แชร์

บทที่ 9 - หนอนมัจจุราช

ผู้เขียน: แสงแห่งตะวัน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-21 16:35:44

ที่โรงเตี๊ยมแคว้นหนานเจียง

หนอนมัจจุราช ถูกปลุกให้ตื่นด้วยพลังที่มันตามหาทำให้ลั่วซือมีอาการกระวนกระวายใจ ด้วยพลังบางอย่างในกายของเฟ่ยเย่ที่ดึงดูดหนอนมัจจุราช จนลั่วซือยากที่จะควบคุมสติขอตัวตัวเอง

ครั้นเมื่อตอนกราบลาอาจารย์ ได้รับปากอาจารย์ว่าจะหาคนผู้นึง อาจารย์ไม่ได้บอกกล่าวสิ่งใดนอกจาก ถ่ายหนอนมัจจุราชเข้าไปร่างกายของลั่วซือ

เมื่อมีหนอนมัจจุราชอยู่ในกาย ต้องอาศัยการดื่มเลือดผู้คน การดื่มเลือดจากผู้คน ผู้ที่ถูกดูดเลือดจะได้รับพลังเทพรักษาโรคได้หรือบางคนก็มีอาการเคลิบเคลิ้ม หรือสัมผัสเลือดแม้นเพียงเล็กน้อยจะสามารถรู้ได้ว่าใช่คนที่กำลังตามหาอยู่หรือไม่

แม้ว่าลั่วซือจะมีหนอนมัจจุราชในร่างกาย แต่ถึงกระนั้นเค้าก็ยังยินยอม เพื่อแลกกับเคล็ดวิชาที่อาจารย์สอนสั่ง แล้วอีกอย่างเค้าคิดว่ามันไม่ได้ทำอันตรายให้แก่ผู้คนแต่อย่างใด หากตามหาคนผู้นั้นพบ ถึงแม้เค้าเองจะต้องทรมาน แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่าย

หากลั่วซือพบคนผู้นั้นได้ เค้าคงกราบลาอาจารย์อย่างจริงจังได้ และออกท่องยุทธภพต่อไป

ประตูห้องพักของเฟ่ยเย่ ถูกกำลังภายในดันจนเปิดออก ภายในห้องพักของเฟ่ยเย่ นางกำลังหลับสบายบนเตียง นางรู้สึกตัวไว ด้วยคนที่มี วรยุทธมักจะรู้สึกตัวเร็วกว่าคนทั่วไป นางเอื้อมมือไปชักมีดสั้นใต้หมอน พอพลิกตัวหันกลับมา

แต่ก็ช้าไปกว่าผู้บุกรุกผู้นั้น

เฟ่ยเย่ถูกร่างเงาดำทะมึนในความมืด กดทับอยู่บนเตียง มือทั้งสองข้างถูกตึงไว้ด้วยมือของคนผู้นั้น เฟ่ยเย่พยายามขัดขืน แต่มือและเท้าทั้งสองก็ถูกตึงด้วยร่างกายที่กดทับบนตัวของนาง

ในความมืดสลัว แต่ในความรู้สึกที่คุ้นเคย นางจำคนผู้นั้นได้ทันที แต่ก็แปลกประหลาดใจมากอยู่ดี พี่ลั่วซือ! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นท่าน

“ปล่อยนะ!” เฟ่ยเย่พยายามดิ้นรน ให้หลุดจากพันธการ ที่สำคัญการที่มีบุรุษ มานอนทับบนร่างของนาง ถึงแม้จะเป็นพี่ลั่วซือ แต่ก็เป็นบุรุษที่ทำให้นางตื่นกลัว ยิ่งตอนนี้ลั่วซือก็เหมือนคนแปลกหน้าที่เฟ่ยเย่เองก็ไม่เข้าใจ!

ลั่วซือก้มลงกัดที่ซอกคอเฟ่ยเย่! เลือดอุ่นๆของเฟ่ยเย่ไหลเข้าปากของลั่วซือ เมื่อลิ้นสัมผัสรสเลือดลั่วซือก็ได้สติ

ลั่วซือค่อยๆ คลายมือ นั่งเอามือลูบหน้าตัวเอง มืออันสั่นเทาเล็กน้อย

“ท่านพี่..ทำไม่ถึงกัดข้า“ เฟ่ยเย่เอามือลูบต้นคอตรงรอยแผล รู้สึกเจ็บแสบนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับแย่

”ลั่วซือหายใจเข้าลึกๆ เจ้าเป็นสตรีรึ“ ลั่วซือหันไปถามตรงๆ

“ปกปิดตัวตนไม่ได้แล้วสินะ” เฟ่ยเย่ยิ้มมุมปาก

ลั่วซือยืนขึ้น คาราวะแบบคนในยุทธภพ “ขออภัยแม่นาง ข้าล่วงเกินแล้ว“

”ท่านคือคนที่อาจารย์ของข้าตามหา“ กล่าวจบลั่วซือก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้นหมดสติไป

“ท่านพี่ลั่วซือ! ท่านพี่ลั่วซือ!” เฟ่ยเย่เขย่าตัวสองสามครั้ง และเอาหูแนบกับหน้าอกของลั่วซือ ยังหายใจอยู่นี่!

เฟ่ยเย่พยุงลั่วซือขึ้นเตียงแล้วจัดท่านอนให้อยู่ในท่าสบาย นางตรวจชีพจรสักพัก และก็หยิบห่อเข็มเงินคลี่ออกมา ค่อยๆ หยิบเข็มปักไปตามร่างของลั่วซือ ตามศาสตร์แพทย์ที่ได้ร่ำเรียนมา

ครึ่งชั่วยามผ่านไป นางค่อยๆดึงเข็มออกทีละเข็มจนหมด

“หนอนแปลกประหลาดอะไรกันเนี่ย“ เอาออกยากซะด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่อันตราย แต่พี่ลั่วซือคงทรมานไม่น้อย ทำไมท่านพี่ถึงยอมได้นะ?

เฟ่ยเย่รู้สึกอ่อนล้า นางเดินไปที่โถงของโรงเตี๊ยม สั่งอาหารเช้าและน้ำชามานั่งดื่ม คำถามที่ไม่เข้าใจผุดขึ้นมาในหัวมากมายเต็มไปหมด

ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรทำอย่างไร?

ข้าจะช่วยท่านพี่ลั่วซือได้อย่างไร? แล้วข้าจะช่วยพี่ซานอี้ได้อย่างไร?“

คิดถึงเสร็จพ่อ! คิดถึงแม่นมจาง!

“แม่นาง” เจ้าของน้ำเสียงนั้น นั่งลงตรงหน้าเฟ่ยเย่ นางสะดุ้งตื่นจากความคิดของตัวเอง

“ท่านฟื้นก็ดีแล้ว เจ็บปวดตรงไหนหรือไม่?” เฟ่ยเย่ถามลั่วซือด้วยความเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไรแล้ว ขออภัยแม่นางจูจินอีกครั้ง”ลั่วซือ กล่าวอย่างสำนึกผิด

“ข้าไม่ได้ชื่อจูจิน จริงๆแล้วข้าชื่อฟางเฟ่ยเย่”

เฟ่ยเย่บอกความจริง

“สกุลฟางมาจาก แคว้นหนานฉี่หรือไม่?”

เฟ่ยเย่พยักหน้ารับ

“ข้ามีเรื่องจะขอร้องแม่นางเฟ่ยเย่” ลั่วซือพูดอย่างวิงวอน

“เรื่องอะไรรึ” เฟ่ยเย่เลิกคิ้วแบบสงสัย

“ที่ข้ามีหนอนมัจจุราชอยู่ในกาย เพราะข้าต้อง ตามหาคนผู้นึงให้ท่านอาจารย์ ตอนนี้ข้าหาคนผู้นั้นพบแล้ว” ลั่วซือกล่าวด้วยทางท่าสงบนิ่ง

“พูดต่อสิ” เฟ่ยเย่รอฟัง!

“คนผู้นั้นที่ท่านอาจารย์ตามหาคือแม่นาง” ลั่วซือ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเฟ่ยเย่ นางหลบตาต่ำ

“ทำไมเป็นถึงเป็นข้า แล้วข้าจะช่วยท่านได้อย่างไร?” เฟ่ยเย่จองตาลั่วซือ

“ขอเพียงแม่นางไปพบอาจารย์ของข้าสักครั้งเถอะ อาจารย์ของข้ามิใช่คนชั่วช้า ข้ารับรองความปลอดภัยของเจ้า” ลั่วซือกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่นอีกครั้ง

เฟ่ยทอดถอนใจ!

“ข้าก็อยากช่วยท่าน แต่ข้ามีเรื่องสำคัญมากต้องทำ และต้องการให้ท่านช่วยข้าด้วย“ เฟ่ยเย่ยื่นข้อเสนอ

“ตกลง! ข้ารับปาก! พูดเรื่องสำคัญของแม่นางมาได้เลย” ลั่วซือยังคงมีน้ำเสียงที่หนักแน่นเดิม

“เรียกข้าว่าเฟ่ยเย่ หรือน้องเล็กก็ได้” เฟ่ยเย่ยิ้ม

เฟ่ยเย่จึงเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ตั้งแต่เดินทางมากับซานอี้ จนได้รับบาดเจ็บ และซานอี้ถูกจับตัวไป จนนางต้องตามมาถึงที่นี่!

“เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ซานอี้คือน้องชายของข้า ยังไงข้าต้องช่วยเค้าอย่างแน่นอน” ลั่วซือไม่รู้ว่าตอนนี้ดวงจิตขององค์หญิงเหยียนหลินได้มาอยู่ในร่างเฟ่ยเย่แล้ว!

“ดี! ตกลงถามนี้” เฟ่ยเย่ยิ้มกว้างๆ พร้อมชูนิ้วก้อยยื่นออกไปข้างหน้า เกี่ยวก้อยสัญญากับข้าสิ

“เจ้านี่มันเด็กน้อยชัดๆ! ” ถึงแม้ว่าลั่วซือจะยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของเฟ่ยเย่ แต่ก็หันมองเมินหน้าไปทางอื่นๆ แต่กับมีรอยยิ้มที่มุมปากเล็กๆ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 47 - ระลึกชาติได้

    @ ณ ตำหนักบูรพา“อ๋องฉีเสด็จ! พะยะค่ะ”ขันทีน้อยหน้าตำหนักบูรพากล่าวรายงาน อันซื่อกำลังนั่งจิบน้ำชาสนทนากับต้วนอวี้ ส่วนซานอี้นั่งเล่นหมากกระดานกับลั่วซือเมื่ออ๋องฉีมาเยือนจึงทำความแปลกใจให้อันซื่อถึงขนาดต้องเอ่ยปาก “เสด็จอา มีธุระอันใดกับหลานหรือไม่ พระเจ้าข้า”อันซื่อยืนทำความเคารพผู้เป็นอา บรรดาน้องๆก็รู้มารยาทจึงลุกขึ้นคำนับด้วย“ในพิธีบวงสรวงเทวดา ข้าไม่เห็นองค์ชายน้อยแม้นแต่เงา จึงอยากมาเยี่ยมเยียนเค้าสักหน่อย”ใจจริงแล้วอ๋องฉีอยากมาจับสังเกตมากกว่า“ทูลเสด็จอา องค์ชายน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้าท่านราชครูรับองค์ชายน้อยเป็นลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ตอนนี้จึงร่ำเรียนอยู่กับท่านราชครู พระเจ้าข้า”อันซื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีทีเดียวจนต้วนอวี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “ไหนๆท่านอาก็เสด็จมาถึงนี่แล้ว เชิญนั่งลงดื่มชาสักถ้วย เล่นหมากกระดานกับหลานๆสักตาสองตาเทิด”ต้วนอวี้เผยมือพร้อมกล่าวเชิญอ๋องฉี“ไม่เป็นไร ข้าจะไปพบเสด็จพี่แล้วก็จะกลับจวนเลย ไว้เจอกันที่สำนักศึกษาเถอะ“อ๋องฉีสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกจากตำหนักบูรพาไป”เสด็จพี่! เสด็จอาประสงค์สิ่งใดกันแน่ ใยข้ารู้สึกได้ว่าไม่หวังดีต่อองค

