศวงให้หญิงสาวอย่างยิ่ง

ฉับพลันที่ภาพสะท้อนในม่านน้ำตกถูกไหลย้อนกลับเข้ามาในสมองของหญิงสาว นางจำได้ดี…ภาพของบุรุษผู้มีใบหน้าคล้ายบุรุษที่นางเกลียดชังนักหนา และความผิดปกติของทุกบาดแผลบนกายนางที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย

บางทีเจ้าแมวตัวนี้อาจอยู่เบื้องหลังของทุกเรื่องราว

“เจ้าไม่คิดจะไม่พูดอะไรกับข้าเลยหรือ โต๋วเปา” เสียงของนางแผ่วเบาราวกับพึมพำ อาจเพราะไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด หรือไม่นางก็ไม่แน่ใจว่าตนยังสติดีอยู่หรือไม่

หลี่โต๋วเปาที่นั่งอยู่บนรั้วไม้ไผ่หันหน้ามามองหญิงสาว (ที่เขากำลังพยายามตัดใจจากนาง) เพียงเล็กน้อย ดวงตาสีอความารีนสะท้อนภาพของฉินอี้หนิงคล้ายเป็นสระน้ำไร้เกลียวคลื่น เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งเค่อทุกอย่างยังคงไร้คำตอบ เพราะคนตอบนั้นไร้เสียง แม้กระทั่งแววตาก็เหมือนตัดขาดจากทุกคำถาม

แต่ฉินอี้หนิงรู้อยู่แก่ใจเสมอ ว่านางไม่เคยตาฝาด อีกทั้งสิ่งแปลกๆ ต่างๆ ล้วนเกิดหลังจากที่นางได้พบกับโต๋วเปา

ความเงียบของแมวตัวนี้ไม่ได้แปลว่ามันไม่รู้ หญิงสาววางกล่องไม้ที่เพิ่งได้รับลงบนตัก มือเรียวสวยหยิบเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาดูทีละถุง ราวกับนางพยายามจะหาร่องรอยของต้นทาง หากแต่ทุกสิ่งนั้นประณีตเกินกว่าจะทิ้งเบาะแสไว้

ฉินอี้หนิงชะงัก ก่อนจะก้มหน้าลงมองเจ้าแมวขนสีขาว สายตาของโต๋วเปาที่จ้องมองนาง ราวกับมันกำลังเฝ้ารอว่านางจะถาม หรือนางเลือกจะปล่อยผ่านเรื่องพวกนี้ไป

หญิงสาวหันกลับไปวางกล่องไม้ในมือลงบนชั้นไม้ริมสวน สายตาไม่ละจากดวงตาของเจ้าโต๋วเปา

“ข้าจะไม่ถามวันนี้” นางเอ่ยเบาๆ “แต่วันใดวันหนึ่ง…เจ้าก็ต้องพูด”

หลี่โต๋วเปายังคงไม่ตอบ ชายหนุ่มทำเพียงหาวหวอดๆ อีกหนึ่งครั้ง แล้วจึงหลับตาลงอย่างผู้ชนะ หางของร่างแมวยังคงแกว่งอย่างเชื่องช้าเหมือนเข็มนาฬิกาที่ย้อนกลับ บางทีอาจหมายถึงการนับถอยหลังเพื่อนำไปสู่บางสิ่งที่ไม่มีใครรู้นอกจากผู้ที่เป็นเจ้าของความคิดอย่างอดีตจอมพลหลี่

เขาได้แต่ทวนคำว่าอธิบายอยู่ภายในใจ เพราะจะให้อธิบายอะไร ในเมื่อนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะกลับมายังยุคโบราณแห่งนี้

และเพื่อไม่ให้เส้นเวลาแปรผัน จำต้องไม่เข้าไปยุ่งจนมากเกินไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 21 ทวงคืนภรรยาที่ถูกพรากไป (จบบริบูรณ์)

    กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน…สิ้นเสียงเหี้ยมกับประโยคไร้มารยาทนั้น เมื่อหลี่หยางหนิงอันหันไปสบสายตากับอีกฝ่าย สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่เพียงใบหน้าที่ดูคล้ายเขาราวกับแกะ แต่เป็นโทสะและความเหี้ยมเกรียมในแบบที่เขารู้จักดี“เจ้ากล้ามาก ที่มาแตะต้องภรรยา และแตะต้องลูกของข้า” เสียงของหลี่โต๋วเปานิ่งงัน แต่ทุ้มต่ำจนเหมือนจะสามารถสะเทือนผนังหินของตำหนักได้อย่างง่ายดายหลี่หยางหนิงอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ากำลังจะสั่งให้หมอหลวงเอาเด็กในท้องนางออกพอดี แต่เพราะต้องพักฟื้นร่างกายนาน เลยคิดว่าจะพาขึ้นเตียงทั้งที่ยังท้อง คงให้อารมณ์แปลกใหม่ไม่น้อย” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจงใจยั่วโมโหฝ่ายนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงคิดจะฆ่าข้าสินะ?”ชายหนุ่มในชุดซอมซ่อสีเทาไม่ตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงวาบสีฟ้าอความารีนแผ่วเบา คล้ายกระจกจักรวาลที่สามารถสะท้อนแรงโน้มถ่วงให้ย้อนคืนได้ฉับพลันที่อากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันไร้รูปประหนึ่งกำปั้นพลังจิตกระแทกเข้าที่กลางอกของจักรพรรดิหนุ่มหลี่หยางหนิงอัน จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นป้องกันอันตรายที่มองไม่เห็น“อย่าคิดว่าต่อจากนี้เจ้ายังจะสามารถอยู่หายใจได้อีก…”

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 20 ไม่ให้อดีตซ้ำรอยเดิม

    หนึ่งเดือนกับอีกสามสัปดาห์ที่หลี่โต๋วเปายังไม่กลับมา ฉินอี้หนิงนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ชายเรือนสกุลฉิน ลมยามบ่ายพัดกรูจากทิศตะวันออก พาเอาใบไผ่ที่ลู่ลมอยู่บนเนินเตี้ยหล่นเกลื่อนทั่วลานทว่าเสียงกีบม้านับสิบและฝีเท้าเกราะเหล็กที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงพายุ กลับทำให้หมู่บ้านฮุ่ยฟางที่เคยเงียบงัน เกิดความสนันหวั่นไหวราวกับมีเงามรณะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วผืนดินรถม้าขนาดใหญ่สลักลายมังกรดำขอบทอง เคลื่อนมาหยุดลงบริเวณหน้าบ้านสกุลฉิน ก่อนที่บรรดาทหารสวมเกราะดำประทับตราจักรพรรดิหลี่จะวิ่งเข้ามารายล้อมรอบบ้านเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งตวาดดังแทรกเสียงใบไม้ปลิว“เรามารับตัวหรันฝูหรง สตรีอายุสิบเก้าหนาวที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้!”ท่านตาฉินที่กำลังสานกระด้งไม้ไผ่รีบก้าวออกมาจากเรือน ร่างชราภาพฝืนฝ่าแนวทหารเข้ามาขวาง“ขออภัยด้วย ที่นี่ไม่มีใครชื่อเช่นนั้นหรอกขอรับ ข้าไม่รู้จัก! ส่วนสตรีที่อายุสิบเก้า ที่นี่ก็มีเพียงบ้านสกุลหลาน สกุลซ่ง สกุลกั๋ว และหลานสาวของข้า…นางชื่อฉินอี้หนิง”แม่ทัพผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองฉินอี้หนิงอย่างเย้ยหยัน“เช่นนั้นข้าก็มาถูกแล้วล่ะ เพราะนามเ

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

    ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ข

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 18 ข้อเสนอปลอมๆ จากขุนนางสวี่

    หลังเกี่ยวและตากข้าวจนเสร็จสรรพ ครอบครัวสกุลฉินก็เว้นช่วงเวลาสำหรับหยุดพักผ่อน ด้วยเพราะร่างกายที่ชราภาพของท่านตาท่านยาย พอทำงานไร่นานานเข้าจึงปวดเมื่อยมากกว่าปกติส่วนหลี่โต๋วเปาและฉินอี้หนิงก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการดูแลสวนผัก ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย และใช้เวลาร่วมกันในฐานะสามีภรรยาทว่าวันนี้ แขกผู้มาเยือนกลับเป็นอดีตขุนนางผู้ต้องสูญเสียบ้านให้หลี่โต๋วเปาอย่างสวี่อี้เจิน“คารวะผู้อาวุโส”เสียงทุ้มของหลี่โต๋วเปาเอ่ยช้าๆ ดวงตาเรียวคมสังเกตท่วงท่าการเดินของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคุ้นเคยนัก ทว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของผู้อาวุโสสวี่อี้เจินที่เขาเคยประลองหมากล้อมด้วยอย่างแน่นอน“เจ้าน่ะใช้ชีวิตได้ดี กลายเป็นผู้เยาว์ที่สร้างครอบครัวอบอุ่นจริงเชียว” ชายชรามองสำรวจทั่วทุกมุมบ้านราวกับไม่เคยเห็น ก่อนที่สายตาจะพลันมาหยุดลงที่ร่างบอบบางของฉินอี้หนิงซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสาวงามเต็มตัวไปเสียแล้ว “โอ้~ นี่คือฉินอี้หนิงคนนั้นรึ…” ชายชรายิ้มอย่างสดใสพลางมองสำรวจใบหน้างามอย่างชื่นชม“เชิญผู้อาวุโสสวี่นั่งพักก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาชาอวิ๋นอู้ [1] ที่ได้จากภูเขาหลูซานมาให้” เสียงหวานกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะเดินหายเข้าไป

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 17 ฤดูเกี่ยวข้าว

    วันเวลาผ่านเลยไปจากวันกลายเป็นหนึ่งเดือน ยามนี้สายลมปลายเดือนเปลี่ยนผิวทุ่งนาหน้าบ้านให้กลายเป็นสีทองอร่าม ลำต้นข้าวโน้มลงตามแรงน้ำหนักของรวงเมล็ดที่สุกงอม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นอ่อนในยามเช้า เสียงเคียวเกี่ยวข้าวเสียดสีเบาๆ สะท้อนชัดอยู่กลางนาหลี่โต๋วเปาค้อมตัวใช้เคียวไม้ด้ามสั้นในมือเกี่ยวรวงข้าวอย่างระมัดระวัง ท่วงท่าของเขาแม้ยังไม่คล่องแคล้วนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มือทั้งสองที่แกร่งอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากการจับจอบ ขุดหลุม และหาบน้ำทุกวัน จนรอยด้านปรากฏชัดที่ฝ่ามือ“เจ้าหนุ่มจากเมืองหลวง เจ้าน่ะก้าวหน้ากว่าที่ข้าเคยคิดไว้มากจริงๆ”เสียงของท่านตาดังมาจากอีกฟากของแปลงข้าว ใต้หมวกฟางเก่าคร่ำ ดวงตาของชายชรายังสะท้อนความชื่นชมไม่เสื่อมคลายหลี่โต๋วเปาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มย้อนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งจอมพล ถ้าตอนนี้อยู่ในยุคจักรวรรดิ เขาคงสามารถสั่งคนให้ขุดหลุมปลูกข้าวได้เป็นพันหลุม แต่เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือการเกี่ยวข้าวแค่เพียงมัดเดียว“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้วิธีปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งของชีวิต” ท่านต

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

    หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทราบนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้งแพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็นใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status