“เป็นอะไรมั้ยนาค” นงรักตบบ่าเด็กสาว เธอเห็นว่านาราน้ำตาซึมออกมา หญิงวัยกลางคนเข้าใจว่าท่าทางเย็นชาของนายหัวของไร่คงทำร้ายจิตใจหญิงรุ่นลูกของเธอไม่น้อย แล้วนาราก็ตัวนิดเดียวกลับต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมดไว้เพียงลำพัง โดนกลั่นแกล้งในไร่ก็เกินพอแล้ว
“นาคไม่เป็นไรค่ะ” นาราพยายามส่ายหัวบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเธอ แต่จะทำได้มั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“แล้วนี่เราไปโดนอะไรมา” มือเหี่ยวย่นจับรอยแดงช้ำที่มีเลือดซึมน้อยๆบนปากนารา หญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บแทน อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายคงไม่สะดวก
“มีเรื่องมาค่ะ หนูเป็นคนหาเรื่องพวกเขาเอง”
“กับใคร! กับพวกอีผินเหรอ” นงรักเบิกตาโต เธอไม่เชื่อว่านาราจะเป็นคนหาเรื่องพวกนั้นก่อน เธออยู่ที่นี่มานานทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นนิสัยเป็นยังไง ทำตัวเบ่งไปเรื่อย มักกดคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้ไปหาเรื่องก่อน ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
“มันมาหาเรื่องหนูก่อนใช่มั้ย อีพวกนี้มันนิสัยไม่ดี ชอบด่าคนอื่นไปทั่ว เดี๋ยวป้าไปบอกนายหัวให้ ว่าพวกนี้เป็นยังไง” นงรักจะเดินออกไป ทว่านาราดึงแขนไว้ หญิงสาวส่ายหัวด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูผิดเองที่เดินไปถามพวกเขา ป้าไม่ต้องไปนะ” ถ้าไปสิงหราชก็จะยิ่งเกลียดเธอ เธอไม่อยากให้ตัวเองต้องรู้สึกต้อยต่ำกว่านี้อีกแล้ว
นารายกถาดของว่างที่จัดไว้ขึ้นมา เธอเช็ดคราบน้ำตา มองคนตรงหน้าด้วยความพยายามสดใส นาราจะไม่เสียใจอีก เธอจะรอวันนั้น วันที่ได้ไปจากที่นี่
“นาคเอาของไปให้นายหัวก่อนนะคะ ป้าไม่ต้องคิดมากนะ” ร่างบางเดินออกไป ปล่อยให้นงรักทำหน้าเครียดสงสารเด็กสาวสุดใจ นึกโกรธไปถึงครอบครัวของนารา ตัวเองเป็นพ่อแม่คนแท้ๆ ยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ แต่กลับทิ้งภาระมาให้หญิงสาวตัวคนเดียว น่าอนาถใจจริงๆ นงรักส่ายหัว ก่อนจะเดินออกไปจากครัวในที่สุด
กลับออกมาพร้อมกับถาดของว่างในมือ เธอวางลงบนโต๊ะด้วยความสงบเสงี่ยม โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาสองคู่มองอยู่ตลอดเวลา คนหนึ่งมองอย่างไม่ชอบใจ อีกคนจ้องอยู่แบบนั้นไล่มองไปทั่วดวงหน้าสวย
“แหม สิงนี่ดีจังเลยนะคะ มีเด็กมาคอยรับใช้ด้วย” ปราณนารีมองกดนารา เธอไม่ชอบใจอย่างแรงที่หญิงสาวหน้าตาดีคนนี้ใกล้ชิดกับสิงหราช
“คนงานน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มตอบ ยกน้ำขึ้นดื่ม ปราณนารียกยิ้มอย่างผู้ชนะ ไม่ใช่เธอไม่รู้ที่เขาลือกันให้แซดว่าสิงหราชกับผู้หญิงคนนี้เป็นคู่นอนกัน เธอมีสายในไร่พวกนั้นรายงานเธออย่างละเอียดทุกวัน แต่ที่น่าโกรธคือเขากลับเก็บหญิงสาวไว้ข้างกายตลอด จนตอนนี้เป็นเวลาสองปีแล้วที่ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่ และมันชักนานเกินไป
“คนงานสวยนะคะ ทำไมยังไม่แต่งงานล่ะ” ปราณนารีมองไปที่นารา หญิงสาวยิ้มแย้มน้อยๆ และมันทำให้นารานิ่งไปเลย ใช่ นาราอยากตอบว่าก็เพราะนายหัวของไร่แห่งนี้ไม่ปล่อยเธอไป เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว
“ไม่รู้สิ ยังไม่เจอคนที่ใช่มั้งคะ คุณปราณพอจะแนะนำใครให้นาคได้รึเปล่า” อยากพูดแบบนั้น ทว่าเธอพูดอีกอย่างแทน
ตึก!
เสียงวางแก้วดังอย่างน่าตกใจ ทุกคนต่างหันไปมองที่นายหัวหนุ่มของไร่
“โทษที ไม่ได้มอง พูดต่อสิ?” สิงหราชจ้องที่ร่างของนาราราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะพูดยังไงต่อ นารายกยิ้ม
“นาคก็อยากมีใครสักคนเหมือนกันค่ะ อยู่แต่ไร่ไม่เจอคนที่ชอบเลย นาคหวังว่าสักวันนาคจะไปจากที่นี่ ทำตามความฝันของนาคด้วยการแต่งงานกับใครสักคน”
ภายใต้โต๊ะที่ไม่มีใครเห็น นาราคงไม่รู้มือใหญ่ของคนแข็งแรงกำเข้าหากันแน่น หญิงสาวยังยิ้มแย้มเสแสร้งว่ามีความสุข โดยที่ไม่รู้ตัวว่าได้ปลุกปั่นพายุร้ายเข้าเสียแล้ว
“ในไร่ก็ไม่มีคนที่ชอบเลยเหรอจ๊ะ” ได้คำตอบถูกใจ ปราณนารีก็ยิ่งถามจี้เข้าไปใหญ่ เธออยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดอย่างที่พูดจริงๆ
นารายืนยันด้วยความหนักแน่น “จริงค่ะ นาคยังไม่เจอคนที่ชอบเลย อยู่แต่กับไร่ จะเจอใครได้ล่ะคะ”
“อุ๊ย ตายจริง นั่นสินะจ๊ะ” ปราณนารีหัวเราะชอบใจ แอบสังเกตสีหน้าของสิงหราชไปด้วย และก็ต้องพบว่าชายหนุ่มนิ่งจนน่ากลัว เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงลดเสียงลงมา
“เดี๋ยวก็เจอเองแหละจ้ะ เราคนสวยขนาดนี้ ผู้ชายไม่ค้านจะเข้าหา ออกไปเจอผู้คนบ้าง เดี๋ยวคนก็มาชอบเองแหละ หรือไม่ก็จีบก่อนไปเลย สมัยไหนแล้วผู้ชายไม่ว่าหรอกจ้ะ”
นารายิ้มทั้งที่ในใจไม่ยิ้มตาม เธอถอยหลังออกมา และใช้โอกาสนี้เดินออก พอลงมาถึงใต้บันได น้ำตาของร่างบางก็ร่วงเผาะอีกครั้ง นาราพยายามเข้มแข็งมาโดยตลอด แต่ความจริงแล้วเธอไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย เธอยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่แบกรับอะไรมากมายคนเดียว รวมถึงความรู้สึกที่กำลังแอบรักใครสักคน...
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
“เป็นอะไรมั้ยนาค” นงรักตบบ่าเด็กสาว เธอเห็นว่านาราน้ำตาซึมออกมา หญิงวัยกลางคนเข้าใจว่าท่าทางเย็นชาของนายหัวของไร่คงทำร้ายจิตใจหญิงรุ่นลูกของเธอไม่น้อย แล้วนาราก็ตัวนิดเดียวกลับต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมดไว้เพียงลำพัง โดนกลั่นแกล้งในไร่ก็เกินพอแล้ว “นาคไม่เป็นไรค่ะ” นาราพยายามส่ายหัวบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเธอ แต่จะทำได้มั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “แล้วนี่เราไปโดนอะไรมา” มือเหี่ยวย่นจับรอยแดงช้ำที่มีเลือดซึมน้อยๆบนปากนารา หญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บแทน อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายคงไม่สะดวก “มีเรื่องมาค่ะ หนูเป็นคนหาเรื่องพวกเขาเอง” “กับใคร! กับพวกอีผินเหรอ” นงรักเบิกตาโต เธอไม่เชื่อว่านาราจะเป็นคนหาเรื่องพวกนั้นก่อน เธออยู่ที่นี่มานานทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นนิสัยเป็นยังไง ทำตัวเบ่งไปเรื่อย มักกดคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้ไปหาเรื่องก่อน ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน “มันมาหาเรื่องหนูก่อนใช่มั้ย อีพวกนี้มันนิสัยไม่ดี ชอบด่าคนอื่นไปทั่ว เดี๋ยวป้าไปบอกนายหัวให้ ว่าพวกนี้เป็นยังไ
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
“เป็นอะไรมั้ยนาค” นงรักตบบ่าเด็กสาว เธอเห็นว่านาราน้ำตาซึมออกมา หญิงวัยกลางคนเข้าใจว่าท่าทางเย็นชาของนายหัวของไร่คงทำร้ายจิตใจหญิงรุ่นลูกของเธอไม่น้อย แล้วนาราก็ตัวนิดเดียวกลับต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมดไว้เพียงลำพัง โดนกลั่นแกล้งในไร่ก็เกินพอแล้ว “นาคไม่เป็นไรค่ะ” นาราพยายามส่ายหัวบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเธอ แต่จะทำได้มั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “แล้วนี่เราไปโดนอะไรมา” มือเหี่ยวย่นจับรอยแดงช้ำที่มีเลือดซึมน้อยๆบนปากนารา หญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บแทน อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายคงไม่สะดวก “มีเรื่องมาค่ะ หนูเป็นคนหาเรื่องพวกเขาเอง” “กับใคร! กับพวกอีผินเหรอ” นงรักเบิกตาโต เธอไม่เชื่อว่านาราจะเป็นคนหาเรื่องพวกนั้นก่อน เธออยู่ที่นี่มานานทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นนิสัยเป็นยังไง ทำตัวเบ่งไปเรื่อย มักกดคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้ไปหาเรื่องก่อน ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน “มันมาหาเรื่องหนูก่อนใช่มั้ย อีพวกนี้มันนิสัยไม่ดี ชอบด่าคนอื่นไปทั่ว เดี๋ยวป้าไปบอกนายหัวให้ ว่าพวกนี้เป็นยังไง” นงรักจะเด
ปัง! เสียงปืนดังทั่วบริเวณ ทั้งห้าคนที่กำลังนัวเนียกันด้วยฝ่ามือหยุดชะงัก ทั้งหมดแยกออกจากกันราวกับผึ้งแตกรัง ก่อนมายืนหอบหายใจเหนื่อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง “ฉันไม่เคยสอนให้คนงานทะเลาะกัน อยากโดนไล่ออกใช่มั้ย” สิงหราชกราดมองหญิงสาวทุกคน เขาไม่ไว้หน้าใครไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่อคนคนนั้นทำผิดสมควรได้รับการลงโทษ “แต่นายคะ นารามาหาเรื่องพวกเราก่อน เราแค่คุยกันเฉยๆ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย” ผินรีบฟ้อง ก็จริงนาราเดินเข้ามาถามพวกเธอก่อนจริงๆ ถึงมะลิจะเป็นคนลงไม้ลงมือก่อน แต่ถ้านารายอมคงไม่มีเรื่องตั้งแต่แรก “ไม่ต้องพูด ฉันไม่ได้ขอความคิดเห็น” สิงหราชไม่สนใจ ไม่ว่าใครก่อเรื่องในไร่นี้ เขาจะไม่มีการละเว้นทั้งนั้น ตาคมมองไปที่นารานึกโกรธที่หญิงสาวถึงขั้นลงไม้ลงมือกับคนอื่นก่อน เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนใจเย็นเสมอ นายหัวหันมองผู้หญิงทั้งสี่คนที่นอกเหนือจากนารา สั่งเสียงทรงอำนาจ “ไปทำงานท้ายไร่ ถ้าไม่ค่ำไม่ต้องกลับมา แล้วฉันจะหักเงินเดือนสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ไม่มีข้อแม้” ชะอม ผิน และมะลิต่างหันหน้ามองกันด้วยความหน้าเสี
“ไม่ใช่ ฉันแค่ร้อน คนเราจะจับกันแบบนี้ไปทุกที่ได้ไง” หญิงสาวงอแง “แต่ฉันจับได้ เธอเชื่อมั้ย” สิงหราชหันมา เพียงได้สบตากับเขาก็ทำใจนาราใจสั่นอย่างรวดเร็ว เธอพยายามไม่สนใจ เมินเฉยประโยคชวนให้อึกอักแบบนั้น เขาคงอยากล้อกัน เพราะอยากแกล้งเธอทีหลัง “ไม่เชื่อ ปล่อยมือฉันได้แล้ว” เชื่อไม่ได้เด็ดขาด โห คำพูดของนาราหยุดไป เมื่อขึ้นมาถึงบนเขา มองลงไปด้านล่าง พระอาทิตย์ดวงใหญ่กำลังจะตกดิน แสงสีส้มสาดไปทั่วบริเวณ รวมถึงท้องฟ้าที่เคยเป็นสีครามบัดนี้ผสมสีเข้าด้วยกันอย่างน่าสะดุดตา วินาทีนั้นนารามองไปยังคนข้างๆที่ยืนอยู่ข้างเธอ เขาจับมือเธอแน่น ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือบังเอิญที่พามาดูวิวสวยแบบนี้ แต่การมากับเขานี่มัน.... ชายหนุ่มกุมมือเธออยู่แบบนั้น ไม่มีใครพูดอะไร กระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน นาราตื่นเช้ามาด้วยใจที่สดใส เมื่อคืนดีหน่อยที่นายหัวของไร่ไม่รังแกเธออย่างที่แล้วๆมา แรงคงไม่มีถ้าเขาจะทำแบบนั้น พอนึกถึงเจ้าของใบหน้าคมคาย ใบหน้าเธอก็ต้องร้อนวูบวาบขึ้นมา ภาพตอนที่เขาจับมือเธอมองพระอาทิตย์ หญิงสาวยิ่งรู้สึก...ช่า
สิงหราชพาเธอมายังรถกระบะเก่าแก่ที่จะพังแลมิพังแลของไร่ เขาขึ้นไปด้านบน ก่อนเป็นเธอขึ้นไปตาม เพียงนาราหย่อนก้นลงบนเบาะ ร่างสูงก็โยนแฟ้มแข็งๆมาทางเธอ นาราก้มลงมองพบว่ามันเป็นแผนที่ไร่คร่าวๆ เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดที่ภายนอกสิงหราชดูนักเลงและใช้แต่อารมณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนละเอียด รอบคอบ แถมยังขยันอย่างไม่น่าเชื่อ นายสิงของทุกคนมักลงหน้างานเองทุกวัน คอยตรวจตราดูความเป็นไปของไร่อยู่เสมอ เธอมาอยู่ที่นี่เข้าปีที่สองแล้ว ธรภูมิไม่หยุดเติบโตเลย มันยังเป็นพื้นที่ช่วยเหลือให้ชาวบ้านมีงานทำทุกปี “เราจะไปไหนกันเหรอคะ” นาราเอ่ยถามตอนที่คนข้างกายสตาร์ทรถ เธอมองซ้ายมองขวาพบว่าสิงหราชไม่เอาใครไปด้วยเลย เอาแค่เธอไปด้วยเนี่ยนะ แล้วนาราจะช่วยอะไรได้ “ที่ขุดใหม่” เขาตอบพลางมองกระจกหลังหักพวงมาลัย รถเคลื่อนไปยังเส้นทางพื้นดินขรุขระ เนื่องจากไร่แห่งนี้อยู่ติดกับภูเขา เป็นเนินลงไป ธรรมชาติโดยรอบจึงเป็นอะไรที่สวยงามมาก นารามองลงไปยังใต้ถนนที่เป็นที่ลุ่ม มองเห็นหลังคาหมู่บ้านเล็กๆบนดอย หญิงสาวระบายยิ้มออกมา สูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด
แม้แต่ในความฝันคำพูดเหล่านั้นยังตามมาหลอกหลอนเธอ นาราตื่นมาน้ำตานอง หลังมือน้อยเช็ดน้ำตาตัวเอง เธอสัญญากับตนว่าจะไม่ร้องไห้กับเรื่องพรรคนี้อีกแล้ว ก็แค่ปากคน ใครจะพูดอะไรก็ได้ ไม่ควรที่เธอจะเก็บนำมาใส่ใจ หญิงสาวเดินออกมาจากห้อง ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปทำกับข้าวช่วยแม่สักหน่อย ทว่าพอเดินเข้ามาในครัว กลับได้ยินเสียงรถเคลื่อนเข้ามาในบ้าน บ้านของเธอยังไม่ปิดประตู ร่างบางเดินออกไปดู แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนายหัวของธรภูมิเดินย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวตรงมาหานาราที่กำลังยืนค้างอยู่ “ใครบอกให้เธอกลับบ้าน” เขาคว้าแขนเธอ บีบมันจนแน่น นาราเจ็บไปทั้งแขน เธอได้แต่จับมือใหญ่ไว้ “นาคเจ็บ! นี่คุณจะทำอะไร” “ใครสั่งให้เธอมา” เขาเอ่ยเสียงไม่พอใจใส่ ซึ่งนาราก็โกรธเช่นเดียวกัน “ฉันจะกลับบ้านมันจะทำไม พรุ่งนี้ก็จะกลับไปทำงานเหมือนเดิมแล้ว ทำไมคุณต้องว่าด้วย” “แต่ฉันไม่อนุญาต กลับไร่เดี๋ยวนี้!” “ไม่ ปล่อย!” นารายื้อแขนตัวเองไว้ ไม่ยอมไปกับเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องลากเธอกลับไปด้วย กลับไปแล้