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 46 - กลับคืนสู่เจ้าของเดิม

    เยียนหลินได้มาเรียนที่สำนักอู่หวินไถได้เดือนกว่าแล้ว สำนักศึกษามีวันหยุดประจำเดือน 4 วันเพื่อให้นักเรียนได้หยุดพักผ่อนและกลับไปเยี่ยมบ้านได้เช้านี้เยียนหลินกับองค์ชายทั้งสี่ต่างก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับวังหลวง “องค์ชายน้อย! เจ้าอยู่หรือไม่?“ เสียงใครคนหนึ่งด้านนอกเอ่ยถามถึงคนในห้อง“อยู่! ข้าอยู่” เยียนหลินเดินไปเปิดประตู ผู้ที่มาเรียกคือซื่อจื่อหวังจื่อเย่นี่เอง“พี่จื่อเย่! มีเรื่องอันใดหรือ?“เยียนหลินถามด้วยความสงสัย”เจ้ากำลังเก็บของอยู่หรือ“ซื่อจือสอบถามเรียบๆเคียงๆ”ใช่! ใกล้เสร็จแล้วล่ะ พี่จื่อเย่เข้ามาดื่มชาก่อนสิ“ เยียนหลินเชื้อเชิญ ซื่อจื่อจึงเข้ามาในห้องพักแต่นั่งลงตรงโต๊ะกลางห้องที่ไว้รับแขก เยียนหลินจึงนั่งลงข้างๆ และรินชาให้”พี่จื่อเย่มีธุระอันใดกับข้าหรือไม่“เยียนหลินถามแบบไม่ค้อม”วันหยุดนี้ข้าชวนเจ้าไปเที่ยวได้หรือไม่?“จื่อซื่อก็พูดแบบไม่อ้อมค้อม แต่อันซื่อกับต้วนอวี้เมื่อได้ยินซื่อจื่อพูดเช่นนั้นจึงรีบหันไม่พูดพร้อมกันว่า”ไม่ได้!” อันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็มองหน้ากันและกัน“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้! แต่เสด็จพ่อคิดถึงองค์ชายน้อยเหลือเกิน อีกอย่างท่านราชครูก็จะมาในวันพร

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 45 - เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก

    เช้านี้เยียนหลินเข้าเรียนวิชาแพทย์และสมุนไพรของท่านอาจารย์เซียว นางนั่งเรียนคู่กับซื่อจื่อหวังโหวน้อย ถัดมาที่โต๊ะด้านหลังเป็นองค์ชายซานอี้กับองค์ชายลั่วซือนั่งคู่กันเนื่องจากเยียนหลินมีพื้นฐานทางการเรียนแพทย์มาจากสำนักหมอหลวงในวังแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายในวิชาของอาจารย์เซียวและมักจะได้คะแนนเป็นลำดับสูงสุดในชั้นเรียน จึงเป็นที่โปรดปรานของท่านอาจารย์เซียวยิ่งนักตอนนี้ในเวลานั่งเรียน อยู่ๆ เยียนหลินก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา นางมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากหลายเม็ดใบหน้าที่ขาวนวลกับริมฝีปากบัดนี้กับซีดลง นางพยายามอดทนกับความเจ็บปวดที่เพิ่มทวีมาเป็นระลอกๆ มือที่วางอยู่บนโต๊ะเกร็งจนกำแน่นทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดนี้เริ่มมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า จึงเริ่มทนความปวดหน่วงๆนี้แทบจะไม่ไหว ขณะเดียวกันซื่อจื่อที่นั่งข้างๆกันกับเยียนหลินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “องค์ชายน้อยเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ทำไมเจ้าหน้าซีดนักล่ะ”ซื่อจื่อพูดพรางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ตรงหน้าอกเสื้อของตนออกมาแล้วซับเหงื่อที่ใบหน้าขององค์ชายน้อย ซานอี้กับลั่วซือเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินไปทางเยียนหลิน ซานอี้ใช้มือทั้งสองจับที่แขนเพ

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 44 - สหายคนใหม่

    เช้าวันแรกที่อู่หวินไถ!ซานอี้กับลั่วซืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบมาหาองค์ชายน้อยที่ห้องพักข้างๆ ทันที ซานอี้เปิดประตูเลื่อนผัวะ! ทำท่า ผงะเล็กน้อยแล้วรีบเลื่อนประตูปิดอย่างรวดเร็ว ลั่วซือยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ซานอี้จึงรีบเอ่ยเสียงดังๆขึ้นว่า“ท่านพี่! องค์ชายน้อย ข้ากับเจ้าสี่เข้าไปได้หรือไม่“ ”พวกเจ้าอย่าพึ่งเข้ามา รอสักครู่ก่อน!“อันซื่อรีบพูดสวนกลับ ภายในห้องนั้น เยียนหลินกำลังอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา “เสร็จแล้วๆ ท่านพี่ทั้งสองเชิญเข้ามาได้”เสียงเยียนหลินดังออกมาจากภายในห้อง ซานอี้และลั่วซือจึงเปิดประตูอีกครั้งและเข้าไปในห้อง“โอโห องค์ชายน้อยแต่งชุดนักศึกษาแล้วดูมีสง่างาม มีราศีไม่น้อยเลย”ลั่วซือจับตัวเยียนหลินหมุนไปมา เยียนหลินเขินจนหน้าแดงเล็กน้อย “เจ้าอย่าแกล้งน้องสิ น้องหน้าแดงหมดแล้ว”อันซื่อตำหนิลั่วซือเล็กน้อย“สง่างามจริงๆ นั่นแหละ หากข้าเป็นผู้หญิงคงหลงรักองค์ชายน้อยแล้ว”ซานอี้ก็ล้อเยียนหลินด้วยเหมือนกัน“เอาล่ะๆ พวกเราไปเรือนรับรองอาหารกันดีกว่า”ต้วนอวี้กล่าวพร้อมกับต้อนบรรดาพี่น้องให้เดินออกจากห้องพักที่เรือนรับรองอาหาร มีอาหารหลายอย่างที่ต้อ

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 43 - สำนักศึกษาอู่หวินไถ

    รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากราชวังเหล่าบรรดาพี่ๆ องค์ชายต่างฝ่ายต่างนั่งกันเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก ทำให้เยียนหลินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก องค์ชายต้วนอี้และซานอี้ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา ส่วนองค์ชายอันซื่อก้มหน้าก้มตาอ่านตำรา และองค์ชายลั่วซือก็นั่งกอดอกหัวพิงขอบหน้าต่าง เหมือนงีบหลับเสียอย่างนั้น เยียนหลินได้แต่ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ครึ่งชั่วยามผ่านไปรถม้าก็ค่อยๆ มาจอดที่หน้าสำนักศึกษาอู่หวินไถ!วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ของสำนักศึกษาอู่หวินไถ จึงมีป้ายประกาศรายชื่อนักเรียนที่เข้ามาใหม่และมีการจัดอันดับห้องเรียนใหม่ตรงบริเวณป้ายประกาศรายชื่อมีคนจำนวนมากที่เบียดเสียดเข้าไปดูรายชื่อของตนเอง เยียนหลินจึงยืนอยู่เว้นระยะห่างจากตรงป้ายประกาศพอสมควรโดยมีลั่วซือยืนระวังความปลอดภัยให้น้องส่วนอันซื่อ ต้วนอวี้ และซานอี้เข้าไปเบียดเสียดมองหารายชื่อของตนเองและคนรู้จัก“ท่านพี่! ท่านดูสิ! รายชื่อของท่านอยู่อันดับหนึ่ง ส่วนชื่อข้าอยู่อันดับสี่ เราได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว”ต้วนอวี้สะกิดเรียกอันซื่อและชี้มือไปทางป้ายประกาศทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาปัดมือของต้วนอวี้ออกอย่างแรง “เจ้

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 42 - องค์ชายน้อย

    องค์หญิงเยียนหลินรีบตื่นขึ้นในตอนเช้า อาบน้ำแต่งองค์ด้วยเสื้อผ้าที่ท่านอาจารย์มอบให้ ทรงเสด็จไปยังเรือนรับรองโดยมิได้มีเหม่ยจูตามเสด็จมาด้วย เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในเรือนรับรอง เห็นนางกำนัลเก็บวาดทำความสะอาดตามห้องพักต่างๆ องค์หญิงรีบถามนางกำนัลที่ทำความสะอาดบริเวณนั้น“ท่านอาจารย์ล่ะ เจ้าเห็นท่านอาจารย์ของข้าหรือไม่?”“ทูลองค์หญิง ท่านราชครูไปแล้ว เพคะ!”นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปไหนหรือ?”องค์หญิงซักถามนางกำนัลต่ออีก“ทรงขึ้นรถม้าออกนอกราชวังไปแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปแล้วหรือ!”องค์หญิงถึงกลับอึงไป และพูดอยู่กับตัวเองย้ำๆ ว่าไปแล้วหรือ! นางเดินกลับตำหนักจิ่งหลินด้วยความผิดหวัง เหม่ยจูเห็นองค์หญิงเดินกลับตำหนักด้วยท่าทางเหม่ยลอย นางคว้าแขนองค์หญิงและเขย่าเรียกเบาๆ“องค์หญิง! องค์หญิงไปไหนมาหรือเจ้าคะ?”เหม่ยจูเขย่าองค์หญิงเบาๆ อีกครั้ง!“ไปหาท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์กลับไปแล้ว”องค์หญิงตอบเหม่ยจูด้วยสีหน้าผิดหวัง“องค์หญิงน้อย ฝ่าบาทให้ขันทีเว่ยมาตามไปพบเสด็จฯ เพคะ องค์หญิงน้อยทรงรีบไปที่ตำหนักตงเตี้ยนเถอะเจ้าค่ะ“เหม่ยจูรีบจูงมือขององค์หญิงน้อย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status