08:00 น.
(วันสัมภาษณ์งาน) รถหรูสีดำขับเข้ามาจอดตรงหน้าประตูทางเข้าของบริษัท คนขับรถรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้เจ้านายของเขาจากนั้นก็มีพนักงานชายคนนึงของบริษัทรีบวิ่งออกมารับกระเป๋าและเอกสารของท่านประธานทันที "สวัสดีครับท่านประธาน" ชัชพูด ชัชหรือชัชวาลคนสนิทที่คอยทำงานทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ "งานสัมภาษณ์วันนี้เตรียมกล้องสำหรับส่งสัญญาณไปที่ห้องผมหรือยัง" ทศราชถาม ทศหรือทศราชประธานบริษัท KTK ผู้ชายที่เกิดมาเพอร์เฟคที่สุดหน้าตาหล่อเหลา การศึกษาดีอีกทั้งพ่อและแม่ของเขาเป็นถึงลูกหลานของครอบครัวนักธุรกิจใหญ่ทั้งคู่ "ผมเตรียมไว้หมดแล้วครับแต่ว่าท่านประธานครับ ทำไมท่านประธานไม่เข้าไปนั่งฟังสัมภาษณ์เองเลยละครับจะได้เห็นหน้าคาตาของคนที่จะมาทำงานด้วยกันจริงๆ ไปเลยมีอะไรสงสัยจะได้ถามเขาตรงนั้นเลย" ชัชถาม ทศราชหยุดฝีเท้าแล้วหันมามองหน้าชัชด้วยสายตานิ่งๆ ดูแล้วทำเอาชัชเสียวสันหลังวาบเลย "นายคิดว่าฉันว่างขนาดนั้นเลยหรอ...การที่ฉันจะทำงานกับใครฉันไม่สนว่าเขาจะหน้าตายังไงหรอกนะ และถ้าสมมุติว่าวันนี้ฉันไปนั่งดูการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง พวกเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะฉันมันจะเซ็นต์เองได้ไหมหรือว่านายจะไปนั่งเซ็นต์แทนฉัน" ทศราชถาม "ขอโทษครับท่านประทาน" ชัชรีบกล่าวขอโทษทันทีเพราะเขารู้สึกได้ว่าวันนี้ท่านแประธานของเขาดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาทำงานที่นี่มาระยะนึงแล้วแต่พึ่งจะได้มาทำงานกับทศราชแค่สองเดือนกว่าๆ ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี "เชิญครับ" ชัชผายมือบอกให้ทศราชเดินเข้าไปในลิฟท์ ลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์ส่วนตัวซึ่งจะแยกออกมาจากอีกฝั่งและจะใช้กันแค่เฉพาะกลุ่มผู้บริหาร หุ้นส่วนระดับสูงและแขกพิเศษเท่านั้นถ้าระดับพนักงานธรรมดาจะมีแค่ชัชกับป้าแม่บ้านสายใจเท่านั้นที่ใช้ได้ บริษัทนี้เน้นเรื่องระดับขั้นและความอาวุโสของอายุงานเป็นหลักไม่ว่าคุณจะอายุเยอะหรืออายุน้อยขอแค่คุณเป็นคนเก่งในที่นี้คุณจะได้รับการยกย่องอย่างแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าใครมีตำแหน่งใหญ่กว่าใครให้ดูที่บัตรพนักงานเพราะแต่ละตำแหน่งจะใช้สีบัตรต่างกัน ฟังดูเหมือนเป็นการแบ่งชนชั้นแต่นี่คือกฎที่มีมานานแล้วตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ห้องทำงานทศราช ทศราช Part ผมกำลังเปิดแฟ้มอ่านรายละเอียดเอกสารต่างๆ พร้อมกับเปิดจอนั่งฟังการสัมภาษณ์ที่มาสัมภาษณ์งานในวันนี้ทีละคน "คำตอบมีแต่ปลอมๆ" ทศราชพูดออกมาลอยๆ เพราะกำลังนั่งฟังคนที่ 1 สัมภาษณ์อยู่ "เล่นหูเล่นตาเกินไปแต่งตัวก็โป๊ไม่ให้เกียรติสถานที่เลย" ทศราชพูดหลังจากเห็นคนที่ 2 เดินเข้ามานั่งในห้องสัมภาษณ์ "ไม่มีความมั่นใจแบบนี้เนี่ยนะจะมาเป็นเลขาฉัน" ทศราชพูดหลังจากคนที่ 3 ตอบคำถามตะกุกตะกัก คนที่ 4 คนที่ 5 คนที่ 6 ผ่านไป ผ่านไปเป็น 10 คนแล้วก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจสักทีและดูเหมือนยิ่งฟังเขาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เพราะคิ้วของเขาแทบจะมัดติดกันอยู่แล้ว 2 ชั่วโมงผ่านไป เห้อ" ผมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดทั้งเอกสารทั้งคนที่มาสัมภาษณ์ทำเอาผมปวดหัวไปหมด ผมวางปากกาลงยกกาแฟขึ้นมาดื่มพร้อมกับนั่งอ่านเอกสารไปเรื่อยๆ ดูท่าสอบสัมภาษณ์วันนี้คงไม่มีที่ถูกใจแล้วละ ค่อยไปหวังเอากับคนที่นัดให้มาสัมภาษณ์พรุ่งนี้ดีกว่า "สวัสดีค่ะดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ" หลังจากได้ยินเสียงของใครคนนึงพูดขึ้นมามันทำเอาผมถึงกัยเงยหน้าขึ้นมามองมาที่จอทันทีเพราะรู้สึกคุ้นๆ กับนามสกุลนี้มาก "นามสกุลขจรวิทย์หรอ" ผมพูดเบาๆ "ถ้านามสุกลขจรวิทย์ทำไมถึงมาสมัครเป็นเลขาละเรา" ผมพูดแล้วจ้องไปที่หน้าจอ ผู้หญิงคนนี้ผมไม่คุ้นหน้าเลยเธอเป็นใครทำไมนามสกุลเดียวกับคุณอนุวัฒน์ผมคิดไม่ตกเลยถ้าเธอนามสกุลขจรวิทย์แสดงว่าเธอก็มีฐานะที่ร่ำรวยมากจะว่ามาทำงานเป็นเลขาผมเพื่ออะไรหรือว่าเพื่อสืบข้อมูลบริษัทผมหรอแต่ก็คงไม่ใช่เพราะผมกับคุณอนุวัฒน์เราไม่ได้เดินทางสายเดียวกันบริษัทของผมเทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่ดิน การสร้างตึก อาคาร รวมถึงโครงการหมู่บ้านต่างๆ แต่บริษัทของคุณอนุวัฒน์คือทำเกี่ยวกับจิลเวอร์รี่พวกเครื่องประดับเพชรพลอยอะไรประมาณนั้นผมจ้องไปที่หน้าจออีกครั้งอย่างและตั้งใจฟังกรรมการสัมภาษณ์นี้ของเธอมากๆ "ค่ะ สวัสดีค่ะคุณดวงดาวจบสาขาอะไรมาคะ" กรรมการถาม "ดาวจบจากคณะบริหารธุรกิจสาขาภาษาอังกฤษด้านการสื่อสารธุรกิจมหาวิทยาลัย xxx ค่ะ" เธอตอบ โอเคเลยน้ำเสียงหนักแน่นมีความมั่นใจสายตาไม่ล่อกแล่ก "แล้วเคยทำงานอะไรมาบ้างครับ" กรรมการถาม "ดาวทำงานครั้งแรกตอนอายุ 18 ค่ะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานบริการในผับและร้านอาหาร" เธอตอบ ผมถึงกับตาโตขึ้นมาทันทีระดับคุณหนูของบ้้านขจรวิทย์ไปทำงานแบบนั้นได้ไงว่ะ "...เอ่อ!...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะดาวหมายถึงงานเด็กเสิร์ฟ งานต้อนรับ งานปั๊ม งานแม่บ้านอะไรประมาณนี้อะค่ะ" เธอตอบ พอได้ฟังเธออธิบายก็เลยพอโล่งอกไปบ้างแต่ก็งงอยู่ดีว่าคุณอนุวัฒน์ยอมให้ลูกสาวไปทำงานในที่อโคจรจริงๆ ได้ไงหรือว่าเธอกำลังปลอมโปรไฟล์อยู่กันแน่ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาห้องสัมภาษณ์งานทันที "ค่ะห้องสัมภาษณ์ค่ะ" พนักงานพูด "ผมทศราชนะ คุณช่วยเอาโทรศัพท์ไปให้กรรมการคนไหนก็ได้ที" ผมพูด "ได้ค่ะท่านประธาน" เธอตอบ "สวัสดีครับ" กรรมการถามพูด "ผมทศราชนะ คุณช่วยถามเธอหน่อยว่าทำไมเธอถึงอยากมาทำงานกับผมและพยายามถามอะไรก็ได้ที่ดูเธอน่าจะลำบากใจที่จะตอบหน่อย" ผมพูด "ครับได้ครับ" พูดจบผมหน้าวางสายไป ในตอนที่คุยโทรศัพท์สายตาผมก็จ้องไปที่เธอตลอดเวลา ไม่รู้ทำไมแต่ผมสนใจเธอคนนี้เป็นพิเศษอาจจะเพราะด้วยฐานะที่ไม่ธรรมาดาของเธอก็ได้ ผมอยากรู้จริงๆ จุดประสงค์หลักของเธอคืออะไรกันแน่ "คุณดวงดาวครับ" กรรมการพูด "ค่ะ" เธอรีบตอบ "ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งนี้ละครับ" กรรมการถามเธอนิ่งไปพักนึงเหมือนกำลังคิดคำตอบ เงินค่ะ" เธอตอบ จากที่ผมนั่งทิ้งหลังกับหัวไว้บนเก้าอี้ ผมก็ดีดตัวขึ้นมานั่งไขว้ห้างเอาแขนเท้าบนโต๊ะทันที "เฮอะ! นี่เธอตอบอะไรของเธอเนี่ย...ลูกคุณหนูอย่างเธอยังต้องการเงินจากฉัรไปทำไมอีก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าน่าจะโกหก" ผมพูดเบาแล้วส่ายหัว "อะไรนะครับ" กรรมการถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ แน่สิผมเองยังไม่เชื่อเลย "ดาวเห็นจากประกาศว่ามีงานตำแหน่งนี้ว่างและให้เงินเดือนค่อนข้างสูงที่บ้านดาวต้องการใช้เงินจำนวนมากดาวเลยต้องมาสมัครงานในตำแหน่งนี้ค่ะ ดาวมั่นใจว่าความสามารถของดาวว่ามันคู่ควรกับเงินเดือนของที่นี่ ดาวไม่เคยทำงานในตำแหน่งสูงๆ แบบนี้มาก่อนแต่ดาวพร้อมที่จะเรียนรู้และฝึกฝนทุกอย่่างที่เลขาที่ดีควรจะทำค่ะ" เธอตอบ "คุณดวงดาวไม่คิดว่าคำตอบของคุณดวงดาวจะทำให้คุณไม่ผ่านหรอครับ การที่บอกว่าอยากได้งานนี้เพราะเงินมันเป็นอะไรที่เสี่ยงกับการถูกคัดออกมากนะครับ" กรรมการถาม "กลัวค่ะ ดาวกลัวแต่ดาวคิดว่าดาวอยากพูดความจริงมากกว่า ดาวไม่อยากมานั่งคิดคำพูดที่ดูสวยหรูเพราะดาวทำได้ไม่เก่งอย่างน้อยถ้าจะได้ร่วมงานกันดาวก็อย่างทำงานกับคนที่จริงใจกับดาวและดาวเองก็อยากจริงใจกับเพื่อนร่วมงานดังนั้นดาวเลยอยากพูดความจริงถึงแม้จะต้องถูกคัดออกก็พร้อมยอมรับมันค่ะ" เธอตอบออกมาอย่างจริงจังสายตาก็ดูน่าเชื่อถือ "งั้นคุณดวงดาวคิดว่าในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ทำไมบริษัทของเราถึงต้องเลือกคุณดวงดาวค่ะ คุณดวงดาวมีคุณสมบัติอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นหรอคะ" กรรมการคนที่ 1 ถาม "คุณไม่จำเป็นต้องเลือกดาวก็ได้ค่ะแต่ถ้าคุณให้โอกาสดาว ดาวสัญญาว่าดาวจะตั้งใจทำงานของดาวให้เกินกับเงินเดือนที่พวกคุณจ้างดาวแน่นอน ดาวเป็นคนหัวไวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายดาวพร้อมที่จะทำงานและเรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ดาวรู้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ดาวจะสู้เพื่อให้ได้มันมาและดาวจะเต็มที่กับมันเพื่อให้ตำแหน่งนี้อยู่กับดาวให้นานที่สุดค่ะ ถ้าถามถึงเรื่องคุณสมบัติพิเศษดาวเองก็ตอบได้ยาก ต้นทุนดาวต่ำกว่าหลายๆ คนมากแต่เรื่องสู้งานหรือความตั้งใจจริงดาวคิดว่าดาวก็ไม่แพ้ทุกคนเหมือนกัน" เธอตอบ ไม่รู้ว่าไปชอบใจอะไรกับคำตอบของเธอเพราะรู้ตัวอีกทีคือผมกำลังนั่งยิ้มและฟังเธอตอบกรรมการอย่างเพลินมาก เอาจริงคำตองของเธอไม่ได้ต่างจากคำตอบของคนก่อนๆ แต่ด้วยน้ำเสียงท่าทางและแววตามันดูจริงใจกว่าทุกคน มันเลยทำให้ผมประทับใจมากๆ อย่างน้อยผมก็จะเก็บเธอมาพิจารณาแน่นอนผมกดโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ "คุณชัช เข้ามาผมหน่อย" ผมพูดแล้ววางสายทันทีจากนั้นก็นั่งรอประมาณ 10 วินาที ที่มาเร็วเพราะโต๊ะทำงานของชัชอยู่หน้าประตูห้องทำงานของผมเอง ก๊อกๆๆ "เข้ามา" ผมพูด "ครับ ท่านประธานมีอะไรให้ผมทำเหรอครับ" ชัชถาม "ดวงดาว ขจรวิทย์...ช่วยไปหาข้อมูลมาให้ผมหน่อย" ผมมอบหมายงานสำคัญชิ้นใหม่ให้ชัชแม้ว่าเขาจะทำหน้างงแต่ก็ตอบรับคำสั่งผมด้วยการพยักหน้าทันที "เอาข้อมูลแบบไหนครับเดี๋ยวผมจะได้ลงไปขอกับทีมสัมภาษณ์มาให้" ชัชถาม "เอาข้อมูลทุกอย่างที่คุณหามาได้และต้องเป็นข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับใบสมัคร ไอ้ของพวกนั้นผมไม่อยากรู้" ผมตอบ "ได้ครับท่านประธาน" ชัชตอบ "คุณออกไปได้แล้วผมจะทำงาน" ผมพูดแล้วก้มหน้ามองเอกสารบนโต๊ะต่อ "งั้นผมขอตัวนะครับ" ชัชตอบแล้วเดินออกไป ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่วิวด้านด้านหลัง เผยรอยยิ้มที่มุมปาก 1 ที "ผมต้องรู้ให้ได้ว่าจุดประสงค์หลักที่คุณมาที่นี่มันคืออะไร"1 สัปดาห์ต่อมาฉัันยังคงมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คือการทำงานของฉันดูราบลื่นขึ้นมากและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อยๆ แถมพนักงานหลายๆ คนก็เริ่มให้ความการเคารพฉันในฐานะเลขาของคุณทศบ้างแล้วจากที่ตอนแรกดูจะตึงๆ และไม่ชอบฉันอย่างเห็นได้ชัด"คุณดาวหลังจากที่ทีมการตลาดได้โฆษณาออกไปผลตอบรับของโครงการหมู่บ้านที่พัทยาเป็นยังบ้าง" คุณทศถาม"ดีมากเลยค่ะคุณทศ ตอนนี้ลูกค้ากำลังให้ความสนใจโครงการของเราเป็นอย่างมากแล้วก็มีสปอนเซอร์รายใหญ่ติดต่อมาหลายบริษัทเลยค่ะ" "งั้นก็ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ" คุณทศพูดจบฉันก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม พอใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันฉันก็กดสั่งอาหารมาไว้ให้เขาตามปกติก่อนจะลงไปทานมื้อกลางวันของตัวเองที่โรงอาหารโรงอาหารทุกคนนั่งทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนานมีทั้งเรื่องรถติดบ้าง ทะเลาะกับสามีบ้าง มีปัญหาหากับเพื่อนร่วมงานบ้าง"น้องดาวเย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ" พี่เจนถามก็ว่างนะคะพี่เจน พอดีดาวไม่ได้มีงานด่วนอะไรด้วย" ฉันตอบงั้นน้องดาวไปกับพวกเราไหม" พี่เจนถาม"พวกพี
"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์)"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห"คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เ
ฉันค่อยๆ นั่งลงตามที่คุณทศสั่ง"คุณทศจะไม่กลับบริษัทหรอคะ" ฉันถาม"ผมหิวข้าวน่ะ" คุณทศตอบ ฉันตกใจรีบยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณทศมานานแล้ว"โอ้! จริงด้วย ดาวขอโทษนะคะที่ไม่ได้สั่งอาหารกลางวันมาให้คุณทศ" ฉันพูด"เราอยู่กันที่ร้านอาหารนะไม่ใช่บริษัท ถึงคุณจะสั่งอะไรมาให้ผมผมก็กินไม่ได้อยู่แล้วป่ะ" คุณทศตอบ"ดาวขอโทษค่ะ" ฉันมัวแต่ลนจนทำขายหน้าคุณทศอีกแล้ว"อยู่กับผม คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรที่ไม่ได้ทำผิด เข้าใจไหม! ได้ยินทีไรล่ะรู้สึกหงุดหงิดทุกที" คุณทศพูด"ขอโท- " ฉันกำลังจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอีกครั้งแล้วแต่ก็เจอเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างดุๆ ก็เลยชะงักไปก่อน"เอ่อ~...รับทราบค่ะ" ฉันตอบ"แล้วนี่คุณไม่หิวหรือไง" คุณทศถาม"ดาวว่าจะกลับไปทานที่บริษัทค่ะ" ฉันตอบ"นี่มันจะบ่ายสองแล้วกว่าจะไปถึงบริษัทก็เกือบเลิกงานพอดี ผมทนไม่ไหวหรอกนะ" คุณทศตอบแล้วยกมือเรียกให้พนักงานมารับออร์เดอร์"คุณอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" คุณทศพูดแล้วลงไปดูเมนูอาหาร ฉันรับเมนูจากพนักงานมาเปิดดูก็ถึงกับอึ้งไปเลย ไม่รู้ทำไมอาหารทุกอย่างมันถึงได้แพงขนาดนี้ ราคาอาหาร
ฉันกับคุณทศมาถึงร้านได้ประมาณ 30 นาที แล้ว ฉันนั่งอยู่ข้างๆคุณทศได้แต่เงียบไม่กล้าพูดอะไร คุณทศสั่งน้ำผมไม้มาให้ฉันระหว่างที่นั่งรออยู่ ฉันก็เห็นว่ามีผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเราเมื่อพวกเขาเดินมาถึงคุณทศกับฉันก็รีบยืนขึ้นทันที "สวัสดีค่ะคุณทศราชรอนานไหมคะ" คุณลดาถาม "สวัสดีครับคุณลดา คุณเอกภพ รอไม่นานเลยครับพวกเราเองก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญนั่งก่อนสิครับ" คุณทศพูดด้วยคำสุภาพน้ำเสียงทุ้มน่าฟังสุดๆ แต่เดี๋ยวนะรอไม่นานอะไรละนี่มันตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ"คุณลดากับคุณเอกภพสั่งอะไรก่อนดีไหมครับ" "ไม่ดีกว่าครับพวกเราทานมาแล้ว" "เอ่อ! นี่คือคุณดวงดาวเลขาของผมครับ" ฉันรีบก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพและกล่าวแนะนำตัวอย่างมีมารยาท "งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ" พอคุณทศเริ่มพูดฉันก็หยิบแผนโครงการออกมาส่งให้คุณลดากับคุณเอกภพทันที "โครงการนี้คาดว่าจะเปิดพร้อมเข้าอาศัยประมาณสิ้นปีนี้ครับ จะมีบ้านทั้งโครงการทั้งหมด 25 หลังใหญ่ 10 หลังและบ้านขนาดกลาง 15 หลังครับ ทางเราคาดการงบของโครงการประมาณไว้ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาทครับ ตอนนี้จากการคำนวณของทางบริษัทบ้านหลังใหญ่เราจะได้กำไร
ฉันมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็กำลังนั่งคุณทศอยู่ที่ล็อบบี้ ฉันคิดมาตลอดทางว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณชัชเคยทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผิดต่อความตั้งใจของเขา พอรถของคุณทศมาจอดที่ประตูหน้าบริษัทฉันก็รีบเดินไปรอรับเขา ตอนแรกฉันกะว่าจะช่วยเปิดประตูรถให้แต่ก็เข้าไปไม่ทันพี่รปภ.ที่ยืนรออยู่ ฉันเลยได้แต่ยืนมองดูด้วยความเสียดาย ทันทีที่คุณทศลงจากรถฉันก็ยื่นมืือไปขอกระเป๋าและเอกสารในมือเขาทันที คุณทศมองหน้าฉันแปปนึงก่อนที่จะส่งของทั้งหมดมาให้ ฉันรับมันแล้วเดินตามหลังคุณทศไปติดๆ ฉันเห็นคุณทศเหล่มองมาที่ฉันหลายครั้งสงสัยคงยังไม่ชินละมั้ง พอประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็รีบเดินตามเข้าไปจนเผลอชนเข้ากับหลังของเขาจังๆ "ขอโทษค่ะ" ฉันพูดแล้วรีบถอยตัวหนีทันที"เอกสารที่ให้เตรียมพร้อมหรือยัง" คุณทศถาม"เรียบร้อยแล้วค่ะ" ฉันตอบ ฉันพูดจบคุณทศเดินออกไปเลย เขาเป็นคนที่เดินเร็วมากไม่รู้ว่าเป็นเพราะขายาวด้วยหรือเปล่าทำเอาฉันที่สับแทบตายก็ยังตามไม่ทันบวกกับมีรองเท้าส้นสูงด้วยแล้วนี่ยิ่งไปกันใหญ่"เดี๋ยวคุณเข้าไปคุยกับผมในห้องด้วยนะ" คุณทศพูดแล้วเปิดประตูเข้าไปห้อง ฉันวางของของคุณทศลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเดินอ้อมไป
หลังจากเลิกงานฉันก็ออกมานั่งรอแท็กซี่อยู่ที่หน้าบริษัท"ไปไหนครับ" พี่คนขับถาม"ไปตลาดคุ้มฟ้าค่ะ" ฉันตอบ "ได้ครับ" เค้าตอบฉันแล้วกดมิเตอร์ทันที พอมาถึงตลาดฉันก็รีบหยิบเงินส่งให้พี่คนขับแล้วลงจากรถเพื่อไปหาแม่กับป้าน้อยในตลาด ปกติหนึ่งวันของบ้านเราช่วงเช้้าแม่กับป้าน้อยจะทำขนมออกมาขายด้วยกัน พอสายๆ หน่อยคนเริ่มซาแล้วป้าน้อยก็จะเดินไปซื้อพวกของสดในตลาดเพื่อมาเตรียมไว้ทำพวกข้าวแกงมาขายตอนเย็น โชคดีที่ตลาดที่นี่ติดกับโรงงาน โรงเรียน วัดและก็ศาลเจ้าเลยทำให้มีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นวันพระพวกเราก็จะทำขนมและกับข้าวถุงมาแต่เช้าเลย ถึงอย่างนั้นก็ยังขายหมดเร็วมาก ส่วนตอนเย็นก็จะเน้นขายไปที่พนักงานโรงงานที่เลิกค่ำๆ หน่อยเพราะตลาดคุ้มฟ้าของเราจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ครึ่งถึง 3 ทุ่มเลย ฉันเดินเข้าที่แผงของเราก็เห็นคนกำลังมาต่อคิวซื้อกับข้าวของเราเต็มเลย แม่ฉันจะคอยหยิบกับข้าวใส่ถุง รับเงินทอนเงินส่วนป้าน้อยก็ตักกับข้าวใส่ถุงมัดยางวางใส่ถาดไว้ให้แม่ ตอนนี้ทั้งสองคนดูยุ่งมากเลยฉันก็เลยรีบเข้าไปช่วยทันที"มาเลยจ้าๆ อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ" ฉันพูดพร้อมกับเอากระเป๋าไปวางไว้ข้างหลังแผง "อ้าว เล