“เรื่องหนี้...” ทว่าเสียงทุ้มเย็นที่พูดออกมาทำให้นาราตัวแข็ง ถ้าพูดถึงเรื่องนี้เธอคงไปไหนไม่ได้ โซ่ตรวนของกาลเวลาที่จองจำกันหลายปีนานมาแล้วก็ยังไม่ได้รับอิสระ
“เหลือเท่าไหร่” เงินที่เธอต้องชดใช้ มันเท่าไหร่กันเหรอ ทว่าไม่ง่ายที่เขาจะบอกเลย
“อยากรู้ก็มานี่สิ”
สุดท้ายนาราก็เดินเข้าไปด้วยความจำใจ แล้วต้องใจวูบไหวอีกครั้งเมื่อโดนลากขึ้นไปนั่งบนตัก ใบหน้าสวยฉายแววตกใจทว่าในความตกใจนั่นมีความไม่ชอบใจผสมอยู่ด้วย
“ปล่อย!” มือเล็กแกะลำแขนแข็งแรงที่โอบรัดรอบเอวออก ทว่าเจ้ากรรมแรงของเธอน้อยเสียจริง ราวกับมือเปล่าที่แกะครีมเหล็กแข็งๆ นอกจากทำไม่ได้แล้วยังเจ็บมืออีกด้วย
“เจ็บ”
ร่างเล็กเกร็งตัวไว้เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเสียงครวญ ดวงตากลมโตก้มลงมองเสื้อเชิ้ตที่ด้านในมีผ้าพันแผลพันไว้อยู่ แต่แล้วไง เขาลวนลามเธอนะ ทำไมต้องมากลัวเขาเจ็บด้วย
นารายังใจแข็งเอ่ยกลับไป
“งั้นก็ปล่อยสิคะ จะได้ไม่เจ็บไง”
กลิ่นหอมๆแบบนี้นี่มัน ในทุกครั้งที่ใกล้ชิดกัน กายแกร่งมักส่งกลิ่นหอมอ่อนๆกระจายออกมาจากตัวเสมอ เธอเคยชอบมัน ทว่าตอนนี้ในเวลาที่คิดว่ามีใครบางคนที่เคยชอบมันแบบเธอมาก่อน หญิงสาวก็ได้แต่กลั้นใจ กลั้นความรู้สึกผลักดันเอากลิ่นน่าเย้ายวนออกไป
“ฉันบอกให้ปล่อยไง” เธอย้ำอีกครั้ง
“ไม่” เสียงเข้มดังกลับมา ตอนนี้บั้นท้ายรับรู้สึกความใหญ่โตที่พองขยายดุนดันเสียดสีในช่วงหลัง ดวงตากลมโตแผ่แววขยายไม่พอใจ ขณะที่ดวงตาคมดุฉายแววเป็นรอยยิ้ม
นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ มือหนาเลื่อนขึ้นไปจับปลายคางเล็ก ตรึงลงมาหวังประทับจูบ ทว่า
“สิงคะ คุณอยู่ในนี้หรือเปล่า”
ไม่ถึงสามวินาทีนารารีบลุกขึ้น รีบไปถอยไปยืนไกลๆ ก่อนมือน้อยจะเอื้อมไปเปิดประตู คนด้านนอกจึงเปิดเข้ามาได้ เวลานี้เองที่หญิงสาวมาใหม่และคนตัวเล็กที่หันมองทางอื่น ไม่เห็นว่านายหัวของไร่ถอนหายใจ ทำหน้าตึง
“สิง อยู่ในนี้จริงๆด้วยแล้วนี่...” ดาราดีใจเมื่อเห็นร่างสูงที่เธอตามหา มองไปอีกทางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ในนี้ด้วย ทั้งสองอยู่ด้วยกันเหรอ...
“ทำไมไม่รีบกลับไปพักผ่อนละคะแผลยังไม่หายดีเลยนะ” หญิงสาวเดินเข้าไปประคองคนตัวสูงให้ลุกขึ้น นาราไม่อยากมองภาพนั้นจึงหันไปทางอื่นแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้ทำไม ทว่ารู้ตัวอีกทีทั้งสองคนก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเสียแล้ว
เนื่องจากประตูห้องประชุมเป็นประตูแบบผลัก ผู้หญิงตรงหน้ามีภาระโดยการประคองร่างสูงอยู่ นาราจึงเปิดมันออกให้เพื่อให้พวกเขาสองคนเดินออกไปได้ถนัด คนที่ประคองสิงหราชหันมาขอบคุณเธอ ต่างจากชายอีกคนที่เพียงเห็นแฟนเก่าของตนก็ทำตัวห่างเหินไม่มองเธออีก
ราวกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
“ขายดีมากเลยครับ” น่าชื่นชมจริงๆ เพราะเพียงไม่นาน ผลไม้ที่เธอปลูกมีราคาสูง ทำให้ขายได้เงินดี และใช่ ตอนนี้นารามีเงินของตัวเองเป็นแสนแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงสองอาทิตย์
“ช่วงนี้นักท่องเที่ยวลง ร้านอาหาร ร้านน้ำก็ต้องการ ผมจะขอสั่งล็อตหน้าเพิ่มอีก คุณนาคมีปัญหาอะไรมั้ยครับ” ดวงตานาราเปล่งประกายราวกับมีดวงดาวเต็มท้องฟ้าบรรจุอยู่ในนั้น
“ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ หนูดีใจมากๆเลย”
พ่อค้าหัวเราะ
“คุณนาคเก่งจังเลยนะครับ ทำได้ไม่นานแต่ได้ผลผลิตขนาดนี้เป็นเรื่องที่ดีเลย ลุงว่าถ้าปลูกต่อไปต้องขายดีกว่านี้แน่ๆ” เขาเป็นพ่อค้ามานาน ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ ราคาไม่แพงลูกค้าย่อมอยากได้ ซึ่งเด็กสาวให้ราคาเขาดีมาก เลยเป็นที่ต้องการมากเลยทีเดียว
“นาคก็อยากปลูกอะไรเยอะแยะเหมือนกันค่ะ แต่ต้องลองก่อน ถ้าไม่ลองก็กลัวว่าเวลาเสียหายมาจะเจ็บยิ่งกว่าเดิม”
อย่างน้อยค่อยๆเรียนรู้ไป จะได้รู้ข้อผิดพลาดว่าควรแก้ไขตรงไหน
“อืม ครับค่อยๆทำไปเถอะ ต้นไม้ดูแลยาก ถ้าอยากปลูกขายแล้วด้วยใครๆก็อยากได้ราคางาม สู้ต่อไปนะครับ ลุงเอาใจช่วย”
เธอยิ้มจนแก้มปริ มีคนเข้าใจว่าตนเองผ่านความยากลำบากมาขนาดไหน ความดีใจลึกๆผุดขึ้นมาบรรเทาหัวใจที่ปวดร้าว อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนชมเธอแล้ว แค่คนเดียวก็พอ
“งั้นลุงกลับก่อน ถ้ามีอะไรโทรหาได้นะ ยินดีที่ได้ซื้อของจากไร่นะครับคุณนาค”
“ขอบคุณมากๆเช่นกันค่ะ”
เดินไปส่งคุณลงขึ้นรถ โบกมือให้เล็กน้อย เมื่อรถกระบะที่ช่วงท้ายเต็มไปด้วยเมล่อนขับออกไปแล้ว จึงได้ก้มลงมองเงินในมือตัวเอง ไม่ได้คิดไปเองว่ามือของตนสั่น เป็นก้อนแรกในชีวิตที่หาเงินได้เยอะขนาดนี้
ขอบคุณตัวเองจริงๆ
ใช่ เธอไม่กล้าใช้เงินนั้น แต่ต้องนำมันไปทำบางอย่าง ซึ่งเธอตัดสินใจแล้วว่ารายได้ที่ได้หลังจากนี้ เธอจะทยอยส่งคืนสิงหราช แต่ตอนนี้ต้องพูดกับเขาให้เรียบร้อยก่อน แน่นอนในเรื่องของการเงิน เธออยากได้สัญญาด้วย ทุกอย่างต้องทำให้โปร่งใสและถูกต้อง และใช่ เธอจะไปจากที่นี่ มั่นใจว่าอีกไม่กี่ปี หนี้มากมายมหาศาลจะเหลือเป็นศูนย์ จะได้เป็นอิสระเสียที
ทางที่มาไม่ใช่บ้านพักแต่อย่างใด แต่คือเรือนไทยหลังใหญ่ ได้ยินว่าเขาคนนั้นอยู่ที่นี่ ตอนนี้ไม่มีความอึดอัดในใจอีกต่อไปแล้ว มีแต่ความดีใจที่เธอจะได้ไปให้พ้นจากหน้าใครคนหนึ่ง
“คุณสิงสวัสดีค่ะ” แล้วมันก็ดีนักเพราะด้านบนไม่มีใครอยู่กับเขา จะได้คุยธุระสะดวก ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน แต่มันคงดีถ้าที่นี่มีเพียงเขาและเธอคุยธุระสำคัญกัน
ดวงตาเรียวคมราบเรียบมองมาราวกับว่าพบเจอสิ่งประหลาดที่เธอเอ่ยดีๆด้วย แต่หญิงสาวไม่สนใจ เธอเอ่ยถึงเรื่องที่อยากคุย
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
“เรื่องอะไร” เสียงของสิงหราชดูไม่พอใจเล็กน้อย เขากวาดตามองเธอ มองความมั่นใจเต็มเปี่ยม แล้วในตอนนั้นเองที่เธอเลื่อนซองสีน้ำตาลมาทางเขา
“อะไร” เสียงทุ้มถาม นารายกยิ้ม เอ่ยสิ่งที่ต้องการออกมา
“สัญญาค่ะ”
“...”
“สัญญานี่ของฉัน” เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร เธอก็อธิบายต่อ
“ฉันอยากเซ็นสัญญากับคุณถึงเรื่องหนี้ที่ยังเหลืออยู่ อยากให้คุณบอกด้วยว่าหนี้ที่ต้องชดใช้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ที่ผ่านมาคุณไม่เคยบอกฉันเลย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลยสักนิด ฉันเลยอยากขอร้องคุณให้คุณเซ็นสัญญาฉบับนี้ แล้วเป็นไปตามข้อสัญญาที่ระบุไว้ คุณจะร่างสัญญามาใหม่ก็ได้ แต่ฉันขอเป็นลายลักษณ์อักษรค่ะ”
ดวงตาแน่วแน่จ้องมองไปที่คนตรงหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมีความมั่นใจขนาดนี้ แต่ถ้าให้เดามันคือความอัดอั้น และความต้องการเป็นอิสระ
“นี่เงินก้อนแรกค่ะ” เอ่ยต่ออย่างไม่ให้มีช่องว่าง “แล้วฉันจะเอาให้อีกทีหลังจากขายผลไม้ได้”
ราวกับทุกอย่างรอบข้างถูกแช่ด้วยน้ำแข็ง แผ่นหลังรู้สึกสะท้านวาบรุนแรงเมื่อได้เห็นสายตาแข็งกระด้างคู่นั้น นาราไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธออยากให้เขาพูดกับเธอ พูด เพื่อให้เรื่องนี้มันจบ
“ทำไม” แล้วใจก็แทบตกลงไปตรงตาตุ่มเมื่อได้ยินเสียงเย็นชาตามมา เธอพยายามสูดลมหายใจลึก ไม่หวั่นเกรง ห้ามกลัว ไม่กลัวเด็ดขาด
“ทำไมเธอถึงอยากไปจากที่นี่”
ชั่ววูบขอบตาของเธอร้อนผ่าว เธอสบตาเขา เนิ่นนานที่ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ และเนิ่นนานที่เราห่างเหินกัน แล้วมันจะเป็นอะไรไปล่ะ ก็ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่แรก ตอนนี้คนของเขาก็กลับมาแล้ว หน้าที่เมียบำเรอคงไม่จำเป็นอีก
เธออยากกู้ศักดิ์ศรีตัวเองกลับมา ไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว เพราะเมื่อถึงเวลาเธอก็จะไป หวังว่าเขาจะเข้าใจเธอเช่นกัน
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง