หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี
ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน
ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้
“ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ
“แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิงอีกคน เธอก็คิดว่าแค่โดนไม้หน้าสามฟาดลงยังกลางหัวยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“ปากดี อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะปากดีได้สักแค่ไหน”
ทว่าความใจกล้าและโกรธเกรี้ยวก็แสดงได้ไม่นาน เมื่อร่างสูงบดบี้ริมฝีปากคนตัวเล็กด้วยความโกรธ
โกรธจนอยากจะกระทืบใครสักคน ส่วนใครที่ว่านั่นก็คงเป็นไอ้คนที่นาราอยากแต่งงานด้วย แต่ลองสิ ลองเธอสวมชุดเจ้าสาวแต่งกับใครสักคนสิ เขานี่แหละจะเป็นคนไปถล่มงานแต่งให้ย่อยยับ!
“อื้อ อ่อย(ปล่อย)” มือน้อยผลักไหล่กว้างออก นารารู้สึกเหมือนจะตายเลย ช่วงปอดของเธอคล้ายขาดอากาศหายใจอย่างหนัก ทว่าต่อต้านมากเท่าไหร่ เขายิ่งบดเบียดกายแกร่งใส่เธอเท่านั้น
“ไอ้เลว ปล่อย” ยามใบหน้าหล่อเหลาผละออกมาได้ เธอก็ทุบตีเขาไม่ยั้ง น้ำจากดวงตาไหลออกมาจนแสบยิบ ทั้งโกรธ น้อยใจ โมโหทุกอย่างปนเปกันไปหมด
“ทำไม เธอจะเก็บไว้ให้ใครรึไง” สิงหราชตอบโต้ด้วยความเกรี้ยวกราดเช่นกัน ความโกรธยิ่งทวีคูณเข้าไปอีกเมื่อหญิงสาวตอบว่า
“ใช่! ฉันจะเก็บไว้ให้ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ คอยดูนะ ฉันจะเอากับเขาทุกท่าเลย เอาให้ลืมไปเลยว่าครั้งหนึ่งเคยมีอะไรกับคุณ”
“นารา!” สิงหราชกระชากเสียงใส่ด้วยความโมโห บอกตามตรงว่าคำพูดของเธอปลุกเร้าอารมณ์โทสะของเขาจนอยากจะฆ่าใครสักคน เมื่อกี้พูดว่ายังไงนะ จะนอนกับคนอื่นงั้นเหรอ จะลืมที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขางั้นเหรอ ได้ วันนี้เขาจะทำให้เธอรู้ว่าเขามีความสามารถมากพอทำให้เธอลืมไม่ลง
“อยากไปจากฉันมากนักนี่ อยากรู้เหมือนกันว่าคืนนี้เธอจะมีปัญญาคลานลงจากเตียงมั้ย” ว่าจบชายหนุ่มก็ซุกไซ้ลำคอระหง นาราดิ้นอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยแรงกำลังที่มีไม่มีวันต่อกรกับสิงหราชได้เลย เขาเปรียบเสมือนราชสีห์ตัวใหญ่ เธอเหมือนหนูตัวจ้อย สู้ไปก็มีแต่แพ้
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะนะ” เพราะแบบนั้นจึงเปลี่ยนวิธีการใหม่ นารารับความเจ็บปวดไม่ไหว เธออยากไปจากเขา อยากไปจากมัจจุราชตนนี้สักที
“ปล่อยไปงั้นเหรอ” สิงหราชแสยะยิ้ม เขาไม่เคยเห็นนารากลัวตนขนาดนี้มาก่อน ชายหนุ่มรู้สึกปวดหนึบตรงหัวใจ สำหรับเธอ เขาคงเป็นคนใจร้าย ไม่อยากเข้าใกล้ อยากหนีไปให้พ้น
“เธออยากไปจากฉันงั้นเหรอนารา” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงไปหาหญิงสาวตัวเล็ก บังคับปลายคางให้เธอหันมามองกัน ดวงตาของหญิงสาวสั่นระริก พอๆกับหัวใจที่สั่นไหวรอวันแตกสลาย
“แล้วฉันจะอยู่ไปทำไม อยู่ไปก็มีแต่ถูกทำร้าย ขอร้องเถอะค่ะ ปล่อยนาคไปเถอะนะคะ” มือบางยกมือขึ้นขอร้อง ทว่าชายหนุ่มกลับยิ้ม เขาขยับใบหน้าเข้าหาเธอเรื่อยๆ
“ได้ ไปได้...” มุมปากหยักแค่นหัวเราะด้วยความเหนือกว่า “แต่ไปขอแม่เธอที่ติดหนี้ฉันนะ ถ้าแม่ของเธอยอมเอาที่ดินมาคืนให้ฉันทั้งหมด ฉันถึงจะยอมปล่อยเธอไป”
“คุณ!” ไม่มีครั้งไหนเลยที่นาราหมดหนทางเท่าครั้งนี้ เธอคงลืมไปว่าเธอเป็นหนี้เขาอยู่และชาตินี้ทั้งชาติไม่รู้เมื่อไหร่จะใช้หมด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอยากขอร้องเขาอยู่ดี
“งั้นรอให้คุณเบื่อได้มั้ยคะ” ดวงตากลมโตสบเข้ากับนัยน์ตาแข็งกระด้าง ขอร้อง เธอขอร้องเขาจริงๆ
“ถ้าคุณเบื่อฉันแล้ว ฉันขอให้คุณปล่อยฉันกับครอบครัวไป เงินที่เหลือ ฉันจะหามาคืนคุณเอง นะคะ นะคะนายหัว”
พรึ่บ
ร่างของนาราถูกเปลี่ยนมานั่งบนตัวของสิงหราชด้วยความรวดเร็ว นายหัวหนุ่มมองเธอ ไล่ไปทั่วร่างกายให้หญิงสาวสะดุ้งเล่น ร่างสูงกล่าว
“เธอก็ทำให้ฉันพอใจสิ ฉันจะรับข้อเสนอของเธอก็ได้ แต่ถ้าไม่ เธอต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต”
ตลอดชีวิตเลยเหรอ นาราคิดอย่างปวดร้าว ถ้าเขารักเธอเธอคงอยากอยู่กับเขาเหมือนกัน แต่นี่สิงหราชไม่เคยรักเธอเลย เขาเห็นเธอเป็นแค่นางบำเรอบนเตียงคนหนึ่ง
“ตกลงค่ะ” แต่เธอก็ตอบรับด้วยความขมขื่น คนตัวเล็กก้มลงไปจูบชายหนุ่ม สอดลิ้นเล็กเข้าไปในโพรงปาก ระหว่างนั้นมือน้อยก็ลูบไล้แผงอกเปลือยเปล่าไปด้วย
“ฮึม” สิงหราชคำรามในลำคอ เพียงนาราสัมผัสโดนร่างกาย ความต้องการทั้งหมดก็ปะทุขึ้นมาอย่างง่ายดาย แท่งร้อนกลางกายปวดหนึบราวกับจะระเบิดออกมา
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง