ค่ำคืนสุดท้ายก่อนออกเดินทางไปยังเมืองศิลานคร ถึงแม้แม่ทัพวิศรุฒจะโกรธยิวสักเพียงใด โดนทำร้ายขนาดไหนใจของเขายังให้อภัยอยู่เหมือนเช่นเคย หลายวันผ่านมาทั้งสองอยู่ด้วยกัน ไม่เคยห่างกายแม้แต่น้อย นอนเคียงคู่ทุกค่ำคืนไม่หนีหาย ดั่งเช่นคืนนี้อีกครั้งก่อนเดินทางกลับ ศิลานคร
“พุร่งนี้ต้องเดินทางแล้วนะ ส่วนเอ็งก็ไปในฐานะองค์ชายเมธีนั่นแหละ” แม่ทัพวิศรุฒยังมีสีหน้านิ่งเรียบไม่เปิดเผยความรู้สึกใดๆ ออกมาให้ได้เห็น
“อืม แต่เราไม่ใช่องค์ชายเมธีนี่”
“ไม่ใช่ แต่ทุกคนเข้าใจว่าเอ็งเป็นองค์ชายเมธี และเป็นรัชทายาทแห่งเมฆาบุรี”
“ถ้าเราไปก็อยู่ฐานะตัวประกัน หวังว่าคงไม่โดนฆ่าตายก่อนนะ”
“ไม่หรอก มีข้าอยู่ทั้งคน จะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด และอีกอย่างหนึ่งไม่มีใครเขาจะทำร้ายตัวประกันในยามสงครามหรอก”
“อืม เราไว้ใจนายนะ หวังว่านายอย่าทำให้เราผิดหวัง เราอุตส่าห์เล่าความจริงทุกอย่างให้นายฟัง” ยิวมีสีหน้าที่วิตกกังวลอยู่พอสมควร
“ไว้ใจข้าน่ะดีแล้ว แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เอ็งต้องเปลื่ยนแปลงตัวเอง พูดภาษาบ้านเมืองของข้า ใช้คำชาวบ้านไม่ได้แล้วนะ ช่วงเดินทางกลับศิลานครข้าจะสอนเอ็งทุกอย่าง”
“ทำไมนาย ไม่ใช่สิ เอ็งถึงเชื่อข้าล่ะ สิ่งที่ข้าพูดออกไปอาจโกหกนายก็ได้”
“แววตาของนายไม่ได้โกหก และอีกอย่างครั้งแรกที่เจอนายอยู่เมืองโสรยา การพูดการจาท่าทาง ไม่ได้เหมาะสมเป็นองค์ชายเลย ข้าไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เอ็งพูดจริงมากน้อยแค่ไหน แต่มีสิ่งที่ทำให้ข้าเชื่อใจเอ็ง คือ ตอนใช้ดาบแทงข้าทำไมไม่แทงตรงหัวใจ แต่เอ็งดันแทงข้างๆ แทนและไม่ลึกเท่าไร แค่เฉียดๆ ข้าเลยแปลกใจ เมื่อคิดอีกทีเอ็งอาจโดนบังคับหรือไม่ก็ถูกอะไรเข้าสิงก็ได้” แม่ทัพวิศรุฒจ้องมองดวงตาอันเล็กหรี่ของยิว ที่บ่งบอกความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาหวั่นไหว
“ขอบใจมากน่ะที่เชื่อใจเรา อุ๊ย เชื่อใจข้า บางสิ่งข้าอยากเล่าให้เอ็งฟัง แต่เล่าไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ”
“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า ข้าแค่อยากรู้ว่าเอ็งมาจากเมืองศิลา จนมาถึงเมืองเมฆาได้อย่างไรกัน ข้าจะถามเอ็งตั้งนานแล้วแต่ยังไม่สบโอกาสเลย”
“พูดไปเอ็งห้ามโกรธข้านะ สัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธและไม่ทำร้ายข้า”
แม่ทัพวิศรุฒแปลกใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแค่พยักหน้าให้เป็นการตอบรับ เพราะขนาดถูกแทงยังให้อภัยได้ กับคำพูดที่อาจไม่เข้าหูทำไมจะให้อภัยไม่ได้
“หลังจากข้าส่งเอ็งเสร็จ ข้าได้กลับบ้านพร้อมคู่หมั้นและแม่ยายของเอ็ง พอแยกตัวออกจากกันข้าโดนลูกน้องของคู่หมั้นเองทำร้าย แต่เสือเข้มมาช่วยไว้ได้ และได้พาข้าไปยังเมืองเมฆาบุรี ต่อจากนั้นก็เป็นอย่างที่ข้าเคยเล่าให้เอ็งฟังนั่นแหละ”
แม่ทัพวิศรุฒเข้าใจดีแล้ว ว่าทำไมยิวถึงพูดขึ้นก่อนห้ามโกรธ แต่เขาก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จึงคิดไว้ว่ากลับไปบ้านเมืองคราวนี้ต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ยิวพูดนั้นเป็นความจริงไหม
“ฟังความข้างเดียวไม่ได้หรอกนะ เอาเป็นว่าถ้าไปถึงบ้านเมืองของข้าแล้ว ค่อยสืบสาวราวเรื่องต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร”
“แต่ชายคนนั้นโดนเสือเข้มฆ่าตายไปแล้ว”
“จะพูดชื่อนี้ให้ข้าได้ยินไปถึงไหน ข้าไม่อยากได้ยินทำไมต้องเอ่ยชื่อมันบ่อยจัง” แม่ทัพวิศรุฒเกรียวกราวดใส่อารมณ์อย่างหุนหันพลันแล่น
“ทำไมจะพูดไมได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงนิ” ยิวเสียงสูงทันที
“ข้าไม่อยากได้ยิน ถ้าพูดให้ข้าได้ยินอีกจะส่งไปเก็บขึ้ม้าตามเดิม” สายตาของแม่ทัพวิศรุฒมีความดุดันอย่างมาก
“ชื่อนี้มันแสลงหูนายมากหรือไง”
“ใช่ มันลักพาตัวเอ็งไปตั้งสามรอบแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงเอ็งคงเป็นเมียมันไปแล้วอย่างแน่นอน”
“โอ๊ย นึกว่าอะไร”
“หรือจริงๆ นายมีอะไรกับเสือเข้มแล้วใช่ไหม วันนั้นดูพวกเอ็งสองคนสนิทกันมากเลยไม่ใช่รึ” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าหวาดหวั่นในสิ่งที่พูด เพราะกลัวว่าจะเป็นความจริงอย่างที่คิด ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงรับไม่ได้อย่างแน่นอน
“เราไม่ชอบคนมีหนวด ชอบผู้ชายเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้าน ถึงเสือเข้มจะเป็นองค์ชายแต่เราไม่ชอบอะไรแบบนั้นหรอก อยู่แบบชาวบ้านๆ ดีกว่า และอีกอย่างจะมีอะไรกันได้ไง”
“ทำไมจะไม่ได้มันยังนึกว่าเอ็งเป็นผู้หญิงเลย และจับเอ็งไปทำมียข้ายังจำได้อยู่”
“นั่นมันเมื่อก่อนแต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ ข้าขึ้เกียจเถียงกับเอ็งนอนดีกว่า”
แม่ทัพวิศรุฒรู้สึกหึงหวงทุกครั้งที่ได้ยินยิวพูดถึงเสือเข้ม และอดหวาดระแวงไม่ได้ว่ายิวอาจทำในสิ่งที่เขาเคยอยากให้ทำ นั่นคือได้ยิวเป็นเมียและมีความสัมพันธ์แบบผู้ชายด้วยกันเอง
“ข้าจำได้เอ็งบอกว่า เมืองของเอ็งผู้ชายกับผู้ชายได้กัน ข้าอยากลองบ้างเอ็งทำให้ข้าได้ไหม” แม่ทัพวิศรุฒตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าต้องทำให้ได้ภายในคืนนี้ เพราะถ้าไปถึงยังเมืองศิลานครโอกาสแบบนั้นคงไม่มีอีกแล้ว
“เอางั้นเหรอ” ยิวหน้าตื่นลูกตากลอกไปกลอกมา
“อืม ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง ข้าอยากลองเพราะถ้ากลับไปแล้วโอกาสจะอยู่ด้วยกันมีน้อย”
“ได้” ยิวรับปากด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ทำไงก่อน”
“เอ็งแก้ผ้าแล้วนอนลงบนเตียง”
แม่ทัพวิศรุฒทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเขาอยากรู้รสสัมผัสนี้จะเป็นเช่นไร และอีกอย่างออกมาชายแดนนานหลายเดือน จึงมีความรู้สึกใคร่อยากกระสันเสียวบ่อยๆ แม่ทัพวิศรุฒจึงปลดอาภรณ์ออกจนเห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่า แล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงล้มตัวลงนอนอย่างที่ยิวต้องการ
สักพักยิวเข้าไปในหว่างขาของแม่ทัพวิศรุฒ จับท่อนเอ็นที่ยังไม่แข็งตัวเท่าไรนัก รูดขึ้นรูดลงเขย่าไปมาจนขยายใหญ่เต็มตัว
“เอ็งจะทำอะไรมาเจ็บไอ้นั่นของข้าทำไม บ้านเมืองเอ็งเขาทำกันอย่างนี้เหรอ ไม่กลัวฟ้าผ่าตายเลยหรือไง” แม่ทัพวิศรุฒอยากจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะท่อนเอ็นนั่นเสียวซ่านไปทั่วลำ
“อยู่เฉยๆ เดี๋ยวดีเอง”
ยิวรูดปลายท่อนเอ็นจนถึงสุดโคน แล้วรูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากนั้นใช้ริมฝีปากครอบส่วนปลายของท่อนเอ็น พร้อมใช้ปลายลิ้นตวัดรอบรอยหยักอันอวบนูน ถึงแม้จะคล้ำนิดๆ แต่รูปทรงตรงยาวสวยใช้ได้ ในความคิดของยิวที่มีต่อท่อนเอ็นแม่ทัพวิศรุฒ
“ทำไมเอ็งถึงกล้าอมไอ้นั่นของข้า โอ๊ย อ่า แต่มันเสียวมาก รู้สึกดีจรริงๆ โอ๊ย อ่า ซี๊ด ไม่ไหวแล้วเสียวมาก”
แม่ทัพวิศรุฒแท่บทนไม่ไหว เพราะโดนปลายลิ้นและริมฝีปากกของยิว ได้เข้าไปสัมผัสส่วนปลายท่อนเอ็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วเพราะยิวใช้ริมฝีปากรูดขึ้นสุดลงสุด เป็นอีกสัมผัสหนึ่งที่ไม่ได้รับรู้ว่าจะสนุกเสียวอย่างนี้ แม่ทัพวิศรุฒพลางคิดไปว่าถ้าเป็นแบบนี้ไม่ต้องมีเมียที่เป็นหญิงก็ได้
“อ่า โอว์ ซี๊ด” แม่ทัพวิศรุฒพยายามไม่ร้องครางออกมอย่างสุดสียง เพราะกลัวทหารนอกห้องได้ยิน กลัวเข้าใจผิดว่าตัวเขาเองโดนทำร้ายอย่างทรมาน
เพียงยิวเลื่อนริมฝีปากไปสัมผัสพวกสวรรค์ที่ห้อยอยู่ตรงหน้า แม่ทัพวิศรุฒตกใจยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า ด้วยกลัวว่าพวงสวรรค์จะได้รับอันตรายและไม่คาดคิดมาก่อน เพียงพวงสวรรค์นั้นเข้าไปอยู่ในปากของยิว กับสร้างความซ่านสยิวอีกแบบหนึ่ง แต่ก็สุดเสียวสนุกมันทั้งสองแบบ จนแม่ทัพวิศรุฒอยากไปเที่ยวบ้านเมืองของยิว
“บ้านเมืองของเอ็งนี่ช่างแปลกกะไร ผู้หญิงไม่มีบ้างเหรอถึงต้องมาทำอะไรกันแบบนี้” แม่ทัพวิศรุฒพูดไม่หยุดหย่อนด้วยรู้สึกว่าแปลกประหลาด อัศจรรย์ใจยิ่งนักเมื่อได้รับสัมผัสนี้
“เอ็งหยุดทำไม” แม่ทัพอดเสียดายความรู้สึกเสียวสยิวไม่ได้
“เอาน่านอนเฉยๆ นั่นแหละดีแล้ว” ยิวหันหลังให้แม่ทัพวิศรุฒและปลดอาภรณ์จนหมดไม่มีเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว จนเผยเห็นบั้นท้ายกลมตึงขาวใสนวลเนียนอย่างมาก
“เอ็งแก้ผ้าทำไม เอ็งจะทำอะไรบอกข้ามาเดี๋ยวนี้” แม่ทัพวิศรุฒมีหน้าตาที่ตื่นตระหนกตกใจพอสมควร
ถึงแม้แม่ทัพวิศรุฒจะเคยเห็นเหล่าทหารหาญกล้าเปลือยกาย มามากต่อมากหลายคนหลายครั้งหลายคาตอนอาบน้ำด้วยกัน ตรงลำธารหรือแม้แต่ในสระน้ำหรือที่ใดๆ ก็ตามแต่ ในช่วงเวลานั้นเขาไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย จนกระทั่งมาเห็นยิวเปลือยตรงหน้า กับรู้สึกหวั่นไหลและท่อนเอ็นกระดกขึ้นแข็งตัวมากกว่าเดิม
สายตาของแม่ทัพวิศรุฒมองเรือนร่างของยิว ที่กำลังนั่งคร่อมส่วนกลางลำตัวของเขา แต่บั้นท้ายยังไม่ได้ชิดสนิทแนบเนื้อกัน เหลือช่องว่างอยู่ประมาณหนึ่ง แม่ทัพวิศรุฒจึงมองรอดต่ำลงไป และได้เห็นยิวจับท่อนเอ็นจ่อบริเวณบั้นท้าย ตรงช่องทางเล็กๆ
“เอ็งจะทำอะไรอย่าทำนะ” ปากบอกว่าอย่าทำแต่ร่างกายกับนิ่งเฉยปล่อยให้ยิวทำต่อไป
แม่ทัพวิศรุฒสัมผัสได้ว่า ส่วนปลายท่อนเอ็นของเขานั้นค่อยๆ เข้าไปในร่องตรงนั้น ที่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่ายิวจะเอาเข้าไปทำไม ด้วยเขารู้สึกว่าไม่เหมาะสมเพราะตรงนั้นไม่สามารถจะมาทำอะไรเฉกเช่นนี้ได้
“เอ็งอย่าทำพอได้แล้ว”
“อยู่เฉยๆ ถ้าอยากสนุก ผู้ชายไม่มีอะไรข้างหน้า ก็ต้องเปลื่ยนมาทำข้างหลัง เอ็งรู้หรือยังว่ามันทำได้”
“ไม่จริง”
สายตาของแม่ทัพวิศรุฒมองไม่วาง ยิ่งเห็นส่วน
ปลายท่อนเอ็นเข้าไปในร่องนั้นถึงรอยหยัก ใจหนึ่งอยากจะผลักออกแต่อีกใจอยากจะรู้ว่าถ้าเข้าไปจนสุดจะเป็นเช่นไร
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว