เมื่อเข้ามาถึงภายในบ้าน เธอจึงรู้ว่าประตูและหน้าต่างบานใหญ่แต่ละบานเป็นกระจกบานเลื่อน ผ้าม่านสีขาวนวลส่งผลให้ภายในบ้านแลดูสว่าง มีประตูด้านหนึ่งของบ้านเชื่อมต่อกับระเบียงกว้างๆที่มีโต๊ะกลมสีขาว พร้อมกับเก้าอี้อีกสองตัว มองเลยผ่านไปเห็นทิวเขาเป็นแนวอยู่ไกลๆ ไอรักเดินไปที่ระเบียงสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆแล้วผ่อนออกช้าๆ หญิงสาวคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองในวันนี้ นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า เมื่อเช้าเธออยู่ที่บ้านของตนเอง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วทำไมเธอต้องมาที่นี่ด้วย เพราะอีตาธีร์ภาณุนั่นคนเดียว อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ อยากจะบอกป๊าให้ได้รู้ว่า เจ้าบ่าวที่ป๊าเลือกให้ไม่ได้ถูกใจลูกสาวคนนี้เลยสักนิด
“นายหญิงคะ เชิญข้างในเถอะค่ะ ย่างเข้าหน้าหนาวอย่างนี้พอแดดร่มลมตกอากาศจะเย็นมาก วันนี้ลมหนาวพัดแรง เดี๋ยวจะไม่สบายได้นะคะ” ป้าบัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
“ค่ะป้าบัว” ไอรักเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเธอไม่อยากจะพูดอะไร ตอนนี้เธออยากพักผ่อน
“ป้าเตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว นายหญิงอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาทานข้าวนะคะ ป้าจะทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด้านนี้นะคะ อยู่ในห้องนอนค่ะ”
ไอรักถอนหายใจแล้วเดินตามป้าบัวเข้าไปภายในตัวบ้าน ภายในบ้านมีชุดเก้าอี้ไม้โต๊ะกลมอีกชุดอยู่มุมห้อง ตั้งไว้ติดริมหน้าต่างกระจก และมีโซฟายาวสีน้ำตาลเข้มวางอยู่อีกมุมด้านหนึ่ง เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ที่ประตูด้านข้างเตียงนอนกว้าง มีระเบียงเชื่อมต่อออกไป มองเห็นทิวทัศน์ของทิวเขาที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง แล้วเธอก็คิดอะไรบางอย่างได้
“ป้าบัวคะ บ้านหลังเล็กนี้มีกี่ห้องนอนคะ”
“มีห้องของนายเล็กห้องเดียวนี่แหละค่ะ” ไอรักชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ป้าบัวก็พูดตัดบทก่อน
“นายหญิงอาบน้ำให้สดชื่นก่อนนะคะ ป้าขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นให้” ป้าบัวพูดจบก็เดินเลี่ยงไป ปล่อยให้ไอรักถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้ อย่างที่ป้าบัวบอกนั่นแหละ เธอขออาบน้ำให้สดชื่นก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที วันนี้นั่งรถมาทั้งวันเหนื่อยเหลือเกิน
หญิงชราเดินลงจากบ้านหลังเล็ก เธอไม่สนใจหรอกว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร แต่รู้ว่าต้องเป็นคนสำคัญมากของผู้เป็นนายของไร่ เพราะตั้งแต่ธีร์ภาณุสร้างไร่แสงตะวันขึ้นมา บนเนื้อที่ส่วนตัวประมาณพันกว่าไร่ ที่เสี่ยธงชัยผู้เป็นพ่อโอนกรรมสิทธิ์ให้เพื่อทำไร่อ้อย และแบ่งพื้นที่ไร่บางส่วนจัดเป็นที่พักและสวนดอกไม้นานาพันธุ์ เพื่อเป็นที่พักผ่อนส่วนตัวสำหรับตนเองด้วย ป้าบัวก็ไม่เคยเห็นเขาพาใครมาพักด้วยเลย ธีร์ภาณุต้องการให้ที่นี่เป็นสถานที่ส่วนตัวจริงๆ จะมีก็แต่คนงานในไร่หลายสิบชีวิต ที่อาศัยอยู่บ้านพักคนงานอีกด้านหนึ่งของไร่ และป้าบัวกับเด็กหญิงน้อยหน่าที่คอยรับใช้อยู่บนบ้าน และพักอยู่บ้านหลังเล็กๆอีกหลัง ที่ปลูกไว้ห่างจากตัวบ้านของเจ้านายหนุ่มพอสมควร
เมื่อป้าบัวเดินลงจากบ้านหลังเล็กที่น่าอยู่ ก็ตรงไปทางบ้านของตนเอง ตั้งใจจะไปเตรียมอาหารให้เจ้านายหนุ่มและแขกคนสำคัญ
“ป้าบัว หนูไอเป็นยังไงบ้างครับ” ป้าบัวชะงักเท้าหันกลับมาตอบคำถาม
“นายหญิงกำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ ป้าจะไปเตรียมอาหารเย็นให้นะคะ นายเล็กอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“อะไรก็ได้ครับ ป้าบัวทำอะไรก็อร่อยไปหมดทุกอย่างนั่นล่ะครับ” ป้าบัวมองสีหน้ายิ้มแย้มของชายหนุ่ม แล้วยิ้มตามแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ หญิงชรารีบเดินกลับบ้านเพื่อไปเตรียมอาหารเย็น
ธีร์ภาณุเดินขึ้นบ้านอย่างอารมณ์ดี หลายวันมาแล้วที่เขาไม่ได้มาพักที่บ้านหลังเล็กนี้ เพราะมัวแต่ยุ่งกับธุรกิจค้าข้าวของบิดา ยิ่งช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว ธุรกิจครอบครัวก็ยิ่งรัดตัวเป็นทวีคูณ แต่เนื่องจากว่ามีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่า ที่เขาได้รับคำสั่งมาคือ ให้เขาต้องไปทำความรู้จักกับว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง นี่ถ้าพ่อรู้ว่าเขาทำตามคำสั่งของพ่ออย่างเคร่งครัด โดยการพาว่าที่เจ้าสาวมาเรียนรู้ถึงบ้านตนเองพ่อคงไม่ว่าอะไรนะ และคาดว่าน่าจะใช้เวลาทำความรู้จักกันสักสองหรือสามสัปดาห์ แต่เพื่อความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ชายหนุ่มจึงชะงักเท้าที่จะก้าวเข้าบ้าน แล้วกดโทรศัพท์ติดต่อบิดาของตน เพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“ครับพ่อ ผมจะไม่ทำอะไรล่วงเกินน้องแน่นอนครับ” ชายหนุ่มรับคำผู้เป็นพ่อที่กำชับมาจากปลายสายว่า อย่าทำอะไรลูกสาวของเพื่อนพ่อให้ต้องเสื่อมเสีย
“ครับ...ฝากพี่ไทดูแลเรื่องงานทางนั้นแทนผมก่อนนะครับ สวัสดีครับ” ธีร์ภาณุยังเป็นห่วงเรื่องงานอยู่ แต่เขาก็วางใจเพราะยังมีพี่ชายดูแลกิจการช่วยบิดาอยู่ และเขาเองจะได้มีเวลาเรียนรู้กับว่าที่เจ้าสาวอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องงาน เมื่อคิดถึงว่าที่เจ้าสาวเขายิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดประตูเดินเข้าบ้านไป
“ป้าบัวคะ” ไอรักตะโกนเรียกมาจากในห้องน้ำ เมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องนอน
“ป้าบัวคะ” ไอรักเรียกป้าบัวซ้ำ แต่ไม่ได้ยินเสียงขานรับ หญิงสาวรีบลุกออกจากอ่างอาบน้ำอุ่นที่เธอลงไปนอนแช่สักพักแล้ว ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกสบายเนื้อตัวขึ้นมาหน่อย จากที่ต้องเมื่อยล้าจากการนั่งรถนานๆ ไม่ใช่สินอนหลับบนรถต่างหาก คิดแล้วก็น่าเจ็บใจ นี่ถ้าเธอไม่ได้นอนหลับ คงไม่ต้องมาติดกับดักของนายธีร์ภาณุอย่างนี้หรอก
เมื่อลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ และเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ไอรักจึงคิดได้ว่า ตัวเองไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยสักชุด แล้วที่สำคัญไม่มีชุดชั้นในเลย แล้วนี่จะใส่ชุดไหนล่ะ หญิงสาวคิดอย่างอารมณ์เสียอยู่คนเดียวในห้องน้ำ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่มาพันตัว แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องรีบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม“พี่ธีร์เข้ามาทำไม แล้วป้าบัวล่ะ” ไอรักถามเสียงดัง แต่คนที่นอนเหยียดตัวยาวเอกเขนกอยู่บนเตียงกว้าง ไม่ได้ใส่ใจที่จะตอบเลยสักนิด ธีร์ภาณุพลิกตัวหันมามองไอรัก ที่ตอนนี้มีเพียงใบหน้าขาวนวลที่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ“จะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหม เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวยาวๆมาทางไอรัก หญิงสาวรีบดึงตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้ำ และตั้งใจจะปิดประตู แต่ช้ากว่ามือของชายหนุ่มที่ดันประตูไว้ได้ทัน“พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่จะมาบอกว่าให้รีบใส่เสื้อผ้า จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน”“แล้วจะให้ใส่อะไรล่ะ ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยสักชุด อยู่ดีๆก็ถูกฉุดตัวมา” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ“ไม่ได้ฉุดมาสักหน่อย ป๊ากับแม่ของหนูไอเต็มใจยกหนูไอให้มากับพี่เอง
หญิงสาวเริ่มหยิบชุดออกมาเลือกทีละชุดแล้วเธอก็มาสะดุดตาที่ชุดชั้นใน ไอรักหยิบขึ้นมาดู แต่ละตัวมันเป็นขนาดที่พอดีกับตัวของเธอทั้งหมด นี่อีตาพี่ธีร์คงจะสั่งว่าเอาชุดแบบไหนและขนาดเท่าไรล่ะสิ คิดแล้วก็โมโหตัวเองที่สู้แรงของผู้ชายตัวโตไม่ได้“เจ็บใจนักคอยดูนะอย่าให้ถึงทีเราบ้างก็แล้วกัน ป๊านะป๊าไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวบ้างเลย ปล่อยให้มากับใครก็ไม่รู้” ไอรักบ่นไปแต่งตัวไปไอรักแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเปิดประตูห้องนอน เดินไปทางประตูที่เปิดออกสู่ระเบียงกว้าง เมื่อเลื่อนกระจกเปิดประตูก็ปะทะกับลมเย็นวูบหนึ่ง หญิงสาวจึงยกมือสองข้างขึ้นกอดอกตัวเองทันที ธีร์ภาณุที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วได้ยินเสียงปิดประตู เขาจึงละสายตาจากภาพตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าเบื้องหน้า หันกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาว“หนาวหรือครับหนูไอ”“นิดหน่อยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับมองไปที่โต๊ะกลม ที่ตอนนี้มีอาหารหลายอย่างวางไว้ ส่งกลิ่นหอมน่ากินทั้งนั้น“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ โดยไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มเชิญ ธีร์ภาณุเดินอ้อมมาที่ด้านหลังไอรัก หยิบผ้าแพรผืนบางสีครีมที่วางอยู่บนโต
ป้าบัวถือถาดอาหารเดินนำหน้าเด็กหญิงน้อยหน่า ที่เดินตามหลังอย่างอ้อยอิ่งจนต้องถูกเรียก“น้อยหน่าเร็วๆเข้า” เมื่อถูกเรียกเสียงดังเด็กหญิงจึงรีบเดินตามหลังป้าบัวไป“ปล่อยค่ะ” ไอรักออกคำสั่งเสียงดุโดยไม่ได้มองหน้าชายหนุ่ม เมื่อน้อยหน่าปิดประตูกระจกบานใหญ่แล้ว ธีร์ภาณุปล่อยอย่างว่าง่าย ไอรักถอนหายใจ“หนูไอขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” เธอไม่อยากจะก่อเรื่องทะเลาะกับผู้ชายตัวโตคนนี้อีกแล้ว เพราะดูเหมือนเธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเองทุกครั้ง ไอรักหมุนตัวก้าวเท้าเดินเร็วๆตรงไปเลื่อนเปิดประตูกระจก เพื่อจะเข้าไปในห้องนอน เธอปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนา แล้วหันหลังกลับหวังว่าจะนอนหลับให้สบายบนเตียงกว้างแต่ก็ต้องตกใจ ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้งธีร์ภาณุกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า เขาค้นๆรื้อๆอยู่สักพักก็หันหน้ากลับมาเจอกับใบหน้าอันบูดบึ้งของไอรัก“พี่ธีร์เข้ามาได้ยังไงคะ”“ก็เดินเข้ามาทางนี้ไงจ๊ะ” ไอรักมองไปที่ประตูกระจกบานใหญ่ที่เชื่อมต่อกับระเบียง จริงสินะ บ้านหลังเล็กนี้มีระเบียงรอบบ้าน แล้วเธอก็ยังไม่ได้ปิดล็อกประตูระเบียงชายหนุ่มเริ่มถอดเสื้อผ้า เขาใช้ผ้าขนห
“นอนเถอะครับ พี่ไม่ทำอะไรหนูไอแน่นอน สัญญาครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินเข้าใกล้“ไม่เชื่อหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไอไปนอนข้างนอกก็ได้” ธีร์ภาณุส่ายหน้าระอากับความดื้อรั้นของผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า“แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะเชื่อ” ชายหนุ่มก้มหน้าถาม ใบหน้าแทบจะชนกัน ไอรักหลับตาปี๋หดคอลง และใช้มือยันแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มไว้“พี่ธีร์ถอยออกไปก่อนค่ะ หนูไออึดอัด” หญิงสาวพยายามจะเบี่ยงตัวออกให้ห่างจากชายหนุ่ม ที่ตอนนี้จ้องมองเธอด้วยแววตาแปลกๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้เธอหวั่นใจ เธอเริ่มกลัวการอยู่ใกล้ๆเขา ยิ่งในห้องนอนมิดชิดอย่างนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ล่ะไอรักเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัด หัวใจเต้นโครมคราม“พี่ธีร์คะ กรุณาให้เกียรติหนูไอด้วยค่ะ” เธอพยายามพูดให้ดูเหนือกว่าเขา ชายหนุ่มถอยห่างจากไอรักสองสามก้าว เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย และผายมือไปยังเตียงกว้าง“ครับ...เชิญ”“พี่ธีร์คะ ตกลงว่าจะไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยใช่ไหม เรายังไม่ได้แต่งงานกันจะนอนร่วมเตียงร่วมห้องกันได้ยังไง” ชายหนุ่มยืดตัวเต็มความสูงยืนตรง เขายักไหล่ยิ้มที
“เชอะ! ใครจะไปสนใจ” หญิงสาวพูดเบาๆพร้อมกับก้าวเท้าลงจากเตียง เธอเดินตรงเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยเช้านี้ก็เป็นเช้าที่สดใสสำหรับเธอ เพราะไม่ต้องทนเห็นหน้าอีตาพี่ธีร์นั่นเมื่อจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จ ไอรักจึงเดินออกไปนอกระเบียง เพื่อรับประทานอาหารเช้า น้อยหน่าที่ยืนรอคอยบริการอยู่แล้วยิ้มแป้นพูดอย่างกระตือรือร้นว่า“เชิญค่ะนายหญิง น้อยหน่าเตรียมอาหารไว้รอแล้วค่ะ วันนี้ป้าบัวทำข้าวต้มกุ้งน่าทานมากเลยค่ะ” ไอรักยิ้มให้น้อยหน่าเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้“น่าทานจริงๆด้วยน้อยหน่า หอมจัง เออนี่แน่ะ...น้อยหน่าเรียกพี่ว่า พี่หนูไอก็ได้นะจ๊ะ” ไอรักพูดพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้น้อยหน่า เด็กหญิงมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย“เราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นไงล่ะจ๊ะ ไหนลองเรียกพี่ใหม่ซิ”“เอ่อ...ค่ะ พี่หนูไอ” น้อยหน่าทวนเรียกชื่อไอรักพร้อมกับยิ้มแป้นแก้มแทบปริ ที่ได้รับสิทธิ์เรียกนายหญิงของไร่ว่าพี่ไอรักทานอาหารมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย น้อยหน่ายืนยิ้มมองดูไอรักทานข้าวต้มอยู่สักพักก็พูดขึ้นว่า“พี่หนูไอจะมาเป็นนายหญิงที่นี่ใช่ไหมคะ” ไอรักชะงักเล็กน้อยแต่ไม่ได
“แหมๆ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ว่าแต่นายหญิงแน่ใจหรือว่าจะขับรถคันนี้น่ะครับ เพราะมันชอบทรยศคนขับบ่อยๆ เห็นมีแต่นายเล็กเท่านั้นที่รู้ใจมัน ใช้ขับไปไหนมาไหนในไร่นี้ได้น่ะครับ คนอื่นจะขับบางทีก็สตาร์ทไม่ติด หรือบางทีก็ไปดับอยู่ท้ายไร่โน่นแน่ะ”ไอรักยิ้มให้ลุงมิ่งก่อนจะพูดว่า“ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูไออยากขับรถเล่นนิดหน่อย ถ้าไม่ลองขับแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ารถคันนี้กับหนูไอจะรู้ใจกันหรือเปล่า”ลุงมิ่งไม่อยากทัดทานอะไรมาก เพราะถ้านายหญิงเกิดไม่พอใจขึ้นมาจริง ตัวลุงมิ่งเองอาจจะโดนปลดระวางอย่างที่น้อยหน่าขู่ไว้จริงๆ ชายสูงวัยจึงเดินไปหยิบกุญแจที่ตู้เก็บของมาส่งให้ไอรัก หญิงสาวรับกุญแจมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างลุงมิ่งมองดูไอรักขับรถออกจากโกดังตรงไปตามส้นทางเข้าสู่ไร่อ้อย อย่างน้อยก็มีน้อยหน่านั่งไปเป็นเพื่อน ถ้าเจ้ารถจี๊ปตัวดีเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็ไม่น่าห่วงอะไรมาก เพราะน้อยหน่าคงพาเดินมาทางลัดของไร่ซึ่งสามารถกลับมาถึงบ้านได้ไม่ยากไอรักขับรถเรื่อยๆไปตามทาง พยายามสังเกตและจดจำทุกอย่างที่น้อยหน่ากำลังบรรยายให้ฟัง“ถนนเส้นนี้เป็นถนนสุดเขตไร่แสงตะวันค่ะพี่หนูไอ เล
“พี่อยากเปิดตัวนายหญิงของไร่แสงตะวัน แล้วพี่ก็บอกคุณพ่อแล้วว่าจะพาหนูไอไปด้วย งานนี้จะมีแขกคนสำคัญของจังหวัดไปหลายท่าน หนูไอไปลองชุดก่อนนะ ถ้าเผื่อไม่พอดียังไงจะได้ให้ป้าบัวแก้ชุดได้ทัน”“ไม่ดีกว่า หนูไอไม่ไป ขอตัวนะคะจะไปเดินเล่น” ไอรักพูดจบก็หันหลังให้ธีร์ภาณุ แต่ไม่ทันจะเดินได้ถึงสองก้าว ก็ถูกชายหนุ่มรวบตัวจากทางด้านหลัง“จะไปลองชุดเองหรือจะให้พี่จับถอดชุดนี้ออกแล้วลองชุดให้ดี” ธีร์ภาณุกระซิบข้างหูไอรัก หญิงสาวหลับตาปี๋ สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม แล้วหันหน้ากลับมาจ้องดวงตาคมเข้ม“ไม่ลองชุด แล้วก็ไม่ไป” พูดจบไอรักก็วิ่งปรู๊ดเปิดประตูบ้านออกไป ธีร์ภาณุส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเปิดประตูวิ่งตาม และคว้าตัวไอรักได้ทันก่อนที่จะวิ่งลงบันไดบ้านไปได้ หญิงสาวถูกจับตัวขึ้นพาดบ่าของชายหนุ่ม เธอร้องเอะอะโวยวาย“ปล่อยนะ พี่ธีร์จะมาบังคับใจกันอย่างนี้ไม่ได้นะ บอกให้ปล่อย” ธีร์ภาณุปล่อยจริงๆ แต่ปล่อยเมื่อปิดประตูห้องนอนแล้ววางไอรักลงบนเตียงกว้าง หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นพยายามจะวิ่งไปที่ประตู ธีร์ภาณุวิ่งตามมาขวางทางไว้ได้ และรวบตัวไอรักไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง หญิงสาวยังดิ้นแร
“ผ่านไปแล้วห้านาที ไวจัง” ไอรักพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนที่เธอจะรีบคว้าชุดราตรีสั้นเกาะอกสีชมพูเข้ม แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลองชุดอย่างที่ธีร์ภาณุต้องการเมื่อไอรักเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เห็นธีร์ภาณุยืนรออยู่ในห้องแล้ว ชายหนุ่มกวาดสายตามองไอรักไปทั่วร่าง แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่หญิงสาวกลับชักสีหน้าไม่พอใจ“สวยครับ สมกับเป็นภรรยาของเจ้าของไร่แสงตะวัน” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเข้าประชิดตัวไอรัก แล้วจับข้อมือบางพาเดินออกจากห้องนอน หญิงสาวไม่อยากขัดใจธีร์ภาณุ เธอกลัวว่าจะต้องถูกลงโทษในแบบของเขาอีก เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการไม่เปลืองตัวไปมากกว่านี้ เธอจึงเลือกที่จะเดินตามแรงจับจูงของผู้ชายตัวโตอย่างว่าง่ายที่ชุดเก้าอี้ไม้โต๊ะกลมมีผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับธีร์ภาณุนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาแต่งตัวชุดข้าราชการสีกากี กำลังสาละวนกับเอกสารต่างๆบนโต๊ะ“เตรียมเอกสารมาครบทุกอย่างแล้วใช่ไหมไอ้ปลัดเมฆ” เสียงถามจากเพื่อนรักเจ้าของไร่แสงตะวัน ทำให้ปลัดเมฆาที่ก้มหน้าจัดเอกสารอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมใบหน้าบึ้งนิดๆ“จะให้ทำอะไรก็โท
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน