"นั่นไงคู่ขาของแกมาแล้ว ขอให้โชคดีนะ นังนารี!" พูดจบรวีก็เดินออกไป ปล่อยให้น้องสาวยืนอยู่ท่ามกลางดงผู้ดี
"เราไม่คิดว่าจะเจอกับเธอที่นี่ เธอมากับใครเหรอนารี" ธันวามีท่าทางที่ตื่นเต้น เมื่อเขาไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนโดยบังเอิญในงานแบบนี้
"เอ่อ ช่างมันเถอะ พาเราออกไปข้างนอกได้ไหมอึดอัดจะแย่แล้ว" นารีมองไปที่เวที โดยมีนักรบยืนอยู่ท่ามกลางสาวๆ แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น คงจะเป็นนางแบบที่มาเดินโชว์เครื่องเพชรในงาน ก่อนที่หญิงสาวก้มลงมองสภาพของตัวเอง เมื่อเธอกำลังคิดว่าไม่คู่ควรกับชายหนุ่มเลยสักนิดความน้อยใจจึงบังเกิดขึ้น
"ไปสิ เธออยากไปที่ไหนเราพาไปได้หมด" ธันวาพูดพร้อมกับกุมมือนารีเดินออกไป
ในขณะที่สายตาคมของนักรบจ้องมองไปที่คนทั้งคู่ ด้วยขุ่นเคืองใจ ที่นารีนั้นเดินออกไปกับชายอื่น แต่ก็พยายามเก็บอาการข่มใจเอาไว้ แต่คนที่แอบสะใจเห็นจะเป็นรวี
"ผมถือโอกาสนี้จัดงานขึ้น เพื่อทดแทนคำขอบคุณทุกท่าน ไดมอนด์ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนกับใคร คุณค่าของมันไม่เคยลดลง ผมหวังว่าทุกท่านจะชอบในคอลเลกชันใหม่นี้ เราจะจัดโปรพิเศษเฉพาะในงานนี้ ใครที่ช้อปครบหนึ่งล้านบาท เราจะลดให้ทันทีห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เฉพาะวันนี้เท่านั้นนะครับ" นักรบพูดจบทุกคนต่างปรบมือเกรียวกราว ใครต่างก็ชอบไม่ต่างจากการซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง
"เอ่อ..แล้วเครื่องประดับเพชรชุดนี้ คุณอาร์มันโด้สั่งทำขึ้นสำหรับคนพิเศษหรือเปล่าครับ" พิธีกรชี้ไปที่ตลับเพชรโดยมีนางแบบคนหนึ่งถือเอาไว้ เพราะอาร์มันโด้สั่งห้ามให้นางแบบคนไหนสวมใส่เป็นอันขาด นอกจากถือโชว์ไว้แบบนั้น
"ใช่ครับ พิงค์ไดมอนด์คือเพชรหายากที่สุดในโลก และนั่นคือตัวแทนความรัก ความปรารถนา ที่ทุกคนก็อยากได้มาครอบครอง ซึ่งผมเองก็อยากจะนำพามันไปให้เจ้าของที่คู่ควร นั่นคือภรรยาของผมครับ" นักรบพูดจบทุกคนต่างปรบมือให้เขาอีกครั้ง และอยากเห็นโฉมหน้าของภรรยาชายหนุ่ม แต่นารีได้เดินออกไปจากตรงนี้แล้ว และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ที่สำคัญผู้ชายที่จูงแขนเธอออกไปนั้นเป็นใครกันแน่
"คุณอาร์มันโด้ค่ะ" รวีพูดพร้อมกับเดินขึ้นไปบนเวที ทำให้ทุกคนมองมาที่เธอ และคิดว่านั่นคือภรรยาของอาร์มันโด้
"มีอะไรหรือเปล่าครับคุณรวี" ชายหนุ่มพูดออกมา ในขณะที่เขาส่งไมค์คืนกลับไปให้พิธีกร
"นารีเพิ่งเดินออกไปกับแฟนเก่า ธันวาเป็นผู้ชายที่นารีแอบคบมาหลายปีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย จวบจนจบมหาวิทยาลัยตราบเท่าทุกวันนี้ รวีหวังดีเลยรีบขึ้นมาเตือนคุณ" รวีจีบปากจีบคอพูดกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูนักรบ เพื่อใส่ไฟนารีกับธันวา และดูเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วย เมื่อนัยน์ตาสีฟ้ากำลังฉายแววความน่ากลัวออกมา
"เชิญคุณพิธีกรดำเนินการต่อเลยครับ" พูดจบนักรบก็รีบเดินลงจากเวที โดยมีรวีตามเขาไปติดๆ ในขณะที่พิธีกรได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน เหล่าบรรดานางแบบได้เดินออกมาอวดประชันโฉมความงามและความสวยของเครื่องเพชรที่แต่ละคนสวมใส่
"อ้าว! คุณอาร์มันโด้จะรีบไปไหนครับเชิญทางนี้ก่อน" ชายหนุ่มจำใจต้องหยุดเดิน ก่อนจะเรียกเจสันเข้ามาแล้วกระซิบเบาๆ เพราะไม่อยากให้รวีได้ยิน
"นายช่วยไปตามหาเมียฉันที ถ้าหาไม่เจอไม่ต้องกลับ แล้วลองโทรไปหาป้านวลด้วย เผื่อว่าเธอจะกลับไปที่บ้าน และถ้านารีกลับไป บอกด้วยเวลาเท่าไหร่ กี่ทุ่ม ใครไปส่งรายงานมาให้ละเอียด" ชายหนุ่มยังคงติดใจ เรื่องที่รวีพูดเอาไว้เมื่อสักครู่ หรือที่เธอบอกกับเขาว่าไม่พร้อมจะเป็นภรรยาและขอเวลาอีกไม่นาน นั่นเป็นเพราะว่านารีมีใครอีกคนอยู่ในหัวใจ นั่นคือความสงสัย ที่เกิดขึ้นภายในใจของชายหนุ่มในเวลานี้
"ครับนายน้อย" เจสันพูดพร้อมกับโค้งคำนับให้กับเจ้านายหนุ่มก่อนจะเดินออกไป
"เชิญทางนี้ค่ะ คุณพ่อดีใจมากเลยนะคะ ที่ได้คุณมาเป็นหุ้นส่วนบริษัทของเรา และจะดีมากถ้าคุณจะให้รวีไปเรียนรู้งานที่บริษัทของคุณบ้าง วันนี้บริษัทของคุณจัดงานออกมาได้ดีมาก เครื่องเพชรคอลเลกชันใหม่ๆ สวยแปลกตาดี รวีชอบมากเลยค่ะ" รวีนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม พร้อมกับคำพูดและแววตาที่หวานหยาดเยิ้ม หล่อนพูดออกมาอย่างมีหลักการ ทั้งที่ทำงานไม่ได้เรื่องสักอย่าง
"ผมอยากให้บริษัทเล็กๆ ของเรา ได้มีผลงานดีๆ แบบนี้บ้าง ผมชอบการออกแบบดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร อยากทราบว่าคุณอาร์มันโด้ได้ออกแบบเองหรือเปล่าครับ" พ่อตาของเขาเอ่ยถามขึ้น ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงแรงบันดาลใจของเขาขึ้นมาในทันที นั่นคือนารี เมื่อเธอร้อยมาลัยแต่ละพวงออกมาได้อย่างสวยงามไม่ซ้ำแบบ เขาจึงนำมาประยุกต์และออกแบบเป็นคอลเลกชันใหม่ของเครื่องเพชรในวันนี้
"ขอบคุณนะครับที่ชม ผมเป็นคนออกแบบงานทั้งหมดเองครับ" อาร์มันโด้พูดจบรวีได้ส่งแก้วที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปให้กับเขา ทุกคนดื่มและคุยกันไปอย่างถูกคอ โดยเฉพาะคุณศรเทพที่กำลังหยิ่งทะนงตน เมื่อได้ลูกเขยอย่างอาร์มันโด้มาช่วยพยุงการเงินของบริษัทเอาไว้ ในขณะที่ลูกชายกำลังจะทำให้ทุกอย่างนั้นล่มจม เพราะผีพนันเข้าสิงคาวีจนไม่อาจถอนตัวออกมาจากบ่อนได้เลยสักวัน
นารีนั่งรถออกมากับธันวา ในขณะที่น้ำตาเริ่มไหลลงมา เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง เมื่อเห็นผู้หญิงข้างกายนักรบแล้ว มันทำให้เธอนั้นคิดว่าที่เขาอยากให้เธอมาด้วย เพราะต้องการแค่ให้เธอนั้นได้รับรู้ถึงความเป็นจริง ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ อย่างเธอ ที่ดูไม่ทันสมัย คงจะสู้นางแบบที่อยู่บนแคทวอล์กไม่ได้
"นารีมันเกิดอะไรขึ้น นั่นเธอกำลังร้องไห้หรือเปล่า" ธันวาเอ่ยถามออกมาในขณะที่เขานั้นกำลังขับรถอยู่ แต่ก็พอจะรับรู้ได้ เมื่อนารีนั้นยกมือขึ้นปาดน้ำตา
"แค่ฝุ่นมันเข้าตาไม่มีอะไรหรอกธันวา ขอบใจนะที่มาส่ง ถึงซอยข้างหน้าเลี้ยวซ้ายก็ถึงบ้านเราแล้ว" ธันวาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขา และการแต่งแต่งงานของนารีกับนักรบ เขาเองก็ไม่เข้าใจ ทำไมมันถึงได้เร็วแบบสายฟ้าแลบแบบนี้
"บ้านเราก็อยู่ซอยถัดไป ไว้ว่างๆ จะแวะไปเล่นด้วย หวังว่าสามีของนารีคงไม่ว่าอะไรนะ" แม้ว่าธันวาแอบชอบนารีมานาน แต่เขาก็รู้ลิมิตของตัวเองดี เมื่อเธอแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว สิ่งที่เขาทำได้คือการมองเธออยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
"อืม เขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง ก็เราเป็นเพื่อนกัน การที่เพื่อนจะมาเยี่ยมเยียนกันบ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่เหรอธันวา" นารีพูดออกมาในขณะที่หัวใจของเธอนั้นกำลังสับสน การแต่งงานที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขกำลังทำให้เธอนั้นมีใจให้กับผู้ชายอย่างนักรบ เวลานี้เธอยอมรับว่า ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีได้มีอิทธิพล ต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก
"ถึงแล้วให้เราเดินเข้าไปส่งไหม" ธันวาเอ่ยถามออกไป ในขณะที่นารีนั้นเปิดประตูก้าวเท้าลงจากรถเรียบร้อยแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอก ป้านวลคงยังไม่นอน ขอบใจมากนะธันวา" ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน จากนั้นนารีได้เปิดประตูเล็กเดินเข้าไปในบ้าน ด้วยความรู้สึกที่ห่อเหี่ยวในหัวใจ
"อ้าว! คุณหนูนารีทำไมกลับเร็วจัง แล้วคุณนักรบล่ะ" ป้านวลเอ่ยถามนารีออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัย ขณะที่นางกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
"ละครยังไม่จบเหรอคะป้านวล ถึงยังไม่ขึ้นนอน" นารีพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ หญิงสูงวัย
"ยังไม่จบหรอกค่ะ นี่เพิ่งจะสามทุ่มกว่าเอง แล้วสรุปว่าคุณหนูนารีมากับใคร ป้าแน่ใจว่างานยังไม่เลิก" ป้านวลยังคงรอคำตอบจากนารี
"คนในงานมีแต่สวยๆ แต่งตัวไฮโซทั้งนั้น นาก็เลยให้เพื่อนขับรถมาส่ง ขอตัวขึ้นข้างบนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะคะป้านวล นาง่วงแล้ว" นารีพูดจบก็เดินขึ้นไปบนห้องทันที ปล่อยให้ป้านวลนั่งถอนหายใจออกมาเสียงดังเพียงลำพัง ก่อนจะส่ายหัวไปมาและคิดว่านารีคงจะแอบหนีนักรบออกมาจากงานอย่างแน่นอน
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร