เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น
“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน
“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา
“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง
“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”
“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ
“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น
“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”
“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก
“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เราพูดจริงนี่ก็เรากำลังจีบนายอยู่นะ เมื่อก่อนเราก็อยากจะจีบนายเหมือนกัน แต่ไม่กล้าเพราะดุมาก แถมไม่ค่อยคุยกับใครอีก”
“เหรอ” ยิวรู้สึกอายนิดๆ
“เอาน่าเราจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่าเรารักนายนะ”
“จริงเหรอ หล่อรวยขนาดนี้มาสนใจคนอย่างเรา ไม่อยากจะเชื่อเลยคงจะมาหลอกเรามากกว่ามั้ง” ยิวทำเป็นมองค้อน
“ไม่เชื่อก็ตามใจ ถ้าอย่างงั้นเราจะไปจีบคนใหม่ ในเมื่อนายไม่สนใจเราทำไมเราต้องสนใจนายด้วย” เป็กยกแก้วเหล้ากำลังจะเดินไปอีกโต๊ะ
“เดี๋ยวก่อนขี้น้อยใจไปได้ พูดแค่นี้ทำเป็นไม่พอใจ เอาน่าเราจะลองเปิดใจคบนายก็ได้” ยิวดึงมือของเป็กให้กลับมานั่งที่เดิม
“ต้องให้ได้อย่างนิสิถึงจะเหมาะเป็นแฟนเรา”
“ใครเป็นแฟนนาย เรายังไม่ยอมรับเลย นายนี่คิดไปเรื่อยอีกแล้ว”
“ไม่ได้คิดไปเรื่อยแต่คิดจริงๆ นะที่รัก”
“ว้า เลี่ยนไม่อยากฟัง” ยิวหยิบแก้วเหล้ามาดื่มต่อ
“ไม่อยากฟังก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เราจะทำให้เห็นความหวานของเราอย่างแน่นอน”
“เราหวานพอแล้วไม่ต้องมาเติมให้เราก็ได้”
“ยังไม่พอเราจะเติมจนกว่านายจะรับรักเราให้ได้”
“อะไรกันคำก็รักสองคำก็รัก ไม่คุยกับนายแล้วออกไปเต้นดีกว่า”
ยิวหยุดพูดคุยกับเป็กและกำลังจะออกไปเต้น แต่แล้วเป็กก็จับมือของยิวไว้ พร้อมกับดึงให้ยิวมานั่งบนตักเขา
“เป็กนายอย่าทำแบบนี้อายคนเขา”
“นายอายเหรอแต่เราไม่เห็นอายเลย ใครจะมองก็ช่างมันเราไม่ได้ขอข้าวใครกินซะทีไหน”
ยิวไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร แต่เขาก็พยายามที่จะลุกมานั่งในที่ของตัวเอง เพราะถ้านั่งกันอยู่อย่างนี้มีแต่คนมอง ยิวจึงรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก
“เราไม่ไปไหนแล้ว เราจะนั่งอยู่กับนายนี่แหละ”
“ต้องอย่างนิสิถึงจะน่ารักสำหรับเรา” เป็กปล่อยร่างของยิวทันที
เมื่อยิวหลุดจากอ้อมกอดของเป็กแล้ว เขาจึงมานั่งตามเดิมและไม่คิดจะไปไหนอีก ยิวจึงกระดกเหล้าแก้วต่อแก้วจึงเริ่มรู้สึกมึนอย่างมาก และหนักศีรษะจนเกินจะรับไหวในช่วงเวลานี้
“เราไม่ไหวแล้วเป็ก เราไม่ค่อยได้ดื่มเหล้า ไม่เหมือนนายนี่ที่ยังไหวอยู่ ดูเหมือนไม่เมาเลย คอคงแข็งมากน่าจะมาทุกคืนอย่างแน่นอน” ยิวพูดไปหลับตาไปด้วย
“ใช่เรามาดื่มเป็นประจำ นายดื่มครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ อาจปวดหัวหน่อยแต่ไม่ต้องกลัวหรอก เราอยู่ด้วยจะดูแลนายเป็นอย่างดี รับรองจะไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด”
“ขอบใจนายมากนะ นายพาเรากลับห้องด้วยเถอะ เราอยากนอนมากเลยไม่ไหวแล้ว”
“ได้ เดี๋ยวเราจะพานายกลับห้องเอง แต่ว่าไปห้องใครเหรอ”
“ก็ห้องเราไง นายมีห้องซะที่ไหนพักบ้านไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะพาเราไปที่บ้านนาย แต่เราคิดว่าอย่าเลย เดี๋ยวพ่อแม่นายมาเห็นเราในสภาพนี้จะรังเกียจเราได้ ไม่ให้เราได้คบกับนายอีก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ห้องมีเยอะถ้านายต้องการว่าแต่นายต้องการไหม เราไม่บังคับจิตใจใครหรอก ถ้านายอยากจะไปนอนกับเราก็ได้นะ แต่ถ้าไม่อยากไปเราก็จะไปส่งที่ห้องของนาย” ปกติเป็กไม่ใช่คนอย่างนี้ ถ้าเกิดคนที่มาด้วยกับเขาเมาอย่างนี้ แน่นอนเป็กต้องพาเข้าโรงแรม แต่สำหรับยิวเป็นความรู้สึกถึงความรักที่มีให้อย่างมาก เขาจึงไม่อยากจะทำอะไรที่เกินเลยโดยยิวไม่ชอบหรือไม่ต้องการอย่างเด็ดขาด
“ก็ต้องกลับห้องเราไง จะไปนอนทำไมที่โรงแรมไม่เอาหรอก นายพาเรากลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ถึงแม้เป็กจะผิดหวังในคำตอบนิดหน่อย แต่มีความรู้สึกที่ดีกับยิวอย่างมาก เพราะการปฏิเสธของยิวนั้นได้บ่งบอกว่ายิวเป็นคนที่น่ายกย่องคนหนึ่ง และรู้จักการวางตัวว่าควรทำอย่างไร
“จะไปได้หรือยังล่ะ เราง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วนะ”
“โอเคครับเจ้านาย” เป็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในความน่ารักของยิว
“ประคองเราหน่อยนะ เราเหมือนจะล้มทำไมโลกถึงหมุนอย่างนี้”
เป็กลุกขึ้นประคองร่างของยิวออกจากร้าน และพามายังรถคันหรูของเขาที่จอดอยู่ข้างร้าน เมื่อเขาดันร่างของยิวเข้าไปในรถแล้ว เป็กก็เข้าตามไปและขับรถออกไปในทันที ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังหน้าห้องเช่าของยิว
“กัส ตื่นๆ ถึงห้องนายแล้วนะ” เป็กเขย่าร่างของยิวเบาๆ
ยิวเริ่มรู้สึกตัวเขาจึงลืมตาขึ้นและเห็นเป็กยื่นหน้ามามองเขา ยิวถึงกับตกใจแต่ไม่สามารถลุกขึ้นด้วยตัวเอง เพราะความเมาจึงทำให้หนักศีรษะ
“พาเราไปที่ห้องหน่อยได้ไหม ขืนให้เราไปคนเดียวคงจะล้มนอนหน้าป้อมยามอย่างแน่นอน”
“ก็ดีไม่ใช่เหรอนอนหน้าป้อมยาม มีคนเฝ้าด้วยดีจะตายไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย” เป็กอมยิ้มด้วยความดีใจที่ได้กัดยิวนิดๆ
“ทำไมเราต้องนอนกับยามด้วย เราก็ให้ยามพาไปส่งที่ห้องแค่นี้ก็จบแล้ว”
“ไมได้นะ” เป็กรู้สึกไม่ชอบใจคำพูดนี้ของยิวอย่างมาก
“ถ้าไม่ได้นายก็ต้องไปส่งเราถึงห้อง”
“ได้” เป็กเสียงสูงขึ้นมาทันที
เป็กประคองร่างของยิวลงจากรถคันหรูของเขา และค่อยๆ พาไปยังห้องนอนของยิวที่ไม่ได้ไกลมากนัก แต่มาลำบากตรงที่ต้องขึ้นบันได้ เป็กจึงตัดสินใจอุ้มร่างของยิวไว้ใต้วงแขน
“มาอุ้มเราทำไม”
“ถ้าไม่อุ้มนายแล้วจะเดินขึ้นไหวเหรอ ทำไมไม่เช่าห้องที่มีลิฟท์ล่ะ จะได้สะดวกสบายกว่านี้”
“กัสมันเช่าเราไม่ได้เช่าสักหน่อย”
“ก็นายเช่าอยู่นี่ยังมาบอกว่าไม่ได้เช่าอีก”
“ช่างมันใครเช่าก็ช่างมัน” ยิวรู้สึกมึนหัวและอยากนอนเป็นที่สุด เขาจึงไม่ใคร่สนใจคำพูดของตัวเองเท่าใดนัก
สองแขนอันแข็งแรงของเป็กได้พาร่างบางขึ้นบนบันไดทีละขั้น ถึงแม้จะรู้สึกหนักบ้างแต่เขาก็พร้อมที่จะทำในสิ่งนี้อย่างไม่ย่อท้อและยอมแพ้ ในที่สุดเป็กก็พายิวมาถึงยังห้องนอนได้สำเร็จ
“กุญแจอยู่ไหน”
“อยู่ในกระเป๋า” ยิวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกุญแจมาให้เป็ก
เป็กทำการไขกุญแจเข้าไปในห้องทันที เมื่อเข้าไปในห้องแล้วเป็กรีบนำร่างของยิวไปวางไว้บนเตียงนอน
“หนักไม่ใช่เล่นนะตัวเราน่ะ” เป็กแกล้งบ่นให้ยิวได้ยิน
“ไม่หนักหรอก นายไม่มีแรงมากกว่ามั้ง”
“ปากดีอีกนะขนาดเมาอย่างนี้ เอาเป็นว่าเราพานายมาถึงห้องแล้ว แต่ก่อนที่เราจะกลับนายต้องตอบแทนเราหน่อยนึงได้ไหม” เป็กยิ้มอย่างกรุ่มกริ่ม
“อะไรเหรอ แต่ถ้าให้เรายอมเป็นของนายเราไม่เอานะ”
“เมาอย่างนี้ถึงให้ฟรีก็ไม่เอา”
“เป็กนายมันบ้า” ยิวหยิบหมอนขึ้นมาได้ก็ปาใส่เป็กทันที แต่มืออันใหญ่รับไว้ได้ทัน
“แบบนี้มันต้องลงโทษสักหน่อย”
เมื่อเป็กพูดจบเขาก็วางหมอนลงบนเตียง แล้วก้มลงประกบปากของยิวทันที แต่แล้วเขาต้องถอนริมฝีปากออก เพราะยิวได้หลับไปแล้วอย่างนิ่งไม่ขยับตัว เป็กจึงเปลื่ยนมาจุมพิตที่แก้มอันขาวใสนวลหนึ่งฟอด
“นายก็น่ารักดีนะ” เมื่อเป็กหอมแก้มของยิวเสร็จแล้วเขาก็ยืนยิ้มพูดขึ้นลอยๆ
เป็กมองเรือนร่างของยิวอยู่พักหนึ่ง มองแบบเสียดายคืนนี้ยิวน่าจะเป็นของเขา แต่ความรู้สึกส่วนลึกไม่อยากจะทำอะไรเรือนร่างอันบอบบางนี้ เป็กอยากให้ยิวเต็มใจพร้อมกายให้เขามากกว่าที่จะลักหลับในยามเมา
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว