นารากลืนก้อนเหนียวหนืดขนาดใหญ่ลงในคอ มองลึกเข้าไปในดวงตาดุดันของเขา ดวงตานี้เพียงใช้ปราดมองใครสักคน ทุกคนเป็นอันต้องหลบสายตา บ้างก็หลงใหลมัน เธอมองมันมาหลายครั้ง ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเจ็บปวดใจเท่าครั้งนี้
“ฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ และมันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ ไม่อยากอยู่กับป่ากับเขา” เกลียดเหลือเกินที่ตัวเองยิ้มทั้งๆที่กำลังโกหกออกมา
“น่าเบื่อใช่มั้ยล่ะคะ ฉันก็เบื่อมันมากเหมือนกัน นับวันรอ รอจะได้ไป ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่”
ใครบอกเธอชอบที่นี่มากต่างหาก
“ถ้าได้ไปคงมีความสุข ทีนี้นายหัวพอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าฉันต้องการอะไร”
นาราลุกขึ้น เพราะรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวจนกลัวมันไหลออกมา ใช่ แล้วเธอจะร้องไห้ทำไม ในเมื่ออยากไปจากเขาเอง
“หวังว่าคุณจะอ่านสัญญานี้ให้ถี่ถ้วน แล้วเซ็นมันให้ฉันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
สองเท้าเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว มันเร็วเสียจนหญิงสาวจะล้ม
คงเกลียดที่นี่มากสินะ
ทว่าร่างบางไม่รู้เลยว่าหลังจากเธอไปแล้ว คนที่โดนพูดอะไรก็ไม่รู้ใส่นั้นนิ่งไปราวกับโดนหยุดการเคลื่อนไหว รู้สึกคล้ายกับค้อนปอนด์หนักๆฟาดลงที่หัว ไม่ทันได้พูดอะไรทั้งนั้น คนตัวเล็กกลับรีบลุกหนีไปไม่ฟังอะไร ปล่อยเขาให้อยู่กับสัญญาบ้าๆ พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่ง
ใช่สิ ผืนดินที่เธออยู่ตอนนี้คงไม่สวยงามและมีสีสันเท่ากับเมื่อกรุงที่เคยเจอมา แต่เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะรังเกียจมันราวกับอยากหนีไปทุกเมื่อเชื่อวัน
ร่างสูงหลับตาลง หลายวันมานี้งานรบเร้าจนไม่เป็นอันทำอะไร ทั้งยังต้องตามหาตัวคนร้ายที่ถูกสั่งมาฆ่าเขาอีก ยังมีเรื่องของดาราที่เข้ามาพัวพันจนทุกอย่างยุ่งยากลงไป
ต้องทำยังไง ตอนนี้ต้องทำยังไง
กลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของคนที่เพิ่งออกไปยังติดตรึงอยู่ตรงปลายจมูก สูดดมมันเข้าปอดก็พบว่าสบายใจเกินกว่าจะทำอะไรได้ ทว่าวันนี้เจ้าของกลิ่นนั้นบอกว่าอยากหายไปแล้ว เขาควรทำยังไง
ทำยังไงให้มันยังอยู่...
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์พอดี นาราจึงตัดสินใจว่าจะกลับไปนอนที่บ้าน พอถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวก็เก็บของตัวเองลงกระเป๋าใบเล็ก ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจ บิดมันออกไปจากไร่ทันที
ก่อนมาถึงเธอแวะที่ตลาดก่อน วันนี้ว่าจะหาเมนูอาหารทำ แล้วก็คิดได้ว่าตนอยากกินยำวุ้นเส้น จึงเดินไปซื้อวัตถุดิบ จากนั้นก็กลับมาที่รถ ขับกลับบ้านตัวเอง มาถึงก็ค่ำแล้ว เธอเดินเข้าไปในบ้านแล้วต้องหยุดเท้าตัวเองไว้เมื่อได้ยินประโยคคนสองคนสนทนากัน
“คุณฉันสงสารลูก ลูกไปใช้หนี้ให้เรา จนตอนนี้หนี้ก็ยังเหลืออยู่ ฉันผิดหรือเปล่าคะ ที่ตัดสินใจแบบนี้”
เป็นเสียงของแม่ ตามด้วยเสียงของพ่อเธอ
“อืม ผมก็สงสารลูกเหมือนกัน เป็นความผิดเราแต่กรรมดันไปตกอยู่ที่ลูก บางครั้งผมก็คิดว่าไม่น่าทำอย่างนั้นเลย”
เป็นความผิดของประพาที่ตัดสินใจทำแบบนั้น นั่นก็เพื่อการทดแทนสิ่งเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นในอดีต มีเพียงสิ่งนี้ที่สามารถทำให้มารดายกโทษให้
ประพาหนีออกจากบ้านเข้ามาในกรุงเทพตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ตอนนั้นเป็นเพราะอยากเรียนหนังสือ เธอเสียใจมากที่พ่อและแม่ให้พี่สาวได้เรียน แต่เธอนั้นกลับอยากให้ทำงานช่วยที่บ้านหรือทำงานที่ไม่ต้องใช้วุติการศึกษา เมื่อเห็นว่าไม่ดีประพาจึงหนีออกมา เธอยืมเงินเพื่อนเป็นจำนวนเงินหนึ่งพันบาทเพื่อขึ้นรถทัวร์ แล้วก่อนจะพบว่าชีวิตไม่งดงามแบบนั้น เธอต้องบากหน้าหางานทำ อย่าว่าแต่เรื่องเรียนเลย เอาชีวิตตัวเองให้รอดไปวันๆยังยาก กระทั่งมาพบรักกับสังวาลย์ทั้งสองจึงค้าขายด้วยกัน
เพียงไม่กี่ปีลูกชายคนแรกก็กำเนิด ก่อนมาถึงนารา เธอให้ลูกสาวเรียนหนังสือ ส่งลูกจนจบปริญญา แล้วข่าวร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อมารดาโทรมาหาพร้อมกับบอกว่ามีเรื่องให้ช่วยเหลือบวกกับป่วยออดๆแอดๆอยากให้ลูกมาดูใจ ประพาจึงกลับไป ทว่ากลับพบเรื่องเลวร้ายคือแม่ของเธอเอาที่ดินไปจำนอง ซึ่งที่ดินแห่งนั้นมีส่วนของเธอกับพี่น้องคนอื่นๆอยู่ด้วย ส่วนเงินที่ได้มาก็เอามาสร้างบ้านซื้อรถให้มัลลิกาและธัญญารวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆภายในบ้าน
เวลานั้นประพารู้สึกเหมือนโดนขวดฟาดเข้าที่หัว เมื่อรู้ว่าเงินที่มารดาติดหนี้อยู่คือจำนวนเงินสามล้านบาท และใช่ ธัญญาขอให้เธอใช้หนี้ให้ โดยอ้างว่าตนเองไม่มีเงิน และเงินเดือนที่ได้ทุกเดือนหายหมดเพราะต้องเอามาใช้จ่ายให้มารดา
ตอนแรกเสนอว่าให้ลูกสาวของเธอผ่อนจ่ายโดยที่ตัวอยู่กรุงเทพส่งเงินมาทางนี้ ทว่าดูเหมือนเจ้าหนี้อย่างนายหัวสิงไม่ยอม บอกให้ส่งคนมาเจรจา และเพียงนารามา ก็เป็นอันตกลงกันได้ว่าจะให้ลูกสาวเธอทำงานในไร่เพื่อใช้หนี้
มันอาจเป็นโชคร้ายที่ตอนนั้นลูกสาวของเธอตกงาน ชีวิตหักเหจนต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านเกิด รวมถึงเธอที่เลือกกลับมาดูแลแม่ เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งแม่ของเธอจะยกโทษให้ในสิ่งที่ทำไป การหนีไปครั้งนั้นยังเยาว์วัยนัก ประพาไม่รู้อะไรเลย
“ความจริงพี่น้องคุณน่าจะช่วยผ่อนจ่ายบ้าง เพราะเขาเป็นคนกู้มาแถมยังใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย สร้างบ้านตั้งหลังใหญ่โต แต่หนี้ตกมาที่ลูกสาวเราคนเดียว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ยัยหนูจะใช้หมด ลำพังแค่เราขายของก็แทบไม่พอกินแล้ว”
“เป็นความผิดฉันเอง ถ้าฉันไม่หนีออกจากบ้าน ลูกคงไม่มีชะตากรรมแบบนี้ นาราเป็นเด็กดี แต่ฉันกลับใช้ความเป็นคนดีของแกเพื่อล้างความผิดของตัวเอง” หวังว่าก่อนตาย แม่จะยกโทษให้เธอบ้าง
“ไม่ต้องร้องนะคุณ เราจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว” สังวาลย์ปลอบโยนภรรยา ทว่าไม่รู้ว่าตอนนี้หลังประตูบ้านออกไปนั้นมีเด็กคนนี้ยืนฟังอยู่ ได้ยินทุกถ้อยคำ รับรู้ทุกความรู้สึก และรู้ว่าตนเองถูกหลอกมานานปี ถูกหลอกให้ใช้หนี้ให้คนที่ไม่ใช่บุพการีของตนเอง
ที่ผ่านนารารับรู้มาโดยตลาดว่าพ่อและแม่ของเธอเป็นหนี้ครอบครัวสิงหราช ทั้งสองไม่มีเงินใช้ถึงได้ขอร้องให้เธอชดใช้ให้ ซึ่งทางนั้นไม่รับเงินผ่อนหรืออะไรทั้งนั้น บอกให้เธอทำงานที่นั่นแล้วหนี้จะลดลงไปเอง ทว่าเธอนึกไม่ถึงว่าหนี้ส่วนนั้นที่พ่อแม่เคยขอร้องไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมา แต่เป็นน้ำมือของใครคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่เธอ
คนที่ใช้เงินฟุ้งเฟ้อ ขับรถหรู มองเธอต่ำต้อยและเหยียดหยาม บัดนี้กลับเป็นคนสร้างหนี้แล้วให้เธอใช้
เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวจริงๆเลย
“ลูก” ดวงตาของหญิงวัยกลางคนขยายกว้างเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของคนเป็นลูกสาวเดินเข้ามา ประพารีบหันไปมองสามี ก่อนจะพบว่าสังวาลย์มองที่เธอด้วยความกังวลเช่นกัน ผู้เป็นมารดาเอื้อนเอ่ยจะพูดกับลูกสาว ทว่า...
แสงสีไฟเผาไหม้ในตานายหัวสิงหราชผู้แข็งแรงไม่เคยกลัวสิ่งใด ทว่าตอนนี้เขาวิ่งพล่านไปทั่วเพื่อหาใครสักคนทั้งตะโกน เรียกหา ไม่กลัวว่าตนจะถูกเผาไหม้เลยสักนิด ได้ยินเสียงเรียกตัวเอง นาราหยุดขาที่กำลังวิ่งอยู่ไว้ ใช่ เธอเห็นว่าไฟไหม้อย่างน่ากลัว แผดเผาทุกสิ่งทำให้เธอและโจรหนุ่มที่มาด้วยวิ่งลงมายังลาดเขา ในตอนแรกยอมรับว่าเสียงปืนที่กำลังได้ยินทำให้อยากขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญจะมีสิงหราชอยู่ที่นั่นมั้ย เธออยากไปช่วย ทว่าถ้าทำแบบนั้นโจรหนุ่มจะต้องสงสัยเธออย่างแน่นอน และถ้าเขาโกรธขึ้นมามันอาจฆ่าเธอทิ้ง คราวนี้คงไม่มีโอกาสเจอกับสิงหราชของจริง นาราจึงต้องจำใจเดินตามมันมา ก่อนจะหยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง มันเป็นเสียงของสิงหราช เขามาช่วยเธอ เพียงวินาทีนั้นความอุ่นซ่านจากที่ไหนไม่รู้แผ่เข้ามาที่หัวใจอย่างมากมายมหาศาล เธอคิดว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับแฟนเก่าซะอีก เขากลับมาหาเธอทั้งที่จะปล่อยให้ตายก็ได้ “นิ่งทำไมน้องนาค ไฟไหม้อยู่นะ” ใบหน้าของชนตรีแสดงความเครียดขรึม ยิ่งเห็นหญิงสาวทำหน้ากังวลเขายิ่งใจไม่ดี อย่าบอกนะว่าได้ยินเสียงคนเรียกแล้วจะใจอ่อ
