ภายในงานทุกคนต่างพึงพอใจ ในการชอป เพราะข้อเสนอของอาร์มันโด้ กับโปรโมชั่นช้อปครบหนึ่งล้านลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์นั้น เป็นที่พึงพอใจของเหล่าบรรดาลูกค้าทั้งขาประจำและที่เพิ่งจะได้รับเชิญมาในงาน ทุกคนต่างชอบในการออกแบบ ที่ประณีตและสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ของบริษัทที่หาตัวจับยาก
เวลานี้รวีรินเครื่องดื่มให้กับอาร์มันโด้ แก้วต่อแก้ว ซึ่งเขาได้กระดกเข้าปากราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่า แววตาของรวีจับจ้องมองไปที่ใบหน้าคม เพื่อสื่อถึงสิ่งที่เธอต้องการ ซึ่งคิดว่าอีกไม่นานทุกอย่างต้องบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่หล่อนได้ตั้งเอาไว้อย่างแน่นอน
"นายน้อยครับ" เสียงของเจสันดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าไปมอง
"ว่าไงได้เรื่องไหมเจสัน" เสียงทุ้มถามออกไป ในขณะที่รวีเริ่มจะสงสัย เมื่อเจสันลูกน้องคนสนิทของอาร์มันโด้กระซิบลงที่ข้างหูของเขาเบาๆ จึงทำให้เธอนั้นไม่ได้ยินดีในสิ่งที่เจสันพูดออกมา
"นายน้อยจะกลับเลยไหมครับ" เมื่อเจสันพูดธุระสำคัญจบ เขาจึงยืนตัวตรงพร้อมกับถามออกมาเสียงดังพอที่รวีจะได้ยิน เพราะกลัวว่าหากอาร์มันโด้ดื่มมากไปกว่านี้ เขาอาจจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ จนเผลอพูดหรือแสดงความประสงค์ ที่เข้าไปเป็นหุ้นส่วนบริษัทของคุณศรเทพก็เป็นได้
"โอเค นายไปจัดการเอาเครื่องเพชรนั่นให้ที ส่วนฉันจะไปรอที่รถ" อาร์มันโด้พูดออกมา ขณะที่เขายังคงกระดกน้ำเมาในแก้วเข้าปากอย่างต่อเนื่อง ดวงหน้าและแววตาของเขานั้นได้ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา เมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา แต่ไม่เคยทำหน้าที่บนเตียง
"ผมขอตัวกลับก่อนนะครับพอดีมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย ยังไงก็ขอให้ทุกคน สนุกกับงานวันนี้ คุณธีระผมวานคุณดำเนินการและดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดด้วย ขอตัวก่อนนะครับทุกคน" อาร์มันโด้พูดพร้อมกับยกมือไหว้ผู้ใหญ่ ก่อนจะสั่งมอบหมายงานให้ธีระคนเก่าแก่ที่ไว้ใจได้ พอๆ กับเจสันให้ดูแลทุกอย่างต่อ ซึ่งงานวันนี้ธีระเองก็ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
"ไม่ต้องห่วงครับนายน้อย ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย" ธีระพูดขึ้นทำให้อาร์มันโด้เตรียมตัวเดินออกไป แต่ได้มีมือเรียวของรวีคว้าแขนเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
"คุณอาร์มันโด้! รวีไม่ได้เอารถมาด้วยคุณช่วยไปส่งรวีที่บ้านได้ไหมคะ" เสียงพูดของเธอทำให้อาร์มันโด้มองไปที่ใบหน้าของรวี ที่เวลานี้เธอส่งรอยยิ้มมาที่เขาอย่างยั่วยวน เมื่อรวีอุตส่าห์มอมเหล้าอาร์มันโด้จวนจะเมา ไม่คิดว่าเจสันจะกลับมาไวขนาดนี้
"ได้สิครับ ในเมื่อคุณเป็นพี่สาวของภรรยา เชิญครับคุณรวี" สิ้นเสียงพูดของอาร์มันโด้ ทั้งสองได้เดินออกมาจากในงาน ท่ามกลางผู้คนที่จ้องมอง เพราะตอนมาชายหนุ่มไม่ได้ควงรวี แต่พอตอนกลับ นารีกลับหายไป นั่นยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยรวมทั้งนักข่าวด้วย แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรออกไป เมื่ออาร์มันโด้นั้นมีสีหน้าที่เคร่งขรึมกว่าตอนมา
รถยนต์คันหรูขับเคลื่อนตรงไปที่บ้านของอาร์มันโด้ เมื่อชายหนุ่มต้องการกลับไปหานารี ก่อนจะให้เจสันไปส่งรวีที่บ้าน แม้จะสร้างความไม่พอใจให้กับหล่อนเป็นอย่างมาก แต่รวีก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้แต่พรุ่งนี้ข่าวของเธอกับอาร์มันโด้คงได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่
พอมาถึงบ้านนักรบเดินขึ้นไปบนห้องทันที ซึ่งนารีไม่ได้ลงกลอน ก่อนจะวางกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดใหญ่ไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเปิดไฟดวงเล็กพร้อมกันหรี่แสงลงพอสลัว แต่ก็มองเห็นหญิงสาวร่างเล็กที่นอนห่มผ้าอยู่บนเตียงได้อย่างชัดเจน
ชายร่างบึกบึนล้มตัวลงนอน ทำให้นารีที่ยังไม่หลับสนิทรับรู้ได้เมื่อมีใครบางคนเบียดกายเข้าใกล้เธอ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมาแตะจมูก ทำให้เธอคิดว่าเขาคงดื่มมาไม่น้อย และอาจจะถึงขั้นเมาเลยก็เป็นได้ เธอจึงค่อยๆ พลิกกายหันหน้าเข้าหาชายหนุ่ม เพื่อที่จะประเมินสถานการณ์ แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขาสอดแขนอีกข้างมาใต้ร่างของเธอ ส่วนอีกข้างโอบเอาไว้จนแนบชิด แทบจะสิงกันได้อยู่แล้ว
"นี่คุณ! ปล่อย! คุณนักรบคุณเมามากเลยนะ กลิ่นเหล้าเนี่ยหึ่งเชียว ลุกไปอาบน้ำแล้วค่อยมานอนจะได้สบายตัว" นารีพยายามพูดดีกับเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่ห้วนเล็กน้อย ในขณะที่หัวใจของเธอกลับเต้นแรง
"คุณหนีผมมาทำไมนารี มิหนำซ้ำยังให้แฟนเก่ามาส่งถึงที่บ้าน เอ๊ะ! หรือว่าพากันแวะที่ไหนหรือเปล่า ผมคนสู้คันเก่าของคุณไม่ได้สินะ ถึงได้เล่นตัวแบบนี้" นักรบพูดออกมาในขณะที่สายตาของเขา ก้มลงไปจ้องมองใบหน้างามของนารี เขาอยากรู้ว่าเธอนั้นจะแก้ตัวยังไง
"คุณพูดบ้าอะไร ธันวาเขาเป็นเพื่อนของฉัน เราเป็นเพื่อนกันและไม่สามารถพัฒนาไปเป็นอื่นได้!" นารีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น เพราะเกลียดในถ้อยคำที่นักรบนั้นกำลังใส่ร้ายเธออยู่
"ทำไมแค่นี้ต้องตะคอกเสียงดัง ปกป้องกันด้วย" ยิ่งอธิบายยิ่งเลยเถิด จนทำให้นารีนั้นเหนื่อยใจ รวีคงพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเธอและธันวาแน่ แต่ที่นารีน้อยใจในเวลานี้ คือผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามีเขากำลังเชื่อคนอื่นมากกว่าเธอ
"สำหรับคุณ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าสินะ แค่ผู้หญิงที่คุณยอมจ่ายค่าสินสอดมากมาย จนฉันเป็นคนไร้ค่าในสายตาของคุณ ทำไม! ทำไมต้องเป็นฉัน ฉันก็เป็นคน มีหัวใจ เลือดเนื้อเชื้อไขไม่ต่างจากคุณ ถ้าคุณเลือกที่จะเชื่อคนอื่นมากกว่าฉัน ก็ตามใจ เพราะฉันจะไม่ขอพูดและอธิบายอะไร ถ้าคุณคิดว่าฉันเลวแบบนั้น พรุ่งนี้เราไปหย่ากันก็ได้!"
จุ๊บ! จร๊วบ! เสียงพูดของนารีได้ถูกกลืนกินอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อริมฝีปากหนาประกบลงไปที่เรียวปากบาง นักรบกดจูบอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน ลิ้นหนาแตะกระหวัดเข้าพัวพันไปกับลิ้นของคนตัวเล็ก จนทำให้เธอนั้นสัมผัสได้ถึงรสชาติของน้ำเมาที่เขานั้นเพิ่งดื่มมา
มือของชายร่างกำยำอยู่ไม่เป็นสุข ลูบไล้ถอดชุดของนารีออกไปกองที่พื้น ในขณะที่เจ้าตัวนั้นสติได้เตลิดไปไกล เมื่อเธอกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสวาทจากชายตรงหน้า ที่นารีไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอนั้น ก็พร้อมยอมจำนนให้กับเขาแล้ว ไม่ว่าวันนี้หรือวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ บัดนี้ได้เวลาที่เธอจะทำหน้าที่ของภรรยาให้สมบูรณ์แบบสักที แม้ว่าวันข้างหน้าเขาจะทิ้งขว้างหรือดูแลและรักษาเอาไว้ข้างๆ กาย เหมือนอย่างวันนี้หรือไม่ก็ตาม แต่นั่นเธอก็ได้ทำหน้าที่ของภรรยาที่พึงควรกระทำจนสิ้นแล้ว
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร