“ข้าบอกแล้วอย่างไร ว่าบิดามารดาข้าไม่ออกมาหลอกสตรีน่าเอ็นดูเช่นเจ้าหรอก ยกเว้นว่า...”
“ว่าอันใดเจ้าคะ” นางเอ่ยถามแต่ใบหน้ายังมุดอยู่บริเวณไหล่ของเขา
“ยกเว้นว่า เจ้าคิดจะเปลี่ยนใจไปหาบุรุษอื่นนอกจากข้า หากเป็นเช่นนั้นข้าจะจุดธูปอัญเชิญดวงวิญญาณของคนตระกูลหยวนให้ช่วยตามหลอกหลอนเจ้า โทษฐานที่ล่อลวงข้าแล้วเปลี่ยนใจ”
“ข้าไม่ทำเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ พี่ใหญ่อย่าได้ใจร้ายกับข้าเลย”
“ข้าจะจำคำของเจ้าไว้ ยามนี้เราอยู่กันตามลำพัง เจ้าควรเรียกข้าเช่นไร”
“ลี่หมิง”
“ดีมาก” เขากล่าวก่อนจะตบหลังนางเบา ๆ แล้วดีดเท้าใช
18 สะสางและสมหวัง หยวนลี่หมิงพาคนที่เขาเลี้ยงไว้บุกจวนตระกูลฝูกลางยามจื่อ (23.00-00.59) ทุกคนที่อาศัยอยู่ในตระกูลฝูถูกเขาสั่งสังหารทั้งหมด เสียงร้องขอชีวิตและเลือดที่สาดกระเซ็นปลอบประโลมความโกรธแค้นที่สุมอยู่ในอกเขานับสิบปี ยามที่ลงดาบเพื่อปลิดชีวิต เขาเอ่ยวาจาซ้ำ ๆ ว่า ‘หากจะโทษก็โทษความชั่วช้าของฝูซื่อ
“ก็ไม่แน่นะเจ้าคะ ว่าใครจะหลงใหลมากกว่ากัน” “ยามนี้คงเป็นข้ามากกว่าที่หลงใหลเจ้า” กล่าวจบก็รั้งตัวนางเข้ามากอดก่อนจะดันออกเล็กน้อยเพื่อกดริมฝีปากลงบนหน้าผากมน “ท่านรีบกลับจวนของตนไปได้แล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวผู้คุ้มกันมาเห็นเข้าแล้วไปรายงานท่านพ่อ ท่านจะเดือดร้อนเอาได้นะลี่หมิง” หลังจากทราบฤกษ์กราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของนางประกาศกร้าวห้ามนางออกจากจวนไปพบหยวนลี่หมิง จนกว่าจะถึงวันแต่งพร้อมทั้งให้อดีตคุณชายใหญ่หมิงเลี่ยงรุ่ยย้ายออกจากจวนตระกูลหมิงไปและห้ามพบเจอกันจนกว่าจะถึงวันกราบไหว้ฟ้าดิน ที่บิดาของนางทำไปเช่นนั้นก็เพื่ออยากเอาคืนบุรุษเจ้าเล่ห์ที่ตนเลี้ยงดูมากับมือที่เร่งรีบจนทำผู้อาวุโสทั้งหลายวิ่งวุ่นกันไปหมด “ข้าดีใจยิ่งนักที่เจ้าเป็นห่วงข
นานนับครึ่งชั่วยามที่เขาอยู่สนทนากับท่านน้าทั้งสอง ก่อนจะขอตัวกลับเมื่อลูกน้องของเขามาตาม ซึ่งพอเขาได้ยินเรื่องที่ฝูหว่านอิ๋งลอบติดตามนาง เขาจึงรีบตรงไปหานางเพื่อคุ้มครองทันที นัยน์ตาคมที่ฉายแววอ่อนโยนทอดมองสตรีที่นอนหลับอยู่บนเตียงของเขา มือใหญ่ลูบไล้มือเรียวที่จับอยู่อย่างเบามือ ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏบนใบหน้าเมื่อคิดถึงเรื่องบางอย่าง เพราะเขาสั่งคนเปิดทางให้ ท่านน้าหลิวซีจึงสามารถเดินมาเปิดประตูห้องของเขาได้โดยไม่มีใครขัดขวาง ตั้งใจให้บิดาของนางมาเห็นว่าแท้จริงข้าวสารได้กลายเป็นข้าวสุกเสียแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาที่รู้ว่านางยังขุ่นเคืองเรื่องที่เขาแสร้งเมินเฉยนาง ทำให้นางร้องไห้เสียใจ จึงคิดจะใช้คหบดีหมิงมาช่วยทำให้เขาได้กราบไหว้ฟ้าดินกับนางเพราะกลัวนางจะเปลี่ยนใจไปจากเขาก่อน&
“ท่านนี่ก็เหลือเกินไม่ยอมบอกความจริงกับข้า ปล่อยให้ข้าโกรธเคืองด่าทอได้ตั้งนาน” “ข้าขอโทษ ข้าเพียงไม่อยากให้เจ้าหวาดกลัว จึงไม่บอกกล่าว” “ท่านกลัวข้าหวาดกลัวแต่ไม่คิดกลัวว่าข้าจะหอบลูกกลับบ้านเดิมหรือ” กล่าวจบหมิงฮูหยินก็ทำท่าแง่งอนสามีตน “ข้าย่อมไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนั้นแน่นอน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงปล่อยให้เจ้าด่าทอและยอมรับผิดทุกอย่าง” “ข้าต้องขออภัยหมิงฮูหยินด้วยนะขอรับที่ทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจมาตลอดเก้าปี” “ข้าก็ต้องขอโทษเจ้าเช่นกันที่ลงโทษเจ้าไปมากมาย” แม้ทุกครั้งจะทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นการใส่ร้ายของบุตรสาว แต่นางก็ยินดีที่จะลงมือเพื่อระบายโทสะตน แต่เพราะในช่วงหนึ่
แววตาของหยวนลี่หมิงฉายแววโหดเหี้ยมขึ้นในทันที เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะลงมือทำ หลังจากมอบจดหมายให้เพ่ยตงนำไปมอบให้เปี่ยวเกอกับท่านตาของตนแล้ว เขาก็กลับไปหาว่าที่ฮูหยินของตน “เหตุใดท่านไปนานนัก แล้วท่านพ่อข้าเล่า เขากลับไปแล้วหรือ” “อืม ท่านพ่อตากลับไปแล้ว เห็นบอกว่าจะรีบไปสนทนากับท่านแม่ยายถึงเรื่องการต้อนรับท่านตาและท่านลุงของข้าในวันพรุ่งนี้” “ท่านหมายความว่า...” “บิดาเจ้า ยินดียกเจ้าให้แต่งกับข้า” “เป็
17 กลับตาลปัตร “มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าถึงได้ทำเช่นนั้นกับบุตรสาวข้า” หมิงหลิวซีเอ่ยถามบุตรชายของสหายที่เขารักและเอ็นดูไม่แพ้บุตรในอุทรของตน หยวนลี่หมิงคุกเข่าลงตรงหน้าผู้มีพระคุณ ก่อนจะเงยหน้าตอบด้วยท่าทางไม่แข็งกร