08:00 น.
(วันสัมภาษณ์งาน) รถหรูสีดำขับเข้ามาจอดตรงหน้าประตูทางเข้าของบริษัท คนขับรถรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้เจ้านายของเขาจากนั้นก็มีพนักงานชายคนนึงของบริษัทรีบวิ่งออกมารับกระเป๋าและเอกสารของท่านประธานทันที "สวัสดีครับท่านประธาน" ชัชพูด ชัชหรือชัชวาลคนสนิทที่คอยทำงานทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ "งานสัมภาษณ์วันนี้เตรียมกล้องสำหรับส่งสัญญาณไปที่ห้องผมหรือยัง" ทศราชถาม ทศหรือทศราชประธานบริษัท KTK ผู้ชายที่เกิดมาเพอร์เฟคที่สุดหน้าตาหล่อเหลา การศึกษาดีอีกทั้งพ่อและแม่ของเขาเป็นถึงลูกหลานของครอบครัวนักธุรกิจใหญ่ทั้งคู่ "ผมเตรียมไว้หมดแล้วครับแต่ว่าท่านประธานครับ ทำไมท่านประธานไม่เข้าไปนั่งฟังสัมภาษณ์เองเลยละครับจะได้เห็นหน้าคาตาของคนที่จะมาทำงานด้วยกันจริงๆ ไปเลยมีอะไรสงสัยจะได้ถามเขาตรงนั้นเลย" ชัชถาม ทศราชหยุดฝีเท้าแล้วหันมามองหน้าชัชด้วยสายตานิ่งๆ ดูแล้วทำเอาชัชเสียวสันหลังวาบเลย "นายคิดว่าฉันว่างขนาดนั้นเลยหรอ...การที่ฉันจะทำงานกับใครฉันไม่สนว่าเขาจะหน้าตายังไงหรอกนะ และถ้าสมมุติว่าวันนี้ฉันไปนั่งดูการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง พวกเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะฉันมันจะเซ็นต์เองได้ไหมหรือว่านายจะไปนั่งเซ็นต์แทนฉัน" ทศราชถาม "ขอโทษครับท่านประทาน" ชัชรีบกล่าวขอโทษทันทีเพราะเขารู้สึกได้ว่าวันนี้ท่านแประธานของเขาดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาทำงานที่นี่มาระยะนึงแล้วแต่พึ่งจะได้มาทำงานกับทศราชแค่สองเดือนกว่าๆ ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี "เชิญครับ" ชัชผายมือบอกให้ทศราชเดินเข้าไปในลิฟท์ ลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์ส่วนตัวซึ่งจะแยกออกมาจากอีกฝั่งและจะใช้กันแค่เฉพาะกลุ่มผู้บริหาร หุ้นส่วนระดับสูงและแขกพิเศษเท่านั้นถ้าระดับพนักงานธรรมดาจะมีแค่ชัชกับป้าแม่บ้านสายใจเท่านั้นที่ใช้ได้ บริษัทนี้เน้นเรื่องระดับขั้นและความอาวุโสของอายุงานเป็นหลักไม่ว่าคุณจะอายุเยอะหรืออายุน้อยขอแค่คุณเป็นคนเก่งในที่นี้คุณจะได้รับการยกย่องอย่างแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าใครมีตำแหน่งใหญ่กว่าใครให้ดูที่บัตรพนักงานเพราะแต่ละตำแหน่งจะใช้สีบัตรต่างกัน ฟังดูเหมือนเป็นการแบ่งชนชั้นแต่นี่คือกฎที่มีมานานแล้วตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ห้องทำงานทศราช ทศราช Part ผมกำลังเปิดแฟ้มอ่านรายละเอียดเอกสารต่างๆ พร้อมกับเปิดจอนั่งฟังการสัมภาษณ์ที่มาสัมภาษณ์งานในวันนี้ทีละคน "คำตอบมีแต่ปลอมๆ" ทศราชพูดออกมาลอยๆ เพราะกำลังนั่งฟังคนที่ 1 สัมภาษณ์อยู่ "เล่นหูเล่นตาเกินไปแต่งตัวก็โป๊ไม่ให้เกียรติสถานที่เลย" ทศราชพูดหลังจากเห็นคนที่ 2 เดินเข้ามานั่งในห้องสัมภาษณ์ "ไม่มีความมั่นใจแบบนี้เนี่ยนะจะมาเป็นเลขาฉัน" ทศราชพูดหลังจากคนที่ 3 ตอบคำถามตะกุกตะกัก คนที่ 4 คนที่ 5 คนที่ 6 ผ่านไป ผ่านไปเป็น 10 คนแล้วก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจสักทีและดูเหมือนยิ่งฟังเขาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เพราะคิ้วของเขาแทบจะมัดติดกันอยู่แล้ว 2 ชั่วโมงผ่านไป เห้อ" ผมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดทั้งเอกสารทั้งคนที่มาสัมภาษณ์ทำเอาผมปวดหัวไปหมด ผมวางปากกาลงยกกาแฟขึ้นมาดื่มพร้อมกับนั่งอ่านเอกสารไปเรื่อยๆ ดูท่าสอบสัมภาษณ์วันนี้คงไม่มีที่ถูกใจแล้วละ ค่อยไปหวังเอากับคนที่นัดให้มาสัมภาษณ์พรุ่งนี้ดีกว่า "สวัสดีค่ะดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ" หลังจากได้ยินเสียงของใครคนนึงพูดขึ้นมามันทำเอาผมถึงกัยเงยหน้าขึ้นมามองมาที่จอทันทีเพราะรู้สึกคุ้นๆ กับนามสกุลนี้มาก "นามสกุลขจรวิทย์หรอ" ผมพูดเบาๆ "ถ้านามสุกลขจรวิทย์ทำไมถึงมาสมัครเป็นเลขาละเรา" ผมพูดแล้วจ้องไปที่หน้าจอ ผู้หญิงคนนี้ผมไม่คุ้นหน้าเลยเธอเป็นใครทำไมนามสกุลเดียวกับคุณอนุวัฒน์ผมคิดไม่ตกเลยถ้าเธอนามสกุลขจรวิทย์แสดงว่าเธอก็มีฐานะที่ร่ำรวยมากจะว่ามาทำงานเป็นเลขาผมเพื่ออะไรหรือว่าเพื่อสืบข้อมูลบริษัทผมหรอแต่ก็คงไม่ใช่เพราะผมกับคุณอนุวัฒน์เราไม่ได้เดินทางสายเดียวกันบริษัทของผมเทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่ดิน การสร้างตึก อาคาร รวมถึงโครงการหมู่บ้านต่างๆ แต่บริษัทของคุณอนุวัฒน์คือทำเกี่ยวกับจิลเวอร์รี่พวกเครื่องประดับเพชรพลอยอะไรประมาณนั้นผมจ้องไปที่หน้าจออีกครั้งอย่างและตั้งใจฟังกรรมการสัมภาษณ์นี้ของเธอมากๆ "ค่ะ สวัสดีค่ะคุณดวงดาวจบสาขาอะไรมาคะ" กรรมการถาม "ดาวจบจากคณะบริหารธุรกิจสาขาภาษาอังกฤษด้านการสื่อสารธุรกิจมหาวิทยาลัย xxx ค่ะ" เธอตอบ โอเคเลยน้ำเสียงหนักแน่นมีความมั่นใจสายตาไม่ล่อกแล่ก "แล้วเคยทำงานอะไรมาบ้างครับ" กรรมการถาม "ดาวทำงานครั้งแรกตอนอายุ 18 ค่ะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานบริการในผับและร้านอาหาร" เธอตอบ ผมถึงกับตาโตขึ้นมาทันทีระดับคุณหนูของบ้้านขจรวิทย์ไปทำงานแบบนั้นได้ไงว่ะ "...เอ่อ!...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะดาวหมายถึงงานเด็กเสิร์ฟ งานต้อนรับ งานปั๊ม งานแม่บ้านอะไรประมาณนี้อะค่ะ" เธอตอบ พอได้ฟังเธออธิบายก็เลยพอโล่งอกไปบ้างแต่ก็งงอยู่ดีว่าคุณอนุวัฒน์ยอมให้ลูกสาวไปทำงานในที่อโคจรจริงๆ ได้ไงหรือว่าเธอกำลังปลอมโปรไฟล์อยู่กันแน่ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาห้องสัมภาษณ์งานทันที "ค่ะห้องสัมภาษณ์ค่ะ" พนักงานพูด "ผมทศราชนะ คุณช่วยเอาโทรศัพท์ไปให้กรรมการคนไหนก็ได้ที" ผมพูด "ได้ค่ะท่านประธาน" เธอตอบ "สวัสดีครับ" กรรมการถามพูด "ผมทศราชนะ คุณช่วยถามเธอหน่อยว่าทำไมเธอถึงอยากมาทำงานกับผมและพยายามถามอะไรก็ได้ที่ดูเธอน่าจะลำบากใจที่จะตอบหน่อย" ผมพูด "ครับได้ครับ" พูดจบผมหน้าวางสายไป ในตอนที่คุยโทรศัพท์สายตาผมก็จ้องไปที่เธอตลอดเวลา ไม่รู้ทำไมแต่ผมสนใจเธอคนนี้เป็นพิเศษอาจจะเพราะด้วยฐานะที่ไม่ธรรมาดาของเธอก็ได้ ผมอยากรู้จริงๆ จุดประสงค์หลักของเธอคืออะไรกันแน่ "คุณดวงดาวครับ" กรรมการพูด "ค่ะ" เธอรีบตอบ "ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งนี้ละครับ" กรรมการถามเธอนิ่งไปพักนึงเหมือนกำลังคิดคำตอบ เงินค่ะ" เธอตอบ จากที่ผมนั่งทิ้งหลังกับหัวไว้บนเก้าอี้ ผมก็ดีดตัวขึ้นมานั่งไขว้ห้างเอาแขนเท้าบนโต๊ะทันที "เฮอะ! นี่เธอตอบอะไรของเธอเนี่ย...ลูกคุณหนูอย่างเธอยังต้องการเงินจากฉัรไปทำไมอีก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าน่าจะโกหก" ผมพูดเบาแล้วส่ายหัว "อะไรนะครับ" กรรมการถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ แน่สิผมเองยังไม่เชื่อเลย "ดาวเห็นจากประกาศว่ามีงานตำแหน่งนี้ว่างและให้เงินเดือนค่อนข้างสูงที่บ้านดาวต้องการใช้เงินจำนวนมากดาวเลยต้องมาสมัครงานในตำแหน่งนี้ค่ะ ดาวมั่นใจว่าความสามารถของดาวว่ามันคู่ควรกับเงินเดือนของที่นี่ ดาวไม่เคยทำงานในตำแหน่งสูงๆ แบบนี้มาก่อนแต่ดาวพร้อมที่จะเรียนรู้และฝึกฝนทุกอย่่างที่เลขาที่ดีควรจะทำค่ะ" เธอตอบ "คุณดวงดาวไม่คิดว่าคำตอบของคุณดวงดาวจะทำให้คุณไม่ผ่านหรอครับ การที่บอกว่าอยากได้งานนี้เพราะเงินมันเป็นอะไรที่เสี่ยงกับการถูกคัดออกมากนะครับ" กรรมการถาม "กลัวค่ะ ดาวกลัวแต่ดาวคิดว่าดาวอยากพูดความจริงมากกว่า ดาวไม่อยากมานั่งคิดคำพูดที่ดูสวยหรูเพราะดาวทำได้ไม่เก่งอย่างน้อยถ้าจะได้ร่วมงานกันดาวก็อย่างทำงานกับคนที่จริงใจกับดาวและดาวเองก็อยากจริงใจกับเพื่อนร่วมงานดังนั้นดาวเลยอยากพูดความจริงถึงแม้จะต้องถูกคัดออกก็พร้อมยอมรับมันค่ะ" เธอตอบออกมาอย่างจริงจังสายตาก็ดูน่าเชื่อถือ "งั้นคุณดวงดาวคิดว่าในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ทำไมบริษัทของเราถึงต้องเลือกคุณดวงดาวค่ะ คุณดวงดาวมีคุณสมบัติอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นหรอคะ" กรรมการคนที่ 1 ถาม "คุณไม่จำเป็นต้องเลือกดาวก็ได้ค่ะแต่ถ้าคุณให้โอกาสดาว ดาวสัญญาว่าดาวจะตั้งใจทำงานของดาวให้เกินกับเงินเดือนที่พวกคุณจ้างดาวแน่นอน ดาวเป็นคนหัวไวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายดาวพร้อมที่จะทำงานและเรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ดาวรู้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ดาวจะสู้เพื่อให้ได้มันมาและดาวจะเต็มที่กับมันเพื่อให้ตำแหน่งนี้อยู่กับดาวให้นานที่สุดค่ะ ถ้าถามถึงเรื่องคุณสมบัติพิเศษดาวเองก็ตอบได้ยาก ต้นทุนดาวต่ำกว่าหลายๆ คนมากแต่เรื่องสู้งานหรือความตั้งใจจริงดาวคิดว่าดาวก็ไม่แพ้ทุกคนเหมือนกัน" เธอตอบ ไม่รู้ว่าไปชอบใจอะไรกับคำตอบของเธอเพราะรู้ตัวอีกทีคือผมกำลังนั่งยิ้มและฟังเธอตอบกรรมการอย่างเพลินมาก เอาจริงคำตองของเธอไม่ได้ต่างจากคำตอบของคนก่อนๆ แต่ด้วยน้ำเสียงท่าทางและแววตามันดูจริงใจกว่าทุกคน มันเลยทำให้ผมประทับใจมากๆ อย่างน้อยผมก็จะเก็บเธอมาพิจารณาแน่นอนผมกดโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ "คุณชัช เข้ามาผมหน่อย" ผมพูดแล้ววางสายทันทีจากนั้นก็นั่งรอประมาณ 10 วินาที ที่มาเร็วเพราะโต๊ะทำงานของชัชอยู่หน้าประตูห้องทำงานของผมเอง ก๊อกๆๆ "เข้ามา" ผมพูด "ครับ ท่านประธานมีอะไรให้ผมทำเหรอครับ" ชัชถาม "ดวงดาว ขจรวิทย์...ช่วยไปหาข้อมูลมาให้ผมหน่อย" ผมมอบหมายงานสำคัญชิ้นใหม่ให้ชัชแม้ว่าเขาจะทำหน้างงแต่ก็ตอบรับคำสั่งผมด้วยการพยักหน้าทันที "เอาข้อมูลแบบไหนครับเดี๋ยวผมจะได้ลงไปขอกับทีมสัมภาษณ์มาให้" ชัชถาม "เอาข้อมูลทุกอย่างที่คุณหามาได้และต้องเป็นข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับใบสมัคร ไอ้ของพวกนั้นผมไม่อยากรู้" ผมตอบ "ได้ครับท่านประธาน" ชัชตอบ "คุณออกไปได้แล้วผมจะทำงาน" ผมพูดแล้วก้มหน้ามองเอกสารบนโต๊ะต่อ "งั้นผมขอตัวนะครับ" ชัชตอบแล้วเดินออกไป ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่วิวด้านด้านหลัง เผยรอยยิ้มที่มุมปาก 1 ที "ผมต้องรู้ให้ได้ว่าจุดประสงค์หลักที่คุณมาที่นี่มันคืออะไร"คุณทศเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้แม่กับป้าน้อย ทั้งคู่หันมามองที่ฉันเหมือนเป็นการถามเพื่อความแน่ใจว่าขึ้นไปได้จริง ๆ ใช่ไหมฉันเลยพยักหน้าตอบเพื่อให้พวกเขาสบายใจแม้แม่กับป้าน้อยจะรู้สึกเกรงใจคุณทศมาก ๆ แต่การที่เขาเปิดประตูรอแบบนั้นก็ทำเอาแม่กับป้าน้อยไม่อาจปฏิเสธได้เลย ฉันมองดูการกระทำของคุณทศที่ปฏิบัติต่อแม่และป้าน้อยอยู่ตลอดด้วยความพอใจเพราะถึงเขาจะเป็นถึงเจ้าของบริษัทแต่ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งหรือทำตัวไม่ดีต่อครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของฉันเลยแม้แต่น้อยและเพราะเขาเป็นแบบนี้เนี่ยแหละฉันถึงยิ่งประทับใจเขามากขึ้นทุกที พอแม่กับป้าน้อยขึ้นไปนั่งบนรถแล้วคุณทศก็หันกลับมามองฉัน พอสบตากับเขาอีกครั้งฉันก็ถึงสะดุ้งเลยจากนั้นฉันก็รีบเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที แม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้งแต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าคุณทศต้องกำลังยืนขำท่าทางตลก ๆ ของฉันเมื่อกี้อยู่แน่ ๆ ร้านอาหารมาถึงร้านฉันก็บอกให้แม่กับป้าน้อยเข้าไปก่อนเลยเพราะฉันจองโต๊ะเอาไว้แล้ว"คุณไม่ลงเหรอ" ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น "หรือว่าอยากจะกลับบ้านพร้อมกับผม" น้ำเสียงและสีหน้าทีเล่นที่จริงของเขา
"เมื่อกี้คุณทศยิ้มให้เราเหรอ" ฉันถามตัวเองเบา ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างกับจะระเบิดออกมา"แล้วทำไมเราต้องดีใจขนาดนี้ด้วยละ...ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย" หลังจากยืนคุยกับตัวเองอยู่แป๊ปนึงฉันก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานจากนั้้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่"ฮัลโหลค่ะแม่""ว่าไงจ๊ะลูก""วันนี้ช่วงบ่ายแม่กับป้าน้อยไม่ต้องทำกับข้าวออกไปขายที่ตลาดนะคะ""ทำไมล่ะลูก""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้ประมาณห้าโมงเย็นแม่กับป้าน้อยขึ้นแท็กซี่มาหาดาวที่บริษัทนะคะ""อะไรอีกล่ะเนี่ย""ต้องมานะคะ""จ่ะ ๆ ไว้เจอกันนะเดี๋ยวแม่ต้องไปช่วยป้าน้อยแกขายของต่อแล้ว""ค่ะ ดาวรักแม่นะคะ""จ่ะ แม่ก็รักดาวนะลูก"ทศราช Partผมนั่งมองกล่องสีดำเล็ก ๆ นั่นด้วยรอยยิ้มมาอยู่สักพักหลังจากที่เธอออกจากห้องไป"ของขวัญตอบแทนเหรอ ฮึ ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ" ผมพูดแล้วหยิบเสื้อสูทตัวโปรดที่คลุมอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่จากนั้นก็ดึงปากกาด้ามเก่าที่เหน็บอยู่บนกระเป๋าเสื้อออกแล้วแทนที่ด้วยปากกาด้ามใหม่ที่เธอเพิ่งให้เมื่อกี้แทนดวงดาว Partหน้าบริษัทหลังจากเลิกงานฉันก็ออกมายืนรอแม่กับป้าน้อยอยู่หน้าบริษัท ในระหว่างที่ฉันยืนรออยู่นั้นรถของคุณทศ
หลังจากเลิกงานฉันก็ออกไปพร้อมกับทุกคนโดยมีพี่บอสเป็นคนขับให้พวกเราห้างสรรพสินค้า (ร้านบุฟเฟ่ต์)"เฮ้อ...พี่แหม่มกับเจนเลือกของกันได้แล้วแต่ผมยังไม่รู้เลยว่าจะซื้ออะไรให้แฟนดี ขนาดชัชที่ไม่มีแฟนก็ยังเลือกได้แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไงดีเนี่ย เลือกของให้ผู้หญิงมันช่างยากจริงๆ เลย" พี่บอสถอนหายใจแล้วก็บ่นออกมา"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำไมเสือผู้หญิงอย่างพี่บอสถึงมาตกม้าตายกะอีแค่เรื่องของขวัญได้ล่ะครับ" คุณชัชพูดแล้วหัวเราะออกมา"นายจะไปรู้อะไร ผู้หญิงเนี่ยเบื่อง่ายจะตายไป ปีแรกได้ช็อกโกแลตกับเครื่องสำอางค์ ปีที่สองได้ดอกไม้กับตุ๊กตา ปีที่แล้วได้น้ำหอมกับกระเป๋าส่วนปีนี้พี่หมดมุกแล้วจริง" ทุกคนหัวเราะกับคำตอบของพี่บอสจากนั้นพี่บอสก็หันมามองฉันด้วยสายตามีความหวัง"แล้วน้องดาวละครับถ้าเป็นน้องดาวจะอยากได้อะไรเป็นของขวัญจากแฟนอ่ะ" พี่บอสถาม"ดาวก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...พอดีดาวยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย" "ฮะ!!"ทุกคนอุทานออกมาแล้วมองมาที่ฉัน"นี่น้องดาวไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยเหรอ" พี่แหม่มถาม"หน้าตาแบบนี้รอดมาได้ยังไงเนี่ย" พี่เจนพูด"บุญวาสนาของพี่จริง ๆ ที่หน้าตาแบบนี้ยังหาสามีได้" พี่นุ่นพูด"ก็ตอนเด็ก ๆ พ่อของ
1 สัปดาห์ต่อมา ฉัันยังคงมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คือการทำงานของฉันดูราบลื่นขึ้นมากและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อย ๆ แถมพนักงานหลายๆ คนก็เริ่มให้ความการเคารพฉันในฐานะเลขาของคุณทศบ้างแล้วจากที่ตอนแรกดูจะตึง ๆ และไม่ชอบฉันอย่างเห็นได้ชัด "คุณดาวหลังจากที่ทีมการตลาดได้โฆษณาออกไปผลตอบรับของโครงการหมู่บ้านที่พัทยาเป็นยังบ้าง" คุณ "ดีมากเลยค่ะคุณทศตอนนี้ลูกค้ากำลังให้ความสนใจโครงการของเราเป็นอย่างมากแล้วก็มีสปอนเซอร์รายใหญ่ติดต่อมาหลายบริษัทเลยค่ะ" "งั้นก็ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ" ฉันก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม พอใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันฉันก็กดสั่งอาหารมาไว้ให้เขาตามปกติก่อนจะลงไปทานมื้อกลางวันของตัวเองที่โรงอาหาร โรงอาหาร ทุกคนนั่งทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนานมีทั้งเรื่องรถติดบ้าง ทะเลาะกับสามีบ้าง มีปัญหาหากับเพื่อนร่วมงานบ้าง "น้องดาวเย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ" "ก็ว่างนะคะพี่เจนพอดีดาวไม่ได้มีงานด่วนอะไรด้วย" งั้นน้องดาวไปกับพวกเราไหม" พี่เจนถาม "พวกพี่จะไปไหนกันหรอคะ"
"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์)"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห"คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เ
ฉันค่อย ๆ นั่งลงตามที่คุณทศสั่ง "คุณทศจะไม่กลับบริษัทหรอคะ" "ผมหิวข้าวน่ะ" ฉันตกใจรีบยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณทศมานานแล้ว "โอ้! จริงด้วย ดาวขอโทษนะคะที่ไม่ได้สั่งอาหารกลางวันมาให้คุณทศ" "เราอยู่กันที่ร้านอาหารนะไม่ใช่บริษัทถึงคุณจะสั่งอะไรมาให้ผมผมก็กินไม่ได้อยู่แล้วป่ะ" "ดาวขอโทษค่ะ" ฉันมัวแต่ลนจนทำขายหน้าคุณทศอีกแล้ว "อยู่กับผมคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรที่ไม่ได้ทำผิด เข้าใจไหม! ได้ยินทีไรล่ะรู้สึกหงุดหงิดทุกที" "ขอโท- " ฉันกำลังจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอีกครั้งแล้วแต่ก็เจอเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างดุๆ ก็เลยชะงักไปก่อน "เอ่อ~ รับทราบค่ะ" "แล้วนี่คุณไม่หิวหรือไง" คุณทศถาม "ดาวว่าจะกลับไปทานที่บริษัทค่ะ" "นี่มันจะบ่ายสองแล้วกว่าจะไปถึงบริษัทก็เกือบเลิกงานพอดี ผมทนหิวขนาดนั้รไม่ไหวหรอกนะ" คุณทศตอบแล้วยกมือเรียกให้พนักงานมารับออร์เดอร์ "คุณอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" คุณทศพูดแล้วลงไปดูเมนูอาหาร ฉันรับเมนูจากพนักงานมาเปิดดูก็ถึงกับอึ้งไปเลยไม่รู้ทำไมอาหารทุกอย่างมันถึงได้แพงขนาดนี้ ราคาอาหารต่อจานโหดแบบนี้ฉันสามารถใช้เป็น