ภีมพลกลับขึ้นมาบนห้องพักอีกครั้งในสภาพเมามายเดินปัดไปเป๋มา คืนนี้เขาเจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศมาท้าดวลออน เดอะ ร็อค หรือดื่มเหล้าเพียว ๆ จนหมดขวด ซึ่งเขาในฐานะเจ้าบ้านและเจ้าของสถานที่ มีหรือจะปฏิเสธให้เสียเชิง เขารับคำท้าทันที และสุดท้ายก็มีสภาพอย่างที่เห็น
ชายหนุ่มพยายามบังคับร่างกายให้เดินไปยังเตียงนอนหนานุ่มโดยเร็วที่สุด แต่กลับรู้สึกว่าวันนี้เตียงนั่นอยู่ไกลเหลือเกิน ทั้งที่เขาก็พยายามลากขาอันหนักอึ้งแล้วก้าวยาว ๆ ไปให้ถึงโดยไว อีกทั้งพื้นพรมที่เหยียบย่างอยู่ตอนนี้ก็รู้สึกฝืดราวกับฉาบไปด้วยกาวเหนียวหนืดอย่างไรอย่างนั้น
“บ้าชะมัด! พรุ่งนี้จะสั่งเปลี่ยนพรมทั้งผืนเลย คอยดู”
น้ำเสียงอ้อแอ้ของคนไม่ยอมรับว่าตนเองเมาบ่นออกมาเบา ๆ ขณะทิ้งตัวลงบนที่นอน เขาจัดการลอกคราบของตนออกจากกาย ทั้งที่ยังนอนอยู่แล้วเหวี่ยงเสื้อผ้าทิ้งไปบนพื้นโดยไม่สนใจว่ามันจะไปตกอยู่ตรงไหนของห้อง จากนั้นก็สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับรวิชา
ภีมพลหันมองใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยานอนหลับอยู่ข้างกาย เขาถือวิสาสะยื่นหน้าเข้าไปกดจมูกลงที่แก้มเนียนฟอดใหญ่ แล้วลามมาจนถึงริมฝีปากอิ่มที่เผยอเล็กน้อย ราวกับกำลังกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปหา
เขาเริ่มเคลื่อนกายมาคร่อมทับหญิงสาวระหว่างที่ระดมจูบไปทั่วใบหน้าแล้วลากต่ำลงมาจนถึงลำคอหอมกรุ่น ความคิดส่วนดีย้ำบอกให้เขาหักห้ามใจ ไม่ควรล่วงเกินคนที่ไม่มีสติรับรู้ แต่ความคิดอีกด้านกลับร้องบอกเสียงดังว่า...ขออีกนิดเดียว...นิดเดียวเท่านั้น
แต่สุดท้ายเขาก็ยอมผละออกมาจากความอวบอิ่มเต็มตึงอย่างแสนเสียดาย
ภีมพลยกตัวขึ้นมองใบหน้าของคนใต้ร่างอย่างพินิจพิเคราะห์ ยามที่ลิปสติกของเธอย้ายมาอยู่บนริมฝีปากของเขาเพราะจูบเมื่อครู่ ก็ยิ่งรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาน่าจะเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน
“พรุ่งนี้ค่อยต่อนะจ๊ะคนสวย เผื่อเราจะได้รำลึกความหลังกันว่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”
ภีมพลก้มลงจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปากอิ่มนั้นอีกครั้ง ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายอีกด้านของเตียงแล้วหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน
ความอบอุ่นนุ่มสบายที่โอบล้อมรอบตัว ทำให้รวิชาคร้านจะตื่นขึ้นมา ถ้าไม่เป็นเพราะอาการตีรวนในช่องท้องที่เริ่มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกพะอืดพะอม และพยายามกลืนน้ำลายเพื่อบรรเทาอาการคลื่นเหียน
รวิชาค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะปิดลงอีกครั้งเพื่อตั้งสติ ครั้นพอหลับตาหญิงสาวก็รู้สึกราวกับกำลังลอยได้ สมองขาวโพลน ทั้งยังเบาหวิวเหมือนตนเองไร้น้ำหนักไร้แขนขา ไร้ทิศทางในการควบคุม เธอพยายามรวบรวมแรงกาย และสติสัมปชัญญะให้กลับคืนมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แขนที่ทิ้งอยู่ข้างตัวเริ่มขยับปลายนิ้วได้ทีละนิด จนในที่สุดก็สามารถกำมือไว้ได้แบบหลวม ๆ
หญิงสาวลืมตามองเพดานห้องอย่างงงงัน เมื่อเห็นว่าทุกอย่างที่ปรากฏสู่สายตานั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่บ่งบอกว่าเป็นห้องนอนของเธอ จึงตัดสินใจหลับตาลงอีกครั้ง คาดหวังว่าสิ่งที่ตนเห็นเมื่อครู่เป็นเพราะตาฝาดไปเอง ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
รวิชาหายจากอาการคลื่นไส้เป็นปลิดทิ้ง เมื่อมันถูกแทนที่ด้วยความมึนงง และตกใจ ครั้นพอได้ยินเสียงใครบางคนกรนเบา ๆ อยู่ข้างหูก็ยิ่งรู้สึกใจหาย รีบหันไปมองต้นเสียงทันที สองตาเบิกตากว้างด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง เธอรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองไว้ทันที ก่อนที่จะลืมตัวส่งเสียงกรีดร้องออกมา
กรี๊ด! ตาคุณผีดิบมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...แล้วที่นี่มันคือที่ไหน
รวิชาผงกศีรษะขึ้นมองไปรอบห้อง เห็นเสื้อผ้าของชายหนุ่มกระจายเกลื่อนอยู่ที่พื้นจึงนึกขึ้นได้ เธอรีบก้มลงมองเสื้อผ้าของตนเองบ้าง แล้วลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ามันยังอยู่ครบ
หญิงสาวหันมองคนข้างตัวอีกครั้ง รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อผ้าห่มที่เธอใช้ซุกตัวนอนมาตลอดคืนร่วมกับเขานั้นลงไปคลุมหมิ่นเหม่อยู่ที่สะโพกสอบของชายหนุ่ม จนมองเห็นกลุ่มขนที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบตั้งแต่สะดือลากไล่ลงไปจนผลุบหายเข้าไปในผ้าห่ม เธอได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ ขออย่าให้เขาขยับตัวตอนนี้เลย มิเช่นนั้นเธอคงได้เห็นอะไรต่อมิอะไรของเขาในรูปแบบ “โตเต็มวัย” แน่นอน
รวิชาค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วหย่อนขาลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบ หญิงสาวกวาดตามองไปรอบห้องเพื่อหากระเป๋าถือของตนเองแต่ก็ไม่พบ เธอเกือบร้องไห้ออกมาด้วยความสิ้นหวัง ถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์แบบผู้ชายวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงพร้อมกับโทรศัพท์สมาร์ตโฟนเสียก่อน
หญิงสาวชำเลืองมองคนบนเตียงพลางค่อย ๆ เอื้อมหยิบกระเป๋าสตางค์ใบนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอเปิดกระเป๋าออกดูอย่างเร่งรีบพร้อมกับมองไปที่เตียงเป็นระยะ เนื่องจากเกรงว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเห็นเข้าเสียก่อน
โชคดีที่มีธนบัตรเป็นปึกอยู่ในกระเป๋าสตางค์ แต่รวิชาไม่คิดจะเอามาทั้งหมด เธอต้องการเพียงค่ารถแท็กซี่กลับบ้านเท่านั้น จึงพยายามจะหยิบออกมาแค่ใบเดียว แต่เพราะหางตาเห็นคนที่นอนหลับอยู่เริ่มมีการเคลื่อนไหว รวิชาจึงยิ่งลนลาน จากที่ตั้งใจว่าจะหยิบแค่ใบเดียว เธอจึงตัดสินใจหยิบมันออกมาทั้งปึกแล้วรีบทรุดตัวนั่งกับพื้น ก้มตัวลงต่ำเพื่อหลบซ่อนตัว
ครั้นพอเห็นว่าบนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว รวิชาจึงผงกศีรษะขึ้นมองอย่างระแวดระวัง ก่อนจะลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
หญิงสาววางกระเป๋าสตางค์ลงที่เดิมอย่างเบามือ และเงียบเชียบที่สุด เธอค่อย ๆ คลานเข่าไปที่ประตู โชคดีที่เป็นพื้นพรมจึงช่วยเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี เมื่อถึงที่หมายรวิชาก็ยืนขึ้น เอื้อมมือคว้าเสื้อเชิ้ตของเจ้าของห้องที่ถูกทิ้งกองอยู่หน้าประตูติดมือมาด้วย เพราะการจะออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่มีใครสังเกตหรือสนใจ เธอย่อมต้องไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่น แต่ชุดที่ตนใส่อยู่นั้นดึงดูดสายตาคนมากเกินไป ดังนั้นเสื้อเชิ้ตของเขาจึงเป็นตัวช่วยชั้นดี
“ขอเงินกลับบ้านแค่นี้ ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกนะคะ คุณผีดิบ”
รวิชาพึมพำเบา ๆ ระหว่างที่ใส่เสื้อ เมื่อเสร็จเรียบร้อยเธอก็จับลูกบิดเตรียมตัวจะออกไปจากห้อง ส่วนมืออีกข้างก็กำธนบัตรปึกนั้นจนแน่น
หญิงสาวหันไปมองคนบนเตียงอีกครั้ง ทว่าพอหันกลับมานัยน์ตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้าง ปากอิ่มอ้าค้างอย่างตื่นตกใจ พวงแก้มเริ่มเห่อร้อนจนลามเลียไปทั่วทั้งหน้า เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็รีบเปิดประตูออกไปทันทีพร้อมกับหัวใจที่เต้นกระหน่ำราวกับจะหลุดออกมานอกอก
ในที่สุดเธอก็ได้เห็นของผู้ชายแบบ “ตัวโตเต็มวัย”
นมพิม แม่นมชราเดินกระวนกระวายไปมาอยู่หน้าบ้านพลางชะเง้อมองไปที่ประตูรั้วเป็นระยะ เพราะคุณหนูของบ้านยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อคืน
เสียงแตรรถที่ได้ยินอยู่หน้าประตูทำให้คนสูงวัยถึงกับยิ้มกว้างทั้งที่น้ำตาจวนเจียนจะหยดอยู่รอมร่อ ทว่าพอเห็นเป็นรถยุโรปที่แสนคุ้นตาโดยมีบุญเกิด คนขับรถนั่งประจำอยู่หลังพวงมาลัย จากความดีใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลขึ้นมาทันที
“ตายแล้ว! คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงกลับมาแล้ว ก็ไหนว่าจะกลับวันมะรืนยังไงล่ะ ทำยังไงดีเนี่ย คุณหนูนะคุณหนู ไปนอนที่ไหนกันนะ”
“อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้
อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่
หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา
“ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข
“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล
ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