“มันเรียกคนมาอีกแน่” ไกรพบที่อาการเจ็บยังไม่หายขาดจากการถูกยิงในครั้งนั้น กำกระบอกปืนแน่น หลังจากที่เขาได้รับการติดต่อมาจากสิงหราช ชายหนุ่มก็รีบมาทันที ตอนนี้รู้แล้วว่าสิงหราชกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แล้วมันจะไม่หายไปนอกเสียจากว่าจะมีใครตายกันไปข้างหนึ่ง “อืม” เสียงทุ้มครางรับ เห็นหน้าที่เงียบขรึมของนายหัวหนุ่มแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็รู้สึกไม่ดี เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวอีกคนนั้นไม่ราบรื่นเลย อีกทั้งช่วงหลังมานี้ยังมีแฟนเก่าอย่างดาราเข้ามาพัวพัน เส้นสัมพันธ์ยุ่งเหยิงจนแก้ไม่ได้ แต่ที่เขายังแปลกใจคือทำไมเพื่อนไม่หาทางแก้สักที มันไม่เคยมีใคร ไม่เคยให้ใครเข้ามาเป็นนายหญิงในไร่ สามปีมานี้คนที่มีความสัมพันธ์ด้วยจริงๆคือนาราคนเดียว ถ้าจะมีคนอื่นบ้างทว่านั้นไม่ใช่ความจริงลือกันไปทั้งนั้น เขาเป็นเพื่อนมันทำไมจะไม่รู้ แต่ที่ไม่รู้คือทำไมไม่เปิดตัวนารา รักขนาดนั้นแต่งเป็นเมียได้แล้วมั้ง จะรออะไรอยู่อีก เห็นมั้ยรอก็มีแต่เรื่องแย่ๆลง จนตอนนี้เมียมันโดนจับตัวไปแล้ว สงสารก็สงสาร สมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้า ทว่าพอเห็นหน้าคิดมากจนเครียดของเพื่อนแล้ว เขาสงสารม
"หิวน้ำ" เธอตัดสินใจเรียกออกไป และดูเหมือนว่าเพียงได้ยินเสียงเธอ พวกด้านนอกหยุดการสนทนากัน ต่อเนื่องด้วยมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เป็นคนที่เธอคิดไว้ "อะไร" เสียงของร่างกำยำดูแข็งกระด้าง ชายตรงหน้าเป็นผู้ชายผิวคล้ำ แห้งกร้าน บอกว่าผ่านการผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างหนัก ทว่าด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยู่ทำให้ไม่แก่เกินไปนัก เพียงชายคนนี้เข้ามานาราร้องไห้เงียบๆ ก้มหน้าลงกับเข่าตัวเอง เสื้อเชิ้ตอันเป็นผลจากกระดุมถูกแหวกก่อนหน้าเผยให้เห็นเนินอกขาวผ่อง และลาดไหล่เรียวสวย ภาพตรงหน้าถ้าผู้ชายที่ชอบของสวยๆงามๆย่อมคิดว่าน่ารังแกเหลือเกิน ในความคิดของชายชาตรีนั้นในตอนที่สตรีเปลือยเปล่าให้เห็นถึงเนื้อหนัง และอยู่ในช่วงอ่อนแออย่างหนักช่างน่าปลอบประโลมเกินทน น่านำมากอดให้คลายความเหน็บหนาว ใช่ ชนตรีคิดแบบนั้น ถึงเขาจะเป็นโจรและผ่านสมรภูมิเรื่องเลวร้ายมามากมาย ทว่าสำหรับผู้ชายอย่างเขา ผู้หญิงยังมีอิทธิพลอยู่มากโข แค่เห็นพวกเธอสวย ตรงนั้นก็แข็งแล้ว อย่างเช่นผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้ที่ทำให้เขาแข็งและสงสารในเวลาเดียวกัน โธ่ แม่คุณ คงช้
"นายหัว!" ตอนนี้ประพาทุกข์ใจเหลือเกิน ตั้งแต่นารารู้ความจริงว่าเธอปิดบังเรื่องหนี้สิน เจ้าตัวก็หายไป เธอออกตามหาแล้วทว่าไม่เจอลูกเลย ออกตามหาทั่วหมู่บ้านก็ไม่พบตอนนี้ประไพไม่รู้จะทำยังไงแล้ว "เกิดอะไรขึ้น" อกด้านซ้ายสั่นไหวไม่น้อย เพียงได้ยินชื่อของใครบางคนหัวใจก็ราวกับโดนกระชากออกมา "นาคหายตัวไปค่ะ เธอรู้เรื่องหนี้แล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนก่อหนี้เอง แต่เป็นญาติที่สร้างไว้ แกรู้ แกเลยหายไป" เกิดความเงียบขึ้นทั่วบริเวณ การเป็นหนี้ของครอบครัวนารา เขารู้ว่าไม่ได้เกิดจากพ่อและแม่ของเธอ แต่เกิดจากตาและยายและญาติคนอื่นๆ เขารู้เรื่องนี้หลังจากที่เธอทำงานได้ไม่นาน แต่ที่กักเก็บไว้ก็เพราะสาเหตุส่วนตัว แต่วันนี้ นารารู้มันแล้ว คงเสียใจมาก ถึงได้หนีไป แต่จะหนีไปไหนเล่า หรือว่าไม่ได้หนี แต่มีคนจับตัวไป ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นตรงอก ทว่าความปวดหนึบนั้นไม่ได้น่าให้ความสนใจกับฝีเท้าที่รีบวิ่งออกไปสุดแรง ทว่าก่อนออกตามหาคนตัวเล็ก สิงหราชโทรไปหาใครคนหนึ่งและเพียงคนปลายสายรับ ไม่ลังเลกรอกเสียงลงไป [นาคหายไป กูอยากให
“พ่อแม่หลอกหนูอยู่เหรอคะ” นัยน์ตาของนาราเลื่อนลอย ความปวดหนึบบีบรัดช่วงอกจนเจ็บไปหมด ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ทุกความตั้งใจของเธอ หยาดเหงื่อแรงกายของเธอ กำลังถูกคนอื่นกัดกิน และดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย พวกเขาทำได้ยังไง รวมถึงพ่อกับแม่เธอด้วย! “แม่ทำแบบนี้ทำไม แม่ยังเห็นหนูเป็นลูกอยู่มั้ย” เธอกำลังมีอนาคตที่ดี แต่ต้องกลับมาที่นี่ กลับมาเพื่อโดนคนนินทาว่าร้ายว่าเป็นนางบำเรอชั้นต่ำให้นายหัวปลดปล่อยความใคร่ไปวันๆ เธอโดนแบบนั้นแทบทุกวัน สายตาที่มองมาเหยียดหยามด้วยความสงสัย แม่และพ่อของเธอเคยรู้บ้างมั้ยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน “นาค” ประพาเอ่ยเสียงเครือ รู้ดีว่าลูกของเธอรู้สึกยังไง แต่เธอไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้แบบไหนเหมือนกัน ประพาโดนขู่ โดนตราหน้าว่าไม่รักพ่อแม่ พ่อตายจากไปแล้วก็ยังไม่มาดูดำดูดี ด้วยบ่วงนั้นทำให้เธอไม่ไปไหน จมกับความรู้สึกผิด ดำดิ่งหาทางออกไม่เจอ จนกระทั่งแม่ของเธอบอกว่าจะยกโทษให้ถ้ายอมใช้หนี้ให้กัน ประพาจึงรีบคว้าโอกาสไว้ หวังเพียงว่านั่นจะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถทดแทนพระคุณมารดาได้ ทว่าเธอลืมนึกไปว่านาราก็มีหัวใจ เด็กคนหนึ่งโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าโ
นารากลืนก้อนเหนียวหนืดขนาดใหญ่ลงในคอ มองลึกเข้าไปในดวงตาดุดันของเขา ดวงตานี้เพียงใช้ปราดมองใครสักคน ทุกคนเป็นอันต้องหลบสายตา บ้างก็หลงใหลมัน เธอมองมันมาหลายครั้ง ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเจ็บปวดใจเท่าครั้งนี้ “ฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ และมันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ ไม่อยากอยู่กับป่ากับเขา” เกลียดเหลือเกินที่ตัวเองยิ้มทั้งๆที่กำลังโกหกออกมา “น่าเบื่อใช่มั้ยล่ะคะ ฉันก็เบื่อมันมากเหมือนกัน นับวันรอ รอจะได้ไป ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่” ใครบอกเธอชอบที่นี่มากต่างหาก “ถ้าได้ไปคงมีความสุข ทีนี้นายหัวพอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าฉันต้องการอะไร” นาราลุกขึ้น เพราะรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวจนกลัวมันไหลออกมา ใช่ แล้วเธอจะร้องไห้ทำไม ในเมื่ออยากไปจากเขาเอง “หวังว่าคุณจะอ่านสัญญานี้ให้ถี่ถ้วน แล้วเซ็นมันให้ฉันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” สองเท้าเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว มันเร็วเสียจนหญิงสาวจะล้ม คงเกลียดที่นี่มากสินะ ทว่าร่างบางไม่รู้เลยว่าหลังจากเธอไปแล้ว คนที่โดนพูดอะไรก็ไม่รู้ใส่นั้นนิ่งไปราวกั