แชร์

บทที่67 ศิษย์ผู้สืบทอด

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-06 11:42:16

ตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ศิษย์ใหม่ที่สามารถเอาชนะศิษย์สายนอกได้ย่อมสามารถแจ้งความประสงค์ในการเข้าสังกัดตำหนักที่ตนสนใจได้หรือแม้กระทั่งศิษย์ใหม่ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไม่สามารถเอาชนะได้ก็สามารถเลือกเข้าสังกัดที่ตนสนใจได้

แต่ถึงอย่างไรหากศิษย์คนดังกล่าวที่แจ้งความต้องการสำหรับเข้าสังกัดในตำหนักนั้น ๆ หากว่าท่านเจ้าตำหนักพิจารณาแล้วว่าศิษย์ใหม่ผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมตำหนักของตน ท่านเจ้าตำหนักก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธความต้องการของศิษย์ใหม่เหล่านั้นได้เช่นกัน

เหมือนกันกับหนิงอ้ายที่แจ้งความต้องการขอเข้าสังกัดศาสตร์แห่งการรักษา ซึ่งเป็นตำหนักที่ผู้คนภายนอกหรือแม้กระทั่งศิษย์ในสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ต่างรับรู้เรื่องราวตำหนักนี้น้อยมาก ว่ากันว่าในการทดสอบศิษย์ใหม่นับสิบปีผ่านมาทางตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาไม่ได้รับศิษย์เข้าตำหนักของตนแม้แต่คนเดียว ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีผู้ใดไม่ต้องการเข้าร่วมตำหนักนี้ เพียงแต่ว่าเจ้าตำหนักเหวินหวู่ เป็นผู้ปฏิเสธความต้องการของเหล่าศิษย์ใหม่พวกนั้นไปเสียสิ้น

ด้วยนิสัยแปลกประหลาดนี่เอง หลายครั้งที่ปรมจารย์เหวินหวู่ท่านนี้เดินทางไปทั่วทั้งมหาทวีปอย่างอิสระ ไม่ค่อยประจำอยู่ในสำนักศึกษา หากว่าได้พบเห็นรุ่นเยาว์มากพรสวรรค์คนใดที่เข้าตาแล้วละก็ ท่านมักจะเชิญชวนให้รุ่นเยาว์ผู้นั้นเข้ามาเป็นศิษย์ในตำหนักของตน

นั่นจึงทำให้ในบรรดาตำหนักทั้งสี่ที่อยู่ภายใต้สำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์มีเพียงตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเท่านั้น ศิษย์สายในและศิษย์สายนอกของตำหนักมีทั้งผู้ที่ผ่านการทดสอบของทางสำนักที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี รวมไปถึงการทดสอบนอกที่ผู้อาวุโสเหวินหวู่เป็นผู้ทดสอบศิษย์ผู้นั้นด้วยตนเอง

ดังนั้นด้วยทั้งหมดนี้สิ่งที่จ้าวหลานเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวลใจนั้นจึงเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน กลุ่มของหนิงอ้ายต่างภาวนาให้ท่านเจ้าตำหนักเหวินหวู่เมตตาสหายของตนและรับหนิงอ้ายเข้าเป็นศิษย์ในตำหนักตามความตั้งใจของอีกฝ่ายจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด...

เปรี้ยง!

ตู้ม!

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ศิษย์ทุกคนในที่นี้ต่างหูตาพร่ามัวไปชั่วขณะ เพียงชั่วครู่สายตาของทุกคนต่างมองไปยังจุดเดียวกันคือกลางสนามประลองที่ในตอนนี้เด็กหนุ่มนามว่าหนิงอ้ายยืนอยู่ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนภายในปราการบทเวทย์ป้องกันของตน นี่จึงทำให้ทุกคนพอที่จะคาดเดาได้ว่าเมื่อครู่นั้นอีกฝ่ายพึ่งตั้งรับกับบางสิ่งเหนือญาณสัมผัสรับรู้ของพวกเขา

ที่น่าแปลกใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้อายุเพียงสิบห้าสิบหกปีแต่กลับไปด้วยญาณสัมผัส ดูไปแล้วหากศิษย์น้องถูกปฏิเสธจากท่านเจ้าตำหนักเหวินหวู่พวกตนจะไม่รอช้าชักชวนอีกฝ่ายให้เขาร่วมสังกัดในตำหนักของตนอย่างแน่นอน

เปรี้ยง!

ตู้ม!

"ปราการมหาอัคคีอหังการ!!!!"

เสียงปะทะกันของบทเวทย์โจมตีที่เป้าหมายคือเด็กหนุ่มที่อยู่ในปราการของเวทย์ป้องกันนั้นยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะดูยาวนานแต่ความจริงเป็นเพียงไม่กี่จิบชาเท่านั้น ทุกการโจมตีแฝงไปด้วยความรุนแรงและไม่ทิ้งช่วงให้ได้หายใจได้สร้างความกดดันแก่ผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเด็กหนุ่มยังคงตั้งรับด้วยท่าทางสงบนิ่งแสดงความจริงจังเพิ่มขึ้นหลายส่วน ก่อนที่กลางสนามประลองจะปรากฎเป็นหมอกพิษสีดำที่ส่งเสียงน่ากลัวออกมาก่อนที่ศิษย์สายในและสายนอกที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นต่างหลบหลีกจากพื้นที่นั้นอย่างรวดเร็ว หมอกพิษพิพากษาสวรรค์ ของผู้อาวุโสเหวินหวู่ที่ทุกคนต่างทราบดีว่านี่เป็นอีกทักษะวิญญาณที่สร้างชื่อแก่ท่านเป็นอย่างมาก

หากสัมผัสพิษนี้เพียงเศษเสี้ยวแต่หากไม่ได้รับการถอนพิษอย่างทันท่วงทีนั้น แม้จะเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับเทพยุทธ์วิญญาณแล้วยังต้องหวั่นเกรงอานุภาพของหมอกพิษนี้ไปหลายส่วนเลยทีเดียว

วิญญาณยุทธ์ปักษาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ทักษะวิญญาณที่หนึ่งสรรพธาตุหมื่นเทวะโลหิตอัคคีมายา โจมตี!!

หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าเวทย์ป้องกันของตนไม่สามารถตั้งรับการโจมตีนี้ได้แล้ว อีกทั้งพิษดังกล่าวได้เข้าแทรกซึมม่านปราการป้องกันของเขาไปบางส่วนแล้ว หากยังคงประวิงเวลาต่อไปนานเท่าใดเขาย่อมถูกพิษนี้เป็นแน่ มือเรียวงามของเด็กหนุ่มได้กางขึ้นพร้อมกันพร้อมกับประสานเป็นท่าทางแปลกตายิ่ง

วงแหวนวิญญาณสีเขียวเข้มสองวงแหวนได้ปรากฏขึ้นตรงด้านหลังของหนิงอ้าย เป็นที่รับรู้ว่าเด็กหนุ่มได้ครอบครองกระดูกวิญญาณอายุสี่พันปีถึงสองวงแหวนเลยทีเดียวนับว่าโดดเด่นยิ่งนัก แม้ว่าผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิวิญญาณสามารถดูดซับกระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรอายุสี่พันปีได้ แต่ไม่เคยปรากฏให้เห็นว่าด้วยวัยเพียงสิบห้าสิบหกปีกลับครอบครองกระดูกวิญญาณสี่พันปีถึงสองวงแหวนเช่นนี้

ก่อนที่จะปรากฏร่างจำแลงของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาขนาดใหญ่ที่ครอบทับตัวของเด็กหนุ่มในทันที หนิงอ้ายเร่งเร้าพลังลมปราณออกมาเพิ่มขึ้นส่งผลให้ร่างจำแลงของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายานี้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสองถึงสามเท่า ก่อนที่ร่างจำแลงนี้ได้พุ่งรับการโจมตีจากหมอกพิษดังกล่าวจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งบริเวณ

เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับสูงที่ไม่อาจคาดเดาระดับพลังฝีมือได้รวมไปถึงหมอกพิษที่มีความลึกล้ำพิศดารเช่นนี้แล้วใบหน้าของเด็กหนุ่มเริ่มแสดงอาการเคร่งเครียด หนิงอ้ายเลือกที่จะไม่เปิดเผยทักษะวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุพิษในยามนี้

แม้ว่าวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟที่ได้ดูดซับกระดูกวิญญาณของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาไป แต่หากเทียบกับทักษะวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุพิษของผู้อาวุโสเหวินหวู่ที่มีระดับพลังวิญญาณมากกว่าเขาสองถึงสามขั้นใหญ่ แม้จะเป็นเพียงแค่หนึ่งส่วนแต่กลับสร้างความกดดันเช่นนี้ได้ นับว่าอีกฝ่ายเป็นสุดยอดฝีมือระดับแนวหน้าอย่างแท้จริง

ใบหน้าของหนิงอ้ายเริ่มซีดขาวลงด้วยเพราะสูญเสียพลังวิญญาณพร้อมกันไปในครั้งเดียวอย่างมหาศาล ความกดดันเช่นนี้ส่งผลไปโดยรอบจนทำให้ศิษย์สายนอกบางคนที่มีพลังวิญญาณระดับต่ำเริ่มที่จะหายใจไม่ออกเลยทีเดียว ก่อนที่ทุกสิ่งจะสลายหายไปราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น

"ไม่เลว! ไม่เลว! ญาณสัมผัสเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง ในเมื่อความต้องการของเจ้าเป็นเช่นนั้นแล้วข้าเหวินหวู่เจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาจะรับเจ้าเป็นศิษย์ในตำหนักของข้าตามที่เจ้าต้องการ!!"

"ข้าขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าหนิงอ้ายผู้นี้เป็นศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาและจะมีพิธีอย่างเป็นทางการภายหลังอีกครั้ง!!!" สิ้นคำเอ่ยของผู้อาวุโสเหวินหวู่ในรูปลักษณ์ของชายชราได้หายไปในทันที

ทำให้ทราบว่าผู้ที่นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เเรกเป็นเพียงร่างจิตวิญญาณเท่านั้น เพียงไม่กี่จิบชาทุกสิ่งอย่างได้กลับมาสงบนิ่งราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้นทั้งสิ้นโดยท่านเจ้าสำนักเจียงเฉิงหมายความว่าการทดสอบดังกล่าวได้ถูกยอมรับจากท่านเจ้าสำนักและเจ้าตำหนักอีกทั้งสามท่านแล้วนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นเจียงเฉิงผู้เป็นเจ้าสำนักศึกษา รุ่ยเหอรองเจ้าสำนักและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ กุ้ยเจินเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกล เฉิงห่าวเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งศาสตราวุธ ผู้อาวุโสคุมกฎทั้งสาม ผู้อาวุโสระดับสูงในสำนัก รวมไปถึงผู้อาวุโสประจำตำหนักต่าง ๆ อีกทั้งเหล่าบรรดาศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งที่ผู้อาวุโสเหวินหวู่นั้นถึงกับเรียกทักษะวิญญาณหมอกพิษพิพากษาสวรรค์ออกมาเพื่อทดสอบรุ่นเยาว์คนหนึ่ง

ทว่าเด็กหนุ่มกลับสามารถตั้งรับได้อย่างท่วงทีอีกทั้งยังโต้กลับด้วยทักษะวิญญาณปราณธาตุไฟที่แม้จะอ่อนด้อยไปในยามนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าในวันข้างหน้าจะไม่แข็งแกร่งขึ้น เพราะหากพิจารณาจากความล้ำลึกของกลิ่นอายของวงแหวนวิญญาณอายุสี่พันปีที่พวกเขานั้นสัมผัสได้ ด้วยอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้แต่กลับมากไปด้วยพรสวรรค์และความโดดเด่นนับว่าอีกฝ่ายเป็นอีกหนึ่งรุ่นเยาว์น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

แต่ถึงอย่างไรฐานะของศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาที่ผู้อาวุโสเจ้าตำหนักเหวินหวู่มอบให้กับอีกฝ่ายนับว่าเป็นสิ่งที่เกิดคาดเดาไปเป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่ว่าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาแม้ไม่มีศิษย์ใหม่เข้าสังกัดในทุกปี ส่งผลให้ในตอนนี้มีศิษย์สายในที่อยู่ในสังกัดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเพียงหกคน เท่ากับว่าหนิงอ้ายผู้นี้คือศิษย์ลำดับที่เจ็ดและมีฐานะเป็นถึงศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนัก

ความกดดันที่เกิดขึ้นจากทักษะวิญญาณอันเลื่องชื่อของผู้อาวุโสเหวินหวู่ผู้เป็นเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา ทดสอบศิษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นเพียงรุ่นเยาว์อายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น สิ่งที่สร้างความแปลกประหลาดใจแก่ทุกคนคือด้วยวัยเพียงเท่านี้ทว่าเด็กหนุ่มรูปร่างบอบบางไปไม่ต่างจากสตรีกลับสามารถบัญชาการวงแหวนวิญญาณที่ถูกประสานเข้ากับร่างกายตนได้อย่างเชี่ยวชาญและตั้งรับการโจมตีของผู้อาวุโสเหวินหวู่ได้อย่างน่าชื่นชม

ทางฝั่งของหนิงอ้ายที่ก่อนหน้านี้เขาต้องรีดเค้นพลังปราณในร่างกายเป็นอย่างมากในการเรียกใช้ทักษะวิญญาณเพื่อตั้งรับการโจมตีจากผู้ฝึกตนระดับสูงมากกว่าตนถึงสองถึงสามขั้นใหญ่ จึงส่งผลให้ใบหน้าเล็กของอีกฝ่ายนั้นขาวซีดจนน่าเป็นห่วงยิ่งนักในสายตาของผู้อาวุโส

ศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกที่อยู่ด้านข้างสนามประลองรวมไปถึงกลุ่มสหายของเด็กหนุ่ม เมื่อได้มีเวลาพักหายใจมากขึ้น ร่างกายของหนิงอ้ายที่คุ้นชินกับเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาแล้วจึงดูดซับปราณธรรมชาติที่มีอยู่ในรอบตัวเข้ามาในร่างกายแทนส่วนที่ถูกดึงใช้ไปในทันทีพร้อมกับแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตที่ใส่อยู่ไม่ห่างตัว ก่อนที่จะพิจารณาคำกล่าวของผู้อาวุโสเหวินหวู่ที่ว่าได้รับตนนั้นเข้าเป็นศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา นับว่าค่อนข้างเกินความคาดคิดของเขาไปมากเลยทีเดียว

ตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาหนิงอ้ายไม่คาดคิดว่าจะต้องเป็นเขาเสียด้วยซ้ำ เหตุผลหลักที่เขาเลือกเข้าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา นอกจากจะมุ่งเน้นไปในเรื่องของโอสถและสมุนไพรแล้ว ผู้อาวุโสเหวินหวู่ยังเชี่ยวชาญในเรื่องของพิษอีกด้วย การที่หนิงอ้ายตัดสินใจเลือกเข้าสังกัดอยู่ในตำหนักนี้เป็นเพราะวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุพิษที่เขาถือครองอยู่ ดังนั้นหากเขาจะมีความรู้และความสามารถที่ข้องเกี่ยวกับปราณธาตุพิษคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกประหลาดอันใด

ด้วยระดับพลังวิญญาณในตอนนี้หนิงอ้ายยอมรับว่ายังมีผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังวิญญาณระดับสูงที่เหนือชั้นกว่าเขามากและยังไม่นับรวมตาเฒ่าประหลาดที่หลีกเร้นกายในมหาทวีปแห่งนี้ แม้ว่าเขาจะครอบครองวิญญาณยุทธ์มากกว่าหนึ่ง แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องเปิดเผยนักเมื่อถึงวันหนึ่งที่ตัวเขานั้นมั่นใจว่าตนอยู่เหนือสุดยอดของผู้ฝึกตนด้วยกัน ที่เขานั้นสามารถปกป้องตนเองและคนที่ตนรักได้ หนิงอ้ายพร้อมที่จะเปิดเผยเช่นกัน…

เสียงพูดคุยของศิษย์สายในและศิษย์สายนอกกันอย่างคึกคักโดยรอบของลานพิธี ตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักนับว่าเป็นอีกหนึ่งฐานะสำคัญสามารถสร้างชื่อเสียงแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลได้ แน่นอนว่าทั้งสามตำหนักที่เหลือไม่ว่าจะเป็นตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ ตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลรวมไปถึงศาสตร์แห่งศาสตราวุธต่างมีศิษย์ผู้สืบทอดไปแล้วทั้งสิ้น

ทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์โดยปกติแล้ว นอกจากการทดสอบศิษย์สายนอกเพื่อเป็นศิษย์สายในที่จะถูกจัดขึ้นในทุก ๆ ปีเเล้ว การประลองระหว่างตำหนักในสำนักศึกษาก็ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเช่นกัน

แต่ความพิเศษมีอยู่ว่าตั้งแต่เเรกเริ่มก่อตั้งสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์มานับพันนับหมื่นปีศิษย์ผู้สืบทอดของทั้งสี่ตำหนักต่างต้องลงประลองเช่นกันในทุก ๆ สี่ปีถือว่าเป็นธรรมเนียมปฎิบัติที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดไว้ว่างเว้นไว้หลังจากที่ศิษย์สืบทอดคนสุดท้ายจะหายสาบสูญไปอย่างปริศนาในช่วงสิบปีที่ผ่านมา

ดังนั้นแล้วการที่เด็กหนุ่มนามว่าหนิงอ้ายได้ถูกทดสอบและคัดเลือกจากท่านผู้อาวุโสเจ้าตำหนักเหวินหวู่ และถูกประกาศให้ทุกคนได้รับรู้โดยทั่วกันว่าเด็กหนุ่มเป็นศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักแล้ว หากนับตามกำหนดเวลาจึงเหลืออีกเพียงสองปีเท่านั้นในการประลองระหว่างศิษย์ผู้สืบทอดทั้งสี่ สำหรับพิธีการรับศิษย์ผู้สืบทอดจะถูกจัดขึ้นภายในตำหนักไม่สามารถให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมพิธีดังกล่าวได้ ว่ากันว่าอาจจะมีการทดสอบจากบรรพชนผู้ก่อตั้งตำหนัก แต่ถึงอย่างไรทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องลับทั้งสิ้น

หนิงอ้ายโค้งตัวคำนับไปทางฝั่งของผู้อาวุโสเหวินหวู่ ผู้เป็นเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา จากนั้นเด็กหนุ่มไม่รอช้าโค้งตัวคำนับทำความเคารพไปยังเจ้าสำนักเจียงเฉิงรวมไปถึงเจ้าตำหนักทั้งสามท่านที่เมตตา ด้วยท่าทางที่นอบนอบเช่นนี้เป็นที่ถูกใจแก่พวกเขาเหล่านี้รวมไปถึงผู้อาวุโสในสำนักเป็นอย่างยิ่ง

เพราะค่อนข้างหาได้ยากเลยทีเดียวกับการที่ผู้ฝึกตนอายุน้อยแต่กลับมากไปด้วยฝีมือและพรสวรรค์ อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักที่กล่าวได้ว่าเป็นรองเพียงเจ้าสำนักศึกษา เจ้าตำหนักทั้งสี่ รวมไปถึงผู้อาวุโสคุมกฎทั้งสามแต่เพียงเท่านั้น แม้กระทั้งศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกแม้จะมีอายุมากกว่าอีกฝ่าย

แต่ถึงอย่างไรย่อมต้องเกรงให้กับตำแหน่งนี้ของเด็กหนุ่มทั้งสิ้น แทนที่อีกฝ่ายจะมีท่าทีที่หยิ่งผยองลำพองตน แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กหนุ่มยังคงเปี่ยมไปด้วยท่าทางสุภาพอ่อนน้อมตามมารยาทของผู้ฝึกตนที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี

"ยินดีกับพวกเจ้ารุ่นเยาว์ชายหญิงทุกคนที่ผ่านการทดสอบ หลังจากนี้เป็นต้นไปนามของพวกเจ้าทุกคนจะถูกบันทึกเอาไว้ในนามของศิษย์สายนอกของสำนักศึกษา!!" เสียงของผู้อาวุโสผู้คุมกฎกล่าวขึ้นเเสดงความยินดีกับรุ่นเยาว์ทั้งห้าสิบกว่าคนในที่นี้แม้ในการทดสอบที่ผ่านมาจะมีการแพ้ชนะไปบ้างนับว่าเป็นเรื่องปกติ

เหตุการณ์ความวุ่นวายนั้นยังคงเกิดขึ้นไปอีกราว ๆ เกือบหนึ่งเค่อ ก่อนที่ท่านเจ้าสำนักและผู้อาวุโสคุมกฎทั้งสามจะออกไปจากลานพิธีแห่งนี้ เจ้าตำหนักทั้งสามต่างเรียกศิษย์ผู้สืบทอดของตนพร้อมกับสั่งการบางสิ่งอย่าง ศิษย์ผู้สืบทอดทั้งสามคนนั้นจะมองมาทางเด็กหนุ่มเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะโค้งตัวคำนับเจ้าตำหนักของตน ผู้อาวุโสเจ้าตำหนักทั้งสามได้หันมายิ้มเล็กน้อยให้กับหนิงอ้ายก่อนที่จะเเยกย้ายหายไป...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status