"อุ้ยตายแล้ว! สงสัยฉันจะไม่คุ้นชินกับมารยาทไทย" นารียังคงพูดออกมาด้วยใบหน้า และท่าทางยียวนกวนประสาท จนนักรบนั้นคิดว่านารีไปสะดุดหัวฟาดพื้นที่ไหนมาหรือเปล่า เธอถึงได้เปลี่ยนไปมากเช่นนี้
"คุณอาร์มันโด้ต้องจัดการผู้หญิงคนนี้ให้กับลูเซียด้วยนะคะ หล่อนช่างไร้มารยาทสิ้นดี" เมื่อลูเซียพูดจบประโยค หล่อนได้ขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม จนทำให้นักรบนั้นถึงกับรีบเอามือขึ้นมากอดอกเอาไว้ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอาไม่คิดว่าจะเจอลูเซียที่นี
"แต่คนที่มีมารยาททางสังคม ทำไมถึงชอบทำตัวเกาะแกะกับสามีชาวบ้านแบบนี้ด้วย ทุกคนค่ะผู้ชายคนนี้คือสามีของดิฉัน ที่ถูกต้องทางพฤตินัยและนิตินัย และการที่ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาแล้วพูดจาด้วยกิริยาของผู้ดี แต่การกระทำของเธอนั้นช่างทรามสิ้นดี ขอโทษนะนี่สามีของฉัน!”ไม่น่าเชื่อว่าฮอร์โมนที่แปรปรวนนั้น จะทำให้นารีมีนิสัยที่เปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่ไม่ยอมใคร ทั้งที่เมื่อก่อนนั้นใครพูดอะไรก็แล้วไป ไม่เคยเก็บมาใส่ใจปล่อยทุกอย่างให้เลยตามเลย
"ไม่จริง! หล่อนไม่ใช่สเปกของคุณอาร์มันโด้ คิดจะใช้มุกนี้กับฉันไม่สำเร็จหรอก ดูเสื้อผ้าที่สวมใส่สิยังกับป้า" ลูเซียยังคงไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่นารีพูดออกมา ในขณะที่ลูกค้าบางคนได้กดชัตเตอร์รัวๆ เมื่อเธอนั้นเป็นนางแบบที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
"หยุดพูดได้แล้วลูเซีย วันนี้ผมอุตส่าห์หยุดงาน เพื่อพาภรรยามาทานไอศกรีม แต่คุณกำลังจะทำให้มันเสียบรรยากาศ คงอยากเป็นข่าวสินะ" นักรบพูดพร้อมกับลุกไปนั่งข้างๆ ภรรยา เวลานี้ลูเซียมองไปรอบๆ และเริ่มที่จะสังเกตได้ว่ามีใครหลายคนแอบถ่ายคลิปเธอเอาไว้
"แล้วเจอกันนะคะคุณอาร์มันโด้" ลูเซียหันไปเอ่ยกับชายตรงหน้า ก่อนจะรีบเดินออกไปจากร้านไอศกรีมทันที เพราะกลัวว่าตัวเองนั้นจะมีข่าวเสียหาย แล้วจะพลอยกระทบถึงงานของหล่อน
"แล้วเจอกัน ฝันไปสิ! ถ้าคุณไปเจอแม่นางแบบนั่น นาจะหนีไปให้ไกลเลยคอยดู" แม่เสือสาวจอมเกรี้ยวกราด เมื่อครู่หายไปสิ้น เวลานี้ใบหน้าของเธอบึ้งตึงงอนตุ๊บป่อง จนผู้เป็นสามีนั้นปรับอารมณ์ตามเธอไม่ทัน
"เมื่อกี้เมียใครน๊า ปากร้ายจัง แต่ผมก็ชอบนะที่คุณแสดงอาการหึงหวงผมแบบนั้น โลกใบนี้มีอะไรมากมายที่เราต้องเผชิญ บางครั้งคนเราก็ต้องลุกขึ้นมาเข้มแข็งบ้าง ในแบบที่คุณกำลังทำ อิ่มหรือยังครับ... หืม"
เวลานี้โต๊ะข้างๆ มองมาที่สองสามีภรรยา หลายคนแอบอิจฉานารีที่มีสามีหล่อล่ำคอยเอาใจ ดูจากท่าทางของเขาแล้วอ่อนโยนผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก และดูเหมือนว่าเขานั้นจะเทคแคร์ และรักภรรยาเป็นอย่างมาก
"อิ่มแล้วค่ะ นา นาขอโทษนะคะ นาเป็นอะไรไป ทำไมได้ขี้วีนแบบนี้ คุณโกรธนาหรือเปล่าคะ" เวลานี้นารีพูดพร้อมกับทำหน้าเศร้า จนนักรบต้องรีบโอบปลอบภรรยาแล้วเอามือลูบลงที่ศีรษะของเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน
"ไม่เป็นไร เรากลับบ้านกัน เดี๋ยวผมจะสั่งให้ทางร้านเอาไอศกรีมไปส่งที่บ้านทุกวัน ผมรู้เวลาที่คุณได้ทานแล้วจะทำให้อารมณ์ดี" นักรบพูดจบได้ส่งบัตรเครดิตให้กับพนักงาน พร้อมกับกำชับให้นำไอศกรีมโยเกิร์ตและทูน่าไปส่งที่บ้านเขาเช้าเย็น
"ขอบคุณนะคะ กลับบ้านกันเถอะค่ะนาง่วงแล้ว" คำบอกเล่าของภรรยาทำให้นักรบนั้นถึงกับทำสีหน้าสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งนิสัยและการกระทำของเธอได้เริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน เธอเพิ่งตื่นมากินแล้วจะกลับไปนอนอีกแล้วเหรอ คำถามที่เกิดขึ้นภายในใจ ชายหนุ่มได้แต่เก็บมันเอาไว้ เพราะไม่กล้าถามคนตัวเล็กออกไป เดี๋ยวก็น้อยใจร้องไห้ออกมาอีก
เวลานี้เขาตามอารมณ์เธอไม่ทัน แต่ก็ไม่มีวันที่จะรักเธอน้อยลงไปกว่าเดิม ต่อให้เธอขี้วีนขี้หงุดหงิดยังไง เขาก็จะรักในแบบที่เธอเป็น ไม่มีวันที่จะคิดทอดทิ้งเธอไปมีใคร เมื่อหัวใจดวงนี้เต็มไปด้วยนารี
เมื่อมาถึงบ้านนารีไม่รอช้ารีบขึ้นไปบนห้องแล้วล้มตัวลงนอน โดยมีนักรบนอนอยู่เคียงข้าง เพราะเธอสั่งห้ามเขาไปไหน จนกว่าเธอจะหลับไม่นานภรรยาสาวของเขาก็หลับปุ๋ย
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่านารี ทำไมวันนี้ถึงได้มีอาการแปลกๆ แบบนี้ ผมเป็นห่วงคุณจัง ถ้าคุณไม่ยอมไปหาหมอจริงๆ แล้วละก็... ผมคงต้องให้หมอมาดูอาการของคุณที่บ้านแน่" นักรบจับมือของภรรยามากุมเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตลงไปที่หลังมือของเธอเบาๆ เขาจะรอดูอาการของเธอสักพัก ถ้าหลายวันยังเป็นอยู่แบบนี้ยังไงคงต้องได้ตามหมอมาดูอาการ
"เดี๋ยวผมมานะ... จุ๊บ!" นับรบจุ๊บลงไปที่หน้าผากของภรรยาเบาๆ ก่อนจะห่มผ้าให้เธอ แล้วเดินลงมาชั้นล่างของบ้าน เขากำลังคิดว่าจะเอาตู้แช่ไอศกรีมวางไว้ตรงไหนดี เพราะห้องครัวก็มีข้าวของเยอะแยะมากมาย
"มาทำอะไรตรงนี้ค่ะคุณหนู" ป้านวลที่กำลังนั่งสั่งงานในครัว เพื่อให้งามตาและลูกมือได้เตรียมเมนู สำหรับมื้อเที่ยงของวันนี้เอ่ยถามนักรบออกมา
"ป้านวลครับ ผมควรจะเอาตู้แช่แข็งไอศกรีมไว้ตรงไหนดี" คำถามของชายหนุ่มทำให้หญิงสูงวัยมีสีหน้าที่แปลกใจ และนางเริ่มจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องเอาตู้แช่ไอศกรีมมาไว้ในบ้านด้วย
"นายน้อยคิดจะทำอะไร ไอศกรีมแช่ตู้เย็นไว้ก็ได้ ช่องแช่แข็งเราก็มี" ป้านวลพูดออกไปตามความเป็นจริง เพราะนางไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้ตู้แช่ไอศกรีม
"ก็คุณหนูนารีของป้านะสิ รบเร้าให้ผมพาไปทานไอศกรีมตั้งแต่เช้า แล้วพอผมหลุดปากพูดว่าจะซื้อทั้งร้านมาตั้งไว้ที่บ้าน เท่านั้นแหละ เธอทำตาโตยังกับไข่ห่านเลย มิหนำซ้ำยังชอบใจ ผมก็เลยต้องตามใจเธอ สั่งให้เขาเอาตู้มาลงให้เลยครับป้านวล" คราวนี้คำบอกเล่าของนักรบ ทำให้หญิงวัยสูงวัยแอบฉีกยิ้มกว้าง อาการแปลกๆ ของนารี มันจะใช่อาการของคนท้องหรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่ป้านวลกำลังคิดแต่ก็ไม่กล้าฟันธง
"ป้านวลยิ้มอะไรครับ อย่าบอกนะว่าชอบกินไอศกรีมอีกคน รายนั้นนอกจากจะกินไอศกรีมแล้ว นารียังกินโยเกิร์ตสตรอว์เบอว์รีผสมกับทูน่าอีกด้วย ผมล่ะยอมใจเธอจริงๆ กินเข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้" นักรบพูดออกมาด้วยความแปลกใจ ในสิ่งที่ภรรยาของเขานั้นผิดแปลกไปจากเดิม
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร